แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มุสลิมจอมกะล่อน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มุสลิมจอมกะล่อน แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

ชลิต โผล่อีกแล้ว หลังจากหนีลงรูไำปนาน


นายชลิต ยังคง โกหกต่อเนื่องอยู่
       
      หลังจากที่ นาย ชลิต ได้โกหกมุสลิมทั้งโลกเพื่อสร้างภาพอันยิ่งใหญ่ของตนเอง และได้ถูกเปิดโปงมาแล้วว่า เขาโกหก  ตัวนายชลิตเองได้หายหน้าไปจากสังคมมุสลิม นานพอสมควร  แต่ล่าสุด ก็โผล่ออกมาทาง Face Book อีกแล้ว โดยอ้างแบบเดิม ๆ ว่า ตัวเองเคยเป็นพระในพุทธศาสนา
ท่านที่ยังไม่ได้อ่านเรื่องเดิม ไปดูได้ที่นี้

http://narater2010.blogspot.com/2011/06/httpnewweb.html

ส่วนเรื่องปัจจุบัน ที่นายชลิตโผล่ออกมาอีกรอบอยู่ที่นี้่ 

http://www.facebook.com/muslimthai/posts/212148205474399

และจำอ้างว่า ไม่รู้ไม่ได้หรอกครับ เพราะเรื่องนี้ เจ้าของ Face Book คือคนที่เรียกตัวเองว่า  muslimthai



http://narater2010.blogspot.com/

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

เด็กและหญิงมุสลิม มันก็ลอบกัด

ไหนว่าบริสุทธิ์


วีดีโอคลิป

บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด

ตำรวจทหารรือเสาะจับสมาชิกแนวร่วม RKK ยิง 3 คนไทยพุทธตาย

      เมื่อช่วงดึกของคืนที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พ.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส พ.ท.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร จำนวน 50 นาย ใช้กฎอัยการศึกในการปิดล้อมตรวจค้นบ้านพักต้องสงสัย จำนวน 5 หลัง ในหมู่บ้านบูกิตจือแร ม.9 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้านมีบุคคลต้องสงสัยจำนวนหนึ่ง ได้แฝงตัวเข้ามากบดานอยู่ในพื้นที่

      เมื่อถึงเป้าหมายเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันบุกจู่โจมตรวจ ค้นบ้านไม่มีเลขที่หลังหนึ่ง ซึ่งปลูกอยู่ในสวนผลไม้ และพบชายต้องสงสัยจำนวน 2 คน ท่าทางมีพิรุธและเตรียมวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ๆ จึงได้ตะโกนขอความร่วมมือในการตรวจค้น และพบว่าภายในบ้านพักมีอาวุธปืนพกสั้นจำนวน 3 กระบอก คือ ขนาด 9 ม.ม.จำนวน 1 กระบอก ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้นแบบไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก พร้อมด้วยกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง

      นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถตรวจสอบพบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่คือ ยาบ้าและยาแก้ไอชนิดน้ำเชื่อม รวมทั้งกัญชาอัดแท่งอีกจำนวนหนึ่ง ที่ซุกซ่อนอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดของกลางพร้อมนำตัว 2 ผู้ต้องหามาสอบสวนที่ สภ.รือเสาะ ทราบชื่อคือ 1.นายมะเยะ แวนิ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 ม.2ต.ลิปะสะโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นสมาชิกแนวร่วม RKK และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.นราธิวาสเลขที่ จ.1665/2551 ลงวันที่ 26 ธ.ค.2551 ในข้อหาร่วมกันก่อเหตุร้าย อั้งยี่ ซ่องโจรและฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรองไว้ก่อน กล่าวคือเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2551 นายมะเยะ ได้ร่วมกับพวกที่หลบหนี ใช้อาวุธปืนบุกยิงนายนิพนธ์ แซ่จูและนายหวัน แซ่จู  ซึ่งเป็นอาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน และนายเกตุ สุวรรณ เสียชีวิตขณะที่ทั้ง 3 คน กำลังเดินซื้อกับข้าวในตลาดนัดวันอังคาร ซึ่งตั้งอยู่ ม.2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

      และ 2. นายมูหมัดซอบรี หะยีดิง อายุ 27 ปี ซึ่งอยู่บ้านเลขที่ 127/5 ม.5 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส และจากการตรวจสอบประวัติเจ้าหน้าที่ไม่พบว่าเป็นบุคคลที่ทางการต้องการตัว แต่ได้จับกุมในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดและอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับ อนุญาต

      และเจ้าหน้าที่เตรียมส่งอาวุธปืนทั้ง 3 กระบอก ไปทำการตรวจสอบตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ว่า อาวุธปืนพกทั้ง 3 กระบอก นายมะเยะ เคยใช้นำไปก่อเหตุที่ใดบ้างในอีกทางหนึ่งด้วย.

หมาลอบกัดผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน

คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบพร้อม ชรบ.เสียชีวิต 2 ศพ ที่ยะลา

คำเตือน: ภาพถ่ายนี้เป็นลิขสิทธิ์ของช่างภาพ ห้ามทำซ้ำหรือนำไปเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ
เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ ( 8 เมษายน 2554)  พ.ต.ท.กรกช    พันธ์รักษ์   สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับแจ้งว่า ได้เกิดเหตุยิงกันที่บริเวณบนถนนภายในหมู่บ้านเส้นทางบ้านป่าพ้อ – ลำพะยา  บริเวณ ม.5 บ.ตะวันออก  ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา  และมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 2 ราย หลังรับแจ้งจึงได้ประสานไปยัง จนท.ตร.กองพิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา และ ชุดเก็บกู้ระเบิด ภจว.ยะลา เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุพบศพชายสองคนอยู่ห่างกันประมาณ 3 เมตร และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิสีแดง หมายเลขทะเบียน กรษ.34 ปัตตานี ของผู้ตายจอดอยู่บนถนน จากการตรวจสอบภายในตัวผู้ตายทั้งสองคน ทราบชื่อคือ  นายประกอบ  หมวกทอง อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 ม.1 ต.มะกรูด อ.โคกโพธิ์  จ.ปัตตานี  มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ดังกล่าว และ นายมะรอลี   เจะอาแว อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 197/2 ม.5 ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์  จ.ปัตตานี และเป็นชุดรักษาความสงบภายในหมู่บ้าน (ชรบ.)  
-
จากการตรวจสอบพบว่าทั้งสองคนมีรอยกระสุนปืนเจาะเข้าที่ศีรษะทั้ง 2 คน และ ที่บนพื้นที่ถนนพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม.16 จำนวน 3 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐานส่วนทรัพย์สินของนายประกอบสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อมด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก ได้หายไปด้วย  

