นโยบายสมานฉันท์ หรือนโยบายศิโรราบต่อขบวนการโจรก่อการร้ายภาคใต้กันแน่ !!
http://thaienews.blogspot.com/2006/11/blog-post_3887.html
โดย: ศูนย์ข่าวบางไซ
การที่คมช.อ้างว่าต้องการสมานฉันท์ ด้วยการถอนฟ้องผู้ต้องหาตากใบทั้งหมดเป็นประเดิม ตามมาด้วยการบากหน้าไปกล่าวคำขอโทษโจรภาคใต้ของ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ถึงถิ่น ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ภาคใต้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี อย่างที่มั่วคิดกันเองแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ฝ่ายโจร ไม่มีท่าทีตอบรับนโยบายสมานฉันท์ของรัฐบาลเถื่อน กลับเพิ่มการตอบโต้และรุกกลับด้วยกำลังอย่างไม่เกรงกลัวต่อรัฐบาล ด้วยความก้าวร้าวรุนแรงหนักหน่วงยิ่งขึ้น
ในคืนวันที่ 8 พฤศจิกายน 2549 โจรใต้ก่อเหตุร้ายระดับรุนแรงถึงขั้นเป็นการก่อสงครามกลางเมือง เมื่อโจรแบ่งแยกดินแดน ได้จัดชุดกองกำลังติดอาวุธ ในรูปแบบกองทหาร อาวุธครบมือ แยกกองกำลังออกเป็นสองกองร้อย บุกเข้าใช้กำลังควบคุมหมู่บ้านสองแห่งในจังหวัดยะลา หมู่บ้านแรกที่อำเภอบันนังสตาร์ ที่โจรใต้ปิดล้อมและขับไล่ฐาน ตชด.ขู่ให้ถอนกำลังออกไป สองขุนทหารกระหายศึก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ยอมแพ้ในทันที สั่งถอนกำลังแบบรีบร้อน ตามมาด้วยการถอนทหารออกมาจากพื้นที่อีกหลายหมู่บ้าน โดยอ้างว่า เพื่อการสมานฉันท์ ชาวบ้านได้พากันออกจากหมู่บ้านมารวมตัวกันที่วัด ซึ่งวัดแห่งนี้ในตอนเช้าก็เกิดเหตุปะทะกันมาแล้ว มีทหารเสียชีวิตและกำลังประกอบพิธีศพ กองกำลังของโจรก่อการร้ายตามมาปิดล้อมที่วัด ท่ามกลางความมืดมิด ได้ยินเสียงปืนยิงปะทะกันประปรายเนื่องจากชาวบ้านไทยพุทธที่นี่ มีการจัดตั้งชุดคุ้มครองหมู่บ้านที่เข้มแข็ง จัดระบบการคุ้มครองวัดไว้ดี มีกำแพงวัดเป็นแหล่งกำบัง
กองกำลังอีกหนึ่งกองร้อย ได้บุกเข้ายึดหมู่บ้านหมู่ที่ 6 ตำบลแม่หวาก อำเภอธารโต ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งฐานนาวิกโยธิน แต่ถูกสั่งให้ล่าถอยออกมา หมู่บ้านแห่งนี้มีชาวไทยพุทธอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก คมช.สั่งให้เรียกอาวุธที่เคยให้ชาวไทยพุทธจัดตั้งกองกำลังรักษาหมู่บ้าน กลับคืนทั้งหมด ก่อนถอนกำลัง จึงถูกกองกำลังโจรแยกดินแดนข่มขู่ ขับไล่ไทยพุทธทั้งหมดออกจากหมู่บ้าน ชาวบ้านไทยพุทธทั้งหมดจึงได้อพยพมารวมตัวกันที่วัดวิโรจน์สังฆาราม หมู่ ๖ ตำบลแม่หวาก อำเภอธารโต แต่เนื่องจากไม่มีอาวุธ จึงถูกกลุ่มกองกำลังโจรก่อการร้ายล้อมอยู่หลายชั่วโมง ทหารกองทัพภาคที่ 4.ไม่กล้ากระทำการใด เกรงจะขัดคำสั่งนโยบายสมานฉันท์ของรัฐบาลเถื่อน แถมด้วยเหตุผลที่น่าสลดหดหู่ในอานุภาพของกองทัพไทยยิ่งนักว่า เกรงกับดัก อาจจะถูกซุ่มโจมตี จนกระทั่งนายทหารยศนายพลผู้หนึ่งที่นับถือพุทธ ได้รวบรวมทหารไทยพุทธจำนวนหนึ่ง เคลื่อนกำลังกลางดึกไปช่วยเหลือเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน
น่าอนาถอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาคับขันของพี่น้องไทยพุทธภาคใต้ ตกอยู่ในภยันตรายขั้นวิกฤตินั้น นายธีรภัทร เสรีรังสรรค์ รมต.ในรัฐบาลเถื่อนที่มีหน้าที่ดูแลสื่อสารมวลชน พร้อมกับ พล.อ.สะพรั่ง กัลยาณมิตร ในฐานะผู้ดูแลด้านยุทธการทหาร ได้มีคำสั่งให้ปิดข่าวสื่อสารมวลชนทั้งวิทยุโทรทัศน์ ไม่ให้รายงานข่าวนี้ โดยอ้างว่า “เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก และเพื่อนโยบายสมานฉันท์” แต่เนื่องจากมีการติดต่อกันระหว่างพี่น้องในพื้นที่ และนอกพื้นที่ ทำให้ข่าวนี้แพร่สะพัดออกมา
ขอให้พี่น้องชาวไทยได้พิจารณากันเอาเองก็แล้วกันว่า นโยบายของพล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน และ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ เพื่อการสมานฉันท์ กับโจรก่อการร้ายภาคใต้นี้เป็นนโยบายยอมแพ้โจร สมยอมกับโจรและขายชาติ และไม่เห็นคุณค่าของชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวไทยหรือไม่ และการปฏิวัติรัฐประหารจนประเทศชาติเสียหายย่อยยับ อ้างว่าเพราะห่วงใยชีวิตประชาชนนั้น น่าเชื่อถือได้แค่ไหน และเป็นภารกิจที่กองทัพไทยพึงต้องกระทำอย่างทันทีทันใดตามที่อ้างหรือไม่
โดย: ศูนย์ข่าวบางไซ
การที่คมช.อ้างว่าต้องการสมานฉันท์ ด้วยการถอนฟ้องผู้ต้องหาตากใบทั้งหมดเป็นประเดิม ตามมาด้วยการบากหน้าไปกล่าวคำขอโทษโจรภาคใต้ของ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ถึงถิ่น ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ภาคใต้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี อย่างที่มั่วคิดกันเองแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ฝ่ายโจร ไม่มีท่าทีตอบรับนโยบายสมานฉันท์ของรัฐบาลเถื่อน กลับเพิ่มการตอบโต้และรุกกลับด้วยกำลังอย่างไม่เกรงกลัวต่อรัฐบาล ด้วยความก้าวร้าวรุนแรงหนักหน่วงยิ่งขึ้น
ในคืนวันที่ 8 พฤศจิกายน 2549 โจรใต้ก่อเหตุร้ายระดับรุนแรงถึงขั้นเป็นการก่อสงครามกลางเมือง เมื่อโจรแบ่งแยกดินแดน ได้จัดชุดกองกำลังติดอาวุธ ในรูปแบบกองทหาร อาวุธครบมือ แยกกองกำลังออกเป็นสองกองร้อย บุกเข้าใช้กำลังควบคุมหมู่บ้านสองแห่งในจังหวัดยะลา หมู่บ้านแรกที่อำเภอบันนังสตาร์ ที่โจรใต้ปิดล้อมและขับไล่ฐาน ตชด.ขู่ให้ถอนกำลังออกไป สองขุนทหารกระหายศึก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ยอมแพ้ในทันที สั่งถอนกำลังแบบรีบร้อน ตามมาด้วยการถอนทหารออกมาจากพื้นที่อีกหลายหมู่บ้าน โดยอ้างว่า เพื่อการสมานฉันท์ ชาวบ้านได้พากันออกจากหมู่บ้านมารวมตัวกันที่วัด ซึ่งวัดแห่งนี้ในตอนเช้าก็เกิดเหตุปะทะกันมาแล้ว มีทหารเสียชีวิตและกำลังประกอบพิธีศพ กองกำลังของโจรก่อการร้ายตามมาปิดล้อมที่วัด ท่ามกลางความมืดมิด ได้ยินเสียงปืนยิงปะทะกันประปรายเนื่องจากชาวบ้านไทยพุทธที่นี่ มีการจัดตั้งชุดคุ้มครองหมู่บ้านที่เข้มแข็ง จัดระบบการคุ้มครองวัดไว้ดี มีกำแพงวัดเป็นแหล่งกำบัง
กองกำลังอีกหนึ่งกองร้อย ได้บุกเข้ายึดหมู่บ้านหมู่ที่ 6 ตำบลแม่หวาก อำเภอธารโต ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งฐานนาวิกโยธิน แต่ถูกสั่งให้ล่าถอยออกมา หมู่บ้านแห่งนี้มีชาวไทยพุทธอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก คมช.สั่งให้เรียกอาวุธที่เคยให้ชาวไทยพุทธจัดตั้งกองกำลังรักษาหมู่บ้าน กลับคืนทั้งหมด ก่อนถอนกำลัง จึงถูกกองกำลังโจรแยกดินแดนข่มขู่ ขับไล่ไทยพุทธทั้งหมดออกจากหมู่บ้าน ชาวบ้านไทยพุทธทั้งหมดจึงได้อพยพมารวมตัวกันที่วัดวิโรจน์สังฆาราม หมู่ ๖ ตำบลแม่หวาก อำเภอธารโต แต่เนื่องจากไม่มีอาวุธ จึงถูกกลุ่มกองกำลังโจรก่อการร้ายล้อมอยู่หลายชั่วโมง ทหารกองทัพภาคที่ 4.ไม่กล้ากระทำการใด เกรงจะขัดคำสั่งนโยบายสมานฉันท์ของรัฐบาลเถื่อน แถมด้วยเหตุผลที่น่าสลดหดหู่ในอานุภาพของกองทัพไทยยิ่งนักว่า เกรงกับดัก อาจจะถูกซุ่มโจมตี จนกระทั่งนายทหารยศนายพลผู้หนึ่งที่นับถือพุทธ ได้รวบรวมทหารไทยพุทธจำนวนหนึ่ง เคลื่อนกำลังกลางดึกไปช่วยเหลือเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน
น่าอนาถอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาคับขันของพี่น้องไทยพุทธภาคใต้ ตกอยู่ในภยันตรายขั้นวิกฤตินั้น นายธีรภัทร เสรีรังสรรค์ รมต.ในรัฐบาลเถื่อนที่มีหน้าที่ดูแลสื่อสารมวลชน พร้อมกับ พล.อ.สะพรั่ง กัลยาณมิตร ในฐานะผู้ดูแลด้านยุทธการทหาร ได้มีคำสั่งให้ปิดข่าวสื่อสารมวลชนทั้งวิทยุโทรทัศน์ ไม่ให้รายงานข่าวนี้ โดยอ้างว่า “เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก และเพื่อนโยบายสมานฉันท์” แต่เนื่องจากมีการติดต่อกันระหว่างพี่น้องในพื้นที่ และนอกพื้นที่ ทำให้ข่าวนี้แพร่สะพัดออกมา
ขอให้พี่น้องชาวไทยได้พิจารณากันเอาเองก็แล้วกันว่า นโยบายของพล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน และ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ เพื่อการสมานฉันท์ กับโจรก่อการร้ายภาคใต้นี้เป็นนโยบายยอมแพ้โจร สมยอมกับโจรและขายชาติ และไม่เห็นคุณค่าของชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวไทยหรือไม่ และการปฏิวัติรัฐประหารจนประเทศชาติเสียหายย่อยยับ อ้างว่าเพราะห่วงใยชีวิตประชาชนนั้น น่าเชื่อถือได้แค่ไหน และเป็นภารกิจที่กองทัพไทยพึงต้องกระทำอย่างทันทีทันใดตามที่อ้างหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น