แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การก่อการร้าย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การก่อการร้าย แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

ป่วนไปทั่ว สมุนลัทธิบ้าคลั่ง


ยิงทหารพราน เจ็บสาหัส 1 นาย

16 เมษา. 2554 16:56 น.

กลุ่มก่อความไม่สงบก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน บาดเจ็บสาหัส 1 นายในพื้นที่ จ.นราธิวาส 

เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.ท.เปลี่ยน ชูสุวรรณ สารวัตรเวร สภ.ตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามตามประกบยิง อส.ทพ.มูหาหมัดยากี อามะ อายุ 26 ปี เป็นอาสาสมัครทหารพรานกองร้อยที่ 4616 กรมทหารพรานที่ 46 ซึ่งตั้งฐานอยู่บ้านนาดา ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้านโคกสยา ม. 8 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง ที่เกิดเหตุพบเพียงรถ จยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนล้มตะแคงอยู่ริมถนน พร้อมด้วยกองเลือดจำนวนหนึ่งตกอยู่ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บพลเมืองดีได้นำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ไปก่อนหน้าแล้ว โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบพบหลักฐานใดๆของคนร้าย 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปดูอาการ อส.ทพ.มูหาหมัดยากี ที่โรงพยาบาล ซึ่งมีบาดแผลถูกกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาดของคนร้ายที่บริเวณต้นคอหลังทะลุปาก และบริเวณแขนขวา รวม 3 นัด แพทย์ต้องช่วยเหลือชีวิตอย่างเร่งด่วน 
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ อส.ทพ.มูหาหมัดยากี ได้ขี่รถ จยย.ออกจากฐานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.รือเสาะตามลำพัง เพื่อเดินทางกลับบ้านพักในช่วงวันลาพักผ่อน เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขี่รถ จยย.ตามประกบไล่หลัง เมื่อสบโอกาสคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดออกมายิงใส่ จำนวน 3 นัดซ้อน จนรถเสียหลักล้มคว่ำ แล้วคนร้ายได้รีบขี่รถ จยย.หลบหนีไป ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน 

************************************
อินโดฯยกระดับรปภ.ทั่วประเทศ
16 เมษา. 2554 16:39 น. 
ตำรวจอินโดนีเซีย ยกระดับการรักษาความปลอดภัยในสำนักงานตำรวจทั่วประเทศให้มากยิ่งขึ้น หลังเกิดเหตุระเบิดพลีชีพในมัสยิดในบริเวณชุมชนของตำรวจ ที่เมืองซิเรบัน จังหวัดชวาตะวันตกเมื่อวานนี้

จากการตรวจสอบเบื้องต้นของตำรวจพบว่า มือระเบิดพลีชีพรายนี้ คาดว่าเป็นผู้ชายวัยระหว่าง 25-35 ปี โดยตำรวจกำลังสืบสวนหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ รวมถึงการเชื่อมโยงต่อกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ โดยขณะเกิดเหตุ คนร้ายซุกซ่อนระเบิดไว้ในตัว และทำการระเบิดขณะที่ตำรวจกำลังทำการละหมาดใหญ่ในวันศุกร์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 30 คน รวมถึงหัวหน้าตำรวจของเมืองซิเรบันด้วย 

เหตุการณ์นี้ ถือเป็นการก่อเหตุระเบิดพลีชีพในมัสยิดครั้งแรกของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก และเป็นการก่อเหตุรุนแรงครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังเกิดระเบิดพลีชีพที่โรงแรมหรู 2 แห่งในกรุงจาการ์ต้า เมื่อปี 2552 ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมด 9 ราย รวมทั้งผู้ก่อเหตุ 2 ราย ทำให้อินโดนีเซียต้องยกระดับการรักษาความปลอดภัยต่อการโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย 

ทางการอินโดนีเซีย กล่าวโทษว่า เหตุระเบิดในโรงแรม, ไนท์คลับ และสถานทูต ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 200 ราย เป็นฝีมือของกลุ่มเจมาห์ อิสลามิยา ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอัลไกดา 

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=505117&lang=T&cat=
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=505118&lang=T&cat=

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด


เด็กและหญิงมุสลิม มันก็ลอบกัด

วงจรปิดยิงชุดคุ้มครองพระ


วงจรปิดมือบึ้มยะลา




และตามด้วยลูกที่ 2


ยิงสารวัตรกำนัน

คนร้ายถล่มยิงสารวัตรกำนันตายพร้อมเพื่อน 3 ศพ

อีกชุดยิงจุดตรวจห่างเพียง 100 เมตร

http://peace.chaotainews.com/index.php?option=com_
content&view=article&id=2069:-3-100-&catid=3:2008-07-20-06-16-02&Itemid=7
คำเตือน: ภาพถ่ายนี้เป็นลิขสิทธิ์ของช่างภาพ ห้ามทำซ้ำหรือนำไปเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ

เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 15 มีค. พ.ต.อ.ชาญเดช ศรีสังข์ ผกก. สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกัน ที่บ้านเลขที่ 139 ม.5 ต.น้ำดำ อยู่ห่างจุดตรวจยุทธศาสตร์น้ำดำ ประมาณ 150 เมตรและอยู่บริเวณสามแยกตลาดนัดน้ำดำ หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก. และชุดพิสูจน์หลักฐาน

เมื่อไปถึงพบว่าจุดเกิดเหตุเปิดเป็นอู่ซ่อมรถยนต์เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตนอนตายจมกองเลือด จำนวน 3 ราย ทราบชื่อนายตูแวเลาะ โอ๊ะ อายุ 42 ปี 
เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุและเป็นสารวัตรกำนัน นายยูโซ๊ะ อีสอ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 ม.1ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง และ นายเจ๊ะโก๊ะ ดาโอ๊ะ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่113 ม.5 ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง ทั้งสามคนถูกยิงด้วยอาวุธสงครามหลายนัด

นอกจากนี้ตัวบ้านยังมีรูกระสุนหลายแห่ง ในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกรสุนเอชเค เอ็ม 16 และ 9 มม. ตกเกลื่อนบนถนนนอกจากนี้ยังพบว่าคนร้ายยัง ได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่จุดตรวจยุทธศาสตร์น้ำดำซึ่งอยู่ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 150 เมตร ทำให้ตัวป้อมและรถยนต์กระบะสายตรวจถูกยิงได้รับความเสียหายไปด้วยแต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ

สอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่า ขณะที่ผู้ตายทั้งสามและเพื่อนรวม 6คนกำลังนั่งดื่มน้ำชาพูดคุยกันภายในอู่ซ่อมรถ ปรากฏว่าได้มีคนร้ายคาดว่า 5 - 7 คนใช้รถยนต์กระบะสีดำขับมาจอดหน้าอู่แล้วใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่กลุ่มผู้ตายจนเสียงดังสนั่นกระสุนถูกทั้งสามคนจนฟุบกองกับพื้น

ส่วนอีกสามคนหนีไปได้คนร้ายยังกระโดดลงจากรถเข้าไปยิงซ้ำอีกหลายนัดจนเสียชีวิตทันทีกระทั่งเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ภายในป้อมเห็นเหตุการณ์จึงใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่เนื่องจากที่เกิดเหตุมีประชาชนจำนวนมากแต่ปรากฏว่าคนร้ายอีกชุดซึ่งซุ่มอยู่ข้างมัสยิดห่างประมาณ 50เมตรใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่จุดตรวจจนเจ้าหน้าที่ต้องกระโดดหลบกระสุนและยังมีคนร้ายอีกชุดอยู่บริเวณเดียวกันยิงซ้ำอีกจนเสียงดังสนั่นจนเกิดการยิงปะทะกันขึ้นเจ้าหน้าที่ได้วิทยุขอกำลังเสริมคนร้ายจึงได้ทิ้งตะปูเรือใบก่อนกระจายกันหลบหนีไป

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ 3ฝ่ายกระจายกำลังไล่ล่าคนร้ายและปิดเส้นทางทุกสาย แต่ก็ไร้วี่แววสาเหตุเชื่อเป็นการสร้างสถานการณ์
- -
- -
- -
- 
- 

ไอ้โจรปล้นสดมภ์ อ้างอัลเลาะห์

โจรใต้สวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่ตั้งด่านปล้นสองผัวเมียที่นราธิวาส


นราธิวาส - คนร้ายแต่กายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ ตั้งด่านลอยปล้นและทำร้ายชาวบ้านบนถนนสายรือเสาะ-จะกว๊ะ ได้เงินสดกว่าแสนบาท พร้อมรถยนต์กระบะอีก 1 คัน
      
       เมื่อเวลา 04.30 น. วันนี้ (1 เม.ย.) ร.ต.ท.ศรีธนนท์ สำลี ร้อยเวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ตั้งด่านลอยปล้นและทำร้ายชาวบ้านบนถนนสายรือเสาะ-จะกว๊ะ ช่วงบริเวณบ้านสาวอ ม.1 ต.รือเสาะออก จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สะท้านฟ้า วามะสิงห์ ผกก.สภ.รือเสาะ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
      
       พบนางจินตนา ตินสั้น อายุ 42 ปี ภูมิลำเนาอยู่เขตเทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส อยู่ในสภาพถูกทำร้ายจนใบหน้าบวมปูดและเขียวช้ำ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ อบต.สาวอ กำลังปลอบโยนเพื่อให้หายความหวาดกลัว พร้อมทั้งแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ช่วยหาสามีที่ถูกคนร้ายรุมทำร้ายและได้พาตัวหายไปกับรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน ผข 3510 สงขลา ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะช่วยนำตัวนางจินตนาส่งรักษาที่โรงพยาบาลรือเสาะ
      
       ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้วิทยุประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อสกัดกั้นรถยนต์กระบะคันดังกล่าว โดยเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่พบร่างของนายพิชัย ตินสั้น อายุ 54 ปี สามีนางจินตนา นอนสลบอยู่ภายในป่ารกทึบห่างจากโรงไม้แปรรูปนราพาราวู๊ด ประมาณ 50 เมตร ซึ่งอยู่ในสภาพศีรษะ และใบหน้า ถูกทุบตีจนบวมปูดและมีเลือดไหล เจ้าหน้าที่จึงได้รีบนำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลรือเสาะ ซึ่งทั้งคู่อาการสาหัส แพทย์ต้องส่งตัวรักษาต่อยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
      
       จากการสอบสวนนางจินตนา เจ้าหน้าที่ทราบว่าก่อนเกิดเหตุได้นั่งรถยนต์กระบะออกจากบ้าน โดยมีสามีเป็นคนขับและพกเงินสดประมาณ 1 แสนบาท เพื่อเดินทางไปซื้อกับข้าวที่ตลาดสด จ.ยะลา มาจำหน่ายที่ตลาดสดเทศบาลรือเสาะ ซึ่งนางจินตนาและสามีจะเดินทางไปซื้อของมาจำหน่ายเป็นประจำ ขณะที่สามีขับรถยนต์กระบะถึงจุดเกิดเหตุได้มีคนร้ายประมาณ 10 คน แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ทหารถืออาวุธปืนสงครามครบมือ ตั้งจุดตรวจจุดสกัดลอยและได้เรียกสามีให้จอดรถเพื่อขอตรวจค้น
      
       เมื่อสามีจอดรถยนต์ กลุ่มคนร้ายได้แสดงท่าทีโดยใช้วาจาที่หยาบคาย พร้อมทั้งเรียกให้สามีและตนลงจากรถ 1 ใน 10 คนร้ายได้ใช้บั้นท้ายอาวุธปืนสงครามทุบไปที่ศีรษะและใบหน้าของสามีและตนจนล้มทั้งยืนไปนอนกองอยู่ที่พื้นถนน แล้วคนร้ายได้พยุงร่างของสามีและตนไปไว้ที่กระบะหลัง แล้วคนร้ายทั้งหมดได้เก็บอุปกรณ์ในการตั้งด่านลอยขึ้นรถยนต์ของสามี ขับไปตามถนนมุ่งสู่พื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา ก่อนที่จะจอดทิ้งร่างของตนไว้ริมถนน และนำร่างของสามีไปทิ้งไว้อีกที่หนึ่งแล้วขับรถยนต์กระบะหลบหนีไปพร้อมกับเงินสดจำนวน 1 แสนบาทที่เก็บไว้ในลิ้นชักหน้าคอนโซล
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตั้งจุดตรวจด่านลอยปกติเป็นภารกิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองในพื้นที่เพื่อตรวจสอบบุคคลที่แฝงตัวซึ่งอาจจะเป็นคนร้าย และตรวจยานพาหนะที่ต้องสงสัย ลำเลียงวัตถุระเบิดหรืออาวุธสงคราม
      
       เหตุการณ์ที่คนร้ายแต่งกายชุดเจ้าหน้าที่ ทำให้ประชาชนต้องลำบากใจมากขึ้น หากเจ้าหน้าที่ตั้งด่าน ชาวบ้านที่สัญจรยานพาหนะไม่จอดรถให้ตรวจสอบก็จะมีความผิด และถ้าเจอด่านโจร ชาวบ้านจะต้องประสบชะตากรรมความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

แลกชีวิต รปภ. กับไอ้โจรชั่ว


โจรไล่ยิงรปภ.ทหารผ่านศึกดับวิสามัญคนร้าย1

07 April 2011


คนร้ายไล่ยิง รปภ.ทหารผ่านศึกปัตตานี เสียชีวิต ส่วนคนร้ายถูกยิงสวนเสียชีวิต 1

วันนี้ 7 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ร.ต.อ.มานพ หนูหอม  ร้อยเวร สภ.เมืองปัตตานี รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตรวม 2 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลปัตตานีเหตุเกิดบนถนนสาย 412 ม.4 ต.บานา อ.เมืองปัตตานี  จึงรายงานผู้บังคับบัญชาและรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.อ.พิเชษฐ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี พ.ต.อ.สมพร มีสุข ผกก. และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานปัตตานี พร้อมกำลังตำรวจ ทหาร   เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ 2 คัน เป็นรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ เขียว ทะเบียน กทษ ปน.514 และ จยย.ฮอนด้าดรีม กลฟ ปน.476 ล้มอยู่กลางถนน และมีกองเลือดเป็นจำนวนมาก ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน4 ปลอก 

ส่วนผู้ถูกยิงถูกนำส่งโรงพยาบาลปัตตานี ทราบชื่อ  นายวิเชษฐ์  บุญชัย  อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สำนักงานทหารผ่านศึกปัตตานี  อยู่บ้านเลขที่ 8 ถ.นาเกลือ ต.อาเนาะรู อ.เมืองปัตตานี  มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนสั้น 9 มม.เข้ากลางหลัง 2 นัด  และ นายอับดุลรอแม  เจะแว  อายุ  23 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 8 ม.1 บ้านกะมิยอ  ต.กะมิยอ  อ.เมืองปัตตานี  มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน .357 เข้าที่ศรีษะ 1 นัด ซึ่งเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ  
              
จากสอบสวนทราบว่า  ก่อนเกิดเหตุ  ขณะที่ นายวิเชษฐ์ กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์จยย.ฮอนด้าเวฟ เขียว ทะเบียน กทษ ปน.514 ออกจากที่ทำงาน รปภ.สำนักงานทหารผ่านศึกปัตตานีเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านพักในตัวเมืองปัตตานี  ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คนใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะตามประกบยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.กระสุนถูกที่กลางหลังบาดเจ็บสาหัส แต่นายวิเชษฐ์ได้แข็งใจพยายามต่อสู้ใช้อาวุธปืนประจำตัวขนาด.357  ยิงตอบโต้คนร้าย กระสุนถูกคนร้าย นายอับดุลรอแม ที่นั่งซ้อนท้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนร้ายถูกยิงเช่นกัน ทำให้รถล้ม นายอับดุลรอแม คนร้ายแน่นิ่งกลางถนน ส่วนคนร้ายที่เป็นผู้ขับขี่ บาดเจ็บ ได้มีรถปิกอัพไม่ทราบชนิดมารับหลบหนีไปอีกคนได้วิ่งหลบหนีเข้าป่าไป  ส่วนที่เกิดเหตุพลเมืองดีผ่านมาประสบเหตุได้ช่วยนำผู้บาดเจ็บทั้งสอง ทั้งคนร้าย และ เจ้าหน้าที่ทหารผ่านศึกส่งโรงพยาบาลปัตตานี แต่ทั้งสองรายทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้มีการปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุเพื่อติดตามคนร้ายที่หลบหนีอีก 1 คนซึ่งคาดว่าน่าจะถูกยิงได้รับบาดเจ็บเช่นกัน.
 

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

เรื่องราวโจรใต้ที่คุณยังไม่รู้

จดหมายจากปัตตานี เรื่องราวโจรใต้ที่คุณยังไม่รู้ รีบอ่านถ้ายังรักประเทศไทย




จดหมายจากปัตตานี

ผมถามใครเรื่องไฟใต้ ไม่เคยได้คำตอบที่ตรงกันเลย บางคนบอกว่าโจรใต้คือ

RKK บางคนบอกว่าเป็นเด็กที่ทักษิณจ้างมาป่วนเอง บ้างบอกเป็นทหาร

บ้างบอกเป็นตชด ผมเลยสรุปเอาว่า คนไทยพุทธหลายคนก็ใช้หลักการเดาๆ

เอา ว่าใครเป็นโจร และเดาๆเอาว่าไฟใต้น่าจะเกิดขึ้นจากเหตุผลนั้นเหตุผลนี้

ผมเลยอยากจะคุยกับคนมุสลิมดู เขาน่าจะรู้แน่ว่าโจรคือใคร แต่ถ้าเกิดคุยผิดตัว

ไปคุยกะโจรหรือแนวร่วม คงไม่ได้ข้อมูลจริง แถมตัวก็จะไม่ปลอดภัยด้วย

แล้ววันนั้นโอกาสผมก็มาถึง เมื่อต้นปี 2550 ผมได้มีโอกาสรู้จักกับสาวมุสลิมคนหนึ่ง

หลังจากหว่านสเน่ห์จนพูดคุยถูกคอ จึงไม่รอช้า ทำการตะล่อมสอบถามเธอ

เกี่ยวกับเรื่องความไม่สงบในภาคใต้ ( ผมบอกกับเธอว่า ผมเป็นนักเรียนนอก

จากอเมริกา กลับมาประเทศไทยมาทำงานที่สงขลาชั่วคราว อนาคตอาจจะ

กลับไปทำงานต่างประเทศ ที่ผมบอกแบบนั้นก็เพราะไม่ต้องการให้เธอ

รู้สึกว่าผมเป็นคนไทยเลือดรักชาติ เพื่อที่เธอจะได้กล้าตอบคำถามผ

มแบบตรงไปตรงมาๆ สบายๆ)

เมื่อผมถามเธอว่าใครเป็นโจรใต้ตอนนี้ เธอเริ่มเล่าถึงกลุ่มอาร์เคเค และ

แนวร่วม เธอบอกว่า RKK มีอยู่จริง ไม่ใช่นิยายหลอกคนไทย และกลุ่ม

RKK รวมทั้งกลุ่มอื่นๆ มีกระจายอยู่ทั้งสามจังหวัดภาคใต้ และมีการฝึกซ้อม

ใช้อาวุธเป็นล่ำเป็นสัน (ยังบอกชื่อภูเขาที่ใช้ฝึกซ้อมเป็นภาษายาวี 4 พยางค์

จำยากมาก จำไม่ได้จริงๆ) มีการชักชวนเด็กมุสลิมเข้าร่วมขบวนการ

โดยเสนอค่าตอบแทนในปัจจุบันให้สูงถึงเดือนละสองสามหมื่นบาท!

แต่เธอไม่ได้บอกว่าเด็กที่เข้าขบวนการแล้วภายหลังได้รับเงินครบถ้วน

หรือไม่ เพราะเธอก็คงไม่ทราบชัดเจน


เธอบอกว่า RKK เข้ามาชวนถึงหมู่บ้าน เธอว่าถ้าเธอเป็นผู้ชาย ก็คงไปแล้ว
เงินดีขนาดนั้น แต่ติดว่าเธอมีลูกเล็กๆ เธอจึงกล้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มนี้
เพราะกลัวว่าภายหลังจะถูกตำรวจจับ หรือจะไม่ปลอดภัย


เธอเล่าให้ฟังว่า มีเด็กแถวบ้านตอบตกลง ไปฝึกได้วันเดียว ปรากฎว่าใจกล้ามากออกทำงาน ฟันคนไทยพุทธคอหลุดเลย พร้อมทำท่าเสียวไส้

ผมถามเธอว่า โจรเหล่านี้ทำเพื่ออะไร เพื่อแบ่งแยกดินแดนใช่หรือไม่

เธอตอบว่าก็ใช่นะ แต่มันเป็นสาเหตุเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ ถ้าแบ่งแยก
ดินแดนได้ จะถือว่าครองดินแดนได้ ผลประโยชน์มหาศาลก็จะตกอยู่กับกลุ่ม

หลังจากนั้นผมก็ถามและเธอก็ตอบตามนี้

ผม: ทำไมแต่ก่อนไม่เห็นมี RKK ทำไมมันเริ่มมาในยุคทักษิณ

เธอตอบว่า มันมีมาตั้งนานแล้ว RKK แต่มันไม่รุ่ง ไม่มีเงินหนุน
ถูกไล่ฆ่าปราบปราม หรือไม่ค่อยมีอำนาจแล้ว แต่ที่เกิดใหม่นี่
ก็เหมือนกับ RKK เลือดใหม่มากกว่า

ผม: แล้วทำไมมาเริ่มระเบิดเอาตอนรัฐบาลทักษิณ

เธอ: เรื่องมันยาว เอาเป็นว่า พี่ต้องรู้ก่อนว่า ตั้งแต่เป็นหลายสิบปีแล้ว
3 จว นี้มันคือดินแดนแห่ง อำนาจมืดและผลประโยชน์ ผลประโยชน์ที่ว่าก็คือ
ผลประโยชน์จากของเถื่อนทุกชนิด,ยาเสพติด,บ่อนและหวย เพราะมันติดกับ
ต่านมาเลเซียด้วย
(เธอเล่าเพิ่มเติมว่า ผลกำไรทางการค้าที่ถูกกฎหมายของชาวบ้านนั้น ชาวบ้าน
ได้ไปก็ เสียภาษีให้รัฐ แต่ผลประโยชน์จากธุรกิจของเถื่อน ยาเสพติด บ่อน หวย
ต่างๆที่ไม่ถูกกฎหมายนี้ เขาแบ่งกัน “เขา”ที่ว่าก็คือ นักการเมือง, ทหาร,
ข้าราชการ, และก็ตำรวจ)

ผม: ใครอะ นักการเมือง

เธอ: ก็มีที่รู้นะ น.ม.ด. หนะ แล้วก็ ม.ส.ล.ม.

ผม: หมายถึงเป็นพ่อค้าของเถื่อนเหรอ

เธอ: โอ๊ย ทุกอย่าง ไม่แต่แค่ของเถื่อน ยาบ้า ยาเสพติด ทุกอย่าง นักการเมือง
คนอื่นก็มี ท.ท.

ผม: ถามจี๊ง นั่นไทยพุทธนะ??

เธอ: จริงก็แล้วกันหนะ นั่นหนะ ผู้มีอิทธิพลตัวจริง
(ผมคิด เออ ชักเข้าเค้าแฮะ อย่างนี้ก็พออธิบายได้หลายอย่าง)

เธอ: ตอนสมัยทักษิณอยู่ ตำรวจใหญ่ มีอำนาจมาก มีประกาศสงครามกับ
ยาเสพติด ประกาศสงครามผู้มีอิทธิพล คนเสียผลประโยชน์ก็เลยรวมตัวกัน
ก็คือ นักการเมืองท้องถิ่นที่ทำผิดกฎหมาย พอธุรกิจถูกทำลาย ประโยชน์
ที่เคยได้ก็ไม่ได้ ก็เลยร่วมมือกับอีกฝ่ายที่เสียผลประโยชน์ก็คือ ทหาร

ผม: เฮ้ยๆ นี่เธอจะบอกว่า ทหารไทยเองเป็นคนจุดไฟใต้เหรอ

เธอ: พี่ๆ ปล้นปืนกองพันพัฒนาที่สี่หนะ ทหารปล้นเองนะ

ผม: หมายถึง เปิดทางให้โจรปล้น

เธอ: รู้เห็นเป็นใจก็แล้วกัน ไม่งั้น คงจะง่ายขนาดนั้นหรอก

ผม: แล้วจะทำไปทำไม ได้อะไร แล้วทหารเสียประโยชน์ยังไงจากทักษิณ

เธอ: ก็จะเริ่มจุดไฟใต้ ก็ต้องใช้อาวุธ เขาก็ขอยืมหน่อย ใครมีมั่งหละ ก็มีไง
ในค่ายทหารเนี่ย ไหนๆก็มีศัตรูคนเดียวกัน ทหารเสียประโยชน์ยังไงเหรอ
พี่ ไม่มีทหารไหนชอบตำรวจใหญ่หรอก นายกเป็นตำรวจ ตำรวจก็ใหญ่
ตำรวจใหญ่ ทหารก็เล็ก ธรรมดา แล้วตำรวจยังเชียร์จนทักษิณยกเลิก
พตท 43 ยกเลิก ศอบต แหล่งเงินงบประมาณเลย พอเงินไม่มา เลยทำให้รู้
ซะมั่ง ว่าไฟใต้ยังไม่ดับ เดี๋ยวจะหนักกว่าเก่าด้วย เดี๋ยวเงินก็กลับมาเอง

ผม: (อึ้ง)

ผม: สรุปว่าไฟใต้ในช่วงแรกนี้ เกิดจากนักการเมืองท้องถิ่นเลวและนักการเมืองไทยเอง(เลว)รวมกับนายทหารเลวบางคน โดยมีเงินและผลประโยชน์ในเครือที่จะมาแบ่งกัน

เธอ: ประมาณนั้น

ผม: แล้วอาร์เคเคหละเกี่ยวอะไรกับพวกนี้

เธอ: อาร์เคเคก็ถูกจ้างให้เป็นผู้ก่อการ ให้ปืนไปเป็นร้อยๆกระบอก สอนทำอาวุธ
ระเบิด พวกกลุ่มนี้ก็กลับมาแข็งแรงขึ้น

ผม: แล้ว น.ม.ด. กะ ม. ส.ล.ม. ไม่ได้เป็นแกนนำโจรใต้เหรอ

เธอ: ไม่ใช่ แกแค่ทำงานร่วมกัน คิดว่าหมดอำนาจไปแล้วด้วย พอถูกตำรวจจับ
ธุรกิจก็หายอำนาจก็ลดลง ตอนนี้ขบวนการก็ไม่ค่อยฟังแกแล้ว ม.ส.ล.ม. ก็ด้วย

ผม: แกนนำ RKK เป็นพวกเด็กวัยรุ่นเหรอ

เธอ: พวกลูกน้องเป็นเด็ก แกนนำไม่ใช่เด็กแน่ 40-50 ได้ น่าจะมาจาก RKK
สมัยก่อนด้วย

ผม: เธอรู้จักหน้ามั้ย แกนนำนี่

เธอ: แกนนำกลุ่มหนึ่งเขาก็มีกันหลายคน เหมือนสหายร่วมรบหนะ และยังมี
หลายกลุ่มมาก เพราะรัฐบาลอ่อน เขาก็เกิดกลับมา มีทั้งอุสตาส ครูใหญ่ เป็นแกนนำได้หมด แล้วตอนนี้ก็ไม่ได้ขึ้นกับนักการเมืองแล้ว

ผม: มีแกนนำกี่คน

เธอ: ไม่รู้หรอก แต่ว่าจังหวัดนึงก็มีแกนนำผุดเป็นของตัวเอง แยกกันปกครองเด็กแยกกันรบ จังหวัดนึงน่าจะมีไม่กี่คน แต่ทั้งขบวนการณ์มีเยอะ

ผม: จะสรุปอย่างนี้ได้มั้ย เดี๋ยวงง สรุปว่าไฟใต้มีมานานแล้ว ที่ลุกโชนขึ้นมาในปี 47 นี่ เป็นเพราะพวกคนไทยเองที่ขัดผลประโยชน์กัน จนตอนนี้ พวกต้องการแบ่งแยกดินแดนเก่า กลับมาใหญ่อีกครั้ง

เธอ: ใช่

ผม:แล้ว กลุ่ม RKK นี้ ก็ถูกส่งน้ำเลี้ยงด้วยกลุ่มผลประโยชน์จากธุรกิจมืด

เธอ: ใช่ ถ้าไฟใต้ไม่ดับ ตำรวจก็ทำงานลำบาก กลัวๆกลัว ตำรวจลำบาก หวยเถื่อนก็สบาย ยาบ้าก็สบาย ประมาณนั้น พวกนี้ก็ต้องสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนสิ ให้สู้กันไปเรื่อยๆ

ผม: อย่างนี้ สรุปว่า ไฟใต้ไม่ได้เป็นความผิดของทักษิณ

เธอ: ไม่ได้เริ่มที่สมัยทักษิณ แต่ทักษิณดันไปตัดผลประโยชน์ของเค้า ก็เลยมีการรวมหัวกัน ทำให้ไฟใต้รุนแรงกลับมาอีก

ผม: แต่ตอนนี้ตัวต้องไปอยู่นอกแล้ว เออ คนมุสลิมชอบทักษิณมั้ย

เธอ: เค้าไม่ค่อยยอมรับนะ แต่เค้ายอมรับคนใหม่มากกว่า สนธิอะไรหนะ แต่ด๊ะว่าทักษิณก็เก่งนะ เรื่องราคายาง ยังไม่มีใครทำได้

ผม: เออ นั่น เห็นพวกต่อต้านเขาว่าเป็นที่ราคาตลาดโลก

เธอ: เหรอ แต่ด๊ะก็ว่าเขาเก่งนะ หายาก ...

ผม: แล้วที่รัฐไทยกำลังจะให้มาเลเซียช่วยเจรจากับแกนนำนี้ เธอคิดว่าไง

เธอ: จะเจรจาอะไร รู้มั้ยว่า 3 จว นี่ของเขานะห้าหกสิบปีก่อนหนะ เขาก็อยากจะเอาคืนเป็นธรรมดา พ่อด๊ะเล่าให้ฟังว่า หลายสิบปีก่อน ผู้ใหญ่จากทางการไทยไปคุยกับมาเล ทำนองว่าจะให้ผลประโยชน์ทางการค้าเหนือดินแดนนี้ร่วมกัน แล้วจะยอมให้ไทย ปกครองโดยไม่ยุ่งเกี่ยว ตอนหลังเปลี่ยนรัฐบาลไป ผลประโยชน์ที่เคยให้ก็ตัดทิ้ง มาเลก็โกรธ ถ้ามีทางได้3จว คืน ก็เอาสิ หรือถ้าเราไม่ได้ พวกคุณก็อย่าหวังอยู่สบายๆเลย

ผม: จริงอะ ผมเคยได้ยินบางคนบอกว่า มาเลย์จริงใจจะช่วยเจรจากะโจรให้ เพราะมาเลย์ก็กลัวโจรเข้ามาวุ่นวายในมาเลย์เหมือนกัน

เธอ: มาเลย์ไม่กลัวหรอก ก็เขาเป็นมุสลิม ยังไงก็จัดการกันได้ กฎหมายมาเลย์
แรงมาก พกปืนอะไรประหารหมด ในมาเลย์มีพวกหัวรุนแรงเยอะ แต่ไปก่อการร้ายในไทย ในอินโด แต่กลับมาซ่อนในมาเลย์ พอกลับมามาเลย์ก็อยู่เรียบร้อยนิ
เป็นเด็กดีหมด พี่เคยได้ยินก่อการร้ายในมาเลย์แมะ ไม่มีอะ มีแต่ผู้ก่อการร้าย
หนีไปกบดานในมาเลย์

ผม: แล้วถ้าต้องกลายเป็นรัฐปัตตานีจริง อย่างนี้คนไทยพุทธใน 3 จว ทำไง

เธอ: ก็อยู่ภายใต้รัฐบาลใหม่ อยู่ได้ก็อยู่ไป อยู่ไม่ได้ก็ย้ายออก แต่รัฐบาลใหม่
ถ้าเป็นรัฐบาลร่วมจากมาเลเซียน่าจะมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
พอควร เพราะกฎหมายเค้าเข้มมาก แต่ชาวมุสลิมจะมีสิทธิผลประโยชน์ทาง
กฎหมายและการค้ามากกว่าคนจีนและอื่นๆ เช่น คุณจะตั้งบริษัท ต้องจ้างมุสลิม
เป็นผู้จัดการ เป็นต้น

ผม: พวกอาร์เคเคนี่และแนวร่วมรวมทั้งมุสลิมจำนวนมาก ใช้จุดตรงนี้คือ
ประวัติศาสตร์ ว่าดินแดนตรงนี้เป็นที่ของเขา รัฐสยามมารุกรานเขา ใช้เป็นความชอบธรรมในการต่อสู้แบ่งแยกดินแดนใช่มั้ย

เธอ: ใช่สิ

ผม: เออ เพื่อนผมเคยคุยเรื่องนี้เหมือนกัน แต่แกให้ข้อติงนิดนึงว่า จะใช้จุดเรื่องเรารุกรานเขา วันนี้เราต้องย้ายออกให้หมด อย่างนี้ ชาวมุสลิมที่อยู่จังหวัดอื่น ๆ ในประเทศไทยทั้งหมดหลายล้านคน ไม่ใช่มารุกรานดินแดนไทยเหรอ
เพราะฉนั้น ถ้าคนไทยพุทธในสาม จว.ภาคใต้ต้องย้ายหนีขึ้นมา เพราะพวกเขา
คือผู้รุกราน อย่างนี้ชาวมุสลิมในจังหวัดอื่นๆที่เหลือ ก็ต้องย้ายลงไปอยู่ใน 3 จ.ว.ภาคใต้ด้วยสิ ถ้าต้องแลกคนกัน 3 จวจะขาดทุนยับ เพราะต้องรับคนมุสลิมอีก 5-7 ล้านคน ขณะที่ประเทศไทยรับไทยพุทธกลับมาแค่ 5 แสนมั้ง

เธอ: (เงียบ ) อือ ไม่รู้สิ

ผม: จะจริงเร้อ ที่รัฐบาลมาเลเซียหนุนเรื่องนี้ เพราะไม่ใช่ว่าแบ่งแยกดินแดน
ไปแล้ว กลุ่มก่อการที่ทำสำเร็จจะยกเข้าเป็นประเทศมาเลเซียซะหน่อย
ก็คงจะสถาปนาตนเองเป็นผู้ปกครองรัฐ เป็นรัฐอิสระ ไม่ขึ้นกับมาเล อีกทั้ง
มาเลเซียก็คงไม่อยากเป็นที่ครหาจากนานาชาติว่ามาฮุบดินแดนไทย

เธอ: ก็ ถึงจะเป็นรัฐอิสระ แต่มาเลเซียก็จะเป็นลูกพี่ มีอำนาจเหนือธุรกิจการค้า
ในรัฐที่แยกไปนี้ หรืออาจจะเป็นการปกครองร่วมของกลุ่มแบ่งแยกดินแด
นอาร์เคเค-มาเลเซีย ก็ได้ แค่ผลประโยชน์ของเถื่อนและยาเสพติดที่ส่งเข้ามา
ก็มหาศาลแล้ว

ผม: ของเถื่อนและยาเสพติดเข้ามาจากมาเลเซียเหรอ

เธอ: โธ่ พี่ รู้จัก “ยาแก้ไอ” มั้ย 4คูณ100 หนะ นั่นแกลลอนละเกือบหมื่นบาทนะ
มาจากมาเลแน่นอน

ผม: เธอรู้ได้ไงมาจากมาเล ไม่ใช่มาจากพวกสามเหลี่ยมทองคำเหรอ

เธอ: พี่ๆ เอาเป็นว่า ด๊ะรู้แน่ๆก็ละกัน ก็พะยี่ห้อมาเลมาย์เลย ยังมียาบ้า
ยาเสพติดอื่นจากมาเลและสิงคโปร์ ยังมีไม้เถื่อน น้ำมันเถื่อน หวยใต้ดิน หวยมาเล คนแถวบ้านด๊ะรู้กันหมด
(เด็กมุสลิมใน 3 จว ติดยาแก้ไอตัวนี้ เพราะมุสลิมกินเหล้าไม่ได้ ผิดหลักศาสนา
แต่ก็อยากปลดปล่อยมั่ง ยาตัวนี้แรงกว่าเหล้า กินแล้วเมาเหมือนกินเหล้า
แต่ว่าเมาเร็วกว่า)

ผม: กลับมาที่เรื่องแบ่งแยกดินแดน คนมุสลิมส่วนใหญ่ใน 3 จว ยอมรับมาเลเซียมากกว่าไทยเหรอ

เธอ: ก็อย่างนั้นแหละ ก็เขาพูดภาษาเดียวกัน (เธอสรุปเรื่องภาษาว่า ภาษามาเลกลางกับภาษายาวีที่ใช้ใน 3 จว.นั้นแตกต่างกันเล็กน้อย แต่สามารถสื่อสารรู้เรื่องคล้ายๆ ภาษาไทยแตกต่างกับภาษาลาวหนะแหละ และมุสลิมที่รู้ภาษาไทยเป็นมุสลิมในเมือง เป็นส่วนใหญ่ ถ้าเป็นชนบทจะฟังภาษาไทยไม่ได้เลย มีส่วนน้อยที่สามารถใช้ภาษาไทย)

เธอ: แล้วโพลที่ มอ. ก็ออกมาชัดแล้วว่า มุสลิมใน 3 จวใต้ 80% ต้องการเป็นคนของประเทศมาเลเซีย

ผม: “พูดเล่นน่า??!”

เธอ: “พี่ไปอยู่ไหนม๊า..... เขารู้กันทั้งเมือง”
(ผมก็ไม่ทราบจริงๆว่าโพลมันออกแบบนั้น ไม่ทราบว่าเป็นโพล ม.อ.สงขลาที่หาดใหญ่หรือ โพล ม.อ.ปัตตานี และไม่ทราบว่าทำโพลโดยสุ่มตัวอย่างจากใคร นักศึกษาม.อ.หรือชาวบ้าน ผมลืมถาม คนในพื้นที่ท่านใดอ่านอยู่และรู้จริงช่วยหาให้หน่อยนะครับจะขอบพระคุณอย่างสูง)

ผม: แล้ว เธอคิดว่าไฟใต้จะดับในเร็วๆนี้มั้ย

เธอ: ไม่น่าเป็นไปได้ อีกสิบปี ก็ยังไม่แน่

ผม: แล้วรัฐบาลจะชนะมั้ย เธอว่า

เธอ: ด๊ะว่าชนะยากนะ เขามีแต่แข็งแรงขึ้น ตอนนี้แนวร่วมเยอะขึ้นกว่า
ก่อนมากๆ

ผม: แล้วจะเป็นไปได้มั้ย ที่รัฐบาลไทยจะแพ้

เธอ: รัฐไทยก็เหมือนแพ้ไปแล้ว แต่ก็คงไม่ยอมรับว่าแพ้ เพราะยอมแพ้ไม่ได้
เพราะไม่มีรัฐบาลไหนกล้ายอมยกดินแดนให้โจรแบ่งแยกดินแดน เพราะถือเป็น
รัฐบาลที่ล้มเหลวอัปยศ

ผม: อย่างนั้นจะออกรูปไหนกันแน่

เธอ: ก็คงสู้ๆกันไปอยู่อย่างนี้ ไปเรื่อยๆ

ผม: แล้วกลุ่มโจร พวก rkk มีทางชนะยังไง

เธอ: ก็ไม่ต้องชนะนี่ แค่นี้ แค่วุ่นวายขนาดนี้ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว แค่นี้ก็มีอำนาจ
และเงินแล้ว

ผม: พอเข้าใจละ แล้วพวกนี้มีทางยอมสมานฉันท์ สงบศึก เลิกฆ่าคนมั้ย?

เธอ: ก็มีสิ แยกจังหวัดให้ไปเลย ก็จบ เขาจะได้ตั้งรัฐใหม่ ปรึกษากับรัฐบาลมาเลเซีย ว่าจะสร้างจังหวัดใหม่หมดยังไง

ผม: ทางอื่นหละ มอบตัว มาช่วยพัฒนาชาติ?

เธอ: โฮ๊ย ตอนนี้เขามีอำนาจมากๆ รวยมากๆ จะให้ยอมลงจากตรงนี้ กลายเป็นคน

ธรรมดาไม่มีอะไร เรื่องอะไรจะยอม สงครามจะชนะอยู่แล้ว คนมุสลิมมาเข้าร่วมเยอะ ช่วยเชียร์เยอะขึ้น อยู่ดีๆให้ยอมแพ้ ไม่เอาหรอก

ผม: แล้วจะมีทางจบสิ้นได้อย่างไร เอาสมมติอีก 20 ปี ข้างหน้า

เธอ: ทางจบก็คือ ทางการไทยปราบได้สำเร็จเด็ดขาด อีกทางก็คือทางการไทย
ถูกประเทศที่สามไกล่เกลี่ยกดดันให้ยอมรับการปกครองตนเองโดยสิ้นเชิง
แบบ อาเจะ เรียกว่า 3 จังหวัดกลายเป็นรัฐอิสระโดยแท้จริง โดยอาจเป็นกลุ่ม
rkk ปกครองเอง หรือ ปกครองร่วมกับรัฐบาลมาเลเซีย ก็คือรัฐไทยเสียดินแดนไป

ผม: เฮ้อ ฟังดูแล้วถ้าจะอยู่ลำบาก อย่างนี้คนอย่างพวกเราทำไงดีเนี่ย

เธอ: พี่ก็กลับไปอยู่เมืองนอกสิ ต่อไปเมืองไทยไม่รุ่งแน่ ด๊ะว่านะ ด๊ะยังอาจจะไปทำงานมาเล อินโดเลย

ผม: สรุป สุดท้ายแล้ว กลับมาที่สงครามใน 3 จว. นะ เธอเชียร์ใคร รัฐไทย หรือ แนวร่วม

เธอ: (เงียบสักครู่....) ไม่รู้สิ ไม่รู้เชียร์ใครดี

ผม: (อึ้ง) เฮ้อ

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ไอ้ มะซอแระ ศิษย์อัลเลาะห์

27 กพ. 2554 12:19 น. 


ทหารประสานสถานีอนามัยนราป้องกันคนร้ายเข้ารักษาตัว

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=496949&lang=T&cat=



นาวาเอก สมเกียรติ ผลประยูรผบ.หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ (ฉก.นย. ภต.) ค่ายจุฬาภรณ์ กองทัพเรือ อ.เมืองนราธิวาส ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารชุดการข่าวเร่งสืบสวนขยายผลไปยังกลุ่มคนร้ายที่ยังหลบหนีเร่งติดตามจับกุมมาตัวให้ได้โดยเร็ว พร้อมทั้งได้ประสานขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่หมู่บ้านใกล้เคียงในแต่ละหมู่บ้านให้ช่วยกันตรวจสอบคนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ ที่อาจจะหลบหนีเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้าน หากพบให้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังสถานพยาบาล สถานีอนามัยทุกแห่งในพื้นที่ใกล้เคียง ช่วยตรวจสอบอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งในช่วงเช้าของวันนี้เจ้าหน้าที่กำลัง 3 ฝ่ายได้นำกำลังเสริมเข้าเคลียพื้นที่อย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งนำสุนัขสงครามจำนวน 2 ชุด กระจายกำลังกันติดตามรอยหยดเลือดของคนร้ายที่หนีเข้าป่าท้ายหมู่บ้าน 
สำหรับประวัตินายมะซอแระ นิแม อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 1 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นแกนนำ RKK. ระดับปฏิบัติการก่อเหตุมาแล้วหลายคดี และยังเป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคดีรุมทำร้ายนาวิกโยธินเสียชีวิต2นายที่ บ้านตันหยงลิมอ หมู่ 7 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ เมื่อ4ปีก่อนด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เตรียมออกหมายจับ

24 กพ. 2554 12:50 น. 
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=496505&lang=T&cat=


ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ปล่อยแถวตำรวจ 19 สภ. ออกตรวจค้นหมู่บ้านเป้าหมายใน 13 อำเภอ เผยเตรียมออกหมายจับอีก 2 คน คาร์บอมบ์ร้านคาราโอเกะ กลางเมืองนราธิวาส หลังที่ก่อนหน้านี้ออกหมายจับไปแล้ว 1 คน 
พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิต ร ผบก.ภ.จ.นราธิวาส เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวตำรวจจาก 19 สภ. เพื่อออกกวาดล้างจับกุมผู้ต้องหาที่ถูกศาลจังหวัดนราธิวาสออกหมายจับในดีค้ายาเสพติดตามหมู่บ้านเป้าหมายในท้องที่ 13 อำเภอ และเพื่อติดตามจับกุมคน ร้ายไม่ทราบชื่อซึ่งถูกศาลจังหวัดนราธิวาสออกหมายจับในคดีลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่ริมฟุตบาทหน้าร้านดาวพระจันทร์คาราโอเกะถนนสุริยะประดิษฐ์ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ทำให้เกิดเหตุระเบิดขึ้นและมีผู้ได้รับบาดเ จ็บ 15 คน เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 กุมภาพันธ์ด้วย 
พล.ต.ต.ชัยทัต ผบก.ภ.จ.นราธิวาส กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (วันที่ 23 กุมภาพันธ์) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาสชุดคลี่คลายคดีคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์หน้าร้านดาวพระจันทร์คาราโอเกะได้นำภาพสเก็ตซ์ที่ได้จากปากคำพยานบุคคลที่เห็นใบหน้าของคนร้ายขณะขับรถยนต์เก๋งซุกระเบิดเป็นระเบิดคาร์บอมบ์มาจอดที่หน้าร้านดาวพระจันทร์คาราโอเกะไปขออนุญาตศาลจังหวัดนราธิวาสออกหมายจับคนร้ายได้แล้ว 1 คนส่วนคนร้ายที่เหลือนั้น 
" คาดว่าจะรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จและสามารถขออนุมัติออกหมายจับตามมาได้อีก 2 คน ได้ภายในเร็ววันนี้ " ผบก.ภ.จว.นราธิวาส กล่าว

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อายุ ดอเลาะห์ เพื่ออัลเลาะห์


http://wbns.oas.psu.ac.th/shownews.php?news_id=101418
ขบวนการไฟใต้บึ้มชุดรปภ.ครูยี่งอ นราธิวาส เชิงสะพานแต่รอดหวิด คืบหน้าจยย.บอมบ์ยะลา สะเก็ตซ์ภาพเหมือน“อายุ ดอเลาะ” มีหมายจับ กล้องCCTVติดภาพ
เมื่อเวลา 8.40 น. ร้อยตำรวจโทวรพงษ์ สนพลอย ร้อยเวร สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารทหารชุด รปภ.ครู สังกัดร้อย ร.3013 ฉก.นราธิวาส 32 บริเวณหัวสะพานปากทางเข้าโรงเรียนบ้านกูแว ม.1 ต.ลูโบ๊ะบายะ อ.ยี่งอ จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิตร ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.อ.อาคม บัวทอง ผกก.สภ.ยี่งอ ร.ต.ท.นัฐวิทย์ วันเพ็ญศรี รอง สว.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ที่บริเวณโคนต้นไม้ใหญ่หัวสะพานมีหลุมลึก
3 ฟุต กว้าง 4 ฟุต และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องแบบเคโม ประกอบใส่ในกล่องเหล็ก หนักราว 5 ก.ก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ กระจายเกลื่อนพื้นถนนและพงหญ้ารกริมทาง เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากการสอบสวน พันจ่าเอกปราโมทย์ อ้นศรีสวัสดิ์ หัวหน้าชุด รปภ.ครู ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้นำกำลังรวม 11 นาย ขี่รถ จยย. 6 คันเป็นพาหนะ เพื่อเดินทางไป รปภ.ครูโรงเรียนบ้านกูแว เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ ได้ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดที่ลอบนำไปวางไว้บริเวณโคนต้นไม้ใหญ่หัวสะพาน จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะขี่รถ จยย.ผ่านจุดเกิดเหตุ ประมาณ 30 เมตร จึงทำให้เจ้าหน้าที่รอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด 
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน
ตร.อ้างรู้ตัวจยย.บอมบ์ กล้องวงจรปิด-พยานมัดตัว
จากกรณีคนร้ายนำรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ บรรจุระเบิดมาจอดไว้ตรงข้ามร้านข้าวต้มโชคดี ถนนระนอง เขตเทศบาลนครยะลา แล้วจุดชนวนระเบิดขึ้นในขณะที่รถยนต์ของตำรวจทางหลวงวิ่งผ่าน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 ราย บาดเจ็บ 17 ราย โดยจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากจุดคาร์บอมเมื่อวันที่ 13 กพ. 54 ประมาณ 100 เมตร เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 16.35 น.ของวันที่ 21 กพ. 54 ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น 

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 07.00 น. วันนี้(22 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณถนนระนอง ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ จยย.บอม เจ้าหน้าที่ของทางเทศบาลนครยะลา ได้ทำการเก็บกวาดซากรถจักรยานยนต์ และซากรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิด เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อกลางดึกของคืนที่ผ่านมา โดยเช้านี้มีเจ้าหน้าที่ทหารของหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 จำนวนหลายนายยืนตรวจสอบรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกคัน ที่จะวิ่งผ่านเข้ามาภายในย่านธุรกิจ ซึ่งจะมีการบันทึกภาพผู้ขับขี่รถและจดเลขทะเบียนรถทุกคัน เพื่อป้องกันกลุ่มคนร้ายที่อาจจะลักลอบนำวัตถุระเบิดเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ดังกล่าวได้อีก 
ส่วนความคืบหน้าด้านคดีล่าสุด เมื่อเวลา 08.20 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.ยะลา เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ไปทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ของทางเทศบาลนครยะลา และกล้องวงจรปิดของภาคเอกชนโดยรอบบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งภาพสามารถบันทึกภาพของคนร้ายเอาไว้ได้ ตั้งแต่นำรถจักรยานยนต์บรรจุระเบิดมาจอด แล้วมีคนร้ายอีกรายขับรถยนต์กระบะมารับไป รวมทั้งกล้องยังสามารถบันทึกภาพคนร้ายที่จุดชนวนระเบิด ซึ่งเมื่อให้พยานมาสะเก็ตซ์ภาพ แล้วนำมาเทียบกับคนร้ายตามหมายจับ พยานก็สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่า คนร้ายที่มาก่อเหตุคือนายอายุ ดอเลาะ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 4 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับที่ จส. 317/2552 ลงวันที่ 20 กย. 52 ในความผิดด้านความมั่นคง โดยวันนี้พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานและหลักฐาน เพื่อขอหมายจับจากศาลต่อไป 
"สำหรับเหตุการณ์ จักรยานยนต์บอมบ์ครั้งนี้ เชื่อมโยงกับเหตุคาร์บอมบ์เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คนร้ายใช้วิธีจุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารเหมือนกัน เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนร้ายกลุ่มเดียวกัน โดยคาร์บอมบ์วันที่ 13 กุมภา เตรียมจะออกหมายจับคนร้ายนำรถมาจอดแล้วเช่นกัน" ผบก.ภ.จว.ยะลา กล่าว



บอมบ์กลางเมือง 3 ลูกใน 8 วัน


http://wbns.oas.psu.ac.th/shownews.php?news_id=101415

เหตุระเบิดอย่างรุนแรงทั้ง "คาร์บอมบ์" และ "มอเตอร์ไซค์บอมบ์" กลางเมืองยะลากับนราธิวาสถึง 3 ครั้งในรอบ 8 วัน เป็นความถี่ที่มากเกินรับได้สำหรับ "ไฟใต้" ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 7 ปี โดยที่รัฐบาลกับฝ่ายความมั่นคงก็ยืนยันทุกทีที่ให้สัมภาษณ์ว่า "สถานการณ์กำลังดีขึ้น" และ "เรามาถูกทางแล้ว"

แน่นอนว่าในส่วนของการก่อความไม่สงบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมือของกลุ่มที่มีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน พวกรับจ้าง กลุ่มผู้มีอิทธิพล ค้ายาเสพติด ของเถื่อน น้ำมันเถื่อน สถานบริการ หรือนักการเมืองบางกลุ่มบางพวกที่อยู่เบื้องหลังก็ตาม ต้องขอประณามไว้ตรงนี้ว่าพวกคุณทำเกินไปแล้ว! เพราะมีผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิตและได้รับบาดเจ็บแทบจะรายวัน มันไม่ใช่การก่อเหตุแบบ "ล็อคเป้า" เหมือนหลายปีที่ผ่านมา ฉะนั้นไม่ว่าจะทำด้วยเหตุผลใด ก็ไม่น้ำหนักมากพอที่จะอธิบายหรือแลกกับชีวิตคน

ทุกคนมีบ้าน มีญาติ มีลูก มีพ่อแม่พี่น้องเหมือนกับคนที่ก่อเหตุ ความสูญเสียแบบนี้สร้างบาดแผลและความเจ็บช้ำมากเกินไป...

ปฏิบัติการเช่นนี้ หากเป็นเรื่องแบ่งแยกดินแดน คุณแยกดินแดนไปได้ก็ไม่มีวันสงบ เพราะวันหนึ่งที่คุณปรากฏตัวในที่สว่าง ก็จะมีคนที่เคยสูญเสียจากการกระทำของคุณแก้แค้นและเอาคืน

ปฏิบัติการเช่นนี้ หากเป็นฝีมือของพวกสร้างสถานการณ์ผสมโรงไฟใต้จากกลุ่มอิทธิพล ค้ายาเสพติด บ่อนการพนัน ของเถื่อน สถานบริการ คุณก็จะอยู่อย่างไม่มีความสุข และไม่มีทางที่จะทำคนอื่นข้างเดียวได้ตลอดไป

ปฏิบัติการเช่นนี้ ถ้าเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ของฝ่ายการเมือง คุณก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จในสนามเลือกตั้ง เพราะความจริงต้องปรากฏไม่วันใดก็วันหนึ่ง

ถึงนาทีนี้คำถามที่พุ่งตรงไปยังรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงก็ คือ ทุกคนต้องการคำตอบที่แท้จริงว่า ประชาชนตาดำๆ กำลังเผชิญกับอะไร สถานการณ์ไฟใต้ที่แท้จริงขณะนี้อยู่ตรงไหน ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองคุมพื้นที่ได้จริงหรือไม่?

ถ้ามีกลุ่มอิทธิพลหรือฝ่ายการเมืองผสมโรงไฟใต้ ก็ต้องแฉออกมาให้ประชาชนได้รู้ จะได้ช่วยกันรับมือและร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ต่อไป

หากมีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดหากินกับ "ไฟใต้" ก็ต้องเร่งกำจัดออกไป อย่าเสียดายหรือมัวแต่ปกป้องกัน จะย้ายพ้นพื้นที่ หรือสอบสวนดำเนินคดีก็ได้ แล้วแถลงให้ประชาชนทราบ

หรือถ้าเป็นการก่อเหตุสร้างสถานการณ์จากคนในแวดวงเจ้าหน้าที่ด้วยกัน เหมือนกับที่มีข่าวความพยายามจะเลื่อยขาเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 4 ก็ควรจะต้องเร่งสืบหาต้นตอแล้วจัดการ จากนั้นต้องชี้แจงความจริงให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบเช่นกัน

หยุดเสียทีกับคำหวานประเภท "กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเหลือน้อยแล้ว ที่ก่อเหตุอยู่ตอนนี้เพื่อรักษาสถานะ" หรือ "กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงต้องดิ้นรนสร้างสถานการณ์เพื่อตอบโต้รัฐที่ปฏิบัติ การประสบความสำเร็จ ดึงมวลชนให้มาร่วมมือกับรัฐได้เป็นจำนวนมาก" ซึ่งเป็นคำตอบที่ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ใช้อธิบายมาตลอดในห้วง 1-2 เดือนมานี้

หรือแม้แต่คำพูดของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (นักเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 29 นักเรียนโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 13 รุ่นเดียวกับ พล.ท.อุดมชัย) ที่บอกว่า เหตุรุนแรงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในระยะหลังๆ เป็นยุทธการ "รวมดารา" หรือ "รวมการเฉพาะกิจ" คือใช้แนวร่วมจากหลายๆ พื้นที่มาร่วมกันทำงาน เพราะสมาชิกระดับปฏิบัติการเหลือน้อยเต็มทีนั้น ก็น่าจะต้องถึงเวลาทบทวน

เพราะ "รวมการเฉพาะกิจ" มันต้องมีนานๆ ครั้ง ไม่ใช่ถี่ยิบ 3 ครั้งต่อสัปดาห์แบบที่เป็นอยู่ แถมยังเป็นเหตุรุนแรงในเขตเมืองที่มีการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่าง เข้มงวดอีกด้วย

เช่นเดียวกับฝ่ายการเมืองอย่าง นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ควรหยุดพูดเสียทีว่ารัฐบาลมาถูกทาง สถานการณ์ดีขึ้นถึงขั้นสามารถยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้แล้ว (เพิ่งยกเลิกไปอำเภอเดียวจาก 33 อำเภอ) เพราะการมาทุ่มสร้างภาพความสำเร็จกันช่วงนี้ ชาวบ้านเขาดูออกว่าเป็นความพยายามหาเสียง เนื่องจากใกล้เลือกตั้ง!

ถึงเวลาหรือยังที่รัฐบาลตลอดจนฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะ "กองทัพบก" ต้องออกมายอมรับความจริง ความผิดพลาด และปรับยุทธศาสตร์ ยุทธการใหม่เสียใหม่ เบื้องต้นเอาแค่ป้องกันเหตุร้ายให้ได้ผลดีกว่านี้ก่อนก็พอ

ประชาชนอยากเห็นภาพการเรียกประชุมนายทหารฝ่ายเสนาธิการที่เก่งๆ จากทั่วประเทศ ซึ่งเรียนจบโรงเรียนเสนาธิการปีละเป็นร้อยคน มาระดมสมองกันวางยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี เพื่อต่อสู้กับโจรก่อความไม่สงบ (ซึ่งน่าจะยกระดับเรียกว่าเป็นการก่อการร้ายได้แล้ว เพราะความถี่น่าจะมากกว่าอิรักด้วยซ้ำ แม้ขนาดของความเสียหายจะยังไม่เท่าก็ตาม)


เพราะถึงนาทีนี้ต้องยอมรับความจริงแล้วว่า การใช้กองกำลังขนาดใหญ่จากกองทัพต่างๆ ออกลาดตระเวน ตั้งฐาน ตั้งด่าน ตรึงพื้นที่ และรักษาความปลอดภัย (รปภ.) นั้น ไม่สามารถ "ต่อกร" หรือแม้แต่ "ป้องกัน" การก่อเหตุรุนแรงในรูปแบบของการก่อการร้ายและสงครามกองโจรได้เลย

ผมเคยคุยกับนายทหารที่ศึกษาเรื่องนี้ เช่น พล.ท.พีระพงษ์ มานิกิจ อดีตโฆษกกระทรวงกลาโหม (เคยให้สัมภาษณ์ในเว็บอิศรา) แกบอกว่าถ้าแกเป็นหัวหน้าโจรในพื้นที่แกสบาย เพราะกำลังจากส่วนกลางที่ส่งลงมาเท่าไหร่ก็ไม่มีทางพอ วันนี้ระเบิดเสาไฟฟ้า พรุ่งนี้ระเบิดรถไฟ วันต่อไปเผาโรงเรียน ฯลฯ กองกำลังขนาดใหญ่ก็จะถูกแตกย่อยเป็นชุดเล็กๆ เพื่อ รปภ.จุดที่เคยเกิดเหตุ (เหมือนที่ พล.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร อดีตแม่ทัพ บอกว่าในหนึ่งวันทหารต้องทำ 2,400 ภารกิจ) ไปๆ มาๆ ทหารแต่จะชุดที่โดนโจมตีอาจมีจำนวนน้อยกว่าโจรด้วยซ้ำไป

กรณี 6 คนร้ายดักสังหารชุดคุ้มครองพระเสียชีวิต 2 นายกลางเมืองยะลา เมื่อเช้าตรู่วันที่ 18 ธ.ค.2553 เป็นตัวอย่างที่ดี

หรือข้อเขียนที่ชื่อ "บทเรียนจากการรบ" ของ พล.อ.หาญ ลีนานนท์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ที่เขียนเอาไว้เกือบ 20 ตอน หลายตอนก็มีข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดรูปกำลังพลและชุดลาดตระเวน ซึ่งสวนทางกับการจัดวางกำลังโดยผู้นำกองทัพในยุคปัจจุบันนี้ ก็น่าหยิบขึ้นมาพิจารณาหรือปรับไปทดลองใช้ดูบ้าง เผื่อสถานการณ์จะดีกว่าที่เป็นอยู่

ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมารื้อยุทธการกันใหม่หมด เพราะถ้าหยุดความรุนแรงบนท้องถนนไม่ได้ การเดินหน้าพัฒนา ลงทุน ฟื้นฟูการท่องเที่ยว หรืออะไรก็ตามแต่มันก็เกิดได้ยาก ผู้คนก็จะอพยพย้ายออก ดินแดนนี้ก็จะกลายเป็นสวรรค์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงและกลุ่มอื่นๆ ที่มีผลประโยชน์ร่วม

อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะฝากไว้คือเหตุ "ยิงรายวัน" แม้บางช่วงที่ชายแดนใต้จะไม่มีข่าวใหญ่จากเหตุรุนแรงประเภทคาร์บอมบ์ มอเตอร์ไซค์บอมบ์ หรือปล้นฐานทหาร และแม้คนนอกพื้นที่จะไม่รู้ แต่คนในพื้นที่รู้ดีว่ายังมีคนตายและบาดเจ็บจากการถูกไล่ยิงไล่ฆ่าทุกวัน ไม่มีวันหยุด เพียงแต่ไม่เป็นข่าว

หลายๆ กรณีก็เป็นความจงใจอย่างชัดเจน เช่น ยิงชาวบ้านไทยพุทธ 23 ศพใน 16 วัน การดักสังหารคู่สามีภรรยาระหว่างเดินทางไปกรีดยาง 10 คู่ใน 4 เดือน หรือห้วงเวลาเพียงเดือนเศษของปี 2554 เกิดเหตุรุนแรงเฉพาะในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี มากถึง 8 ครั้ง เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บอีก 6 ราย ทั้งพุทธและมุสลิม

นี่ยังไม่นับเหตุลอบวางระเบิดตามสวนยางพารา สวนปาล์ม รวมแล้วเกือบ 50 ครั้ง จนมีผู้เสียชีวิตและพิการอีกจำนวนมากในช่วงไม่กี่เดือนมานี้

ความหวาดกลัวต่อสถานการณ์ และความหวาดระแวงกันเองระหว่างคนต่างศาสนาในพื้นที่กำลังเข้าขั้นวิกฤติ

ขอย้ำอีกครั้งว่าหากรัฐยังไม่สามารถหยุดสถานการณ์เลวร้ายดังที่เป็นอยู่นี้ ได้ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะถูกแยกดินแดนโดยปริยาย เพราะคนจากนอกพื้นที่ก็ไม่มีใครอยากลงไป ส่วนคนในที่อยู่คนละพวกกับกลุ่มแยกดินแดนก็จะย้ายออก

วันที่กลัวๆ กันนั้นอาจมาถึงในอีกไม่นานนี้แล้ว

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม