แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ โจรอันกูละเบื่อ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ โจรอันกูละเบื่อ แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

PerMAS กับวันสิทธิมนุษยชนสากล..... ........บนความเอนเอียงของผลประโยชน์



           เมื่อ 10 ธันวาคม 2558 ซึ่งตรงกับวันสิทธิมนุษยชนสากล international human rights day สหพันธ์นิสิตนักศึกษาเยาวชนนักเรียนปาตานี PerMAS ได้เข้าพบตัวแทนจากองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย United Nations Thailand เพื่อขอความร่วมมือให้ชุมชนระหว่างประเทศผลักดันให้ประชาชนปาตานีเข้าถึงสิทธิทางการเมืองและให้เกิดกลไกการตรวจสอบร่วมเพื่อปกป้องพลเมืองปาตานีในกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงและกรณีการกระทำผิดหลักกติกาสงครามตามข้อตกลงตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ international humanitarian law

          วันที่ 13 ธันวาคม 2558 กลุ่มโจรใต้ฟาตอนีได้ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 10 กิโลกรัม ไปฝังไว้ในหลุมฝังศพมารดาของ อส.ทพ.ซัยค์ เจ๊ะดอมะ สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ซึ่งได้ทำพิธีอ่านคัมภีร์อัลกรุอาน และขอดูอาร์ให้แก่มารดาที่เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ และคนร้ายได้กดชนวนระเบิดในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้ อส.ทพ.ซัยค์ เจ๊ะดอมะ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และนายอาซิ เจ๊ะดอมะ อายุ 63 ปี ผู้เป็นพ่อได้รับบาดเจ็บ


            น่าเศร้าใจ และหดหู่ใจเป็นอย่างมากกับการกระทำของกลุ่มโจรใต้ฟาตอนีในครั้งนี้ แต่ที่น่าผิดหวังยิ่งกว่านั้นคือ ความคาดหวังว่าจะมีกลุ่มองค์กรนักศึกษา กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ออกมาประณามการก่อเหตุที่ป่าเถื่อน ไร้ซึ่งความปราณี ขาดความยั้งคิดเหมือนคนไม่มีศาสนา


           ขณะเดียวกันกลุ่มนักศึกษา PerMAS กลับไปพบ UN เพื่อขอความร่วมมือให้ชุมชนระหว่างประเทศผลักดันให้ประชาชนปาตานีเข้าถึงสิทธิทางการเมืองและให้เกิดกลไกการตรวจสอบร่วมเพื่อปกป้องพลเมืองปาตานีในกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง แต่
ไม่เคยแยแสกรณีการเสียชีวิตของประชาชนบริสุทธิ์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกระทำจากโจรใต้ฟาตอนี กลับมุ่งเรียกร้องผลประโยชน์ของกลุ่มตน

          อีกทั้งหากินบนความตายของประชาชน หาช่องความผิดพลาดจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐนำไปขยายผลให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต โดยการเขียนข่าวสาดสีตีไข่เข้าไปให้ดูเป็นเรื่องสำคัญเพื่อสื่อไปยังองค์กรระหว่างประเทศ อย่างเช่นการเสียชีวิตของ นายอับดุลลายิ ดอเลาะ ภายในค่ายทหาร หน่วยงานภาครัฐเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนรวมทั้งครอบครัวทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่กลุ่มนักศึกษา PerMAS กลับนำไปขยายความทำการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ


           สงสัยเหลือเกินว่า อส.ทพ.ซัยค์ เจ๊ดอมะ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติตนเป็นคนดีกระทำในสิ่งที่ถูกต้องมีค่าความเป็นมนุษย์ ต่างจาก นายอับดุลลายิ ดอเลาะ ซึ่งเป็นสมาชิกแนวร่วมขบวนการโจรใต้ตรงไหน?...กลุ่มนักศึกษา PerMAS และกลุ่มองค์กรต่างๆ จึงให้ความสำคัญกว่ามีใครช่วยตอบให้กระจ่างแจ้งได้ไหมครับ


           หรือว่า กลุ่มนักศึกษา PerMAS และองค์กรภาคประชาสังคมต่างๆ ให้ความสำคัญกับการเรียกร้องสิทธิการกำหนดใจตนเองเพื่อแยกตัวเป็นเอกราชจากรัฐบาลไทยเพียงอย่างเดียว อีกทั้งคอยแสวงประโยชน์เก็บเกี่ยวความตายของสมาชิกโจรใต้ในการร้องเรียกเอกราช 


          แต่กับผู้บริสุทธิ์ไม่เคยใส่ใจจะออกมาเรียกร้องใด ๆ เลยเพราะไม่มีผลประโยชน์ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แสดงว่าบรรดาองค์กรภาคประชาสังคม กลุ่มสิทธิมนุษยชน องค์กรนักศึกษา ไม่มีความเป็น “คน” 
           เพราะตีค่าความเป็นคนเป็นเรื่องของผลประโยชน์!!!...ไม่ให้ความสำคัญในเรื่องมนุษยธรรมตามที่กลุ่ม และองค์กรนักศึกษาโจรใต้แอบอ้างมาโดยตลอดแต่อย่างใดเลย...

