Overview - สิระโชว์กร่างหมดราคา โดนเสรีฯ ด่าเป็นคนไร้เกียรติ ปารีณาหมดสภาพ โดนด่าไร้มารยาท-หนีประชุม
วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2564
วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564
วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ยึดเพียบ!! อุปกรณ์ประกอบระเบิด หลังผู้ต้องสงสัยยอมรับสารภาพ
Posted on 05/10/2017 by admin
เมื่อวันที่ 03 ต.ค.60 เวลา 10.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ยะรังร่ วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ทพ.22 ฉก.ทพ.23 หน่วยซักถาม ขกท.สน.จชต ชปข.1หน่วยแยก ขทก.พล.ร 15 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จ.ปัตตานี ชุดสืบสวนคดีความมั่นคง ลงพื้นที่ตรวจสอบและคุมผู้ต้องสงสัยตรวจสอบวัตถุสงสัยที่อาจนำมาสู้การก่อเหตุในพื้นที่ ซึ่งได้ร่วมกันตรวจยึดอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดหลายรายการประกอบด้วย
- 1.แกลลอนขนาด 5 ลิตร สีแดง ภายในบรรจุเหล็กเส้นตัดท่อนคละขนาด จำนวน 1 แกลลอน
- 2.แกลลอนขนาด 6 ลิตร สีเหลือง ภายในบรรจุเหล็กเส้นตัดท่อนคละขนาด จำนวน 1 แกลลอน
- 3.แกลลอนขนาด 6 ลิตร สีเหลือง ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
- 4.แกลลอนขนาด 6 ลิตร สีเหลือง ฝาสีดำภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
- 5.แกลลอนขนาด 5 ลิตร สีเทา ฝาสีเทา ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
- 6.แกลลอนสีขาวขุ่น ฝาสีทอง ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
- 7.แกลลอนขนาด 40 ลิตร ฝาสีดำ ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
- 8.แกลลอนสีขาวขุ่น ภายในบรรจุของเหลวขุ่น ขนาด 10 ลิตร จำนวน 1 แกลลอน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ต.ค 60 จนท .ได้ควบคุมตัวนายสุกรีมัน โต๊ะรายอ (1-9803-00101-71-3) ที่อยู่ 124 ม.1 ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จว.ปัตตานี ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยร่วมก่อเหตุในพื้นที่ยะรัง-แม่ลาน จ.ปัตตานี ผลการดำเนินกรรมวิธี ซักถาม ที่ฉก.ทพ.43 ให้การรับสารภาพว่าเป็นสมาชิกก่อเหตุรุนแรง ฝ่ายโรจิสติก ทำหน้าที่จัดเก็บ อุปกรณ์ในการก่อเหตุ และ ให้การยอมรับว่าได้จัดเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุในพื่นที่ ม.2 ต.คลองใหม่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
ล่าสุดวันที่ 3 ต.ค. 2560 นายสุกรีมัน โต๊ะรายอ ได้สมัครใจ นำเจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดตามบัญชีข้างต้น มาชี้สถานที่จัดเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ ผลการตรวจสอบปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ได้พบอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิด จำนวนหลายรายการ จึงทำการตรวจยึดส่ง พงส.สภ.ยะรัง เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป.
ตรวจยึดอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดหลายรายการ
- 1.แกลลอนขนาด 5 ลิตร สีแดง ภายในบรรจุเหล็กเส้นตัดท่อนคละขนาด จำนวน 1 แกลลอน
- 2.แกลลอนขนาด 6 ลิตร สีเหลือง ภายในบรรจุเหล็กเส้นตัดท่อนคละขนาด จำนวน 1 แกลลอน
- 3.แกลลอนขนาด 6 ลิตร สีเหลือง ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
- 4.แกลลอนขนาด 6 ลิตร สีเหลือง ฝาสีดำภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
- 5.แกลลอนขนาด 5 ลิตร สีเทา ฝาสีเทา ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
- 6.แกลลอนสีขาวขุ่น ฝาสีทอง ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
- 7.แกลลอนขนาด 40 ลิตร ฝาสีดำ ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
- 8.แกลลอนสีขาวขุ่น ภายในบรรจุของเหลวขุ่น ขนาด 10 ลิตร จำนวน 1 แกลลอน
วันนี้ 3 ต.ค. 2560 นายสุกรีมัน โต๊ะรายอ ได้สมัครใจ นำเจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดตามบัญชีข้างต้น มาชี้สถานที่จัดเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ ผลการตรวจสอบปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ได้พบอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิด จำนวนหลายรายการ จึงทำการตรวจยึดส่ง พงส.สภ.ยะรัง เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560
แค่คนดูต้นทาง ปล่อยมันเหอะครับ แด๋วผมพามันไปดูปลายทางเอง
โดย : "Ibrahim"
กรณีเหตุการณ์ คนร้ายลอบวางระเบิด ชป.ร้อย.ทพ.4412 ฉก.ทพ.44 ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 4 นาย ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ที่บ้านตะบิ้ง หมู่ 1 ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา
การก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายได้ลอบวางระเบิดไว้บริเวณข้างทาง ซึ่งเป็นถนนช่วงปรับปรุงก่อสร้างเส้นทางในห้วงกลางคืน เพื่อดักลอบสังหารเจ้าหน้าที่ที่ลาดตระเวนเส้นทางอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ทหารพราน ชป.ร้อย.ทพ.4412 ฉก.ทพ.44 ได้ลาดตระเวนปฏิบัติหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายซึ่งได้ซุ่มอยู่บริเวณดังกล่าวทำการจุดชนวนระเบิดซึ่งมีน้ำหนักบรรจุไม่ต่ำกว่า 50 กิโลกรัม แรงระเบิดได้ถูกรถกระบะของเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับความเสียหายขาดกลางช่วงกระบะ กระเด็นเสียหายอย่างหนักเจ้าหน้าที่กระเด็นตกไปคนละทิศทาง เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหลังกระบะ ถูกสะเก็ดระเบิด เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายมะยูโซะ มะยะเด็ง ผู้ต้องสงสัยไปทำแผนจุดลอบวางระเบิด และได้ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนดูต้นทาง ในการลอบวางระเบิดจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 6 นาย กองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองกว่า 500 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์ อาวุธปืนครบมือ ยังคงกระจายกำลัง ปิดล้อมหมู่บ้าน ในหลายตำบล เป็นวันที่ 3 ตามที่แหล่งข่าวแจ้งว่ามีกลุ่มผู้ต้องสงสัยเคลื่อนไหวอยู่ทั้งก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ
เป็นที่น่าสังเกตคนผู้ต้องสงสัยที่ทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หากหลักฐานไม่เพียงพอที่จะมัดตัวเอาผิด จะไม่มีการยอมรับสารภาพ ซึ่งในเรื่องของข้อกฎหมายจะมีองค์กรขาประจำของ ผกร. เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของกลุ่ม ผกร. ซึ่งจะคอยให้คำแนะนำในเรื่องของคำให้การกับเจ้าหน้าที่เพื่อเขียนสำนวนฟ้องร้องต่อศาล ให้การแบบไหนจะพ้นผิดหรือได้รับโทษทัณฑ์ที่ไม่หนักหนา และมีการบอกผ่านต่อๆ กันจนกลายเป็น “วาทกรรม” ที่คุ้นชินและคุ้นหูอยู่บ่อยๆ กับคำว่า “คนดูต้นทาง” “คนชี้เป้า”“คนให้ที่พักพิง”“คนส่งเสบียง”“คนเก็บอาวุธ” หรือแม้แต่เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์รับ-ส่ง คนร้ายทำการก่อเหตุ
ไม่เคยมีสักครั้งที่คนร้ายปากแข็งเหล่านี้จะยืดอกรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุโดยตรง นอกจากว่าจนด้วยหลักฐานที่เจ้าหน้าที่นำมาชี้ชัดว่าเป็น“ผู้กระทำความผิด” นี่คืออีกสันดานหนึ่งของเหล่าโจรใต้ที่ทำการก่อเหตุฆ่าคนแล้วไม่บาปอีกทั้งยังได้บุญ
ล่าสุดโฆษกโจรใต้ประกาศผ่านสื่อออนไลน์จะไม่หยุดเหตุความรุนแรง ขอให้ ปชช.เสียสละชีวิตและทรัพย์สินเพื่อให้กลุ่มผลประโยชน์ ผกร. ได้ใช้เป็นข้ออ้างในการเดินหน้าเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์รายวันต่อไปด้วยการลอบวางระเบิดลอบยิง พี่น้องประชาชนทั้งไทยพุทธมุสลิม ในพื้นที่ซึ่งคงต้องรับชะตากรรมต่อไป แล้วเวลานี้พี่น้องคนไทยยังสูญเสียไม่พออีกหรือ จะยอมก้มหน้ารับชะตากรรมโดยไม่สู้ใช่ไหม? เราจะปล่อยให้เหล่าอาชญากรนอกศาสนา คนเนรคุณแผ่นดินไทย มันลอยหน้าลอยตาประกาศจะฆ่าเราอยู่ต่อไปอีกหรือไร?...
--------------------------
กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงความคืบหน้า กรณีคนร้ายลอบวางระเบิด ทหารพรานชุด รปภ.ครู เมื่อ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา
วันนี้ 29 กันยายน 2560 เวลา 1000 ณ มณฑลทหารบกที่ 46 ค่ายอิงคยุธบริหาร พลตรี จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี, พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าจากกรณีเหตุการณ์ เมื่อ 22 กันยายน ที่ผ่านมา คนร้ายลอบวางระเบิด เจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4412 ชุดรักษาความปลอดภัยครู โรงเรียนตะบิ้ง ม.๑ ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จังหวัดปัตตานี บริเวณถนนสาย 42 (เก่า) ระหว่าง บ้านเจาะกือแย หมู่3 – บ้านตะบิ้ง หมู่ 1 ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างสะพานท่อระบายน้ำ เป็นเหตุให้ เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต รวม 4 นาย บาดเจ็บ 5 นาย และราษฎรได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย
จากการปฏิบัติในช่วงที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามควบคุมตัวผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 1 รายพร้อมทั้งได้เชิญตัวไปดำเนินกรรมวิธีซักถาม ขยายผล ผู้ต้องหารายนี้ได้ให้การยอมรับสารภาพว่าตนเองอยู่ในกลุ่มขบวนการ เมื่อปี 2554 ผ่านการชักชวนจาก/สาบานตน(ซูมเปาะห์)จาก นายยารานิง แตมามุ สมาชิกกลุ่ม ผกร.คนสำคัญ ผ่านการฝึกทางยุทธวิธี (ขั้นปอเนาะ) และให้การยอมรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิด ในครั้งนี้จริง โดยมีนายยาการียา บาโง เป็นผู้สั่งการให้ตนและพวกเข้าร่วมประชุมก่อนเกิดเหตุการณ์ประมาณ 1 สัปดาห์ โดยมีการแบ่งหน้าที่ในการก่อเหตุ โดย นายยาการียา บาโง/โต๊ะนิ ทำหน้าที่ สั่งการนายสุไลมาน ดอเลาะ/เละ ทำหน้าที่ ดูต้นทาง/รับระเบิด นายอายมาน กูโน/มัง/กูโน ทำหน้าที่ กดระเบิด/รับระเบิด นายแพนดี หะยีวาเตะ/มัง ดูต้นทางและร่วมกดระเบิด และนายมารวาน มีทอ/มิง ทำหน้าที่ ต้นทางและร่วมกดระเบิด
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2560 พนักงานสอบสวน ภ.จว.ป.น. ได้เดินทางมาสอบสวนและบันทึกความยินยอมรับสารภาพ ณ หน่วยซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน 43 พร้อมนำตัวผู้ต้องหาได้นำไปชี้จุดประกอบการสารภาพ จำนวน 3 จุด ประกอบด้วย จุดที่มีการประชุมวางแผนในพื้นที่ ม.4 ตำบลกะดุนง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี จุดที่ตนเองดูต้นทางความเคลื่อนไหว เจ้าหน้าในวันเกิดเหตุ และ จุดที่ นายสุไลมาน ดอเลาะ/เละ ใช้เป็นจุดดูต้นทางความเคลื่อนไหว เจ้าหน้าที่ในวันเกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม พลตรี จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ระบุว่า เหตุการณ์ลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน เมื่อ 22 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นการกระทำของ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่มีเป้าหมาย ในการข่มขู่สร้างอิทธิพล เพื่อเรียกรับผลประโยชน์เก็บค่าคุ้มครองจากประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำ ไปยังประชาชนและผู้ประกอบการ ที่ถูกเรียกค่าคุ้มครอง ขอให้แจ้งข้อมูลดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่ได้ตลอดเวลา เพื่อจะได้นำผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2560
แผนชั่ว!!“ทำลายเสาหินในกุโบร์”ที่รูสะมิแล
"แบดิง โกตาบารู"
จากกรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้นอีกทั้งยังเป็นการทำลายความรู้สึกของพี่น้องมุสลิม เมื่อชายคนหนึ่งได้เข้าไปทำลายเสาหินในกุโบร์ที่หมู่บ้านรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เหตุการณ์ครั้งนี้ได้มีการกล่าวอ้างชาวบ้านเห็นผู้ก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหารแล้วเข้าไปทำลายเสาหินในกุโบร์จนได้รับความเสียหายดังกล่าว
ในเวลาต่อมาในสื่อสังคมออนไลน์ และแอพลิเคชั่น Line ได้มีกดแชร์ส่งต่อกันเป็นวงกว้าง เกิดกระแสวิพากวิจารณ์ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมุ่งเป้าโจมตีว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารเนื่องจากมีผู้เห็นเหตุการณ์ ชี้เป็นการดูหมิ่นศาสนาอิสลาม และไม่ให้เกียรติต่อดวงวิญญาณบรรพชน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของความรู้สึก เป็นเส้นบางๆ ที่ส่งผลกระทบนำมาสู่ความบาดหมางและความขัดแย้งในเรื่องศาสนา หลายต่อหลายครั้งที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีพยายามสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ และเกิดการเข้าใจผิดด้วยการแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นพฤติกรรมเดิมๆ ที่พยายามทำมาโดยตลอด
ข้อสังเกต
- ทำไม? ชาวบ้านที่มีการกล่าวอ้างเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงไม่แจ้งตำรวจให้ดำเนินการจับกุม หรือแจ้งคนในชุมชนมาห้ามปรามให้หยุดการกระทำดังกล่าวเสีย หรือเป็นเพียงการจัดฉากอ้างตัวละครกับความพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นตามแผนชั่ว!!
พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ให้ความสำคัญต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้กรุณาสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารทุกหน่วยเร่งสร้างความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชนผ่านผู้นำศาสนาและอิหม่ามในทุกมัสยิด และเร่งให้เจ้าหน้าที่ติดตามผู้ก่อเหตุมาลงโทษโดยเร็วที่สุด จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าไปหลงเชื่อแผนการชั่วร้ายดังกล่าว
ทั้งนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาลไทยให้ความสำคัญ และส่งเสริมสนับสนุนทุกศาสนาอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ริดรอนสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา หรือกีดกันความคิดความเชื่อของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ที่มีความหลากหลายวัฒนธรรม รัฐบาลได้สนับสนุนการประกอบศาสนกิจของศาสนิกชนจนเป็นที่ประจักษ์
สุดท้ายขอให้ประชาชนได้ช่วยกันสอดส่องดูแลชุมชนของตนเอง และรู้จักเสพข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน จะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีอีกต่อไป
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)