ไฟใต้เกิดจากใคร? บทสรุปสุดท้ายคืออะไร??
ถ้าย้อนหลังไปอีกประมาณ 10 ปีเศษ สถานการณ์ทางภาคใต้เริ่มมีความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น มีการปล้น จี้ ฆ่า และทำร้ายเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ข้าราชการ และครู เป็นครั้งเป็นคราวปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์
ทางฝ่ายรัฐบาลมักจะออก ข่าวว่า พวกประกอบอาชญากรรมเหล่านั้น เป็นพวกกากเดนของขบวนการก่อการร้ายที่หลงเหลืออยู่ แต่อาศัยประสบการณ์ทางการเมืองและการทหาร มาทำงานรับจ้างพวกนักการเมืองที่มีอยู่หลายกลุ่มที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ มีความขัดแย้งกัน ตั้งแต่การเมืองท้องถิ่นและการเมืองระดับชาติ
เหตุ ร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น รัฐบาลมักจะพูดเสมอว่า เป็นการกระทำของพวกโจรกระจอก โจรรับจ๊อบ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีพเป็นคราวๆ ไป และเพื่อให้เห็นความสำคัญของกลุ่มตน เพื่อจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากการก่อการร้ายข้ามชาติ จากต่างประเทศ
แต่ การสูญเสียเกิดขึ้นเป็นประจำวันและต่อเนื่อง การสูญเสียของฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าเป็นการฆ่าตำรวจ, ทหาร, ประชาชน, กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู ฯลฯ ด้วยมือปืนที่นั่งจักรยานยนต์คู่, การซุ่มยิง, การซุ่มโจมตี และการก่อวินาศกรรม ที่เกิดขึ้นทุกวันเหล่านั้น รัฐบาลจะบอกประชาชนตรงๆ ได้หรือไม่ว่าเป็นการกระทำของขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
มอง ย้อนไปข้างหลัง การเผาโรงเรียนพร้อมๆ กัน 36 หลังใน 4 จังหวัด(ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส) เมื่อปี 2536 ในเวลาที่ห่างกันเพียงโรงละ 5 นาที
ทำนอง เดียวกัน โรงเรียน 11 โรงใน 12 อำเภอ จังหวัดนราธิวาส ถูกเผาในคืนวันเดียวกันกับที่ปล้นปืนไปเกือบ 400 กระบอก จากค่ายทหารบ้านปิเหล็ง ตำบลมะรือโบออก อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เป็นการยืนยันว่าขบวนการก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนได้เริ่มเปิดเผยตนเองขึ้น แล้ว
ไฟที่เกือบมอดดับไปด้วยยุทธการใต้ร่มเย็นนั้น ได้ถูกพัดกระพือให้คุโชนขึ้นอีก เป็นหย่อมๆ ในทุกอำเภอของจังหวัดชายแดน(ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส)
ขบวนการโจรก่อ การร้ายแบ่งแยกดินแดน(ขจก.) ได้เปิดเผยการเผชิญหน้ากับรัฐบาลอย่างชัดเจน เมื่อ 4 มกราคม 2547 เวลา 03.00 น. คราบของโจรจิ๊บจ๊อย โจรกระจอก โจรรับจ๊อบ ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
ออกซิเจนที่ ขจก.เติมไว้เป็นหย่อมๆ ตามอำเภอต่างๆ นั้น ได้ทำให้ไฟลุกโชติช่วงขึ้น และพัดกระพือให้หย่อมไฟที่จุดติดแล้วนั้นให้แผ่ขยายวงกว้างขึ้น เชื่อมต่อกัน ทุกอำเภอแดงฉานไปด้วยไฟแห่งการปฏิวัติเพื่อรัฐเอกราชปัตตานี และแบ่งแยกการปกครองออกจากรัฐบาลไทยเป็นรัฐอิสระ เช่นเดียวกับรัฐอิสลามทั้งหลายในโลกแล้ว
การก่อการร้ายของขบวนการโจร ก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นเป็นสงครามแล้ว เป็นสงครามที่ไม่ประกาศ เพราะเป็นสงครามของขบวนการก่อการร้ายแนวใหม่ที่เรียกว่า นีโอเทอเรอริสม์(Neo-Terrorism) ขบวนการก่อการร้ายที่ไร้ผู้นำ มีลักษณะเหมือนบริษัทที่มีหุ้นส่วนหลายกลุ่ม มีอุดมการณ์เดียวกัน และลงขันร่วมกันในด้านเงินทุน ซึ่งได้มาจากประเทศที่มีกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง
ขบวน การก่อการร้ายแบบไร้ผู้นำนี้ มีอุดมการณ์ที่จะต้องปลดปล่อยประชากรมุสลิมในประเทศต่างๆ ที่ถูกกดขี่ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่มีความเสมอภาค
เพราะฉะนั้น ขบวนการก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนในประเทศไทย จึงตกเป็นแนวร่วมของขบวนการโจรก่อการร้ายแบบไร้ผู้นำนี้โดยมิต้องสงสัย
ขบวน การก่อการร้ายแนวใหม่นี้ เกิดขึ้นภายหลังสงครามในอัฟกานิสถาน สงครามอ่าว สงครามในอิรัก ทำให้เกิดการรวมตัวของกลุ่มผลประโยชน์ และกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง รวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับกลุ่มเศรษฐกิจทางตะวันตก โดยใช้กองกำลังในประเทศนั้นๆ เป็นเครื่องมือ ในการประกอบอาชญากรรม หรือทำการก่อการร้ายระดับโลก
เป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายแบบไร้ผู้นำ นี้คือ เพื่อรักษาธุรกิจ หรือผลประโยชน์ของตน เพื่อรักษาอุดมการณ์ของกลุ่ม อุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของโลก เพราะฉะนั้น กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงจึงตกเป็นแนวร่วมของการก่อการร้ายแบบไร้ผู้นำ
กลุ่ม ก่อการร้ายสากลที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ อัลเคด้า(AI-Queda) มีพื้นที่ปฏิบัติการอยู่ในอัฟกานิสถาน, ปากีสถาน และซาอุดีอาระเบีย กลุ่มมูซายาฟ มีพื้นที่ปฏิบัติการอยู่ในฟิลิปปินส์ตอนใต้ กลุ่มมูจาฮีดีน และ เจมาอิสลามิยาห์ อยู่ในอินโดนีเซีย
กลุ่มเหล่านี้จะใช้นักรบในท้องถิ่นเป็นอาสาสมัครรับจ้าง พร้อมทั้งให้การสนับสนุนทางด้านการฝึกอบรมและงบประมาณ
ใน บรรดากลุ่มต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น กลุ่มอัลเคด้านับว่าเป็นกลุ่มสำคัญ ถือว่าเป็นหัวหน้าในการวางแผนก็ไม่ผิด ผลงานที่กลุ่มก่อการร้ายสากล(การก่อการร้ายแบบไร้ผู้นำ)นี้ ที่ควรยกมาให้เห็นคือ การทำลายตึกเวิลด์เทรด ในสหรัฐอเมริกา เมื่อ 11 กันยายน 2544
การระเบิดทำลายโรงแรมแมริออต ที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย เมื่อ 12 ตุลาคม 2546
ส่วน การระเบิดทำลายสถานทูตออสเตรเลีย ด้วยคาร์บอมบ์ ในกรุงจาร์กาตา อินโดนีเซีย เมื่อ 9 กันยายน 2547 นั้น กลุ่มเจไอยอมรับว่าเป็นผลงานกลุ่มของตนเอง
เพราะฉะนั้น การก่อการร้ายของขบวนการก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าเป็น สงครามนั้นก็คงไม่ผิดแน่นอน และเป็นสงครามที่ไม่ประกาศ ซ้ำร้ายฝ่ายเรายังมองไม่เห็นศัตรู
การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของคน ภายในประเทศ โดยการกระทำของขบวนการก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน ตั้งแต่ 4 มกราคม 2547 จนบัดนี้ล่วงเข้าเดือนที่ 9 แล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจะยุติลงได้เมื่อใด
จากการที่ได้ติดตามสถานการณ์มา อย่างต่อเนื่อง ได้มองเห็นว่าแม่ทัพภาคที่ 4 คนปัจจุบันคือ พล.ท.พิศาล วัฒนวงค์คีรี กำลังเผชิญกับปัญหาที่ยากยิ่งกว่าสถานการณ์ในช่วงของผู้เขียน เพราะในช่วงเวลาที่ทำ "ใต้ร่มเย็น" นั้น กองทัพภาคที่ 4 เห็นเป้าหมายชัดเจน เพราะกำลังของขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน เป็นเพียงแต่กลุ่มโจรเล็กๆ มีพื้นที่ปฏิบัติการด้วยการตั้งฐานลอยอยู่ตามชายแดน แล้วลงมาในหมู่บ้านเป็นครั้งคราว เพื่อหาเสบียงและปฏิบัติการจิตวิทยา เมื่อโดนกวาดล้างด้วยยุทธการใต้ร่มเย็นเพียง 2 ยุทธการ ก็ถอนตัวกลับพ้นไปจากชายแดนไทย
แต่ที่แม่ทัพพิศาลกำลังเผชิญปัญหาที่ ยากกว่า ก็เพราะว่าโจรก่อการร้ายของขบวนการก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน ได้เข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน และคุมหมู่บ้านต่างๆ ไว้หมดแล้ว
เนื่องจาก ตั้งแต่ปี 2543-2545 กำลังทหารได้รับคำสั่งให้ถอนออกจากพื้นที่ป่าเขา และพ้นหน้าที่ในการปราบปรามการก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน ให้ไปทำหน้าที่เฉพาะป้องกันชายแดนเท่านั้น ส่วนการปราบปรามขบวนการก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนนั้น ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ
เมื่อ ถอนกำลังทหารออกไปหมด กำลังของขบวนการโจรก่อการร้ายซึ่งมีเพียงไม่เกิน 30 คน ที่อยู่ในป่าเขา ประสบโอกาสที่เปิดให้รีบลงมายึดหมู่บ้านทันที พื้นที่ 6 อำเภอของจังหวัดนราธิวาส คือ อ.เจาะไอร้อง, อ.จะแนะ, อ.สุไหงปาดี, อ.แว้ง, อ.ตากใบ และ อ.ระแงะ ตกอยู่ในอิทธิพลของขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากหน่วยกำลังทหารพ้นพื้นที่ไป เหตุร้ายต่างๆ มักเกิดขึ้นในพื้นที่ 6 อำเภอนี้ของจังหวัดนราธิวาสเป็นประจำ
คำถามก็มีอยู่ว่า ทำไม...? กำลังทหารจึงต้องถอนออกไปจากพื้นที่ และเลิกภารกิจปราบปรามขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเป็นภารกิจที่เกี่ยวกับความมั่นคงที่สำคัญยิ่งของรัฐบาลขณะนี้
สถานการณ์ โดยทั่วไปขณะนี้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ ฝ่ายรัฐบาล ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.)อาสาสมัคร ประชาชน ครู พระสงฆ์ และแม้แต่พี่น้องชาวไทยมุสลิม ก็ถูกฆ่า ถูกทำร้าย ทรัพย์สิน บ้านเรือน วัด มัสยิด ถูกเผาถูกทำลายทุกวัน
เหตุการณ์ร้ายแรงอย่างนี้ทำลายขวัญ ประชาชนโดยรวมที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนเป็นเหตุการณ์ปกติไปแล้ว ถ้าวันไหนมีความสงบไม่มีปรากฏข่าวร้ายลงบนหน้าหนังสือพิมพ์ จะเป็นปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ
เหตุการณ์เช่นนี้เป็นสถานการณ์ที่ท้าทาย อำนาจรัฐฯ เพราะไม่เคยจับตัวผู้บงการ หรือหัวหน้ากลุ่มขบวนการที่สำคัญๆ ได้เลย เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทบทวนสถานการณ์ที่ชายแดนภาคใต้โดยด่วน และต้องทำให้สถานการณ์การฆ่ารายวันนี้ยุติลงให้จงได้โดยเร็ว
รัฐบาล เคยพูดเสมอว่า "เรามาถูกทางแล้ว" ไม่ทราบเหมือนกันว่ามาถูกทางอย่างไร ในเมื่อยังมีการบาดเจ็บ ล้มตาย กันอยู่ทุกวัน น่าจะเป็น "การหลงทาง" เสียมากกว่า และกำลังหลงต่อไป
ต้นเหตุของการบีบให้รัฐบาลต้องถอนทหาร ออกไปจากพื้นที่เมื่อปี 2543-2545 นั้น เป็นปัญหาของการเมืองภายในจังหวัดชายแดนภาคใต้มากกว่าอย่างอื่น
ก่อน การเลือกตั้งใหญ่ทั่วไปเมื่อปลายเดือนมกราคม 2544 บรรดาหัวหน้าขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน คนสำคัญๆ จากต่างประเทศ ได้เข้า-ออก ทางชายแดนไทยถี่ขึ้น เพื่อเข้ามาวางแผนสนับสนุนพรรคการเมืองที่ฝ่ายขบวนการก่อการร้ายสนับสนุน อยู่ เพื่อจะให้มีที่นั่งมากในสภา
แต่หัวหน้าโจรถูกกองกำลังทหารพรานยิงตายหลายคน จึงทำให้ผู้มีอำนาจทางการเมือง(นักการเมือง)ระดับชาติไม่พอใจ จึงดำเนินการทุกวิถีทาง โดยอ้าง ว่าสถานการณ์เรียบร้อยแล้ว ให้ถอนทหารที่รักษาพื้นที่ออกไป เพราะเป็นตัวสร้างความขัดแย้งในด้านการข่าวกับตำรวจ และตำรวจสามารถรักษาสถานการณ์ได้ บีบจนกระทั่งให้กองทัพบกย้ายนายทหารระดับมือปราบ 2 คนที่ฆ่าโจรตายหลายคน ออกไปจากพื้นที่ และห้ามเข้าพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เด็ดขาด
หลัง จากนายทหารทั้งสองถูกย้ายออกไปแล้ว พร้อมกับกำลังทหาร โจรก่อการร้ายจึงเข้าครองพื้นที่แทนทันที และแล้วเหตุการณ์ร้ายแรงก็ทวีขึ้นตามลำดับจนถึงทุกวันนี้ จนเหตุการณ์ฆ่ารายวันเป็นเหตุการณ์ปกติ ทำให้โจรซึ่งเป็นฆาตรกรนั้นอยู่ในบ้านเคลื่อนไหวได้อย่างเสรี ปราศจากการเกรงกลัวกฎหมายและอำนาจรัฐใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมีร่มเงาของนักการเมืองระดับชาติคุ้มครองอยู่
ชีวิต ตำรวจ ทหาร ครู และประชาชน ต้องสังเวยแก่อำนาจทางการเมืองที่บิดเบือนทุกวันๆ ปัจจุบันนี้รัฐบาลก็ต้องส่งกำลังทหารกลับเข้าไปใหม่ และเพิ่มเติมกำลังตำรวจเข้าไปแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากกว่า เดิม การแก้ปัญหายากยิ่งกว่าเดิม
อะไร...? ใคร...? ทำให้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ยุ่งยากและสลับซับซ้อน
ใคร...หรือกลุ่มใด...ที่ได้รับผลประโยชน์จากความจริงที่ถูกบิดเบือนไป เป็นเรื่องที่ ท่านนายกฯทักษิณต้องนำมาพิจารณาทบทวน
และ ที่ต้องทบทวนอย่างยิ่งก็คือ การวางตัวผู้สมัครในจังหวัดชายแดนภาคใต้(สตูล, สงขลา, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส) ท่านนายกฯทักษิณต้องค้นให้ได้ด้วยตนเองว่าใครคือตัวปัญหาของการเมืองที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำเป็นที่ต้องวางตัวคนเก่าอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้หรืออย่างไร
เท่า ที่ทราบ ถ้าท่านนายกฯทักษิณควรฟังไว้บ้างก็คือ ใครก็ได้ที่ท่านนายกฯทักษิณเลือกและให้นำธงไปปัก เขาก็จะเลือกคนนั้น เพราะพี่น้องมุสลิมใต้ยังชอบนโยบายของนายกฯทักษิณ
ขอให้ท่านนายกฯทักษิณฟันธงลงไปเลย ทรท.คงได้ ส.ส.มากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป ถ้าพรรค ทรท.ไม่ยึดติดกับกลุ่มเก่าทั้งหมด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น