(ยะฮยูด มัฮยูด) : ภาษามลายูตามชาวบ้านเรียกว่า "jumakjuk"
"เรามาศึกษาอาไรบางอย่างที่จะเกิดขึ้นอีกไม่นานในอนาคตอย่างแน่นอน" บางคนเข้าใจว่า "ดาฉาล&ยะฮยูด มะยูด คือมารเดี่ยวกัน แต่ความจริงมาร 2 ตัวนี้คนละคน หากเราพูดเรื่อง ยะฮยูดมะยูด" เราต้องพูดถึง ซุรก็อรนัย ด้วย และหนังสือเกี่ยวกับยะฮยูดมะฮยูดเป็นที่ยากสำหรับจะหาซื้อในปัจจุบันแม้แต่ภาษาอาหรับ
ยะฮยูดมะยูดมีเกิดขึ้นในช่วงนบีอีซา(อล) (นบีอีซา คือบุคคลเดียวกันกับ พระเยซู ศาสดาของศาสนาคริสต์ แต่ในคติของศาสนาอิสลาม ถือเป็นเพียงศาสนทูตท่านหนึ่งของอัลลอฮ์) ระหว่างนบีมูฮัมหมด(ซล) ยะฮยุดฯเหมือนมนุษย์ทั่วไปมีนิสัยไม่ต่างกับดัจฉาลที่ชอบสร้างฟิตนะห์ ยะฮยูดฯมีรูปร่าง จมูกบานตาของมันจะแคบมีผมหงอกและใบหน้าจะเป็นสี่เหลี่ยม
วันหนึ่งกษัติ ซูรก็อตนัย ได้เดินทางไปยังหุบเขาแห่งหนึ่ง สถานที่นั้นเป็นภูเขา 2 ลูก และมีชนเผ่าอาศัยอยู่คนละฝั่งเมื่อ ซุรก็อตนัย ไปถึงได้พบระหว่าง 2 เผ่านี้กำลังทะเลาะ มีลักษณะพูดไม่รู้เรื่อง
ในขณะนั้นมีชาวบ้านเดินมาขอช่วยเหลือให้ ซุรก็อดนัย ช่วยจัดการกับยะฮยูดฯ เพราะพวกมันชอบสร้างฟิตนะห์ในหมู่ชาวบ้าน หากซุรก็อตนัย ได้ทำตามที่ชาวบ้านร้องขอไว้ ชาวบ้านยินดีที่จะทรงมอบเครื่องบรรณาธิการให้กับซุรก็อตนัยทุก ๆ ปี.
หมายเหตุ
"เรามาศึกษาอาไรบางอย่างที่จะเกิดขึ้นอีกไม่นานในอนาคตอย่างแน่นอน" บางคนเข้าใจว่า "ดาฉาล&ยะฮยูด มะยูด คือมารเดี่ยวกัน แต่ความจริงมาร 2 ตัวนี้คนละคน หากเราพูดเรื่อง ยะฮยูดมะยูด" เราต้องพูดถึง ซุรก็อรนัย ด้วย และหนังสือเกี่ยวกับยะฮยูดมะฮยูดเป็นที่ยากสำหรับจะหาซื้อในปัจจุบันแม้แต่ภาษาอาหรับ
ยะฮยูดมะยูดมีเกิดขึ้นในช่วงนบีอีซา(อล) (นบีอีซา คือบุคคลเดียวกันกับ พระเยซู ศาสดาของศาสนาคริสต์ แต่ในคติของศาสนาอิสลาม ถือเป็นเพียงศาสนทูตท่านหนึ่งของอัลลอฮ์) ระหว่างนบีมูฮัมหมด(ซล) ยะฮยุดฯเหมือนมนุษย์ทั่วไปมีนิสัยไม่ต่างกับดัจฉาลที่ชอบสร้างฟิตนะห์ ยะฮยูดฯมีรูปร่าง จมูกบานตาของมันจะแคบมีผมหงอกและใบหน้าจะเป็นสี่เหลี่ยม
วันหนึ่งกษัติ ซูรก็อตนัย ได้เดินทางไปยังหุบเขาแห่งหนึ่ง สถานที่นั้นเป็นภูเขา 2 ลูก และมีชนเผ่าอาศัยอยู่คนละฝั่งเมื่อ ซุรก็อตนัย ไปถึงได้พบระหว่าง 2 เผ่านี้กำลังทะเลาะ มีลักษณะพูดไม่รู้เรื่อง
ในขณะนั้นมีชาวบ้านเดินมาขอช่วยเหลือให้ ซุรก็อดนัย ช่วยจัดการกับยะฮยูดฯ เพราะพวกมันชอบสร้างฟิตนะห์ในหมู่ชาวบ้าน หากซุรก็อตนัย ได้ทำตามที่ชาวบ้านร้องขอไว้ ชาวบ้านยินดีที่จะทรงมอบเครื่องบรรณาธิการให้กับซุรก็อตนัยทุก ๆ ปี.
แต่ด้วยความเมตาของซุรก็อตนัย ได้ปฎิเสธรางวัลที่ชาวบ้านจะมอบให้ แต่ต้องการแรงงานของชาวบ้านที่จะสร้างกำแพงกั้น.ซุรก็อตนัย ได้สร้างกำแพงหนาระหว่าง 2 ฝั่งแต่ยังไม่พอ ซุรก็อตนัย ได้สร้างห้องใต้ดินเพื่อคุมขังยะฮยูด วีธีการสร้างกำแพงและห้องใต้ดิน ซูรก็อตนัย ทำด้วยเหล็ก
เมื่อเสร็จสิ้นได้เอาทองแดงมาเผ่าให้ร้อน แล้วมาราดที่พื้นกับกำแพงอีกครั้ง จากนั้นมายะฮยูดฯไม่สามารถออกมาได้จนถึงปัจจุบัน ยะฮยูดพยายามทุกวี่วันในการขุดเพื่อออกจากที่คุมขัง แต่สักวันหนึ่งอัลลอฮจะอนุญาติให้มันออกมาได้สำเร็จ
ยะฮยูด ฯ จะมาปรากฎตัวในโลกอีกครั้ง หลังจากที่ดาฉาลถูกนบีอีซาฆ่าตาย มนุษย์ทุกจะสบายใจคิดว่าคงไม่มีเรื่องโหดร้ายอีกแล้ว แต่ระหว่างนั้นยะฮยูดฯจะมาปรากฎพร้อม ๆ ลูกหลานของมันเป็นพัน ๆ
ให้เราเห็น มันจะโผล่ออกมาทั่วทุกสรทิศโลก มันจะทำลายบ้านเรือนผู้คนจนพินาศสิ้น เจอบ่อน้ำที่ผ่านมันจะดื่มน้ำจนหมดเกลี่ยง มันจะดื่มน้ำในทะเลทราบแห่งหนึ่งเป็นครั้งแรก ในระหว่างการเดินทางไปตรุกี
แม้กระทั่งนบีอีซาก็ไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ เพียงแต่สามารถต่อสู้กับมันได้ และกองทัพของนบีซาจะอยู่บนภูเขาตูร แต่ไม่สามารถจะลงมาได้ เพราะยะยูดฯได้ปิดล้อมภูเขาตูรไปทั่วประมาน 3 เดีอน ในช่วงนั้นทุกคนจะพบกับความหิวโหย จนกระทั่งต้องกินเนื้อวัวจนหมด นบีอีซาได้ละหมาดฮาญาตและดุอาร์ หลายต่อหลายครั้งมาก เพื่อให้อัลลอฮฆ่ายะยูดฯ ด้วยความเมตตาของพระองค์ ๆ ทรงให้หนอนออกจากกะโหลกของวัวที่ถูกรับประทานบนนั้น และหนอนได้ไปกัดยะฮยูดฯ เพียงตัวเดี่ยว
เมื่อเสร็จสิ้นได้เอาทองแดงมาเผ่าให้ร้อน แล้วมาราดที่พื้นกับกำแพงอีกครั้ง จากนั้นมายะฮยูดฯไม่สามารถออกมาได้จนถึงปัจจุบัน ยะฮยูดพยายามทุกวี่วันในการขุดเพื่อออกจากที่คุมขัง แต่สักวันหนึ่งอัลลอฮจะอนุญาติให้มันออกมาได้สำเร็จ
ยะฮยูด ฯ จะมาปรากฎตัวในโลกอีกครั้ง หลังจากที่ดาฉาลถูกนบีอีซาฆ่าตาย มนุษย์ทุกจะสบายใจคิดว่าคงไม่มีเรื่องโหดร้ายอีกแล้ว แต่ระหว่างนั้นยะฮยูดฯจะมาปรากฎพร้อม ๆ ลูกหลานของมันเป็นพัน ๆ
แม้กระทั่งนบีอีซาก็ไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ เพียงแต่สามารถต่อสู้กับมันได้ และกองทัพของนบีซาจะอยู่บนภูเขาตูร แต่ไม่สามารถจะลงมาได้ เพราะยะยูดฯได้ปิดล้อมภูเขาตูรไปทั่วประมาน 3 เดีอน ในช่วงนั้นทุกคนจะพบกับความหิวโหย จนกระทั่งต้องกินเนื้อวัวจนหมด นบีอีซาได้ละหมาดฮาญาตและดุอาร์ หลายต่อหลายครั้งมาก เพื่อให้อัลลอฮฆ่ายะยูดฯ ด้วยความเมตตาของพระองค์ ๆ ทรงให้หนอนออกจากกะโหลกของวัวที่ถูกรับประทานบนนั้น และหนอนได้ไปกัดยะฮยูดฯ เพียงตัวเดี่ยว
ในวันรุ่งขึ้นปรากฎว่ายะฮยูดตายไปหมดสิ้น หลังจากนั้นโลกใบนี้จะเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็ดจากศพของพวกมัน ไม่มีใครสามารถทนกลิ่นของมันได้ ถึงกับว่ามนุษย์ทุกคนไม่อยากอยู่บนโลกนี้ต่อไป นบีอีซาได้ละหมาดฮาญาตขอดุอาร์จากอัลลอฮ ช่วยดับกลิ่นศพยะฮยูด พระองค์ก็ทรงเมตาชำระพื้นแผ่นดินให้สะอาดอีกครั้ง โดยน้ำจะท่วมโลกจนไม่เหลืออะไร (เพียงแต่ผู้ศรัทธาเท่านั้นที่จะรอด)น้ำท่วมครั้งนั้นมันคือสัญญาณใหญ่ๆก่อนวันเกียมัติ(สิ้นโลก)
ยะฮฺยูด และมะฮฺยูด คือประชาชาติหรือกลุ่มชนหนึ่ง ที่พระเจ้าได้กล่าวไว้ในคัมภีร์อัลกุรอ่าน
ว่าเป็นกลุ่มชนหนึ่งที่ถูกในหุบเขาแห่งหนึ่ง ณ.บนโลกนี้ ซึ่งถูกกษัตริย์ที่มีนามว่า ซุลก็อรนัย ได้ขังพวกเข้าไว้ โดยการสร้างกำแพงเหล็กที่ผสมกับทองแดง กั้นระหว่างหุบเขาสองลูก ด้วยการกำหนดของพระเจ้า พวกเขาจะไม่สามารถที่จะพังกำแพงออกมาได้ และพระเจ้าก็บอกต่อว่า เมื่อสัญญาของอัลลอฮฺมาถึง กำแพงนี้ก็จะพังทลายลง และพวกเขาก็จะลงกันมาอย่างมากมาย ซึ่งกำแพงนี้จะพังเมื่อใกล้กับวันสิ้นโลกหรือพูดได้อีกอย่างว่า การออกมาของยะฮยูดและมะฮฺยูดเป็นสัญญาณหนึ่งของสัญญาณวันสิ้นโลก.......................
ปล. ในอดีตมีรายงานว่า กำแพงที่กั้นกลุ่มชนนี้ อยู่ที่เทือกเขาคอเคซัส แถว ๆ ประเทศจอร์เจีย
ปล. ในอดีตมีรายงานว่า กำแพงที่กั้นกลุ่มชนนี้ อยู่ที่เทือกเขาคอเคซัส แถว ๆ ประเทศจอร์เจีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น