Cr.เพจลมหายใจปลายด้าขวาน

วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2558

มาเลเซีย หนุนโจรใต้ สุดท้าย ก็เจอชาติอื่นหนุนโจรแบ่งแยกดินแดนมาเลเซีย เหมือนกัน



         ปัญหาของรัฐบาลมาเลเซีย ในการต่อสู้กับกลุ่มมุสลิมผู้อ้างความเป็นเจ้าของจังหวัดซาบาห์ในมาเลเซีย เป็นปัญหาใหญ่ไม่แพ้ปัญหาของรัฐบาลไทยต่อการจัดการกับปัญหาใน 3จังหวัดภาคใต้ของไทยหรอกครับ

        เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียใช้กองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปราบปรามอย่างรุนแรง ภายหลังกลุ่มมุสลิมในซาบาห์ซึ่งใช้กำลังพลราวกว่า 100 คน ยึดครองหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในลาฮัด ดูตู ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของซาบาห์ แล้วก็เกิดการปะทะกันอย่างหนัก ในที่สุดการต่อสู้ก็จบลง โดยฝ่ายตำรวจของมาเลเซียเสียชีวิต 2 คน กลุ่มมุสลิมผู้ก่อการกลุ่มนี้เสียชีวิต 12 คน

       ประธานาธิบดีเบนิโน อาควิโน แห่งฟิลลิปปินส์ ออกมาเรียกร้องให้กลุ่มมุสลิมซาบาห์ ยอมจำนน อย่างปราศจากเงื่อนไข

ถามว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับฟิลิปปินส์ !
            เกี่ยวข้องครับ เพราะมุสลิมกลุ่มนี้ มีแกนนำที่อยู่ในฟิลิปปินส์ ตั้งหลักปักฐานอยู่ในเกาะซูลู แต่อ้างว่า ตัวเองเป็นเจ้าของจังหวัดซาบาห์มาแต่โบราณกาล ดังนั้น จึงต้องการเรียกร้องดินแดนของมาเลเซียแห่งนี้คืน

         การเรียกร้องดังกล่าวนี้ มิได้เพิ่งเริ่มต้นกันในวันสองวันนี้ หากแต่เริ่มต้นมานานแล้วครับ เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสำหรับรัฐบาลมาเลเซียมาตลอด เนื่องจากเมื่อใช้กองกำลังลงมือปราบปรามอย่างหนัก ผู้ก่อการกลุ่มนี้ ก็หลบไปอยู่ในพื้นที่ของฟิลิปปินส์ ดั่งที่บอกแหละครับ กองบัญชาการใหญ่อยู่ในซูลูของฟิลิปปินส์

        ไม่แตกต่างกับในประเทศไทย ที่ผู้ก่อการใน 3 จังหวัดภาคใต้ อาศัยพื้นที่ของมาเลเซีย เป็นศูนย์กลางบัญชาการ ดังนั้น รัฐบาลไทย จึงปราบปรามไม่หมดไงครับ

        กลุ่มผู้เป็นแกนนำในการเรียกร้องเอกราชของจังหวัดซาบาห์ ของมาเลเซีย คือ สุลต่านแห่งซูลู จามิลอัล กิแรมที่ 3

        ก่อนหน้าที่อังกฤษจะเข้ายึดครองพื้นที่แถบนี้ สุลต่านแห่งซูลู ครอบครองพื้นที่ในหมู่เกาะหลายหมู่เกาะที่อยู่ในฟิลิปปินส์และมาเลเซียปัจจุบัน

จังหวัดซาบาห์ ก็เคยเป็นหนึ่งในอาณาจักรของสุลต่านแห่งซูลู

       ครั้นเมื่ออังกฤษคืนพื้นที่แถบนี้ อังกฤษก็ตัดแบ่งซาบาห์ เป็นหนึ่งในจังหวัดของมาเลเซีย ส่วนซูลูก็อยู่ในประเทศฟิลิปปินส์

       กลุ่มมุสลิมที่ก่อการกลุ่มนี้ จึงเคลื่อนไหวแบบข้ามไป ข้ามมา ระหว่างมาเลเซีย และฟิลิปปินส์ไงครับ

ข้อเท็จจริง เป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่สุลต่านซูลู อ้างว่า จังหวัดซาบาห์ นั้นเป็นของตน และอังกฤษให้มาเลเซียจ่ายค่าเช่าพื้นที่จังหวัดซาบาห์ ให้กับตัวเองมาโดยตลอด

แต่มาเลเซียปฏิเสธเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง

        การสู้รบโดยใช้รูปแบบกองโจรจึงเกิดขึ้น ทั้งในซาบาห์ หมู่เกาะใกล้เคียงทั้งที่เป็นของมาเลเซียและฟิลิปปินส์ เป็นที่น่าปวดเศียรเวียนเกล้าทั้งรัฐบาลมาเลเซียและฟิลิปปินส์

แตกต่างกับไทยไหมครับ !

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เสียงสะท้อนครู3จว.ใต้ผ่าน‘ทุ่งยางแดงโมเดล’


เสียงสะท้อนประธานสมาพันธ์ครู 3 จว.ใต้ ผ่าน‘ทุ่งยางแดงโมเดล’  
สมชาย สามารถรายงาน

           เหตุการณ์ผู้ก่อความไม่สงบกว่า 40 คนกระจายกำลังบุกเผาโรงเรียน 6 แห่งในปัตตานีในช่วงกลางดึกวันที่ 13 ตุลาคม สร้างความหวาดกลัวให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยสิ่งที่เกิดขึ้นหน่วยความมั่นคงแจ้งว่า การก่อเหตุดังกล่าวเป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐที่วิสามัญฆาตกรรมแกนนำคนสำคัญเสียชีวิต แต่ที่สิ่งสำคัญที่หลายฝ่ายกังวลคือระบบการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ควรจะบูรณาการให้เกิดความรัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระบบเตือนภัยต่างๆ เมื่อเกิดเหตุร้าย

           ด้วยเหตุผลนี้ รัฐบาล พร้อมกองทัพ และหน่วยมั่นคงจะมีแนวความคิดนำยุทธศาสตร์ "ทุ่งยางโมเดล" มาฟื้นฟูบังคับใช้ โดยจะติดตั้งระบบแจ้งสัญญาณเตือนภัยแบบรีโมทในทุกโรงเรียนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งจัดตั้งชุดอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนหมู่บ้าน (อปพร.) ขึ้นมาดูแล ส่วนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ทำหน้าที่ดูแลโรงเรียน และมอบหมายให้ชุดคุ้มครองตำบลทำหน้าที่ดูแลเส้นทางหมู่บ้านทุกแห่ง

            ทั้งนี้ “ทุ่งยางแดงโมเดล” จะมีความสำเร็จมากน้อยเพียงใด "บุญสม ทองศรีพราย" ในฐานะประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางในยุทธศาสตร์ทุ่งยางแดงโมเดลไว้อย่างน่าสนใจว่า ต้องขอบคุณฝ่ายทหาร ตำรวจ ปกครอง ที่จะช่วยดูแลชีวิตครูให้มีความปลอดภัยในชีวิตมากขึ้น แต่ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า หากจะทำอะไรในเวลาที่รวดเร็วและจะให้ประสบความสำเร็จกับประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานคงต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะพื้นฐานของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มันเหมือนกับคลื่นที่ขึ้นๆ ลงๆ

           "ผมไม่อยากจะเชื่อว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปล้นปืนในปี 2547 จนถึงวันนี้ปัญหาภาคใต้ยืดเยื้อยาวนาน วันนี้มีเพื่อนครูต้องสังเวยชีวิตไปถึง 178 รายเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก แต่ก็รู้สึกดีใจที่เห็นทุกฝ่ายตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ผบ.ทบ. แม่ทัพภาคที่ 4 ศอ.บต. ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และฝ่ายการศึกษาของเราเอง กำหนดทุ่งยางแดงโมเดลขึ้นมาดูแลโรงเรียนและนักเรียนใหปลอดภัย”

           ส่วนความสำคัญของยุทธศาสตร์ของ "ทุ่งยางแดงโมเดล" นั้น นายบุญสม มองว่า ที่ผ่านมาแม้การทำงานของเจ้าหน้าที่จะผิดบ้าง ถูกบ้าง แต่ทุกฝ่ายต่างวางเป้าหมายอย่างชัดเจน คือ ครู นักเรียน และโรงเรียนต้องปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยหัวใจหลักของทุ่งยางแดงโมเดลสิ่งแรกคือ เรื่องเครื่องเตือนภัย

         "ถามว่าเรื่องนี้เคยมีมาในอดีตหรือไม่ ต้องบอกว่า ถ้าจำไม่ผิด ในอดีตเคยมีมาแล้ว โดยทุกฝ่ายพยายามทำให้เป็นรูปธรรม แต่ปรากฏว่า มาตรฐานในเรื่องเครื่องมือ หรืออุปกรณ์เตือนภัยของแต่ละหน่วยงานที่จัดซื้อมีมาตรฐานไม่เหมือนกัน ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานไม่เกิดขึ้น เช่น เสียงดังไม่เหมือนกัน บางเครื่องดังเหมือนเสียงนกหวีด หรือแม้กระทั่งได้รับเครื่องเตือนภัยไม่ครบ บางแห่งได้รับ บางแห่งไม่ได้รับ ไม่ครอบคลุม เพราะต้องอย่าลืมว่า ข้อมูลข่าวสารทุกเรื่อง ฝ่ายตรงข้ามเขารู้หมด เพราะเขาไม่ได้มาศึกษาแค่วันเดียวแล้วลงมือปฏิบัติการ ฉะนั้นโรงเรียนไหนที่ไม่ได้รับ เขาจะลงมือกับโรงเรียนนั้นทันที ดังนั้นจึงอยากฝากว่า เครื่องมือจะต้องทันสมัย ในเมื่อจะทำ ต้องทำให้ดี ผมไม่ขัดข้อง และไม่ขัดแย้ง อุปกรณ์ต้องได้ครอบคลุม และอย่าใช้เวลาในการพิจารณานานนัก”

          ไม่เพียงเท่านี้ ประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังได้แจกแจงถึงรายละเอียดปลีกย่อยหากหวังจะให้ทุ่งยางโมเดลถึงฝั่งฝันว่า เจ้าหน้าที่ต้องออกแบบว่า เมื่อมีเครื่องมือเตือนภัย การทำงานจะทำกันอย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับครู นักเรียน และโรงเรียน กล่าวคือ เมื่อมีสัญญาณเตือนภัยเกิดขึ้น แสดงว่า ต้องมีเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ต้องรีบจู่โจมเข้ามาช่วยเหลือในทันที ไม่ใช่เมื่อเกิดเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น ทุกคนต้องวิ่งหนี อยากจะฝากเรื่องนี้ไว้ เพราะที่ผ่านมาเราเคยมีเครื่องมือ แต่ล้มเหลวในการดำเนินการ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในเรื่องนี้ ซึ่งผมจะไม่ขอพูดในรายละเอียด แต่ด้วยความหวังดีต่อแผ่นดิน และอยากให้เข้าใจ เพราะส่วนตัวได้ต่อสู้มากว่า 11 ปีแล้ว

          เมื่อกล่าวถึงความสำเร็จในการป้องกันเหตุเพื่อให้สัมฤทธิ์ผล นายบุญสม มองว่า ในทางปฏิบัติ "ชุดจู่โจม" มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากใครนึกภาพไม่ออกขอให้ย้อนไปในวันที่ครูจูหลิง ปงกันมูล ถูกทำร้ายเสียชีวิต สาเหตุที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ต้องการรื้อฟื้นอดีต เพราะหากวันนั้นมีชุดจู่โจมเข้าไปช่วยเหลือตัวประกันได้ทัน เชื่อว่า เราจะไม่สูญเสียมากถึงขนาดนี้

         "วันนี้กองทัพภาค 4 คิดจะให้มีชุดจู่โจมขึ้นมา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่การดำเนินการ โดยเฉพาะการจัดวางกำลังของชุดเคลื่อนที่เร็ว หรือชุดจู่โจมมันอยู่ตรงไหน ตรงนี้สำคัญ เพราะต้องเชื่อมโยงกับข้อมูลข่าวสาร เราต้องรู้ว่า ฝ่ายตรงข้ามอยู่ในกลุ่มไหน พื้นที่ไหน สมมุติว่า เกิดเหตุใครคือคนที่มีอำนาจในการสั่งการชุดจู่โจม เพราะก่อนหน้านี้เล่าลือกันว่า วันนั้นที่ครูจูหลิงถูกทำร้าย โดยไม่มีกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือทันท่วงที เพราะไม่มีคนสั่งการ ผมเห็นด้วยกับการมีชุดจู่โจม แต่เราต้องวางแผนในการปฏิบัติการให้ดี และให้ครอบคลุมพื้นที่โรงเรียนที่เสี่ยงภัยทั้งหมด”

         ส่วนข้อกังวลเกี่ยวกับโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต้องดูแลพิเศษนั้น ประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มองว่า เรื่องนี้พูดกันมายาวนานว่า โรงเรียนไหนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ส่วนตัวเห็นว่า ไม่ต้องมาบอกว่า สีแดง สีเหลือง สีเขียว เอาเป็นว่า ทุกพื้นที่น่ากลัวทั้งสิ้น จึงต้องมีกองกำลังประจำจุด เพราะต้องยอมรับว่า พื้นที่โรงเรียนไม่ได้เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมแคบๆ มันกว้างมาก ดังนั้นต้องมาคิดกันว่า จะทำอย่างไรให้การป้องกันครอบคลุมมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาฝ่ายตรงข้ามแสดงศักยภาพให้เห็นว่า ทำได้โดยดูได้จากการวางเพลิงโรงเรียนทั้ง 6 แห่ง

          อย่างไรก็ตาม นายบุญสม มองว่าส่วนผสมที่จะทำให้ "ทุ่งยางแดงโมเดล" นำมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คือ การสร้างชุมชนเข้มแข็ง เพราะมีความเชื่อว่า การแก้ปัญหาภาคใต้ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลต้องเน้นยุทธศาสตร์ด้านสังคมให้มากขึ้น แต่ต้องยอมรับว่า วันนี้อาจจะเป็นเรื่องยาก เหมือนเช่นที่นายกรัฐมนตรีบอกว่า ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา แต่ที่สุดเราต้องใช้ยุทธศาสตร์นี้ เพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติของชุมชน ผู้ปกครอง ผู้นำศาสนา ทุกกลุ่มให้มีความคิดว่า โรงเรียนเป็นของเขา

           ขณะเดียวกันผู้บริหารโรงเรียนต้องไม่ทำตัวให้เป็นปัญหา คนที่อยู่ตรงนี้ ต้องเป็นคนพิเศษ ต้องเรียนรู้ความหลากหลายทางพหุวัฒนธรรม ไม่ไปทำตัวขัดแย้งกับพื้นที่ และเข้ากับสังคมได้ดี หรือแม้กระทั่งทหารที่ไปคุ้มครองครูต้องเข้าได้กับชุมชนได้ดี ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญ คำว่า ชุมชนเข้มแข็งคือ ทำให้เขารักโรงเรียน แต่วันนี้โรงเรียนถูกเผา โดยที่ไม่มีใครทำอะไรได้ ดังนั้นต้องกลับมาคิดว่า ยุทธศาสตร์ง่าย ๆ คือ ไม่ต้องคิดไกล คิดว่า เอาชาวบ้านมาช่วยดูแลเป็นเกราะกำบังให้แก่โรงเรียนต่างๆ

          "เราควรมีงบประมาณในการทำกิจกรรมกับชุมชน ไม่ใช่แค่ปีละ 2 หมื่นบาท เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลเสียเงินไปจำนวนมากมายกับเรื่องอื่นๆ ดังนั้นควรจะต้องเพิ่มน้ำหนักให้มากขึ้น แม้ว่าวันนี้จะทำอยู่ แต่ยังไม่สุดซอย สมมุติ 1 ปี โรงเรียนในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น ครูไม่ถูกยิง ไม่ถูกข่มขู่ ไม่มีลอบวางเพลิง รัฐควรจะมีรางวัลตอบแทนหรือไม่ เพราะตราบใดครูยังเสียชีวิต โรงเรียนยังถูกเผาอยู่ แล้วจะไปทำอะไรที่ดีกว่านี้ได้ ถ้าไม่คิดเรื่องแบบนี้ ไม่ต้องคิดเรื่องไกล คิดเรื่องที่มีอยู่ในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดก็พอ"

           มาที่มุมมองเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชี้ให้เห็นว่า เรื่องการตรวจค้นเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง เพราะถ้าตรวจผิดไป 1 คน มันขยายผลไปเป็น 100 คน จึงอยากฝากว่า คนที่จะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ไม่ใช่เป็นใครก็ได้ ต้องเอาคนที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องของพื้นที่ เพราะการตั้งข้อสังเกตที่ผิดมันเป็นการสร้างความร้าวฉานในความรู้สึก และที่สำคัญวันนี้ สถานการณ์ในพื้นที่ยังไม่นิ่ง จึงต้องอาศัยกองกำลังเข้ามาดูแล แต่ต้องทำคู่ขนานเรื่องการพัฒนาคุณภาพชีวิต ความรู้ความเข้าใจ เรื่องประเพณีวัฒนธรรม ทุกอย่างต้องเดินควบคู่กับความมั่นคง

          สุดท้าย ประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวทิ้งทายไว้อย่างน่าสนใจว่า การสะท้อนความคิดเห็นในวันนี้ ไม่ได้มีความขัดแย้งกับแนวทางของ ทุ่งยางแดงโมเดล แต่อยากจะช่วยเสนอให้เป็นแนวทางหนึ่งในการตัดสินใจ สิ่งที่สะท้อนในวันนี้ เชื่อว่า มีประโยชน์ จึงอยากฝากถึงนายกรัฐมนตรีก่อนที่โรงเรียนในพื้นที่จะเปิดเทอมวันที่ 1 พฤศจิกายน เพราะถึงวันนี้ทุกอย่างต้องพร้อม โดยเฉพาะมาตรการดูแลโรงเรียน ครู และนักเรียนให้ปลอดภัยอย่างแท้จริง


โรงเรียนที่ถูกลอบวางเพลิงใน 3 จว.ใต้ และ 4 อำเภอ จ.สงขลา ตั้งแต่ ม.ค.2547-10 ก.ย.2556
  • ปัตตานี 125 ครั้ง
  • ยะลา 64 ครั้ง
  • นราธิวาส 88 ครั้ง
  • สงขลา 18 ครั้ง

หมายเหตุ ยังไม่รวม เพิ่มอีก 2 โรงในปี 2557 และอีก 6 โรง เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2557

วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เด็ดหัว RKK บ้านน้ำดำ ปัตตานี จับตาย 3 จับเป็น 1

เด็ดหัว RKK บ้านน้ำดำ ปัตตานี จับตาย 3 จับเป็น 1 

           เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 ต.ค. ศชต. ภ.จ.ปัตตานี สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ทพ.41 และทหาร ฉก.ปัตตานี 25 ได้นำกำลังร่วม 100 นาย เข้าไปทำการปิดล้อมตรวจค้นบริเวณสวนยางพารา ท้ายหมู่บ้านบือราแง ม.2 ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง หลังเจ้าหน้าที่ได้มีการสืบสวนสอบสวน และได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงจึงได้กระจายกำลังเข้าปิดล้อมทันที แต่ปรากฏว่า คนร้ายไหวตัวทันเห็นเจ้าหน้าที่จึงวิ่งหลบหนีเข้าไปในสวนยาง พร้อมกับเปิดฉากยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดการยิงปะทะกันขึ้นสนั่นป่า ประมาณ 10 นาที สิ้นเสียงปืนเจ้าหน้าที่พบว่าคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย ข้างศพพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ไม่ทราบชื่อ 

         ขณะเดียวกัน ห่างกันประมาณ 200 เมตร ได้เกิดการยิงปะทะกันอีกระลอกใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่เข้าไปเคลียร์พบศพคนร้ายเสียชีวิตอีก 2 ราย ข้างศพพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. คนละกระบอก ทราบชื่อ 1 ราย คือ นายมะนูซี กาซา อายุ 27 ปี ส่วนอีก 2 รายยังไม่ทราบชื่อ เจ้าหน้าที่จึงได้นำไปชันสูตรศพที่โรงพยาบาลทุ่งยางแดงเพื่อรอญาติมายืนยันอีกครั้ง 

      นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่อีก 1 ชุดที่ไล่ติดตามคนร้ายที่หลบหนีสามารถจับกุมได้ 1 คน ขณะขึ้นไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านของชาวบ้าน ทราบชื่อ นายอับดุลรอมัน ศาลา อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/1 ม.2 ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี 


Photo: คืบวิสามัญ 3 ศพโจรใต้วานนี้ เป็นแนวร่วมชุดใหม่

ศปก.จตช. เผย 3 ศพโจรใต้ที่ปะทะเจ้าหน้าที่ จนถูกวิสามัญ เป็นแนวร่วมชุดใหม่กลุ่มนายมะซาวี ล่าสุด จนท.ต้อง รปภ.ในพื้นที่เข้ม หวั่นสมาชิกออกมาตอบโต้ จนท...

จากเหตุปะทะ 3 ศพ ที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นจนเกิดการยิงปะทะกันขึ้น บริเวณสวนยางพาราท้ายหมู่บ้านกำปงบือราแง ม.2 ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงถูกวิสามัญเสียชีวิต 3 ศพและจับกุมได้ 1 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา 

วันนี้ (16 ต.ค. 56) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ศพผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะทั้ง 3 ราย ขณะนี้ทราบชื่อแล้ว หลังจากที่ญาติได้เดินทางมาดูศพแล้วนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม ประกอบด้วย 

1.นายมะนูซี กาซา อายุ 29 ปี 

2.นายซาการียา เจะแม อายุ 42 ปี 

3.นายอับดุลอาซิ สาและ อายุ 26 ปี ซึ่งจากการตรวจสอบจากแฟ้มประวัติพบว่า เป็นกลุ่มแนวร่วมชุดใหม่ กลุ่มของ นายมะซาวี โดยทำหน้าที่ติดตามดูความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร...

ส่วนอีก 2 ราย คือ 
1. นายอับดุลรอมัน สาลา อายุ 28 ปี พบมีหมายจับ ป.วิอาญา 2 หมาย 
2. นายอีซอ มะดีเยาะ อายุ 47 ปี เจ้าของบ้านที่คนร้ายหลบซ่อนตัว ขณะนี้ได้ควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก เพื่อสอบสวนขยายผลที่กรมทหารพรานที่ 41 แล้ว 

ส่วนอาวุธปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 3 กระบอกที่ยึดได้มาจากผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายนั้น ตรวจสอบพบว่ามีหมายเลขทะเบียน ระบุที่มาของอาวุธปืนได้ชัดเจน โดยหนึ่งในสามที่พบอยู่ที่ศพนายซาการียา พบว่าได้เคยนำไปก่อเหตุยิง นายเล็ก เสียชีวิตพื้นที่ ต.กะรุบี อ.สายบุรี เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2552 และกำลังตรวจสอบว่าปืนทั้ง 3 กระบอกเคยนำไปก่อเหตุใดบ้าง

ด้าน พ.ต.อ.โพธ สวยสุวรรณ รักษาการ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงสนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจสอบในพื้นที่ ต.น้ำดำ และใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีคนร้ายที่หลบหนีไปได้อีก 1-2 ราย เชื่อว่าน่าจะกบดานในพื้นที่โดยมีสมาชิกแนวร่วมคอยให้ความช่วยเหลือ ซึ่งหากพบว่ามีใครช่วยเหลือก็จะดำเนินคดีทันที 

นอกจากนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่และชุดวิทยาการเข้าไปตรวจสอบและหาหลักฐาน เพิ่มเติมบริเวณจุดเกิดเหตุปะทะ เพื่อเก็บดีเอ็นเอ และหาอาวุธที่คาดว่าน่าจะฝังไว้เพื่อเตรียมก่อเหตุ ซึ่งคาดว่ากลุ่มดังกล่าวน่าจะเข้ามาเคลื่อนไหววางแผนเพื่อเตรียมที่จะก่อเหตุในพื้นที่ สำหรับเหตุปะทะจนทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิต 3 ศพนั้น แท้จริงแล้วก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากให้ออกมามอบตัวและให้สู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม สำหรับสถานการณ์โดยทั่วไปก็ยังไม่นิ่งนอนใจ เจ้าหน้าที่จะต้อง รปภ.เข้มทุกพื้นที่ เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มก่อความไม่สงบอาจจะออกมาตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ และจะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ.

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/region/376555


















แฉ!โจรใต้3ศพ แนวร่วมชุดใหม่ ชื่อกลุ่ม‘มะซาวี’ ทำหน้าที่หาข่าว

          เผยโจรใต้ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ 3 ศพ หลังเปิดฉากดวลเดือดในสวนยาง อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เป็นกลุ่มแนวร่วมชุดใหม่ ของขุนโจรตัวร้าย ”มะซาวี” ทำหน้าที่ติดตามรายงานความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร จนท.เร่งตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอหาประวัติอาชญากรรม ส่วน ผบ.ทร.ประเดิมลงใต้ เยี่ยม ฉก.นย.นราธิวาส เตือน ทร.ห้ามประมาทโจร ด้านผู้ว่าฯ ปัตตานีมอบปืนยาว 66 กระบอก ให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านใช้ป้องกันตนเองและดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่

       จากกรณีเจ้าหน้าที่เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นจนเกิดการยิงปะทะกันขึ้นบริเวณสวนยางพาราท้ายหมู่บ้านกำปงบือราแง หมู่ 2 ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงถูกวิสามัญเสียชีวิต 3 ศพ และจับกุมได้ 1 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา

     ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่า วันที่ 16 ต.ค.56 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญ ศูนย์ปฏิบัติการณ์ตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบชื่อผู้เสียชีวิตทั้งหมดแล้ว คือ 
  • 1.นายมะนูซี กาซา อายุ 29 ปี 
  • 2.นายซาการียา เจะแม อายุ 42 ปี และ 
  • 3.นายอับดุลอาซิ สาและ อายุ 26 ปี 
        จากการตรวจสอบจากแฟ้มประวัติ พบว่าเป็นกลุ่มแนวร่วมชุดใหม่ กลุ่มของนายมะซาวี โดยทำหน้าที่ติดตามรายงานความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร แต่ยังไม่มีหมายจับ จึงต้องนำดีเอ็นเอมาตรวจอีกครั้งว่าเคยมีประวัติการก่อเหตุตรงกับเหตุการณ์ใดบ้าง ส่วนอีก 2 รายที่ถูกจับหลังจากเหตุการณ์สงบ คือ นายอับดุลรอมัน สาลา อายุ 28 ปี พบมีหมายจับ ป.วิอาญา 2 หมาย และนายอีซอ มะดีเยาะ อายุ 47 ปี เจ้าของบ้านที่คนร้ายหลบซ่อนตัว ขณะนี้ถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกเพื่อสอบสวนขยายผลที่กรมทหารพรานที่ 41 แล้ว

        ส่วนอาวุธปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 3 กระบอกที่ยึดได้จากผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายนั้น ตรวจสอบพบว่ามีหมายเลขทะเบียนระบุที่มาของอาวุธปืนได้ชัดเจน โดยกระบอกที่พบอยู่ที่ศพนายซาการียา พบว่าได้เคยนำไปก่อเหตุยิง นายเล็กเสียชีวิต พื้นที่ ต.กะรุบี อ.สายบุรี เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2552 และกำลังตรวจสอบว่าปืนทั้ง 3 กระบอกเคยนำไปก่อเหตุที่ใดอีกบ้าง

         ด้าน พ.ต.อ.โพธ สวยสุวรรณ รักษาการ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงสนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจสอบในพื้นที่ ต.น้ำดำและใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีคนร้ายที่หลบหนีไปได้อีก 1-2 ราย เชื่อว่าน่าจะกบดานในพื้นที่โดยมีสมาชิกแนวร่วมคอยให้ความช่วยเหลือ หากพบว่ามีใครช่วยเหลือก็จะถูกดำเนินคดีทันที นอกจากนี้ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่และชุดวิทยากรเข้าไปตรวจสอบและหาหลักฐานเพิ่มเติมบริเวณจุดเกิดเหตุปะทะ เพื่อเก็บดีเอ็นเอ และหาอาวุธที่คาดว่าน่าจะฝังไว้เพื่อเตรียมก่อเหตุ คาดว่ากลุ่มดังกล่าวน่าจะเข้ามาเคลื่อนไหววางแผนเพื่อเตรียมที่จะก่อเหตุในพื้นที่ แต่เจ้าหน้าที่ทราบเสียก่อน

         สำหรับเหตุปะทะจนทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิต 3 ศพนั้น แท้จริงแล้วก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากให้ออกมามอบตัวและให้สู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม สำหรับสถานการณ์โดยทั่วไปก็ยังไม่นิ่งนอนใจ เจ้าหน้าที่จะต้อง รปภ.เข้มทุกพื้นที่ เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มก่อความไม่สงบอาจจะออกมาตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐและจะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ

         วันเดียวกันนี้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ (ฉก.นย.ทร.) ค่ายจุฬาภรณ์ จ.นราธิวาส และ ฉก.นย.นราธิวาส 31 อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพเรือ โดยมี น.อ.นพดล ฐิตวัฒนสกุล ผบ.ฉก.นย.คนใหม่ ให้การต้อนรับ โดยพล.ร.อ.ณรงค์ ให้โอวาทกับกำลังพลตอนหนึ่งว่า ให้ยึดยุทธศาสตร์พระราชทานเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ต่อไป และย้ำว่าให้ทุกหน่วยปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ประมาท เพราะในพื้นที่เต็มไปด้วยอันตราย ขอบคุณกำลังพลที่เสียสละ ทุ่มเท มั่นใจในหน่วยนาวิกโยธินที่มีรูปแบบการฝึกฝนที่เคี่ยวกรำตามแบบฉบับของนาวิกโยธิน ซึ่งความกล้าหาญที่เต็มเปี่ยมอยู่ในจิตวิญญาณของทุกคน ตนรู้ว่าทุกคนเสี่ยงอันตราย เพราะสถานการณ์ยังคงรุนแรง แต่การทุ่มเทของทหารเรือทุกคน ได้ทำให้เป็นที่น่าเชื่อถือ และได้รับการยอมรับจากประชาชน แต่อย่าประมาท และขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองทุกคนให้ปลอดภัย

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการเดินทางมาตรวจเยี่ยมที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน (ฉก.นย.) จ.นราธิวาส แล้ว ผบ.ทร. มีกำหนดจะเดินทางตรวจเยี่ยมหน่วยของกองทัพเรือที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ในระหว่าง วันที่ 16-18 ต.ค.นี้ด้วย โดยมีกำหนดการจะเดินทางไปยังกองทัพเรือภาคที่ 2 กองทัพเรือภาคที่ 3 และฐานทัพเรือพังงาด้วย

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (16 ต.ค.) ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองปัตตานี นายวิทยา พานิชพงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานมอบอาวุธปืนลูกซองยาวขนาด 12 เกจ ยี่ห้อเรมิงตัน รุ่นเอ็ม 870 เอ็กซ์เพรส เทคทิคอล พร้อมอุปกรณ์ ให้แก่กำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ จำนวน 66 กระบอก เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน โดยมีกำนันและผู้ใหญ่บ้าน จาก 10 ตำบล 66 หมู่บ้าน ใน จ.ปัตตานี เข้ารับมอบ

         นายวิทยา พานิชพงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า สำหรับการมอบอาวุธปืนลูกซองให้แก่กำนันและผู้ใหญ่บ้านในครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้เป็นอาวุธที่ป้องกันตนเอง และดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อจุดมุ่งหมายในการร่วมสร้างสันติสุข มีความรัก สามัคคี และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชุมชนของตนเอง ส่งเสริมให้เกิดสันติสุขให้ได้ในเร็ววัน และนำอาวุธที่ได้รับมอบไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจให้เก็บดูแลรักษาให้ดี อย่าให้ถูกลักขโมยเด็ดขาด

http://narater2010.blogspot.com/

วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เส้นทางสายโจร....

เส้นทางสายโจร....
เส้นทางสายโจร....
Photo: เส้นทางสายโจร....

เมื่อเริ่มเส้นทางสายโจร แน่นอนจุดก็คงต้องล้มตายอย่างโจร ไม่สามารถเป็นวีรบุรุษ หรืออย่างอื่นได้อย่างแน่นอน...

อีกหนึ่งการปิดฉากความเป็นตัวตนของจอมโจรลอบกัดที่ก่อเหตุฆ่าผู้คนอย่างมากมาย....

เขาคือ เปเล่ดำ หรือ อับดุลรอฮิง ดาอีซอ หัวโจกกบฏโจรใต้...

เปเล่ดำ อยู่บ้านเลขที่ 58/1  ม.2 บ.กาแม็ง ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา 

- มีน้องชายชื่อนายอับดุลเล๊าะ  ดาอีซอ ซึ่งเป็นโจรใต้เช่นเดียวกัน และเสียชีวิตจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 28 พ.ค.51

- อดีตอุสตาซ ร.ร.มะอาหัดอิสลามยะห์ ต.บาลอ อ.รามัน ฯ

- เป็นอุสตาซ รร.ตาดีกา บ.กาแม็ง 

- สมาชิกระดับแกนนำปฏิบัติการ RKK พื้นที่ ต.เนินงามฯ ชุดปฏิบัติการกลุ่ม นายหีพนี  มะเร๊ะ 

- เป็นครูฝึกทางทหารให้กับสมาชิก/แนวร่วมในเครือข่าย

- มีภรรยาอยู่ที่บ้านซือเลาะ ม.4 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “มือเซาะ”

- ถล่มตำรวจ ดับ 4 นาย  อ.รือเสาะ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 56

- ระเบิดทหาร ฉก.ยะลา 12 และยิงซ้ำเสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บสาหัส 1 นาย เมื่อวันที่ 10 ก.พ.56

- ปล้นเงินของธนาคารกสิกรไทย สาขาปาลัส ในอำเภอมายอ เจ้าหน้าที่ยิงตอบโต้ทำให้โจรใต้ปล้นธนาคารดับ1 ทราบชื่อนายมะตอเห มุสลีมิน อายุ 23 ปี เป็นราษฎรหมู่ 5 ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี มีอาชีพขายเสื้อผ้าที่สามแยกน้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี และการปล้นรถขนเงินธนาคารครั้งนี้ คนร้ายได้เงินไป จำนวน 5,810,000 บาท

- ก่อเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ ตชด.44 สังกัด กก.ตชด.34 ค่ายพระเจ้าตากสิน  เสียชีวิต 2 นาย ที่ตลาดนัดบ้านบาลอ หมู่ 2 ต.บาลอ อ.รามัน จว.ย.ล.

- เมื่อ 16 ก.ค.55 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่านายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ(เปเล่ดำ) ได้พูดข่มขู่ชาวบ้านสูเปะ ม.2 ต.เรียง อ.รือเสาะ จว.นราธิวาส ในห้วงคืนวันที่ 13 ก.ค.55 เวลาประมาณ 21.00 น. ว่าในห้วงเดือนรอมฎอน ห้ามชาวไทยมุสลิมซื้ออาหารจากคนไทยพุทธโดยเด็ดขาด หากใครไม่ปฏิบัติตามจะไม่รับรองความปลอดภัย

         เมื่อเริ่มเส้นทางสายโจร แน่นอนจุดก็คงต้องล้มตายอย่างโจร ไม่สามารถเป็นวีรบุรุษ หรืออย่างอื่นได้อย่างแน่นอน...

        อีกหนึ่งการปิดฉากความเป็นตัวตนของจอมโจรลอบกัดที่ก่อเหตุฆ่าผู้คนอย่างมากมาย....

มันคือ เปเล่ดำ หรือ อับดุลรอฮิง ดาอีซอ หัวโจกกบฏโจรใต้...

          เปเล่ดำ อยู่บ้านเลขที่ 58/1 ม.2 บ.กาแม็ง ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา
  • มีน้องชายชื่อนายอับดุลเล๊าะ ดาอีซอ ซึ่งเป็นโจรใต้เช่นเดียวกัน และเสียชีวิตจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 28 พ.ค.51
  • อดีตอุสตาซ ร.ร.มะอาหัดอิสลามยะห์ ต.บาลอ อ.รามัน ฯ
  • เป็นอุสตาซ รร.ตาดีกา บ.กาแม็ง 
  • สมาชิกระดับแกนนำปฏิบัติการ RKK พื้นที่ ต.เนินงามฯ ชุดปฏิบัติการกลุ่ม นายหีพนี มะเร๊ะ 
  • เป็นครูฝึกทางทหารให้กับสมาชิก/แนวร่วมในเครือข่าย
  • มีภรรยาอยู่ที่บ้านซือเลาะ ม.4 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “มือเซาะ”
  • ถล่มตำรวจ ดับ 4 นาย อ.รือเสาะ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 56
  • ระเบิดทหาร ฉก.ยะลา 12 และยิงซ้ำเสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บสาหัส 1 นาย เมื่อวันที่ 10 ก.พ.56
  • ปล้นเงินของธนาคารกสิกรไทย สาขาปาลัส ในอำเภอมายอ เจ้าหน้าที่ยิงตอบโต้ทำให้โจรใต้ปล้นธนาคารดับ1 ทราบชื่อ นายมะตอเห มุสลีมิน อายุ 23 ปี เป็นราษฎรหมู่ 5 ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี มีอาชีพขายเสื้อผ้าที่สามแยกน้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี และการปล้นรถขนเงินธนาคารครั้งนี้ คนร้ายได้เงินไป จำนวน 5,810,000 บาท
  • ก่อเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ ตชด.44 สังกัด กก.ตชด.34 ค่ายพระเจ้าตากสิน เสียชีวิต 2 นาย ที่ตลาดนัดบ้านบาลอ หมู่ 2 ต.บาลอ อ.รามัน จว.ย.ล.
  • เมื่อ 16 ก.ค.55 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่านายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ(เปเล่ดำ) ได้พูดข่มขู่ชาวบ้านสูเปะ ม.2 ต.เรียง อ.รือเสาะ จว.นราธิวาส ในห้วงคืนวันที่ 13 ก.ค.55 เวลาประมาณ 21.00 น. ว่าในห้วงเดือนรอมฎอน ห้ามชาวไทยมุสลิมซื้ออาหารจากคนไทยพุทธโดยเด็ดขาด หากใครไม่ปฏิบัติตามจะไม่รับรองความปลอดภัย
http://narater2010.blogspot.com/

กลุ่มโจรก่อการร้ายมุสลิมภาคใต้ ป่วนดาวกระจายระเบิดตู้ ATM

กลุ่มโจรก่อการร้ายมุสลิมภาคใต้ ป่วนดาวกระจายระเบิดตู้ ATM 



      กลุ่มโจรก่อการร้ายมุสลิมภาคใต้ ป่วนดาวกระจายระเบิดตู้ ATM ใน 3 อำเภอ จ.ยะลา คือ อ.เมือง ยะหา และบันนังสตา รวม 10 จุด ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต พบจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์ซัมซุง รุ่นฮีโร่ ตั้งเวลา 05.15 น. เจ้าหน้าที่สนธิกำลังคุมเข้มป้องกันเหตุซ้ำซ้อน

      ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดยะลา ว่า เมื่อเวลา 05.15 น. ที่ผ่านมา (9 ต.ค.) ศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุ 191 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้รับแจ้งว่ามีเหตุระเบิดบริเวณตู้เอทีเอ็ม ในเขตเทศบาลนครยะลา จำนวนหลายจุด เบื้องต้น เจ้าหน้าที่รายงานว่าจุดเกิดเหตุ ที่ 1.ตู้ ATM หน้าคุรุมาร์ท ถนนอาคารสงเคราะห์ 2.ตู้ ATM ธนาคารกรุงไทยถนนรถไฟ 3. ตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย โรงไฟฟ้าพงยือไร 4.ตู้ ATM ธนาคารอิสลาม ตลาดเมืองใหม่ 5.หน้าธนาคารออมสิน ถนนสิโรรส เขตเทศบาลนครยะลา เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ


     นอกจากนี้ ยังมีพบวัตถุต้องสงสัยเป็นกล่องวางที่ตู้ ATM ธนาครยูโอบี ใกล้สถานีรถไฟ จึงประสานกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ และทำการเก็บกู้ทำลาย

     มีรายงานเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา เกิดระเบิด จำนวน 4 จุด ที่ตู้ ATM เช่นกัน ประกอบด้วย

  • 1.ตู้ ATM หน้า ธนาคารกรุงไทย 
  • 2.ตู้ ATM ธนาคารอิสลาม ถนนพิทัพธานี 
  • 3.ตู้ATM ธนาคารออมสิน ถนนสันติราฎร และ 
  • 4.ตู้ ATM ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ถนนสุขาภิบาล 4 ไม่มีผู้บาดเจ็บ 

        ส่วนในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เกิดเหตุระเบิด 1 จุด ที่ตู้ ATM ธนาคารอิสลาม ถนนสุขยางค์ เขตเทศบาลตำบลบันนังสตา ไม่มีรายงานของผู้บาดเจ็บเช่นกัน

       จากการเข้าตรวจสอบในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบว่าคนร้ายได้ใช้วิธีจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นฮีโร่ โดยใช้การตั้งเวลาไว้ที่เวลา 05.15 น. หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร รวมถึงฝ่ายปกครองได้สนธิกำลังคุมเข้มในเขตเทศบาลนครยะลา รวมถึงจุดเกิดเหตุเพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน พร้อมขอความร่วมมือประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องให้อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ และหากพบเห็นบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบโดยด่วน





http://narater2010.blogspot.com/
Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม