ความสัจจะ หนึ่งในคุณสมบัติของมุสลิมที่แท้จริง
โดย อ.ปริญญา ประหยัดทรัพย์
ความสัจจะ คือ อะไร?
สัจจะ คือ ความซื่อสัตย์ ความจริงใจไม่โกหก ความมีสติซื่อตรง ความมีจิตใจตรง ไม่คิดคด ไม่คิดโกหก หลอกลวง รักษาคำมั่นสัญญามั่นคง
ต้องมีสัจจะต่อใครบ้าง ?
- ต่ออัลเลาะฮ์ : แท้
จริงอัลเลาะฮ์ (ซ.บ.) ทรงบันดาลฟากฟ้า
และฟื้นพิภพขึ้นมาด้วยเดชานุภาพของพระองค์และทรงเรียกร้องมนุษย์ให้จรรโลง
ชีวิตของพวกเขาอยู่บนสัจธรรม
ดังนั้นมนุษย์ทุกคนจะต้องมีความสัจจะต่ออัลเลาะฮ์
และความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์อย่างแท้จริง ทั้งด้านพฤติกรรม วจีกรรม
และมโนกรรม
- ต่อรอซู้ล : โดย
น้อมนำพระวจนะของท่านรอซู้ลมาเป็นวิถีแห่งการดำเนินชีวิต
เพราะแท้จริงความสัจจะนั้นนำพาสู่ความดีงาม และความดีงามนั้น นำพาสู่สวรรค์
- ต่อบิดามารดา : โดย
แสดงความกตัญญู ทำความดีและปฏิบัติต่อบุพการีทั้งสองด้วยความอ่อนโยน
มีสัมมาวาจา ดังที่อัลเลาะฮ์ ทรงตรัสไว้ในซูเราะห์อัล-อิสรอฮฺ โองการที่
24
ความ
ว่า : จงปฏิบัติต่อท่านทั้งสองด้วยความอ่อนน้อม
และแสดงออกด้วยจิตใจอันมีเมตตา จงวิงวอนต่ออัลเลาะฮ์
เพื่อให้ทรงเมตตาท่านทั้งสองด้วย
- ต่อญาติพี่น้อง : โดยมอบ
ความรัก ความปรารถนาดี และความมีสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
ดังที่ท่านบรมศาสดามูฮำหมัด (ซ.ล.) กล่าวว่า :
ผู้ใดรักที่จะได้รับปัจจัยที่สมบูรณ์และมีอายุยืนยาว ก็จงสานสัมพันธ์อันดีกับญาติพี่น้อง
- ต่อผู้นำ :
จำเป็นที่จะต้องพูดจริงมีสัจจะกับผู้นำ เพราะผู้นำ
คือสัญลักษณ์ของความเป็นเอกภาพของสังคมมุสลิม จึงต้องเชื่อฟัง
มีสัจจะปฏิบัติตามในทุก ๆ เรื่อง ยกเว้นเรื่องที่ขัดแย้งกับศาสนา
ดังที่พระองค์อัลเลาะฮ์ (ซ.บ.) ทรงตรัสว่า
ผู้ศรัทธาทั้งหลายจงเชื่อฟังอัลเลาะฮ์ เชื่อฟังศาสดา
และผู้นำที่มาจากพวกเจ้าเถิด (ซูเราะฮ์ อันนิซาอฺ 59)
- ต่อเพื่อนบ้าน : โดย
แสดงออกถึงความมีสัจจะ เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่
และไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่กันและกัน ดังอัลกุรอ่าน ระบุว่า :
และจงทำความดีต่อบุพการีทั้งสองตลอดจนญาติพี่น้อง เด็กกำพร้า คนยากจน
เพื่อนบ้านใกล้ชิด และเพื่อนบ้านที่ห่างออกไป
- มุสลิมทั่วไป : เนื่อง
ด้วยมุสลิมทุกคนเป็นพี่น้องกัน จึงต้องรักใคร่สามัคคี มีสัจจะ
และช่วยเหลือกันในสิ่งดีๆ ดังที่ท่านบรมศาสดามูฮำหมัด (ซ.ล.)
กล่าวว่ามุสลิมนั้นเป็นพี่น้องของกันและกัน จะต้องไม่อธรรมต่อกัน
ไม่ทอดทิ้งกัน ไม่ดูหมิ่นกัน
- มนุษย์ทั่วไป :
ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนาใด จำต้องมีสัจจะ ไม่โกหก
ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่กันและกัน
เพราะมนุษย์ทุกคนนั้นสืบทอดบรรพบุรุษเดียวกันคืออาดัมและเฮาวาฮ์
ลักษณะของผู้มีสัจจะ
- พูดอย่างไร ทำอย่างนั้น รักษาคำพูด
- ซื่อสัตย์ จริงใจ ไว้วางใจได้ ทั้งต่อหน้า และลับหลัง
- มีความบริสุทธิ์ใจต่อคู่ครองของตัวเองและบุคคลทั่วไป
- ไม่เป็นผู้สับปลับ หน้าไหว้หลังหลอก
พฤติกรรมที่ถือว่าขาดสัจจะ
- การโกหกมุสาต่ออัลเลาะฮ์ และศาสนทูตของพระองค์นั้น
เป็นสิ่งชั่วร้ายที่น่ารังเกียจยิ่ง โดยอ้างสิ่งหนึ่งไปสู่อัลเลาะฮ์
หรือในสิ่งที่ศาสนทูตแห่งพระองค์ไม่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์อัลกุรอ่าน
และซุนนะฮ์แต่อย่างใดเลย
- การโกหกมุสาของผู้ปกครองต่อประชาชน โดยอาศัยเวทีปาฐกถาและปราศรัย
ดังมีฮาดิษบทหนึ่งระบุว่า บุคคล 3 คน
พวกเขาจะไม่ได้เข้าสรวงสวรรค์คือผู้ผิดประเวณี ผู้นำที่มุสาโกหก
และคนยากจนที่หยิ่งผยอง
- ความไม่ยุติธรรมในการเป็นพยาน นับเป็นความชั่วร้ายที่น่ารังเกียจยิ่ง
ซึ่งมวลมุสลิมจะต้องไม่เบี่ยงเบนความจริงเมื่อเขาเป็นพยานต่อสิ่งนั้น ๆ
โดยยืนยันความถูกต้อง ไม่โอนเอียงออกจากความชอบธรรมแต่ประการใด
- การสรรเสริญเยินยอต่อเพื่อนมนุษย์จะนำพาไปสู่การโกหก
ดังนั้นมุสลิมควรจะต้องระมัดระวังในขณะที่เขาสรรเสริญผู้อื่น
เขาจะต้องไม่กล่าวออกมานอกจากสิ่งที่ดีงาม
ในขณะเดียวกันเขาจะต้องระวังในการสรรเสริญเยินยอผู้คนจนเกินเหตุและการตำหนิ
ติเตียนจนเกินความพอดี ถึงแม้ว่าผู้ที่ถูกสรรเสริญ
สมควรจะได้รับการยกย่องก็ตาม หากแต่การยกย่องกันจนเกินขอบเขตนั้น
เป็นสิ่งที่อิสลามสำทับและห้ามพฤติการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน
ขาดสัจจะ แท้จริงคือ ขาดอีหม่าน
มนุษย์มักจะนำตัวเองเข้าสู่กระแสน้ำวนแห่งการโกหก
มุสาหลังจากนั้นเขาก็หาวิธีการแก้ตัวจากความผิดที่เขาได้ก่อขึ้นและพยายามหา
ทางหนีเพื่อให้รอดพ้นจากความผิดนั้นๆ
อันที่จริงแล้วมนุษย์จะต้องยอมรับต่อความผิดของตนเอง
มีความรับผิดชอบในคำพูด ด้วยการพูดความจริงปราศจากการโกหกใดๆทั้งสิ้น
ความซื่อสัตย์ในคำพูดมีมธุรสวาจาจะนำไปสู่การอีหม่านที่จริงแท้
และความดีงามที่เป็นผลพวงมาจากความสัจจะนั้น คือสุดยอดแห่งความดีงาม
และผลของความดีงามนั้น นำพาสู่สวรรค์อันนิรันดร
ปลูกฝังสัจจะไว้ในหัวใจของบุตรหลาน
ศาสนาอิสลามกำชับให้ทุกคน
ปลูกฝังคุณค่าของความสัจจะไว้ในจิตใจของบุตรหลาน
เพื่อพวกเขาจะได้เติบโตขึ้นมาถูกหล่อหลอมด้วยความมีสัจจะอย่างแท้จริง
เล่าจากอับดุลลอฮฺ บุตรอามิร
(ร.ด.) ว่า : วันหนึ่งมารดาของข้าพเจ้า
เรียกข้าพเจ้าไปพบ ในขณะนั้นท่านศาสดา (ซ.ล.) ได้นั่งร่วมอยู่ด้วย
มารดาได้กล่าวกับข้าพเจ้าว่า โอ้อับดุลลอฮ์เอ๋ย จงเข้ามาซิ
ฉันจะให้สิ่งหนึ่งแก่เจ้า
เมื่อท่านศาสดาได้ยินเช่นนั้นท่านศาสดาจึงได้กล่าวแก่
นางว่า :
เธอต้องการจะให้อะไรแก่เขาหรือ ?
นางกล่าวว่า : ฉันจะให้อินทผลัมแก่เขา
ท่านศาสดา(ซ.ล.) จึงกล่าวแก่นางว่า : หากเธอไม่ให้สิ่งใดแก่เขา
การโกหกจะถูกบันทึกแก่เธอ
(โดย อบูดาวูด บทที่ว่าด้วยจริยธรรม)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น