จากการสอบสวนญาติผู้ตายทราบว่า คนร้ายคงจะรู้จักผู้ตายดี  จึงทราบว่าผู้ตายทั้งสองคนเดินทางไปพื้นที่ ต.ลำพะยา อยู่บ่อยครั้งเป็นประจำ และเมื่อคนร้ายมีโอกาสจึงได้มาดักซุ่มอยู่ที่ริมถนนป่าสวนยาง เมื่อผู้ตายทั้งสองผ่านมา คนร้ายจึงเรียกให้หยุดและมีการพูดคุยกันเนื่องจากพบว่ารถจยย.ของผู้ตายจอดอยู่ในสภาพเรียบร้อย  ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่ได้ตั้งประเด็นไว้สองประเด็นด้วยกันคือเรื่องส่วนตัวและการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่

จุดจบโจรอ้างพระเจ้า

จุดจบมหาโจรที่อ้างพระเจ้า


http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=503978


9 เมษา. 2554 10:42 น. 


ทหารยิงปะทะคนร้ายกลางสวนยางพารา พบคนร้ายเสียชีวิต 1 ราย พร้อมอาวุธปืน-ระเบิด ตรวจสอบมีหมายจับอื้อ 

เมื่อวันที่ 9 เมษายน เวลา 06.55 น. ศูนย์วิทยุสภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทหารชุดร้อย ร 1522 ฉก.ยะลา 12 ว่า เกิดเหตุยิงปะทะกับกลุ่มคนร้ายภายในสวนยางพารา หมู่ 5 บ.ลีเซ็งใน ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา มีคนร้ายเสียชีวิต 1 ราย จึง่รายงานให้พ.ต.ท.ภูไชยวัฒน์ นทีรัตน์ สารวัตรใหญ่สภ.จะกว๊ะและ ร.ต.ท.เอกระวี ดวงกลาง ร้อยเวรสอบสวน พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเดินทางเข้าตรวจสอบ 

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุภายในสวนยางอยู่ห่างจากถนนในหมู่บ้านลึกประมาณ 1 กม. พบศพนายมะ ดือราแม อายุ 48 ปี ราษฎรหมู่ 2 บ.ปาตารายอ ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา นอนเสียชีวิตอยู่ สภาพศพถูกยิงเข้าที่ลำตัวและศีรษะ บริเวณข้างลำตัวพบอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. และระเบิดขว้างชนิดเอ็ม 67 จำนวน 1 ลูก ตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน 

จับตาย มะ ดือราแม  หัวโจกโจรชายแดน

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขณะที่ร.ท.ปิติ สิทธิชัย หัวหน้าชุด ร้อย รอ 1522 ฉก ยะลา 12 นำกำลังทหาร ฉก.ยะลา 12 สนธิกำลัง ทหารพราน 41 และฝ่ายปกครอง เข้าปิดล้อมพื้นที่โดยรอบบริเวณดังกล่าว หลังจากมีสายข่าวรายงานว่านายมะ ดือราแม ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความมั่นคงพร้อมพวกจำนวน 3 คน เข้ามากบดานอยู่ในบริเวณดังกล่าว 

ขณะเจ้าหน้าที่กำลังเข้าพิสูจน์ทราบ นายมะ พร้อมพวก ซึ่งผูกเปลนอนอยู่ใต้ต้นยาง ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ทันที จนเกิดการยิงปะทะกันประมาณ 5 นาที นายมะ จึงถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต สำหรับคนร้ายอีก 2 รายที่เหลือ อาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไปได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ปลอดภัย สำหรับนายมะ ดือราแม มีฉายาว่า มะ บอง เป็นคนร้ายที่มีหมายจับในพื้นที่ สภ.จะกว๊ะ จำนวน 2 หมาย และ หมายจับในพื้นที่ สภ.บันนังสตา จำนวน 1 หมาย 


จับตาย"มะ ดือราแม" หัวโจกโจรชายแดน
ปะทะเดือดลั่นป่าที่ยะลา สมุนเผ่น-ยึดอาวุธเพียบ
 เมื่อเช้าวันที่ 9 เม.ย.54 ร.ต.ท.เอกรวี ดวงกลาง ร้อยเวร สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ได้รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ทหารพร้อมผู้นำหมู่บ้านเข้าปิดล้อมตรวจค้นเกิดยิงปะทะคนร้ายกลุ่มก่อความไม่สงบ คนร้ายตาย 1 ราย ที่บ้านลีซ็งใน หมู่ที่ 5 ต.จะกว๊ะ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

 ต่อมาพร้อม พ.ต.ท.ภูไชยวัฒน์ นทีรัตน์ สวญ.พ.ต.ต.ประเทือง สุวรรณชาตรี สวป.พ.ท.อิศรา จันทะกระยอม ผบ.ฉก.ยะลา 12 นายบุญไทย กาฬศิริ นายอำเภอรามัน สนธิกำลัง เดินทางไปสอบสวน ที่เกิดเหตุอยู่ท้ายหมู่บ้านภายในบริเวณสวนยางพารา พบศพนายมะ ดือราแม อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ที่ 2 ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา ถูกกระสุนตามร่างกายจนพรุนนอนตายจมกองเลือด ยึดอาวุธปืนขนาด 9 มม.กับแม็กกาซีนอีก 2 อัน มีกระสุนรวมกว่าสิบนัด นอกจากนั้นยังพบระเบิดสังหารชนิดเอ็ม.67 ในกระเป๋าคาดสะเอว อีก 1 ลูก เปลสนาม 2 ชุด โทรศัพท์มือถือ เวชภัณฑ์พร้อมของกลางอื่น ๆ อีกหลายรายการ

 สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ท.ปิติ สิทธิชัย ผบ.ร้อย ร.15222 ฉก.ยะลา 12 พร้อมนายมะโซ๊ะ มะเตะ หรือ กำนันเปาะจิ กำนัน ต.ตะโละหะลอ นายมาหะมะสากือรี ยะกูมอ นายก อบต.จะกว๊ะ ซึ่งสืบทราบว่านายมะ ดือราแม พร้อมพวกรวม 3 คนแอบเข้ามาหานางแมะนะ หะรง ภรรยา ในหมู่บ้านดังกล่าว จึงได้นำกำลังเข้าปิดล้อมตอนเช้ามืด ปรากฏว่าพบคนร้ายนอนอยู่บนเปลสนามผูกระหว่างต้นยางพารา 2 คน ส่วนอีกคนทำหน้าที่เวรยาม เมื่อเห็นกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามา คนร้ายที่เฝ้ายามได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่พร้อมเตือนพรรคพวกให้รู้ตัว หลังจากนั้นจึงได้เกิดปะทะกันขึ้นอย่างดุเดือด ราว 15 นาที เมื่อเสียงปืนจากฝ่ายคนร้ายสงบลง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบพบศพนายมะ ดือราแม นอนตายจมกองเลือดอยู่ ส่วนเพื่อนอีก 2 คนพาอาวุธปืนสงครามหลบหนีไปได้

 สำหรับนายมะ ดือราแม เป็นแกนนำระดับสั่งการ และมีหมายจับคดี ป.วิอาญา เกี่ยวกับความมั่นคงปีราวต้น 2551 โดยพาพวกลอบวางระเบิดนายมะโซ๊ะ มะเกะ กำนัน ต.ตะโละหะลอ ที่บ้านทุ่งขมิ้น หมู่ที่ 3 ต.ตะโละหะลอ นายมะโซะปลอดภัย หลังจากนั้นจึงได้ติดตามนายมะมาตลอดจนกระทั่งสืบทราบว่าได้แอบเข้าไปหาภรรยา ที่บ้านลีเซ็งใน จึงได้นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นจับตายในที่สุด

ทหารปิดล้อมจับตายแกนนำโจรใต้


วันที่ 09/04/2554 10:30 (ผ่านมา 1 วัน 0 ชั่วโมง 32 นาที)

ทหารปิดล้อมจับตายแกนนำโจรใต้

กำลังทหารบุกปิดล้อมและปะทะกับกลุ่มโจรใต้บริเวณสวนยางพารา ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา หลังสิ้นสุดการปะทะ พบศพแกนนำโจรใต้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย...


เมื่อเวลา 07.30 น. 9 เม.ย. ร.ต.ท.เอกรวี ดวงกลาง ร้อยเวร สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา รับแจ้งเหตุทหารพร้อมผู้นำหมู่บ้านเข้าปิดล้อมตรวจค้น และเกิดเหตุยิงปะทะคนร้ายกลุ่มก่อความไม่สงบ เป็นผลให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย ที่บ้านลีเซ็งใน หมู่ 5 ต.จะกว๊ะ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

ต่อมาพร้อม พ.ต.ท.ภูไชยวัฒน์ นทีรัตน์ สวญ., พ.ต.ต.ประเทือง สุวรรณชาตรี สวป., พ.ท.อิศรา จันทะกระยอม ผบ.ฉก.ยะลา 12 และนายบุญไทย กาฬศิริ นายอำเภอรามัน สนธิกำลังเดินทางไปสอบสวน โดยจุดเกิดเหตุอยู่ท้ายหมู่บ้านบริเวณสวนยางพารา พบศพนายมะ ดือราแม อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 2 บ้านปาแตรายอ ต.เกะรอ อ.รามัน ถูกกระสุนตามร่างกายจนพรุน นอนตายจมกองเลือด ใกล้ๆ กันพบอาวุธปืนขนาด 9 มม.กับแม็กกาซีนอีก 2 อัน มีกระสุนรวมกว่าสิบนัด นอกจากนั้นยังพบระเบิดสังหารชนิดเอ็ม 67 ในกระเป๋าคาดเอว อีก 1 ลูก เปลสนาม 2 ชุด โทรศัพท์มือถือ เวชภัณฑ์พร้อมของกลางหลายรายการ

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ร.ท.ปิติ สิทธิชัย ผบ.ร้อย ร.15222 ฉก.ยะลา 12 พร้อมนายมะโซ๊ะ มะเตะ หรือกำนันเปาะจิ ยือนอง กำนัน ต.ตะโละหะลอ นายมาหะมะสากือรี ยะกูมอ นายก อบต.จะกว๊ะ ซึ่งสืบทราบว่านายมะ ดือราแม พร้อมพวกรวม 3 คน แอบเข้ามาหานางแมะนะ หะรง ภรรยา ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมตอนเช้ามืด ปรากฏว่าพบคนร้ายนอนอยู่บนเปลสนาม ผูกระหว่างต้นยางพารา 2 คน ส่วนอีกคนทำหน้าที่เวรยาม เมื่ือเห็นกำลังทหารเข้ามา คนร้ายที่เฝ้ายามได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่ พร้อมเตือนพรรคพวกให้รู้ตัว หลังจากนั้นจึงเกิดปะทะกันขึ้นอย่างดุเดือด ราว 15 นาที เมื่อเสียงปืนจากฝ่ายคนร้ายสงบลง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพบศพนายมะ ดือราแม นอนตายจมกองเลือดอยู่ ส่วนเพื่อนอีก 2 คนหลบหนีไปได้พร้อมอาวุธปืนสงคราม

ตรวจสอบต่อมาพบว่า นายมะ ดือราแม เป็นแกนนำระดับสั่งการ และมีหมายจับคดีป.วิอาญา เกี่ยวกับความมั่นคงต้นปี 2551 โดยพาพวกลอบวางระเบิดนายมะโซ๊ะ มะเกะ กำนัน ต.ตะโละหะลอ ที่บ้านทุ่งขมิน หมู่ 3 ต.ตะโละหะลอ แต่นายมะโซะปลอดภัย หลังจากนั้นจึงได้ติดตามนายมะมาตลอด จนกระทั่งสืบทราบว่าแอบเข้าไปหาภรรยาที่บ้านลีเซ็งใน จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นและจับตายในที่สุด

ไทยรัฐออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

เพียงแค่อิมามตรัสว่า"จงเป็น" มันก็จะ"เป็น.
ผู้คนส่วนมากในบ้านเราเมื่อจะพิจารณาถึงหลักความเชื่อในเรื่องของ "ผู้นำ" หลังจากนบีหรือเรื่องของ "อิมามะฮฺ" ตามหลักความเชื่อถือของพวกลัทธิรอฟิเฎาะฮฺแล้ว ก็มักจะศึกษาอย่างฉาบฉวยเพียงแค่ว่า 

มีหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไหม? 

ท่านนบีแต่งตั้งท่านอะลีให้เป็นผู้นำที่ฆอดีรคุมไหม? 

หะดิษ 12 คอลีฟะฮฺคือผู้นำของพวกรอฟิเฎาะฮฺใช่ไหม? เป็นต้น 

ซึ่งหากเราศึกษาประเด็นเหล่านี้อย่างฉาบฉวยจากการนำเสนอของพวกรอฟิเฎาะฮฺที่จะพยายาม "ฝืน" โดยนำหลักฐานมาอธิบายอย่างบิดเบือน ก็มักจะทำให้คนที่ขาดความรู้เกิดการหลงไหลและสุดท้ายก็เข้ารีตเดินหน้าสู่ความเป็นรอฟิเฎาะฮฺไปในที่สุด 

โดยเพียงแค่นึกฝันเอาเองว่ามีหลักฐานที่สนับสนุนความเชื่อเรื่อง "อิมามะฮฺ" ของฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺ 

ทั้งๆที่หากเราพิจารณาถึงเนื้อแท้ของความเชื่อเรื่องอิมามะฮฺที่ถูก "ซ่อนเร้น" ไม่เปิดเผยจากอุลามาอ์ฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺแล้ว ผมเองก็มั่นใจหลือเกินว่าคงไม่มีใครที่คิดจะอ้อมแขนรับความเชื่อเรื่อง "ผู้นำที่ถูกแต่งตั้ง" จากนบีตามจินตนาการของฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺเป็นแน่แท้ 

อุปมาเรื่องผู้นำหลังจากนบีโดยมีฉากอยู่ที่ฆอดีรคุมซึ่งฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺพยายามจะนำเสนอ ก็อุปมัยดังเรื่อง ความเมตตาของพระเยซูที่สละชีพเพื่อล้างบาปแก่ชาวโลกซึ่งฝ่ายคริสเตียนพยายามจะโน้มน้าวแก่ผู้คนในการเผยแพร่เสมอๆ 

กล่าวคือ หากเราได้เคยมีโอกาศรับฟังเหตุผลและการนำเสนอถึงความเมตตาและสถานภาพของพระเยซูที่ยอมสละชีพเพื่อไถ่บาปชาวโลกแล้ว เราก็มักหลงไหลได้ปลื้มไปกับความยิ่งใหญ่ในตัวของพระเยซูซึ่งมากมายเหลือเกินที่มันสามารถเปลี่ยนคนต่างศาสนิกอื่นๆที่มิใช่มุสลิมให้รับศาสนาคริสต์ได้แต่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนมุสลิม 

ซึ่งการที่มุสลิมไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองไปรับนับถือศาสนาคริสต์นั้นหาใช่เกิดจากการไม่ศรัทธาต่อพระเยซูหรือนบีอีซา(อลัยฮิสสลาม)แต่อย่างใดไม่ แต่เกิดจากการที่มุสลิมรู้ดีถึงแก่นแท้ในหลักความเชื่อเรื่อง "ตรีเอกานุภาพ" ที่ฝ่ายคริสเตียนได้หยิบยกพระเยซูเป็นภาคหนึ่งของพระเจ้าไป 

ดังนั้นต่อให้เหตุผลเบื้องหน้าในเรื่องของพระเยซูจะดีเลิศน่ารับฟังเต็มไปด้วยเหตุผลหลักฐานมากเพียงใด มุสลิมก็ไม่ "ฉาบฉวย" พอที่จะน้อมรับอากีดะฮฺคริสเตียนอย่างขาดวิจารณญาณนอกจากคนที่ไม่ใช่มุสลิมซึ่งไม่มีพื้นฐานเรื่อง "เตาฮีด" เท่านั้นที่จะน้อมรับเรื่องดังกล่าวได้ 

และเช่นกัน การที่ชาวซุนนะฮฺไม่ยอมน้อมรับหลักความเชื่อเรื่องอิมามะฮฺของฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺนั้นหาได้เกิดจากการที่ฝ่ายซุนนะฮฺเกลียดชังในลูกหลานนบี,ปฏิเสธเหตุการณ์ที่ฆอดีรคุม,ปฏิเสธหะดิษษะกอลัยนฺ(สิ่งหนักสองสิ่ง)และอื่นๆแต่อย่างใดไม่ 

แต่การที่นักปราชญ์ผู้ทรงภูมิธรรมของฝ่ายซุนนะฮฺได้ปฏิเสธเรื่องดังกล่าวไปนั้นก็สืบเนื่องจาก "หลักความเชื่อที่เลยเถิด" ของฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺที่มีต่อบรรดาอิมามที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นผู้นำหลักจากนบีตลอดจนความเข้าใจถึงข้อเท็จจริงของหะดิษต่างๆที่ฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺนิยมแอบอ้างหยิบยกมานำเสนออย่างฉาบฉวยต่างหาก 

ไม่ว่าจะ หะดิษฆอดีรคุมและหะดิษ 12 คอลีฟะฮฺก็ดี 

ดังนั้นสภาพของคนบางกลุ่มที่ตัดสินความเป็นสัจธรรมระหว่าง อะฮฺลุซซุนนะฮฺฯกับรอฟิเฎาะฮฺ เพียงแค่เหตุการณ์ที่ฆอดีรคุมหรือเรื่องผู้นำหลังจากนบี ก็ไม่ต่างอะไรกับคนต่างศาสนิกบางกลุ่มที่ตัดสินว่า "ศาสนาคริสต์คือสัจธรรม" เพียงแค่จากเรื่องราวของการสละชีพเพื่อปกป้องมวลมนุษยชาติของพระเยซูและความเมตตาอันสูงส่งของท่านนั่นเอง 

จะต่างกันก็ตรงที่ว่าการที่มุสลิมส่วนใหญ่ไม่ได้น้อมรับหลักความเชื่อเรื่องพระเยซูมิใช่ว่าไม่ศรัทธาต่อนบีอีซา 

แต่เกิดจากเหตุผลที่ว่าคริสเตียนเชื่อในพระเยซูอย่างไม่ถูกต้องโดยยกท่านเป็นพระเจ้า แต่สำหรับการที่มี "มุสลิมบางจำพวก" ได้หันหน้าเข้ารีตสู่ลัทธิรอฟิเฎาะฮฺชีอะฮฺ ก็สืบเนื่องจากว่า "ความไม่เดียงสา" ต่อเนื้อแท้ของหลักความเชื่อในเรื่องอิมามะฮฺของฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺที่ได้เลยเถิดหยิบยกมนุษย์เป็นพระเจ้า แต่แนบเนียนกว่าตรงที่ "ปกปิด" ไม่ยอมนำเสนอแก่คนเอาวาม เพราะกลัวว่าคนจะไม่รับแนวทางชีอะฮฺหากรู้ความจริงดังกล่าวนี้!!! 

ดังนั้นก็เลยนำเสนอเรื่องราวเพียงแค่ว่า 
ท่านนบีแต่งตั้งท่านอะลีเป็นอิมามจริงไหม? 
หรือท่าน 3 คอลีฟะฮฺแรกของอิสลามขึ้นดำรงตำแหน่งอย่างชอบธรรมหรือไม่? 
ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉาบฉวยในการหาข้อสรุปเป็นอย่างยิ่ง


1. แก่นแท้ของหลักความเชื่อเรื่อง "อิมาม" หรือผู้นำหลังจากท่านนบีของฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺ



ถึงจุดนี้ข้าพเจ้าจะขอนำเสนอถึงแก่นแท้ของความเชื่อของฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺที่มีต่อผู้นำหลังจากนบี โดยจะขอหยิบยกคำบรรยายของปราชญ์ชั้นสูงของฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺมานำเสนอกัน ซึ่งจะพิสูจน์ให้เห็นว่าโดยแก่นแท้แล้ว ผู้นำหลังจากท่านนบีในหลักความเชื่อของฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺนั้นไม่แตกต่างอะไรกับพระเจ้าหรือหลักความเชื่อในแบบคริสเตียนที่ได้หยิบยกมนุษย์เป็นพระเจ้านั่นเอง!!!



อัลลามะฮฺ อัลฟากีฮฺ ซัยยิดมุฮัมมัด ริฏอ อัชชัยรอศีย์


ปราชญ์ผู้โด่งดังของรอฟิเฎาะฮฺรายนี้มาจากประเทศอิรัคซึ่งเขาได้บรรยายถึงแก่นแท้ในหลักความเชื่อที่แท้จริงของฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺที่มีต่อบรรดา "มนุษย์ทั้ง 12 คน" ที่พวกเขาเชื่อว่านบีได้เลือกสรรให้เป็นผู้นำของอุมมะฮฺอิสลามหลังจากท่านไว้ว่า



"เมื่อใดที่เราได้เรียกหา,ได้สวดอ้อนวอนและขอความจำเริญในปัจจัยยังชีพและความต้องการทางด้านสังคมจากบรรดาอิมาม พึงรู้ไว้เถิดว่าท่านกำลังขอจากบรรดาอิมามผู้ซึ่งทรงอำนาจในการควบคุมดูแลบริหารสากลจักรวาลและทุกๆสิ่ง(บนโลกนี้) และเมื่อใดก็ตามที่บรรดาอิมามได้กล่าวแก่บางสิ่งว่า "จงเป็น"มันก็ "เป็น" ตามที่อิมามได้กล่าวไป (กุนฟะยะกูน)"



ข้อความดังกล่าวนี้ ถอดความมาจากคำบรรยายของเจ้าตัวที่



ซึ่งท่านผู้อ่านสามารถตรวจสอบได้


จากคำบรรยายที่สะท้อนให้เห็นถึงแก่นแท้ของหลักความเชื่ออันแท้จริงในเรื่อง "อิมาม" ของฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺจากนักวิชาการรอฟิเฎาะฮฺรายนี้จึงสามารถสรุปออกมาให้เห็นถึงความขัดแย้งกับอิสลามออกเป็น 3 ประการดังนี้



1. รอฟิเฎาะฮฺสามารถสวดอ้อนวอนขอความจำเริญจากบรรดาอิมามของพวกเขาได้

สิ่งนี้ถือเป็นการกระทำที่สวนทางกับหลักการของอัลอิสลามดังคำดำรัสในอัลกุรอานความว่า


{ إِيَّاكَ نَعْبُدُ وَإِيَّاكَ نَسْتَعِينُ }
เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์เคารพอิบาดะฮฺ (*1*) และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์ขอความช่วยเหลือ (*2*) (อัลฟาติฮะฮฺ:5)



(1) คือมอบการเคารพอิบาดะฮฺทุกประเภท่ให้แก่พระองค์ แต่เพียงองค์เดียวเท่านั้น โดยปราศจากการให้ผู้หนึ่งผู้ใด หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดมีหุ้นส่วนในการอิบาดะฮฺดังกล่าว เป็นต้นว่า การวิงวอนขอความช่วยเหลือ การบน การสาบาน และการเชือด ฯลฯ 
(2) ขอความช่วยเหลือในสิ่งที่อยู่นอกเหนือกฏสภาวการณ์ หรือสิ่งที่ไม่อยู่ในความสามารถของมนุษย์ที่จะให้ความช่วยเหลือได้ 




2. รอฟิเฎาะฮฺเชื่อว่าบรรดาอิมามมีอำนาจในการควบคุมจักรวาลสิ่งนี้เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงและขัดแย้งกับโองการอัลกุรอานความว่า



{ لَّهُ مُلْكُ ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلأَرْضِ وَإِلَى ٱللَّهِ تُرْجَعُ ٱلأُمُورُ }



อำนาจอันเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของพระองค์ และการงานทั้งหลายถูกให้กลับไปยังอัลลอฮ.เท่านั้น (*1*) (อัลหะดีด:5)



(1) ทุก ๆ สิ่งย่อมกลับไปหาอัลลอฮ. พระผู้สร้างและพระผู้จัดระบบ ทรงตัดสินชี้ขาดตามที่พระองค์ทรงประสงค์ 3. รอฟิเฎาะฮฺอ้างว่าหากอิมามกล่าวสิ่งใดว่า "จงเป็น" มันก็ "เป็น" (กุนฟะยะกูน)ไปตามที่อิมามได้กล่าวไว้สิ่งนี้ถือเป็นการยกบรรดาอิมามให้เสมอเหมือนกับพระองค์อัลลอฮฺอย่างชัดแจ้งเพราะพระองค์ทรงกล่าวว่า

{ بَدِيعُ ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلأَرْضِ وَإِذَا قَضَىٰ أَمْراً فَإِنَّمَا يَقُولُ لَهُ كُنْ فَيَكُونُ }


พระองค์ผู้ทรงประดิษฐ์ชั้นฟ้า และแผ่นดิน และเมื่อพระองค์ทรงกำหนดสิ่งใดแล้วพระองค์ก็เพียงแต่ประกาศิตแก่สิ่งนั้นว่า จงเป็นแล้วสิ่งนั้นก็จะเป็นขึ้น-กุนฟะยะกูน- (อัลบะกอเราะฮฺ:117)



สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้หาใช่การใส่ไคล้อย่างเลื่อนลอยหรือนั่งเทียนเขียนโจมตีฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺอย่างที่พวกเขามักจะโฆษณาหลอกผู้คนกัน 

อัลเลาะห์ เป็นศิลปินเดี่ยว


อยาตุลลาต อัลฟาลีย์กล่าวว่าอัลลออฺเป็นนักกวี!!



อุลามาอ์รอฟิเฎาะฮฺชีอะฮฺ

นามว่า อยาตุลลาต อัลฟาลีย์ กล่าวว่าอัลลออฺเป็นนักกวี!

วุ่นวายอยู่กับเรื่องจิ๋มนี่แหละ


การมองอวัยวะเพศของคนที่มิใช่มุสลิมไม่บาป






สิ่งที่ท่านกำลังจะอ่านต่อไปนี้หาใช่การใส่ร้ายจากฝ่ายซุนนะฮฺต่อ พวกรอฟิเดาะฮฺชีอะฮฺไม่ เพราะนั่นไม่ใช่อุดมการณ์ของพวกเรา แต่สิ่งที่ท่านกำลังจะอ่านต่อไปนี้เป็นข้อมูลที่นำมาจากตำราชีอะฮฺ(ซึ่งมี ให้ดาวน์โหลดทางเว็บไซต์พวกเขา) โดยที่พวกเราได้ทำการเซฟมาจากหน้าเว็ปไซต์ของพวกเขาเพื่อให้ท่านได้ดูเป็น หลักฐานกันชัดๆ


แปล:

6 ـ باب جواز النظر الى عورة البهائم ومن ليس 
بمسلم بغير شهوة 
บทที่ 6 การอนุมัติให้ดูอวัยวะเพศของสัตว์และของบุคคลที่ไม่ใช่มุสลิม
โดยปราศจากความ กำหนัด (มีด้วยหรือดูอวัยวะเพศแล้วไม่กำหนัด ?
แล้วเอามาตรฐานอะไรวัดว่าแบบไหนกำหนัดอันแบบไม่กำหนัด) 

ริวายัติจาก มุฮัมมัดยะกูบ กุลัยนี(เจ้าของอัลกาฟีอันยิ่งใหญ่) จากอะลีบิน
อิบรอฮิมอัลกุมมี(เจ้าของตัฟซีรกุมมี) จากบิดาของเขาจากอิบนิอุมัร
(หะดีษบทต่อไปนี้นำมาจากหนังสือ อัลกาฟีย์อีกที)

แปล ประโยคที่ขีดเส้นแดง:
อบูอับดิลละฮ์กล่าวว่าการมองอวัยวะเพศของพวกที่ไม่ใช่มุสลิมก็
เท่ากับการมองอวัยวะเพศของลา(แปลว่าไม่บาปเพราะการมอง
อวัยวะเพศ สัตว์ไม่มีข้อห้ามทางศาสนา) 

หะดิษหมายเลขที่ 1406: อิมามญะฟัรศอดิกกล่าวว่าเป็นความจริงที่ว่า
มันคือสิ่งที่ต้องห้ามสำหรับการมองดูอวัยวะเพศของคน มุสลิมด้วยกัน
และในขณะเดียวกันการมอ งอวัยเพศของคนที่ไม่ใช่มุสลิม
ก็เท่ากับการมองอวัยวะเพศของลา(แปลว่า ไม่บาป) 

อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าเชื่อว่าฝ่ายชีอะฮฺมักจะอ้างว่าหะดีษดังกล่าว 
ดออีฟ ซึ่งในความเป็นจริงการอ้างในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่รับไม่ได้
เพราะหากมาตรฐาน ทางศาสนาของฝ่ายชีอะฮฺดีจริงอุลามาอ์ชีอะฮฺ
คงไม่นำหะดิษแบบนี้มาบันทึกให้ ขายหน้าตั้งแต่แรกแล้ว
อย่างไรก็ตามหะดิษชีอะฮฺที่เราได้นำเสนอไปนั้น บันทึกอยู่ในหนังสือ 
วะซาอิลุชชีอะฮฺ ของหัรรุ้ลอามิลี ซึ่งเขานำหะดิษมาจากหนังสือ
อัลกาฟีย์อีกทีนั่นย่อมเป็นข้อบ่งชี้ว่าหะดิษที่ ให้ดูของลับกาเฟร
ได้นี้สอเฮี๊ยฮฺตามทัศนะของอุลามาอ์ผู้ยิ่งยงของชีอะฮฺนาม 
ว่าหัรรุ้ลอามิลี เพราะเขาได้กล่าวรับรองหนังสืออัลกาฟีย์ไว้แล้วว่า

ซัย ยิด อัลฮัรรุลอามิลี ปราชญ์ชีอะฮฺผู้รวบรวมตำรา วะซาอิลุช
ชีอะฮฺ ได้กล่าวไว้ว่า 
: أصحاب الكتب الأربعة وأمثالهم
 قد شهدوا بصحة أحاديث كتبهم وثبوتها
 ونقلها من الأصول المجمع عليها
 , فإن كانوا ثقات تعين قبول قولهم وروايتهم ونقلهم

บรรดาผู้ประพันธ์ตำรา “กุตตุบอัรบะอะฮฺ” (หนังสือ 4 เล่มสำคัญ
ของชีอะฮฺซึ่งรวมอัลกาฟีย์ด้วย)ของชีอะฮฺ ได้พิสูจน์แล้วว่า บรรดา
หะดิษจากตำราเหล่านั้นคือหะดีษซอเฮี๊ยฮฺ!!! จากอูศูลทั้งหมด
ของชีอะฮฺซึ่งเห็นพ้องต้องกัน และหากท่านพิจารณาว่านักปราชญ์
เหล่านั้น เชื่อถือได้ ดังนั้นท่านต้องยอมรับคำพูดและรายงานของ
พวกเขา (วะซาอิลุชชีอะฮฺ เล่ม 20 หน้า 104)

หะดิษบทน้ของรอฟิเดาะฮฺเป็นการเปิดทางไปสู่ การดูคลิปโป๊,
การนุ่งน้อยห่มน้อยและอื่นๆอีกมากที่มาจากพฤติกรรมของกาเฟร 
เพราะดูสิ่งเหล่านั้นก็เหมือนดูลา

อย่างไรก็ตามมีข้อที่น่าสงสัยว่า การดูของลับของสตรีชาวซุนนี
นั้นเป็นที่หะรอมไหมสำหรับชายชีอะฮฺหากมองจากคำ สอนนี้เพราะ 
เชคมุฟีด หนึ่งในนักปราชญ์ชีอะฮฺที่ซัยยิดสุไลมานเคยรับรองและ
ยังเป็นหนึ่งในผู้วาง รากฐานให้แก่ศาสนาชีอะฮฺด้วยการแบ่งรูกุ่น
อีมานออกเป็น 5 ข้อได้ฟัตวาไว้ว่าชาวซุนนีมิใช่มุสลิมดังนี้

اتفقت الامامية على أن من أنكر إمامة
 أحد من الائمة وجحد ما أوجبه الله
 تعالى له من فرض الطاعة فهو
 كافر ضال مستحق للخلود في النار 
มีมติเป็นเอกฉันท์ในหมู่ผู้รู้อิมามียะฮฺต่อความจริงที่ว่า 
คนหนึ่งคนใดที่ไม่ศรัทธาต่ออิมามะฮฺแม้เพียงคนเดียว
ของอิมามและบรรดาผู้ไม่ ศรัทธาในสิ่งที่อัลลอฮฺถือเป็น
หน้าที่ที่จะต้องเชื่อฟังพวกเขา(บรรดาอิมาม) บุคคลเช่นนั้น
คือผู้ปฏิเสธที่หลง และสมควรพำนักอยู่ในนรกตลอดกาล 


หนังสือ อัลมะซาอิล หน้าที่ 120 ของ ชัยคฺมุฟีด 

ชาวซุนนีซึ่งไม่ศรัทธาต่อ บรรดาอิมามของชีอะฮฺก็ย่อมเป็น
กาเฟรแน่นอน 

ดังนั้นการดูของลับตลอดจนเอา เราะฮฺของสตรีซุนนีจึงเป็นที่
อนุมัติแก่ชายลัทธิรอฟิเดาะฮฺชีอะฮฺหรือไม่ อุ ลามาอ์ชีอะฮฺ
คนใดรู้บอกที

อนาจารลูกสาวตัวเองก็ได้


โอ้ อัลเลาะห์ อนุญาตให้ทำหนาจารลูกสาวตัวเองได้ 

แม้แต่นบีมูฮัมหมัด ก็เคยทำ

การทำอนาจารลูกสาวเป็นที่อนุมัติในศาสนาชีอะฮฺ!!!!


ฟัตวาต่อไปนี้นำมาจากเว็ปไซต์ของพวกรอฟิเฎาะฮฺชีอะฮฺเอง ซึ่งทางทีมงานของเรา

ได้ทำการเซฟหน้าเว็ปเพื่อเก็ยเป็นหลักฐานไว้ให้ท่านผู้อ่านได้ชมกันเป็นหลักฐาน 

ฟัตวานี้ถูกฟัตวาโดย อยาตุลลาต อับฏอฮีย์ อุลามาอ์รอฟิเฎาะฮฺคนสำคัญในกาล

ปัจจุบัน ซึ่งต้องขอขอบคุณท่าน 


ถาม : ฉันเป็นผู้หญิงอายุ 15 ปี พ่อของฉันเคร่งศาสนามาก 
(ชีอะฮฺอิมามมียะฮฺ) เวลาฉันออกจากบ้านก็คลุมฮิญาบ 
อัลฮั้มดุลิ้ลลาฮฺ แต่พ่อของฉันจูบฉันบ่อยมากที่ระหว่างหน้าอก 
หรือไม่ก็จูบปาก หรือแม้กระทั่งเข้ามากอดฉันทางด้านหลัง
แล้วก็จูบฉันที่คอ 

ดังนั้นฉันก้เลยถามพ่อไปว่า “การกระทำเหล่านี้อนุญาตด้วยหรือ?” 
พ่อของฉันก็ตอบกลับมาว่า “มันฮารอมถ้าหากว่าทำไปด้วยอารมณ์
ทางเพศ แต่ที่พ่อทำก็คือในฐานะความเป็นพ่อ 

และท่านนบีมูฮำหมัด(ศ็อลฯ) ก็เคยจูบที่ปากของลูกสาว
ของท่าน(ท่านหญิงฟาตีมะฮฺ) ที่คอ และก็ที่ระหว่างหน้าอก
ของท่าน และก็จูบแบบใช้ลิ้น เช่นนี้ท่านรอซูลทำลามกกับ
ลูกสาวของท่านหรือปล่าว??? ไม่! 

และถ้าท่านรอซูลทำนั่นก็แสดงว่าเป็นที่อณุญาติแก่ผู้ที่เป็นพ่อ
จะทำแบบนั้น กับลูกสาวของเขา!

(ผู้หญิงก็ได้กล่าวตอไปว่า) และพ่อก็บอกต่อมาอีกว่า “พ่อไม่ได้แตะต้อง
เอาเราะฮฺ(ของลับ) ทั้งทางหน้าและทางด้านหลังเลย และสิ่งที่ไม่ใช่
เอาเราะฮฺทั้งหมดนั้นอนุญาตให้มอง, แตะ สัมผัส, หรือจูบได้” และ

(ผู้หญิงคนนี้ได้กล่าวต่อไปว่า) “ที่พ่อทำอย่างนี้ก็เพราะว่าจะได้
ไม่เป็นห่วงเรื่องตกเป็นเหยื่อของพวก ผู้ชาย, และผู้หญิง
ที่ยอมปล่อยตัวเขาเองให้แก่ผู้ชายคนใดก็ตามก็คือคนที่ปราศจาก
ความรักและไม่มีความอ่อนโยนใดๆที่บ้านเลย 

ดังนั้น(และตอนนี้เธอก็ได้ถาม อยาตุลลอฮฺ อับตาฮีว่า) 

“การที่พ่อฉันทำแบบนั้มันฮาลาล หรือ ฮารอม? และถ้าหากว่า
มันฮารอม ท่านนบีได้ทำอย่างไรกับลูกสาวของท่าน(ท่านหญิงฟาตีมะฮฺ) 
และขอบคุณสำหรับเว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์นี้

คำตอบ ขออัลลอฮฺโปรดประทานความสันติสุขจงมีแด่ท่าน , 
สิ่งที่พ่อของคุณได้ปฏิบัตินั้นเป็นที่อนุญา และขอให้มี
ความอดทนต่อสิ่งที่พ่อของคุณได้ปฏิบัติไป และนั่นคือสิ่งที่อยู่ใน
หัวอกของเขา อย่าได้คิดไปเช่นอย่างอื่น ยินดีครับ


ขอให้ท่านผู้อ่านโปรดใช้ปัญญาของท่านไตร่ตรองดูเถิดว่าศาสนา
ที่มีหลักปฏิบัติที่หยาบโลนเช่นนี้คือ ศาสนาหรือ ??

คลิปหลุดระบำเกย์ของผู้รู้รอฟิเฎาะฮฺ!!!!!


หลุดจนเป็นที่แตกตื่นวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว เมื่อรัฐอิหร่านที่เคยประกาศตัวเองว่าเป็น "รัฐอิสลาม" ได้เกิดมีคลิประบำเกย์หลุดออกมา ซึ่งระบำเกย์ดังกล่าวนี้กระทำขึ้นในศาสนสถานแห่งหนึ่งในอิหร่าน ภายใต้การดูแลของอุลามาอ์รอฟิเฎาะฮฺ ซึ่งท่านสามารถรับชมคลิประบำเกย์ดังกล่าวได้เลย



1) คลิปวิดิโอนี่ ไม่ได้ถ่ายที่มัสยิดหรอกครับ แต่ถ่ายในสถานที่ ๆ เลวร้ายกว่านั้น คลิปนี้ถ่ายที่หลุมฝังศพจำลองของอะบูลุลุอะห์ ซึ่งเป็นฆาตกรสังหารคอลีฟะห์อุมัร (ร) พวกชีอะห์จะมาเฉลิมฉลองกันที่นี่ทุกปีในวันที่ 7 รอบีอุลเอาวัล ดู http://www.siamic.com/islam/index.php?t ... B%E0%B8%BA ก่อนที่จะถูกปิด ไม่ให้คนเข้ามาเยี่ยมเยียนอีกต่อไป (เพราะโลกอิสลามต่อต้านอิหร่านอย่างรุนแรง หลังจากมีคลิปนี้ออกมา) สุสานจำลองที่ชาวชีอะห์ไปเคารพสักการะนี่ อยู่ในกาชาน จังหวัดอิศฟาฮาน อิหร่าน

2) นี่เป็นการเต้นรำและร้องเพลงสรรเสริญอะบูลุลุอะห์ ที่เป็นพระเอกของชาวอิหร่าน เพราะสามารถลอบฆ่าบุคคลที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในอิสลามได้ เห็นชัด ๆ เลยว่าพวกนี้เกลียดอิสลามที่แท้จริงมากแค่ไหน
Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม