ฆ่า สยองยกครัว 4 ศพ ทิ้งในเมืองยะลา ถูกยิงร่างพรุนทั้งพ่อแม่ลูกสาวลูกชาย ทิ้งศพข้างคูน้ำในป่าหญ้าริมถนน คาดเสียชีวิตมาแล้ว 2-3 วัน ญาติแจ้งหายไว้ที่สภ.รือเสาะ นราธิวาส ตั้งแต่ 30 ม.ค. หลังออกจากบ้านจะไปส่งลูกสาวที่ร.ร.เฉลิมพระเกียรติฯ ในยะลา แต่หายไปลึกลับพร้อมรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ ตร.ไปตามจากบ้านพบรอยเลือดริมทางเข้าบ้าน คาดคนร้ายมาดักยิงก่อนเอาศพไปทิ้ง แล้วเชิดรถหายไป ปมเบื้องต้นน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่ตัดประเด็นสร้างสถานการณ์ภาคใต้
เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 1 ก.พ. ศูนย์รวมข่าวสภ.เมืองยะลา รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิต 4 ราย ข้างคูน้ำในป่าหญ้าริมถนนบ้านบาโงดือปู หมู่ 13 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา จึงแจ้ง พ.ต.อ.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผกก.สภ.เมืองยะลา พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยแม่ก่อเหนี่ยวยะลา เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมากมุงดูเหตุการณ์ด้วยความสนใจ จึงให้เจ้าหน้าที่ปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบพบศพนายประสิทธิ์ บุญหลง อายุ 43 ปี นางมณี ศรีขวัญ อายุ 36 ปี น.ส.รุ่งรัชณี บุญหลง อายุ 16 ปี และด.ช.รุ่งระพี บุญหลง อายุ 7 ขวบ ทั้งหมดเป็นพ่อแม่ลูกกัน อยู่บ้านเลขที่ 38/3 หมู่ 6 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิ วาส ลักษณะศพนอนกองรวมกัน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3 วัน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณดังกล่าว จากการตรวจสภาพศพเบื้องต้นพบว่าทั้ง 4 ศพ ถูกยิงตามร่างกายหลายแห่ง ด้วยปืนขนาด 11 ม.ม. และ 9 ม.ม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองยะลา ได้รับการประสานจากสภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ว่า บุคคลทั้ง 4 ราย หายออกจากบ้านไปพร้อมกับรถยนต์กระบะโตโยต้า ไทเกอร์ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน บจ 4179 ยะลา เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยญาติเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ช่วยติดตามตัว เมื่อไปตรวจสอบจากบริเวณบ้านซึ่งอยู่ในสวนยาง พบรอยเลือด จำนวนหนึ่งอยู่บริเวณทางออกจากบ้าน พร้อมปลอกกระสุนปืน 11 ม.ม. 4-5 ปลอกตกอยู่ กระทั่งต่อมาพบเป็นศพดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่าทั้ง 4 คน อาจถูกคนร้ายดักทำร้ายที่หน้าบ้านและเสียชีวิตก่อนจะนำศพมาทิ้งไว้ที่พื้น ที่อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 30 ก.ม.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อสอบถามไปยังญาติของผู้เสียชีวิตทราบว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา นายประสิทธิ์เดินทางออกจากบ้านพร้อมกับภรรยา และลูกอีก 2 คน เพื่อไปส่งน.ส.รุ่งรัชณี ซึ่งกำลังศึกษาชั้นม.4 ที่โรงเรียนเฉลิมพระ เกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา แต่ทั้ง 4 คน ก็หายตัวไป ก่อนที่ชาวบ้านจะมาพบว่าเป็นศพในพื้นที่อ.เมือง จ.ยะลา ดังกล่าว ส่วนรถของผู้เสียชีวิตหายไป คาดว่าคนร้ายนำหลบหนีไปด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พุ่งเป้าไปที่ประเด็นความขัดแย้งส่วนตัว เนื่องจากพฤติกรรมการก่อเหตุของคนร้ายครั้งนี้ แตกต่างจากการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็น ในเรื่องของการสร้างเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
ฆ่ายกครัว - นายประสิทธิ์ บุญหลง เมีย ลูกสาวและลูกชาย ถูกฆ่าตายรวม 4 ศพ ทิ้งชายป่าในเขตอ.เมือง จ.ยะลา หลังขับรถออกจากบ้านพัก อ.รือเสาะ
***********************
ตำรวจตั้ง 2 ประเด็นฆ่ายกครัว 4 ศพทิ้งขึ้นอืดที่ยะลา “ล่าสังหารไทยพุทธ-หักผลประโยชน์ธุรกิจที่ดิน” เผยครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายพื้นเพอยู่ที่ ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี แต่ไปสร้างบ้านทำสวนยางพาราที่บ้านศรีภักดี ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส กระทั่งกลายเป็นไทยพุทธครอบครัวสุดท้าย แถมเป็นทั้ง ชรบ.-อรบ.อาจเป็นชนวนฆ่าหมู่ แต่ยังไม่ตัดประเด็นขัดแย้งทางธุรกิจ เหตุรับจ้างปรับที่ดินจนมีฐานะดี ขณะที่กำลังผสมสกัดจับรถกระบะขนยุทธภัณฑ์จำนวนมาก ตะลึงคนขับเป็นตำรวจ สภ.ยะหริ่ง
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงนี้ยังคงมีเหตุรุนแรงขึ้นอย่างต่อ เนื่อง โดยเมื่อวันอังคารที่ 1 ก.พ.2554 เวลา 15.45 น. ร.ต.ท.กฤชพิชญ์ พิชญนิตินัย ร้อยเวร สภ.เมืองยะลา รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบศพ 4 ศพถูกทิ้งขึ้นอืดอยู่ที่บ้านบาโงตือบู หมู่ 13 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุเป็นป่าละเมาะ ปลอดคน อยู่ห่างจากทางรถไฟประมาณ 300 เมตร พบศพนอนทับกันอยู่จำนวน 4 ศพบริเวณหลุมข้างท่อระบายน้ำซีเมนต์ ทราบชื่อคือ นายประสิทธิ์ บุญหลง อายุ 43 ปี นางมณี ศรีขวัญ อายุ 36 ปี ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน น.ส.รุ่งรัชนี บุญหลง อายุ 16 ปี และ ด.ช.รุ่งระพี บุญหลง อายุ 7 ขวบ เป็นบุตรสาวและบุตรชายของนายประสิทธิ์กับนางมณี สภาพศพของนายประสิทธิ์นอนทับนางมณี และ น.ส.รุ่งรัชนี ส่วนศพ ด.ช.รุ่งระพี อยู่ข้างศพทั้งสาม มีร่องรอยถูกยิงที่ลำตัวและศีรษะ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ญาติมาดูศพ และรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในพื้นที่บ้านแป้น ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายประสิทธิ์และครอบครัวมีบ้านและสวนยางพาราอยู่ที่บ้านศรีภักดี หมู่ 6 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ยินเสียงปืนจำนวน 5 นัดที่บ้านของนายประสิทธิ์ แต่เมื่อเสียงปืนสงบลงชาวบ้านได้พากันไปดูที่บ้านกลับไม่พบเจ้าของบ้านและรถ ยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน บจ 4179 ยะลา ซึ่งเป็นของนายประสิทธิ์แต่อย่างใด พบเพียงปลอกกระสุนเอ็ม 16 จำนวนหนึ่ง เพื่อนบ้านจึงได้ออกค้นหา และไปแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.รือเสาะ
ผลการสอบสวนยังทราบว่า ครอบครัวของนายประสิทธิ์มีบ้านเดิมอยู่ที่ ต.แป้น อ.สายบุรี แต่ไปทำสวนอยู่ที่บ้านศรีภักดี ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ นานกว่า 20 ปีแล้ว โดยครอบครัวของนายประสิทธิ์เป็นชาวไทยพุทธครอบครัวเดียวในพื้นที่ที่ยังไม่ อพยพออกจากหมู่บ้าน ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุนายประสิทธิ์ได้พาภรรยาและลูกชายคนเล็กเดินทางไปรับ น.ส.รุ่งรัชนี ลูกสาว ที่โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ต.บุดี อ.เมืองยะลา โดย น.ส.รุ่งรัชนี เป็นนักเรียนกินนอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ จากนั้นก็ขับรถกลับบ้านที่ อ.รือเสาะ เมื่อเย็นวันที่ 30 ม.ค. คาดว่าเมื่อไปถึงบ้านได้ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 สังหารแบบยกครัว และนำศพไปทิ้งที่จุดพบศพใน อ.เมืองยะลา
ตำรวจตั้ง 2 ประเด็น “ฆ่าไทยพุทธ-หักธุรกิจที่ดิน”
ต่อมาวันพุธที่ 2 ก.พ. พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผบก.ภ.จว.ยะลา) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฆ่ายกครัว 4 ศพว่า ผลการชันสูตรศพอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ทราบว่าผู้ตายถูกทำร้ายด้วยอาวุธปืนและ อาวุธมีด โดยเฉพาะภรรยาและบุตรสาวอายุ 16 ปี นอกจากจะมีร่องรอยถูกยิง 2 แผลแล้ว ยังถูกแทงด้วยมีดอีก 31 แผล ถือเป็นการกระทำที่รุนแรงโหดร้ายมาก
ล่าสุดได้รับการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ ว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีคนครอบครัวหนึ่งหายไปตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. ทาง สภ.รือเสาะ จึงออกสืบสวนติดตามจนพบจุดที่น่าจะมีการต่อสู้และยิงกัน เนื่องจากพบรอยเลือดและปลอกกระสุนปืน โดยเป็นเส้นทางที่ผู้ตายน่าจะใช้ขับรถกลับบ้าน
ทั้งนี้ ทาง บก.ภ.จว.ยะลา ได้ประสานข้อมูลกับ สภ.รือเสาะ และได้เชิญผู้บังคับกองร้อย (ผบ.ร้อย) ของหน่วยทหารที่รับผิดชอบพื้นที่ ต.โคกสะตอ มาสอบถามข้อมูลด้วย โดยเบื้องต้นได้ตั้งประเด็นที่น่าจะเป็นชนวนสังหารยกครัวไว้ 2 ประเด็นคือ
1.เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เนื่องจากครอบครัวนี้อยู่ในพื้นที่ ต.โคกสะตอ ซึ่งมีความรุนแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ขณะที่นายประสิทธิ์ก็เป็นทั้งชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และอาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน (อรบ.) ซึ่งถือว่ามีความล่อแหลมต่อการถูกลอบทำร้ายจากกลุ่มก่อความไม่สงบ
2.อาจเป็นเรื่องส่วนตัว เนื่องจากผู้เสียชีวิตมีที่ดินหลายแปลง มีอาชีพทำสวนยางพารา และมีฐานะค่อนข้างดี นอกจากนั้นยังทำธุรกิจรับจ้างปรับที่ดินเพื่อบุกเบิกสำหรับทำการเกษตร โดยมีรถแทรคเตอร์ของตนเองจำนวน 6 คัน จึงอาจมีความขัดแย้งกับเจ้าของที่ดินเดิม หรือขัดแย้งกับผู้ที่จะขอให้บุกเบิกที่ดินเพื่อเปิดป่าทำสวนยางพาราก็ได้
นอกจากนั้น ชุดสืบสวนยังรวบรวมข้อมูลจากการสอบปากคำพยานแวดล้อมจนทราบว่าเคยเห็นรถของ ผู้ตายขับผ่านตลาดรือเสาะ มีชายวัยรุ่นหลายคนนั่งในกระบะท้ายซึ่งมีผ้าใบคลุมอย่างมิดชิด เมื่อมีชาวบ้านถาม ชายวัยรุ่นก็บอกว่ากลับมาจากการเชือดวัว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งสืบสวนเพื่อให้ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการสังหารโหด ครั้งนี้ และติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
ย้อนรอยคดีฆ่ายกครัวไทยพุทธ
อนึ่ง เหตุการณ์สังหารหมู่ชาวไทยพุทธในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นมาอย่างต่อ เนื่องหลายครั้งในรอบ 7 ปีเศษที่ผ่านมา โดยครั้งหลังสุดเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 18 ก.ย.2553 เมื่อคนร้ายจำนวนนับสิบคนใช้อาวุธสงครามเอ็ม 16 บุกยิงชาวไทยพุทธเสียชีวิตรวม 4 ราย ทั้งยังจุดไฟเผาบ้านจนวอดอีก 3 หลัง ในท้องที่บ้านฮูแตยือลอ หมู่ 6 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวไทยพุทธครอบครัวสุดท้ายในหมู่บ้านดังกล่าว
หลังเกิดเหตุร้ายในครั้งนั้น ฝ่ายความมั่นคงได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยชุมชนไทยพุทธในพื้นที่เสี่ยง โดยชุมชนไทยพุทธในพื้นที่ อ.รือเสาะ ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายอำเภอที่อยู่ในบัญชีเสี่ยงถูกลอบทำร้ายด้วย แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีกจนได้
บึ้ม 2 ลูก 2 จังหวัดดักทำร้าย จนท.
ตลอดวันอังคารที่ 1 ก.พ. ยังมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอีกหลายเหตุการณ์ เริ่มจากคนร้ายไม่ทราบจำนวนก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส ปฏิบัติหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) ขณะออกปฏิบัติหน้าที่โดยใช้รถกระบะหุ้มเกราะตราโล่ หมายเลขทะเบียน 39505 และรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ เหตุเกิดบนถนนสายชนบท ปากทางเข้าโรงเรียนบ้านจูดแดง หมู่ 6 ต.มะนังตายอ อ.เมือง จ.นราธิวาส แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 6 นาย คือมีอาการแน่นหน้าอกและหูอื้อ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย
สำหรับระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง บรรจุในถังแก๊สหุงต้ม น้ำหนัก 5 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ โดยคนร้ายนำไปฝังไว้ใต้ผิวถนน แล้วลากสายไฟยาวประมาณ 70 เมตรเข้าไปกดจุดชนวนในป่าข้างทาง เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 16.20 น. คนร้ายลอบจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องซึ่งบรรจุไว้ในกล่องเหล็ก วางไว้บริเวณกอหญ้าริมถนนเพื่อดักทำร้ายทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 ขณะลาดตระเวนเดินเท้าบนถนนสายชนบท บ้านกอตอ บ้านย่อยของบ้านคลองหิน หมู่ 2 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน
รวบตำรวจ สภ.ยะหริ่ง ขับรถขนยุทธภัณฑ์
วันเดียวกัน พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต ผู้กำกับการ สภ.เมืองปัตตานี พร้อมด้วย พ.ท.ชาคริต สนิทพ่วง ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีการขนอาวุธสงครามโดยใช้รถกระบะจากพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เข้าไปยังชุมชนแหลมนก ต.บานา อ.เมืองปัตตานี จึงนำกำลังทั้งตำรวจและทหารเข้าสกัดจับ
ทั้งนี้ พบรถกระบะต้องสงสัยยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บน 4516 พิษณุโลก จึงขอเข้าตรวจค้น พบอาวุธสงคราม เครื่องกระสุน อุปกรณ์ประกอบระเบิดและเชื้อปะทุระเบิด รวมทั้งเสื้อเกราะกันกระสุน วิทยุสื่อสาร และโทรศัพท์มือถือรวมกว่า 50 รายการ จึงควบคุมตัวคนขับรถคือ ส.ต.ท.ธีรภัทร ทวีนาถ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม (ผบ.หมู่ ป.) สภ.ยะหริ่ง ไปสอบสวนขยายผลที่ สภ.เมืองปัตตานี เนื่องจากเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้าง สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
ยิงพ่อค้าผลไม้กลางตลาด-ลูกซองส่องชาวบ้านดับ
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 22.25 น.วันจันทร์ที่ 31 ม.ค.2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันในตลาดสด อบจ. (ตลาดสดขององค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา) ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ ทราบว่ามีคนร้าย 2 คนใส่เสื้อยืดสีฟ้า สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า มีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 11 มม.ยิงใส่ นายยะนูน หลังปาตัน อายุ 49 ปี อาชีพพ่อค้าผลไม้ในตลาด อยู่บ้านเลขที่ 97/141 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับบาดเจ็บ
ช่วงเวลาใกล้เคียง คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนลูกซองซุ่มยิง นายนิมะ มะแซฮะ อายุ 30 ปี อาชีพรับจ้างกรีดยางพาราและเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์อยู่ในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนในหมู่บ้านตะโล๊ะ (บ้านย่อยของบ้านกูวา) หมู่ 1 ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าทั้ง 2 เหตุการณ์เป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบหรือเป็นเรื่องขัดแย้ง ส่วนตัว
*****
ท่องเอาไว้ ..เข้าใจ เข้าถึง ป๊าตตานา
เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 1 ก.พ. ศูนย์รวมข่าวสภ.เมืองยะลา รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิต 4 ราย ข้างคูน้ำในป่าหญ้าริมถนนบ้านบาโงดือปู หมู่ 13 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา จึงแจ้ง พ.ต.อ.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผกก.สภ.เมืองยะลา พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยแม่ก่อเหนี่ยวยะลา เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมากมุงดูเหตุการณ์ด้วยความสนใจ จึงให้เจ้าหน้าที่ปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบพบศพนายประสิทธิ์ บุญหลง อายุ 43 ปี นางมณี ศรีขวัญ อายุ 36 ปี น.ส.รุ่งรัชณี บุญหลง อายุ 16 ปี และด.ช.รุ่งระพี บุญหลง อายุ 7 ขวบ ทั้งหมดเป็นพ่อแม่ลูกกัน อยู่บ้านเลขที่ 38/3 หมู่ 6 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิ วาส ลักษณะศพนอนกองรวมกัน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3 วัน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณดังกล่าว จากการตรวจสภาพศพเบื้องต้นพบว่าทั้ง 4 ศพ ถูกยิงตามร่างกายหลายแห่ง ด้วยปืนขนาด 11 ม.ม. และ 9 ม.ม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองยะลา ได้รับการประสานจากสภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ว่า บุคคลทั้ง 4 ราย หายออกจากบ้านไปพร้อมกับรถยนต์กระบะโตโยต้า ไทเกอร์ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน บจ 4179 ยะลา เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยญาติเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ช่วยติดตามตัว เมื่อไปตรวจสอบจากบริเวณบ้านซึ่งอยู่ในสวนยาง พบรอยเลือด จำนวนหนึ่งอยู่บริเวณทางออกจากบ้าน พร้อมปลอกกระสุนปืน 11 ม.ม. 4-5 ปลอกตกอยู่ กระทั่งต่อมาพบเป็นศพดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่าทั้ง 4 คน อาจถูกคนร้ายดักทำร้ายที่หน้าบ้านและเสียชีวิตก่อนจะนำศพมาทิ้งไว้ที่พื้น ที่อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 30 ก.ม.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อสอบถามไปยังญาติของผู้เสียชีวิตทราบว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา นายประสิทธิ์เดินทางออกจากบ้านพร้อมกับภรรยา และลูกอีก 2 คน เพื่อไปส่งน.ส.รุ่งรัชณี ซึ่งกำลังศึกษาชั้นม.4 ที่โรงเรียนเฉลิมพระ เกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา แต่ทั้ง 4 คน ก็หายตัวไป ก่อนที่ชาวบ้านจะมาพบว่าเป็นศพในพื้นที่อ.เมือง จ.ยะลา ดังกล่าว ส่วนรถของผู้เสียชีวิตหายไป คาดว่าคนร้ายนำหลบหนีไปด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พุ่งเป้าไปที่ประเด็นความขัดแย้งส่วนตัว เนื่องจากพฤติกรรมการก่อเหตุของคนร้ายครั้งนี้ แตกต่างจากการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็น ในเรื่องของการสร้างเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
ฆ่ายกครัว - นายประสิทธิ์ บุญหลง เมีย ลูกสาวและลูกชาย ถูกฆ่าตายรวม 4 ศพ ทิ้งชายป่าในเขตอ.เมือง จ.ยะลา หลังขับรถออกจากบ้านพัก อ.รือเสาะ
***********************
ตำรวจตั้ง 2 ประเด็นฆ่ายกครัว 4 ศพทิ้งขึ้นอืดที่ยะลา “ล่าสังหารไทยพุทธ-หักผลประโยชน์ธุรกิจที่ดิน” เผยครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายพื้นเพอยู่ที่ ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี แต่ไปสร้างบ้านทำสวนยางพาราที่บ้านศรีภักดี ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส กระทั่งกลายเป็นไทยพุทธครอบครัวสุดท้าย แถมเป็นทั้ง ชรบ.-อรบ.อาจเป็นชนวนฆ่าหมู่ แต่ยังไม่ตัดประเด็นขัดแย้งทางธุรกิจ เหตุรับจ้างปรับที่ดินจนมีฐานะดี ขณะที่กำลังผสมสกัดจับรถกระบะขนยุทธภัณฑ์จำนวนมาก ตะลึงคนขับเป็นตำรวจ สภ.ยะหริ่ง
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงนี้ยังคงมีเหตุรุนแรงขึ้นอย่างต่อ เนื่อง โดยเมื่อวันอังคารที่ 1 ก.พ.2554 เวลา 15.45 น. ร.ต.ท.กฤชพิชญ์ พิชญนิตินัย ร้อยเวร สภ.เมืองยะลา รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบศพ 4 ศพถูกทิ้งขึ้นอืดอยู่ที่บ้านบาโงตือบู หมู่ 13 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุเป็นป่าละเมาะ ปลอดคน อยู่ห่างจากทางรถไฟประมาณ 300 เมตร พบศพนอนทับกันอยู่จำนวน 4 ศพบริเวณหลุมข้างท่อระบายน้ำซีเมนต์ ทราบชื่อคือ นายประสิทธิ์ บุญหลง อายุ 43 ปี นางมณี ศรีขวัญ อายุ 36 ปี ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน น.ส.รุ่งรัชนี บุญหลง อายุ 16 ปี และ ด.ช.รุ่งระพี บุญหลง อายุ 7 ขวบ เป็นบุตรสาวและบุตรชายของนายประสิทธิ์กับนางมณี สภาพศพของนายประสิทธิ์นอนทับนางมณี และ น.ส.รุ่งรัชนี ส่วนศพ ด.ช.รุ่งระพี อยู่ข้างศพทั้งสาม มีร่องรอยถูกยิงที่ลำตัวและศีรษะ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ญาติมาดูศพ และรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในพื้นที่บ้านแป้น ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายประสิทธิ์และครอบครัวมีบ้านและสวนยางพาราอยู่ที่บ้านศรีภักดี หมู่ 6 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ยินเสียงปืนจำนวน 5 นัดที่บ้านของนายประสิทธิ์ แต่เมื่อเสียงปืนสงบลงชาวบ้านได้พากันไปดูที่บ้านกลับไม่พบเจ้าของบ้านและรถ ยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน บจ 4179 ยะลา ซึ่งเป็นของนายประสิทธิ์แต่อย่างใด พบเพียงปลอกกระสุนเอ็ม 16 จำนวนหนึ่ง เพื่อนบ้านจึงได้ออกค้นหา และไปแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.รือเสาะ
ผลการสอบสวนยังทราบว่า ครอบครัวของนายประสิทธิ์มีบ้านเดิมอยู่ที่ ต.แป้น อ.สายบุรี แต่ไปทำสวนอยู่ที่บ้านศรีภักดี ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ นานกว่า 20 ปีแล้ว โดยครอบครัวของนายประสิทธิ์เป็นชาวไทยพุทธครอบครัวเดียวในพื้นที่ที่ยังไม่ อพยพออกจากหมู่บ้าน ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุนายประสิทธิ์ได้พาภรรยาและลูกชายคนเล็กเดินทางไปรับ น.ส.รุ่งรัชนี ลูกสาว ที่โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ต.บุดี อ.เมืองยะลา โดย น.ส.รุ่งรัชนี เป็นนักเรียนกินนอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ จากนั้นก็ขับรถกลับบ้านที่ อ.รือเสาะ เมื่อเย็นวันที่ 30 ม.ค. คาดว่าเมื่อไปถึงบ้านได้ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 สังหารแบบยกครัว และนำศพไปทิ้งที่จุดพบศพใน อ.เมืองยะลา
ตำรวจตั้ง 2 ประเด็น “ฆ่าไทยพุทธ-หักธุรกิจที่ดิน”
ต่อมาวันพุธที่ 2 ก.พ. พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผบก.ภ.จว.ยะลา) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฆ่ายกครัว 4 ศพว่า ผลการชันสูตรศพอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ทราบว่าผู้ตายถูกทำร้ายด้วยอาวุธปืนและ อาวุธมีด โดยเฉพาะภรรยาและบุตรสาวอายุ 16 ปี นอกจากจะมีร่องรอยถูกยิง 2 แผลแล้ว ยังถูกแทงด้วยมีดอีก 31 แผล ถือเป็นการกระทำที่รุนแรงโหดร้ายมาก
ล่าสุดได้รับการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ ว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีคนครอบครัวหนึ่งหายไปตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. ทาง สภ.รือเสาะ จึงออกสืบสวนติดตามจนพบจุดที่น่าจะมีการต่อสู้และยิงกัน เนื่องจากพบรอยเลือดและปลอกกระสุนปืน โดยเป็นเส้นทางที่ผู้ตายน่าจะใช้ขับรถกลับบ้าน
ทั้งนี้ ทาง บก.ภ.จว.ยะลา ได้ประสานข้อมูลกับ สภ.รือเสาะ และได้เชิญผู้บังคับกองร้อย (ผบ.ร้อย) ของหน่วยทหารที่รับผิดชอบพื้นที่ ต.โคกสะตอ มาสอบถามข้อมูลด้วย โดยเบื้องต้นได้ตั้งประเด็นที่น่าจะเป็นชนวนสังหารยกครัวไว้ 2 ประเด็นคือ
1.เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เนื่องจากครอบครัวนี้อยู่ในพื้นที่ ต.โคกสะตอ ซึ่งมีความรุนแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ขณะที่นายประสิทธิ์ก็เป็นทั้งชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และอาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน (อรบ.) ซึ่งถือว่ามีความล่อแหลมต่อการถูกลอบทำร้ายจากกลุ่มก่อความไม่สงบ
2.อาจเป็นเรื่องส่วนตัว เนื่องจากผู้เสียชีวิตมีที่ดินหลายแปลง มีอาชีพทำสวนยางพารา และมีฐานะค่อนข้างดี นอกจากนั้นยังทำธุรกิจรับจ้างปรับที่ดินเพื่อบุกเบิกสำหรับทำการเกษตร โดยมีรถแทรคเตอร์ของตนเองจำนวน 6 คัน จึงอาจมีความขัดแย้งกับเจ้าของที่ดินเดิม หรือขัดแย้งกับผู้ที่จะขอให้บุกเบิกที่ดินเพื่อเปิดป่าทำสวนยางพาราก็ได้
นอกจากนั้น ชุดสืบสวนยังรวบรวมข้อมูลจากการสอบปากคำพยานแวดล้อมจนทราบว่าเคยเห็นรถของ ผู้ตายขับผ่านตลาดรือเสาะ มีชายวัยรุ่นหลายคนนั่งในกระบะท้ายซึ่งมีผ้าใบคลุมอย่างมิดชิด เมื่อมีชาวบ้านถาม ชายวัยรุ่นก็บอกว่ากลับมาจากการเชือดวัว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งสืบสวนเพื่อให้ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการสังหารโหด ครั้งนี้ และติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
ย้อนรอยคดีฆ่ายกครัวไทยพุทธ
อนึ่ง เหตุการณ์สังหารหมู่ชาวไทยพุทธในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นมาอย่างต่อ เนื่องหลายครั้งในรอบ 7 ปีเศษที่ผ่านมา โดยครั้งหลังสุดเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 18 ก.ย.2553 เมื่อคนร้ายจำนวนนับสิบคนใช้อาวุธสงครามเอ็ม 16 บุกยิงชาวไทยพุทธเสียชีวิตรวม 4 ราย ทั้งยังจุดไฟเผาบ้านจนวอดอีก 3 หลัง ในท้องที่บ้านฮูแตยือลอ หมู่ 6 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวไทยพุทธครอบครัวสุดท้ายในหมู่บ้านดังกล่าว
หลังเกิดเหตุร้ายในครั้งนั้น ฝ่ายความมั่นคงได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยชุมชนไทยพุทธในพื้นที่เสี่ยง โดยชุมชนไทยพุทธในพื้นที่ อ.รือเสาะ ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายอำเภอที่อยู่ในบัญชีเสี่ยงถูกลอบทำร้ายด้วย แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีกจนได้
บึ้ม 2 ลูก 2 จังหวัดดักทำร้าย จนท.
ตลอดวันอังคารที่ 1 ก.พ. ยังมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอีกหลายเหตุการณ์ เริ่มจากคนร้ายไม่ทราบจำนวนก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส ปฏิบัติหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) ขณะออกปฏิบัติหน้าที่โดยใช้รถกระบะหุ้มเกราะตราโล่ หมายเลขทะเบียน 39505 และรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ เหตุเกิดบนถนนสายชนบท ปากทางเข้าโรงเรียนบ้านจูดแดง หมู่ 6 ต.มะนังตายอ อ.เมือง จ.นราธิวาส แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 6 นาย คือมีอาการแน่นหน้าอกและหูอื้อ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย
สำหรับระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง บรรจุในถังแก๊สหุงต้ม น้ำหนัก 5 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ โดยคนร้ายนำไปฝังไว้ใต้ผิวถนน แล้วลากสายไฟยาวประมาณ 70 เมตรเข้าไปกดจุดชนวนในป่าข้างทาง เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 16.20 น. คนร้ายลอบจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องซึ่งบรรจุไว้ในกล่องเหล็ก วางไว้บริเวณกอหญ้าริมถนนเพื่อดักทำร้ายทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 ขณะลาดตระเวนเดินเท้าบนถนนสายชนบท บ้านกอตอ บ้านย่อยของบ้านคลองหิน หมู่ 2 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน
รวบตำรวจ สภ.ยะหริ่ง ขับรถขนยุทธภัณฑ์
วันเดียวกัน พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต ผู้กำกับการ สภ.เมืองปัตตานี พร้อมด้วย พ.ท.ชาคริต สนิทพ่วง ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีการขนอาวุธสงครามโดยใช้รถกระบะจากพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เข้าไปยังชุมชนแหลมนก ต.บานา อ.เมืองปัตตานี จึงนำกำลังทั้งตำรวจและทหารเข้าสกัดจับ
ทั้งนี้ พบรถกระบะต้องสงสัยยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บน 4516 พิษณุโลก จึงขอเข้าตรวจค้น พบอาวุธสงคราม เครื่องกระสุน อุปกรณ์ประกอบระเบิดและเชื้อปะทุระเบิด รวมทั้งเสื้อเกราะกันกระสุน วิทยุสื่อสาร และโทรศัพท์มือถือรวมกว่า 50 รายการ จึงควบคุมตัวคนขับรถคือ ส.ต.ท.ธีรภัทร ทวีนาถ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม (ผบ.หมู่ ป.) สภ.ยะหริ่ง ไปสอบสวนขยายผลที่ สภ.เมืองปัตตานี เนื่องจากเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้าง สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
ยิงพ่อค้าผลไม้กลางตลาด-ลูกซองส่องชาวบ้านดับ
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 22.25 น.วันจันทร์ที่ 31 ม.ค.2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันในตลาดสด อบจ. (ตลาดสดขององค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา) ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ ทราบว่ามีคนร้าย 2 คนใส่เสื้อยืดสีฟ้า สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า มีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 11 มม.ยิงใส่ นายยะนูน หลังปาตัน อายุ 49 ปี อาชีพพ่อค้าผลไม้ในตลาด อยู่บ้านเลขที่ 97/141 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับบาดเจ็บ
ช่วงเวลาใกล้เคียง คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนลูกซองซุ่มยิง นายนิมะ มะแซฮะ อายุ 30 ปี อาชีพรับจ้างกรีดยางพาราและเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์อยู่ในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนในหมู่บ้านตะโล๊ะ (บ้านย่อยของบ้านกูวา) หมู่ 1 ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าทั้ง 2 เหตุการณ์เป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบหรือเป็นเรื่องขัดแย้ง ส่วนตัว
*****
ท่องเอาไว้ ..เข้าใจ เข้าถึง ป๊าตตานา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น