วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

ศูนย์เอาทุกบาททุกสตางค์

ในที่สุด พรบ. ศอ.บต. ( ใหม่ ) ก็มีการประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 43 ประกาศเป็นพระราชบัญญัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง หลังจากที่ ศอ.บต. ที่ตั้งโดยคำสั่งของ นายกรัฐมนตรี แต่ไม่มีกฎหมายรองรับ จนกลายเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ขึ้นกับ กอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งการปฏิบัติงานของ ศอ.บต. ถูกมองว่า ขาดศักยภาพ จึงไม่มีประสิทธิภาพ ในการแก้ปัญหาในการดับ"ไฟใต้" เท่าที่ควร

 ดังนั้นหลังจากที่ พรบ.ศอ.บต.(ใหม่) ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะต้องมีการจัดตั้ง ศอ.บต.ขึ้นใหม่ภายใน 120 วัน เพื่อทำหน้าที่ อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามกรอบการปฏิบัติหน้าที่ ตาม พรบ.ที่จัดตั้งขึ้น ซึ่งมีรูปแบบ ที่มีความแตกต่างกับ ศอ.บต.ที่ผ่านมา เป็นหน่วยงานที่เป็น"นิติบุคคล"ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี มี เลขาธิการ ซึ่งเป็นข้าราชการระดับ 11 ทำหน้าที่ เลขาธิการ ศอ.บต. มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( กพต ) จำนวน 36 คน มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากประชาชนทุกสาขาอาชีพจำนวน 49 คน มีงบประมาณเป็นของตนเอง มีอำนาจหน้าที่ มีแผนปฏิบัติการที่เป็นของตนเอง ในการแก้ปัญหาทุกด้านของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้นงานด้านการ"ทหาร" ที่เป็นของ กองทัพภาคที่ 4 และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า

 ศอ.บต. ( ใหม่ ) ได้กลายเป็นความคาดหวังของรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายถาวร เสนเนียม มท. 3 ซึ่งสังเกตได้จากที่นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวผ่าน"สื่อ" มาโดยตลอดว่า ศอ.บต. ที่ตั้งขึ้นใหม่ จะทำให้การแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ผล

 ในขณะที่ นายถาวร เสนเนียม มท.3 ซึ่งเป็นหนึ่งใน สส.ในพื้นที่ ซึ่งได้ผลักดันให้ พรบ.ศอ.บต. ผ่านการพิจารณาของ 2 สภา อย่างเต็มความสามารถ ทั้งในฐานะที่เป็น สส.ภาคใต้และในฐานะที่กำกับดูแลปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ให้ความสำคัญกับ ศอ.บต. ( ใหม่ ) อย่างเต็มที่ เห็นด้วยจากการออกมา โฆษณา ประชาสัมพันธ์ ถึง กรอบการทำงานของ ศอ.บต. ( ใหม่ ) เหมือนกับว่าจะเป็น"ยาวิเศษ" หรือ หมอ"เทวดา" ที่จะสามารถ"สะสาง"ความ หมักหมม ชั่วร้าย ที่"สะสม" อยู่ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้หมดไปภายในระยะเวลาที่ สั้นๆ

 การจัดตั้ง ศอ.บต. ( ใหม่ ) เป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อย ดีกว่า ไม่มีการพัฒนาการ หรือไม่มีการ"ขับเคลื่อน"ไปสู่สิ่งใหม่ เพื่อการดับ"ไฟใต้" เพราะ 7 ปี ที่ผ่านมา พัฒนาการของภาครัฐ ในการดับ"ไฟใต้" เป็นไปอย่าง เชื่องช้า และยังไม่น่า พอใจ ทั้งฟากพลเรือน และฝาก กองทัพ ยังติดหล่มของ งบประมาณ จน "ดิ้น" ไม่หลุด จนเห็นได้ชัดว่า"เนื้องาน" ที่ได้ กับ"เม็ดเงิน" ที่หมดไป ไม่คุ้มค่า การเกิด ศอ.บต. ( ใหม่ ) จึงเป็นความ"คาดหวัง" ว่า จะเป็น"ตัวช่วย" ในการคลี่คลาย"วิกฤต" ที่เกิดขึ้น

 แต่การที่ ใครต่อใคร ต่างออกมา โฆษณา ประชาสัมพันธ์ จนสร้างความ"เคลิบเคลิ้ม" และความคาดหวังอย่างสูงส่ง ต่อประชาชนในพื้นที่ จนเหมือนกับว่า ศอ.บต. นั้นเป็น"ยาวิเศษ" ที่รักษาทุกโรคแบบครอบจักรวาล หรือเป็นหมอ"วิเศษ" ที่รักษาโรคหายได้ทุกโรค จึงเป็นการ โฆษณาชวนเชื่อ ที่อาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน เพราะโดยข้อเท็จจริง ประชาชนส่วนใหญ่ ยังไม่มีความเข้าใจใน"บริบท" ของ ศอ.บต.( ใหม่ ) ว่ามีกรอบการปฏิบัติหน้าที่ ที่"เอื้อ" ประโยชน์ต่อพื้นที่ 5 จังหวัด และ ประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อน จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นอย่างไร เพราะที่ผ่านมา ศอ.บต. ยังไม่ได้สร้างความเข้าใจถึง บทบาท ของ ศอ.บต.( ใหม่ ) ว่าจะสร้าง ประโยชน์ ให้ประชาชน และพื้นที่ 5 จังหวัดอย่างไร

 โดยข้อเท็จจริง ปัญหาความขัดแย้ง ที่นำไปสู่ความไม่สงบที่แผ่นดินปลาย"ด้ามขวาน" เป็นประวัติศาสตร์ ที่ยาวนานนับ 100 ปี ไม่ใช่เป็นเรื่องเมื่อ 7 ปี ก่อนอย่างคนรุ่นหลังเข้าใจ การก่อตั้ง ศอ.บต.(ใหม่ ) เป็นเพียงพัฒนาการ"เล็กๆ" เพื่อเป็นเครื่องมือที่นำไปสู่การแก้ปัญหา ศอ.บต.( ใหม่ ) จึงไม่ควรสร้างความคาดหวังให้กับประชาชนอย่างสูงส่ง ศอ.บต.( ใหม่ ) ในเบื้องแรก จึงควรจะเป็น"ยาสามัญ" ประจำบ้าน ที่ให้คนในบ้านสามารถ หยิบใช้ทันท่วงที เพื่อแก้อาการ เจ็บ ไข้ ได้ป่วย ในเบื้องต้น

 เพราะไม่ว่าจะเป็น ศอ.บต. ( ใหม่ ) หรือการใช้ ม.21 จาก กฎหมายความมั่นคง ที่รัฐบาลนำมาใช้เพื่อดับ"ไฟใต้" ต่างเป็นการ"ลองยา" โดยมีคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็น"หนู" ที่ยังต้องใช้เวลาในการรอคำตอบว่า"หนู" จะเป็น"เป็น" หรือ"ตาย" จึงอย่าได้ด่วนสรุปถึงผลอันเลอเลิศของ ศอ.บต.ใหม่ เพราะสุดท้ายเล้ว พรบ.ศอ.บต.ใหม่ อาจจะไม่มีอะไรที่"ใหม่ๆ"เกิดขึ้นมากนัก ยกเว้นตำแหน่ง ระดับ 11 ที่เทียบเท่าปลัดกระทรวง ที่มาทำหน้าที่ เลขาธิการ ศอ.บต. หรือ ปลัดกระทรวงน้อย เท่านั้นเอง ที่เป็นของใหม่"ถอดด้าม" อย่างแท้จริง


ครูส้นตีนเน๊าะ

http://wbns.oas.psu.ac.th/shownews.php?news_id=100406

กอ.รมน.ภาค 4 แจงคืบหน้าการจับกุมผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดชุดคุ้มครองพระเจ็บ 5 ที่ปัตตานี ล่าสุดจับผู้ต้องหาได้ 1 ราย เป็นครู รับนำระเบิดแสวงเครื่องไปวางไว้ในที่เกิดเหตุจริง ...

วันที่ 31 ม.ค.2554 พันเอกบรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดชุดปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยพระสงฆ์ หน่วยเฉพาะกิจปัตตานีที่ 23 เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 นาย และพระสงฆ์บาดเจ็บจำนวน 1 รูป เหตุเกิดบริเวณถนนโรงเหล้าสาย ก. บ้านสวนสมเด็จหมู่ที่ 6 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมืองจังหวัดปัตตานี นั้น 

ความคืบหน้าล่าสุด ผลการปฏิบัติการติดตามจับกุมคนร้าย กำลังเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 ราย ทราบชื่อนายแวสะอูดี แวซูกาเลาะ อายุ 27 ปี ครูสอนโรงเรียนตาดีกา บ้านสิเดะ อยู่บ้านเลขที่ 95 บ้านสิเดะ หมู่ที่ 2 ตำบลสะดาวา อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี จากการสอบถามผู้ต้องสงสัยยอมรับว่า เป็นผู้นำวัตถุระเบิดแสวงเครื่องไปวางไว้ในวันที่เกิดเหตุจริง โดยเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป.




http://wbns.oas.psu.ac.th/shownews.php?news_id=100454


จับมือวางระเบิดพระและทหาร สารภาพหมดเปลือกเป็นคนนำระเบิดไปวาง ขณะที่มีคนร้ายอีกชุดจะเป็นคนกดชนวนระเบิด เผยมือวางระเบิดเป็นครูสอนศาสนาโรงเรียนตาดีกาบ้านสิเดะ แนวร่วมชุดปฏิบัติการกับคนร้ายอีก 2 คนที่มีหมายจับ ป.วิอาญา คดีความมั่นคงและเคยร่วมก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย       
       วันนี้ (31 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กองบังคับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี พล.ต.ท.ไพทูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้, พล.ต.ชาญชัย ภูทอง ผบ.ฉก.ปัตตานี และนายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เดินทางมาร่วมแถลงข่าวผลการจับกุม นายแวสะอูดี แวซูกาเลาะ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 ม.2 ต.สะดาวา อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลอบวางระเบิดพระ และเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ ขณะเดินบิณฑบาตบริเวณถนนโรงเหล้า ต.สะบารัง อ.เมืองปัตตานี เป็นเหตุให้พระบาดเจ็บ 1 รูป และทหารบาดเจ็บ 4 นาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา
       
       การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจาก พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสอนจากพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ บริเวณที่เกิดเหตุและการแกะรอยจากภาพกล้องวงจรปิดจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานและรู้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ จึงได้ขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดปัตตานีที่ 27/2554 จากนั้นจึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ปรเมษฐ์ พลับพลึม สว.สส.สภ.เมืองปัตตานี นำกำลังไปจับกุมตัวได้ที่บ้านนายแวสะอูดี พร้อมของกลางจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน กลก-389 ปัตตานี หมวกกันน็อก และเสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ
       
       จากการสอบปากคำ นายแวสะอูดี ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า เป็นครูสอนศาสนาโรงเรียนตาดีกาบ้านสิเดะ ได้ร่วมกับนายอามีน ดาเล็งอายุ 27 ปี ซึ่งโทรให้ตนไปรับที่มัสยิดสะบารัง อ.เมืองฯ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นนายอามีนเป็นคนขับรถจักรยานยนต์ส่วนตนเป็นคนนั่งซ้อนท้ายพร้อมกับถือถังพลาสติกที่ประกอบระเบิดเสร็จแล้วไปวางไว้ใต้โคนเสาไฟฟ้า จากนั้นจึงขับรถเข้าไปยังมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพื่อรอให้คนร้ายอีกชุดกดชนวนระเบิด เมื่อได้ยินเสียงระเบิด ตนและนายอามีนจึงแยกย้ายกันหลบหนี จนกระทั่งถูกจับกุมได้ในที่สุด
       
       จากการตรวจสอบประวัติและรับสารภาพ พบว่า นายแวสะอูดีเป็นแนวร่วมชุดปฏิบัติการ และเคยฝึกทางการรบรุ่นเดียวกับนายอดินันท์ มะสาอิ และนายอามีน ดาเล็ง ทั้งสองมีหมายจับ ป.วิอาญา คดีความมั่นคง และเคยร่วมก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

*************************************

เจ้าหน้าที่หิ้วมือบึ้มชุดคุ้มครองพระทำแผนประกอบคำสารภาพ เจ้าตัวรับสิ้นวอนแนวร่วมฯ กลับใจ
วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ กก.บก.ภ.จว.ปัตตานี นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผวจ.ปัตตานี พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบช.ศชต พล.ต.ต พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี
พล.ต.ชาญชัย ภู่ทอง ผบ.ฉก.ปัตตานี ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบวางระเบิดชุดปฎิบัติการรักษาความปลอดภัยพระ สงฆ์ หน่วยเฉพาะกิจปัตตานีที่ 23 จนทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย พระสงฆ์บาดเจ็บ 1 รูป เหตุเกิดบนถนนโรงเหล้าสาย ก. บ้านสวนสมเด็จ หมู่ 6  ต.รูสะมิแล อ.เมืองปัตตานี เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า หลังชุดสืบสวนออกข่าวหาข่าวอย่างต่อเนื่อง จึงสามารถควบคุมตัวนายแวสะอูดี แวซูกาเลาะ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 หมู่ 2 ต.สะดาวา อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ครูประจำโรงเรียนตาดีกา พร้อมรถ จยย. ฮอนด้า เวฟ สีดำ ทะเบียน กลก 389 ปัตตานี หมวกนิรภัยแบบครึ่งใบสีฟ้า เสื้อผ้า หมวกและรองเท้า ที่ใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุ

โดยจากการสอบสวนนายแวสะดี รับว่า วันเกิดเหตุได้ขี่รถไปรับนายอามีน ดาเล็ง ที่มัสยิดแห่งหนึ่งในตัวเมือง แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นได้ขี่นำกระป๋องสีที่บรรจุระเบิดไปวางไว้บริเวณที่เกิดเหตุ แล้วไปแอบซุ่มบริเวณใกล้กัน จนได้ยินเสียงระเบิด จึงแยกย้ายกันหลบหนี กระทั่งมาถูกจับกุม

“การกระทำครั้งนี้ตนรู้สึกผิดและเป็นปาบมาก จึงอยากเชิญชวนให้ผู้ที่ไม่หวังดีและยังพยายามก่อเหตุร้ายในพื้นที่ให้หยุด การกระทำ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นการทำร้ายพี่น้องประชาชน และสามารถมาแสดงตัว เพื่อร่วมพัฒนาบ้านเมืองผ่านผู้ว่าฯ ได้ทันที” นายแวสะอูดี กล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ร่วมกันก่อการร้าย อั้งยี่หรือซ่องโจร คุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ส่วนนายอามีน เจ้าหน้าที่ได้ขอหมายศาล เพื่อดำเนินการจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

********************************

จัญไร แบบนี้นะเหรอ ที่เรียกว่า โต๊ะครู
ไอ้โรงเรียนตาดีกาอะไรนี่ ทำไมไม่เอาแบบพรรคการเมือง
คนในพรรคทำผิด มันยังสั่งยุบพรรคได้
ไอ้ครูจัญไร โรงเรียนตาดีกา ถ้าทำผิด
โดยเฉพาะคดีที่เป็นภัยต่อแผ่นดิน
ก็ยุบโรงเรียนมันซะ
มึงสอยครูไทยได้ เดี๋ยวก็สอยโต๊ะครูซะมั่ง จะเป็นรัยมั้ยเนี่ย
คนนะเฮ้ย ไม่ใช่แมว


ลุงคำต๋า

ลูกอีช่างพูด

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hNek14TURFMU5BPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1TMHdNUzB6TVE9PQ==
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ และจบลงอย่างไร

จากนราธิวาส ไปยะลา และต่อไปคือปัตตานี ก่อนจะเวียนประปรายไปที่ 4 อำเภอในสงขลา

แล้วหมุนเวียนกลับมาที่นราธิวาส เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น ที่ใดหนักเบาแล้วแต่ "ฝ่ายโน้น" ต้องการ

ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร โดยเฉพาะผู้เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลโปรดระมัดระวังคำพูดคำจา

และข้อสันนิษฐานที่ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจซึ่งปฏิบัติการตามภารกิจหน้าที่อย่างเต็มความสามารถต้องเสียขวัญและกำลังใจ

เมื่อ เหตุเกิดขึ้นแล้ว และยังจะเกิดขึ้นอีก ผู้ที่อยู่ไกลจากเหตุการณ์และสถานที่เกิดเหตุคงไม่รู้ดอกว่า ลำพังความลำบากในพื้นที่ก็มากพออยู่แล้ว ยังต้องอยู่กับความหวาดระแวง ไม่รู้ว่าวันนี้พรุ่งนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

เข้านอนคืนนี้ ตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้เช้าอย่างปลอดภัยก็โล่งอกไปอีกวัน

ไหน จะไม่รู้ทิศทางของผู้ก่อการร้ายว่าจะเข้ามาโจมตีที่ไหน เมื่อไหร่ ไหนกำลังพลยังไม่เพียงพอ ไหนกำลังอาวุธจำนวนหนึ่งยังไม่สมบูรณ์และมีไม่เพียงพอ

กระบอกเสียงของรัฐบาลยังมาป่าวร้องว่ามีหนอนบ่อนไส้ คนในเป็นตัวการ

ตามข่าวแจ้งว่า แม่ทัพภาคที่ 4 น้ำตาซึมขณะรดน้ำศพลูกน้อง

ขณะ ที่เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจปฏิบัติการในพื้นที่เสี่ยงภัย ในพื้นที่ซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ยิ่งเมื่อมีผู้ ใหญ่ของบ้านเมืองเดินทางลงไปตรวจงาน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ทางฝ่ายรัฐบาลซึ่งเป็นนักการเมือง หรือผู้ใหญ่ที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง

เจ้าหน้าที่ทุกหมู่เหล่าที่รับผิดชอบต้องระดมกำลังเข้ามาอารักขารักษาความปลอดภัยทุกฝีเท้า

ย่างก้าว ต้องมีการ "เคลียร์" พื้นที่ล่วงหน้า ต้องมีการวางกำลังทุกจุดที่คิดว่าน่าจะเสี่ยงภัย

แล้วอย่างนี้ยังจะมาพูดจาให้เสียกำลังใจกันอีก

เขาพายเรือให้นั่งก็ดีแล้ว อย่าแหย่เท้าลงไปในน้ำให้ต้องรังเกียจกันอีกเลย



!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!




ก่อนอื่น ขอเรียนว่า ผมไม่ใช่กระบอกเสียงรัฐบาล
แต่ผมก็ช่างพูดเหมือนกัน


แต่ยืนยันกับท่านแม่ทัพภาค ๔ ผมเป็นพวกท่าน
ผมยืนอยู่ข้างหลังท่าน 


และผมทราบดีว่า ท่านทำอะไรไม่ถนัดไม้ถนัดมือ
มีแต่คนวางกรอบตรงนู้น วางกรอบตรงนี้


ผมว่าลำพังศักยภาพของท่าน และของลูกน้องท่าน
ถ้าปล่อยให้ท่านได้ใช้ความรู้ความสามารถจัดการ
ปัญหาไฟใต้ ผมยังเชื่อว่า ท่านและผู้ใต้บังคับบัญชาทำได้


ไอ้ที่ผมบ่น ๆ อยู่เนี่ย
เพราะผมก็รำคาญ ไอ้พวกช่างพูด ช่ืางสอน ช่างสั่ง
นั่งอยู่ในกรุงเทพฯ กำหนดนโยบาย กำหนดแนวทาง
บ้าบอคอแตก


ทำไปทำมา แม่ทัพภาค ๔ เป็นแค่หุ่นยนต์ 
มีหน้าที่คอยเป็นประธานพิธีรดน้ำศพลูกน้องจนต้องน้ำตารินอย่างที่เป็นข่าว


แล้วบ่นไปบ่นมา เดี๋ยวผมจะกลาย เป็นลูกอีช่างบ่นซะอีกคนนึง 


แต่เป็นกำลังใจให้นะครับ


ขอให้เข้าใจ เข้าถึง กันต่อไปละกัน


ลุงคำต๋า

ได้ตัวแล้ว


สัญญาณความรุนแรง


ปล้นปืนทหาร สัญญาณแห่งความรุนแรงครั้งใหญ่

http://peace.chaotainews.com/index.php?option=com_content&view=article&id=2058:2011-01-31-08-20-50&catid=10:2008-07-22-05-57-22&Itemid=10
คำเตือน: ภาพถ่ายนี้เป็นลิขสิทธิ์ของช่างภาพ ห้ามทำซ้ำหรือนำไปเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ
การโจมตีฐานที่นราธิวาสเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2554 เป็นตัวเตือนที่น่ากลัว ถึงกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ยังคงมีกำลังที่มีศักยภาพและมีความสามารถในการก่อเหตุขนาดใหญ่  และแสดงให้รัฐบาลเห็นว่า  การลดระดับความรุนแรงนั้นคงเป็นไปได้ยาก

น่าแปลก การโจมตีในฐานทหาร ในอำเภอระแงะนราธิวาส  ในครั้งนี้ต้องสงสัยว่าเป็น การย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีก่อน  เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547วันที่ 4 มกราคม 2547  "วันเสียงปืนแตก" โดยคนร้ายก่อเหตุเผาโรงเรียน 20 แห่ง ใน จ.นราธิวาส  ซึ่งเชื่อว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจ  เพื่อเข้าปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส การจู่โจมครั้งนี้คนร้ายได้อาวุธปืนของทางราชการไปเป็นจำนวนมากอันมีปืนไรเฟิล 400 กระบอก ปืนพก 20 กระบอก ปืนกล 2 กระบอก


-
-
ซึ่งปัจจุบัน ก็ยังไม่สามารถเอาคืนกลับมาได้หมดและมีทหารเสียชีวิต 4 นาย นั่นทำให้รัฐบาลเสียหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ไม่พอใจเป็นอย่างมาก กล่าวตำหนิทหารที่ไม่ระมัดระวัง และถึงกับพูดว่า "ถ้าคุณมีกองทหารทั้งกองพันอยู่ที่นั่น แต่คุณก็ยังไม่ระวังตัว ถ้าอย่างนั้นก็สมควรตาย"
-
-
การดำเนินงานของคนร้ายที่ก่อเหตุในการโจมตีฐานทหารที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา คนร้ายได้มีการเตรียมการมาอย่างดี โดยน่าจะมีกลุ่มผู้กอ่เหตุในครั้งนี้ประมาณ 50 คนพร้อมอาวุธครบมือ และคาดว่าคนร้ายกลุ่มนี้น่าจะได้อาวุธไปกว่า 50 กระบอก คือ อาวุธปืนอูซี่ 14 กระบอก เอ็ม 16 A2 30 กระบอก ปืนกลสำหรับติดตั้งบนรถยนต์วีว่า 2 กระบอก  กระสุนชนิดต่างๆอีก 4 พันกว่านัด ถูกปล้นไป ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหาร 4 นายเสียชีวิตรวมทั้ง ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผบ.ร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาส ที่ 38 หัวหน้าฐาน  และยังมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
-
-
เจ้าหน้าที่กองทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวถึงการโจมตีในครั้งนี้ว่า เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่ภายในฐานกำลังพักผ่อนหลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ  กลุ่มคนร้ายได้วางแผนการดำเนินงานมาอย่างดี  โดยกระจายกำลังและแบ่งการทำงาน  โดยคนร้ายประมาณ 10 คน ได้โจมตีบริเวณด้านฐานซึ่งมีทหารยามอยู่ หลังเกดเหตุพบว่าคนร้ายต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ เพราะทหารส่วนใหญ่รีบมุ่งหน้าไปป้องกันทางด้านหน้าของฐานที่กำลังถูกโจมตี ขณะที่กลุ่มคนร้ายอีกส่วนประมาณ 20 คนเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็วโดยบุกเข้ามาทางด้านหลังของฐาน ซึ่งไม่มีการป้องกันอะไรเป็นพิเศษ ทำให้คนร้ายสามารถเข้าโจมตีฐานและขโมยอาวุธปืนของทางการไปได้สำเร็จ

นอกจากนี้ กลุ่มคนร้ายยังได้ทำการสกัดเส้นทางการเดินทางเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่  โดยการตัดต้นไม่ขวางถนน โปรยตะปูเรือใบ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องจัดกำลังโดยใช้เฮลิครอปเตอร์บินไล่ล่าคนร้าย  หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้กระจายกำลังค้นหาไล่ล่ากลุ่มคนร้าย ซึ่งคาดว่าน่าหลบหนีและกบดานอยู่ในพื้นที่ รวมทั้งควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเข้ามาสอบปากคำ

เห็นได้ชัดเจนว่า  จุดประสงค์หลักของการโจมตีในครั้งนี้  คือ ความต้องการยึดอาวุธ  และการท้าทายอำนาจรัฐบาลโดยแสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบยังคงมีศักยภาพและพร้อมที่จะก่อเหตุในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

-
-
ห่างจากเหตุการณ์คนร้ายถล่มฐานทหารที่  นราธิวาสไม่ถึงสัปดาห์ (25 มกราคม 2554)  ความรุนแรงของสถานการ์ใต้ดูจะวุ่นวายมากขึ้น เมื่อได้เกิดเหตุบนถนนสาธารณะระหว่างอ.ยะหาและอ.กาบัง  จ.ยะลา  แรงระเบิดอานุภาพสูงทำให้รถกระบะขาดสองท่อนมีผู้เสียชีวิตทันทีเจ็ดคนและต่อมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีกสอง คน รวมมีผู้เสียชีวิต 9 คน และบาดเจ็บอี ก 2 คน ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่เดินทางกลับจากไปหาของป่าในพื้นที่ ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา จากการตรวจสอบทั้งหมดเป็นชาวไทยพุทธ ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.ยะลา

ในขณะที่รัฐบาลก็ได้ออกมาประชาสัมพันธ์ ว่า สถานการณ์ดีขึ้น ขณะความรุนแรงที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองอย่างดูจะเป็นเงาในทางกลับกันอย่างสิ้นเชิง

แอนโธนี เดวิส (Anthony Davis) นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคง ที่ทำงานให้แก่ ไอเอชเอส-เจนส์ (IHS-Jane''s) กล่าวว่า การโจมตีฐานทหารที่ระแงะนั้น ดูจะเป็นการเปิดเฟส การทำงานใหม่อีกครั้งของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งการก่อเหตุในครั้งนี้คนร้ายมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน ซึ่งนอกจากจะเป็นการปล้นอาวุธแล้ว นี่ยังถือการส่งสัญญาณบางอย่างถึงรัฐบาลว่าไม่ควรประมาทพวกเขา
-
-

ล่าสุดคนร้ายได้วางระเบิดชุดคุ้มครองพระที่ปัตตานี  เป็นเหตุเจ้าหน้าที่ทหารรวมทั้งพระสงฆ์  ต่างได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดในช่วงเช้า ของวันที่ 28 ม.ค.54 ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวกำลังปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองพระสงฆ์ออกบิณฑบาตมาตามถนนโรงเหล้า ภายในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี  เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายได้จุดชนวนระเบิดขึ้น แรงระเบิดทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้ แต่คนร้ายสวมหมวกกันน็อกปิดบังทำให้เป็นการยากต่อการติดตาม และรวมไปถึงเหตุการณ์ยิงฆ่ารายวันในพื้นที่ 3  จว.ภาคใต้ถี่เกิดขึ้นถี่ในเวลานี้

ท่ามกลางศึกทุกด้านที่เข้ามาประชิดรัฐบาล ดูเหมือนรัฐบาลเองก็ต้องตอบคำถาม  ของฝ่ายค้าน ที่ลงความเห็นว่า รัฐบาลล้มเหลวในการแก้ปัญหาภาคใต้ ...

โดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ได้กล่าวว่า สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้น แต่ก็คงจะไม่สามารถยุติได้ในวันนี้ ``มันไม่ได้เป็นเช่นการปิดไฟ และการก่อความไม่สงบเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายปี [ตั้งแต่ปี 2547]เราจะต้องใช้เวลาในการแก้ไขมัน.''

แนวทางการเจรจา  น่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยบรรเทาสถานการณ์ลงได้บ้าง  บางคนบอกอาจเสียหน้าถ้าต้องเจรจากลุ่มผู้ก่อการร้าย  ที่จริงไม่รู้ว่ากลัวเสียหน้าที่ต้องเจรจา หรือเสียหน้าที่ยังตอบไม่ได้ว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายเป็นใคร....

วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

ทฤษฏีกราบส้นตีน


ทฤษฏีกราบแทบเท้า..สุรยุทธ

ทฤษฏีกราบแทบเท้าเพื่อสันติชนะใจโจรใต้&อริราชศัตรู
....นบวันทา อภิวาท ปราชญ์ทั่วหล้า
นอบน้อมมา เป็นบทกลอน ขอวอนท่าน
ช่วยไขขาน การนบนอบ ตอบทุกทัณฑ์
ด้วยหมอบกราน ไหว้กราบ ปราบทุกข์ภัย
....เป็นมงคล กริยา ท่าก้มกราบ
แต่ไม่ทราบ ว่าที่กราบ ซึมซาบไม่
กราบไปทั่ว มั่วซั้วภาพ ทราบไปไกล
อภิไท อัครมหา เสนา บ่ ดี
....หินก้อนใหญ่ ตั้งทับไว้ ไอ้ขี้หมา
คนเดินมา ผ่านทางแพร่ง ผ้าแดงสี
ลืมพาดไว้ ให้สะพัด ใครบัดพลี
แพรหลากสี ของคาวสด ปรากฏนำ
....มิติใหม่ นายพลไทย ไหว้ไพรี
กราบทุกที่ มีปะทะ พระยังขำ
นำจิตใจ ไพร่พลราบ กราบอธรรม
นอบน้อมทำ แทบเท้าสู ศัตรูไทย
....ขอคารวะกราบแทบเท้าสู...

ไปกราบตีนโจรซะ



เราได้เปรียบเชิงกลยุทธแล้ว สถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้นเป็นลำดับ.......
http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums2/http/www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5159046/P5159046.html

เมื่อ ศอบต. แถลงข่าววันนั้นผมยังจำได้ไม่มีลืม เย็นวันเดียวกัน
ก็มีทั้งระเบิดรถทหาร ยิงคนเป็นว่าเล่น ทั้งรถไฟ ทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ 


ยอมรับเถอะครับ สมานฉันท์ น่ะใช้ไม่ได้แล้ว เจรจากับโจรน่ะ รอไปก่อน


ชั่วโมงนี้ ท่านทั้งหลายน่าจะไปสำเพ็ง ซื้อผ้าขาวมาเยอะๆ 


เอามาทำไมนะเหรอ เหอๆ 


เอามาปูแล้วกราบเท้า โจรใต้งามๆ ให้เลิกก่อการร้ายซะที อย่างที่ท่านว่าไว้ 
จำได้ไม๊


แล้วเลิกพล่ามกันรายวัน ทหารทั้งหลายก็ลองเอาหนัง Brave Heart ไปดูมั่ง 
อย่ามัวแต่นั่งกินเหล้า กลางคืนออกทำงานกันบ้าง ไม่ใช่ให้เค้าขุดหลุมวางระเบิด 
ตายเป็นเบือกันอย่างนี้


บอกตามตรง.....โง่ซ้ำซาก


จากคุณ : คนแก่ใจนักเลง  - [ 21 ก.พ. 50 16:51:18 A:203.113.67.105 X: ]   





ความคิดเห็นที่ 1  

คาดว่าต้องหัดกราบโจรใต้  ให้งามๆ
หรือต้องกราบแบบเบญจาคประดิษฐ์
โจรใต้จะได้ใจอ่อน

จากคุณ : Sky
[ 21 ก.พ. 50 17:08:39 A:124.121.172.44 X: ]


ความคิดเห็นที่ 2  

ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ  ที่ต้องทนเห็นพฤติกรรมโง่ซ้ำโง่ซาก
โดยต้องทนดูอยู่เฉยๆ   ไม่สามารถทำอะไรได้
เหมือนถูกโจรมัดมือมัดเท้า แล้วทนดูมันข่มขืนคนที่เรารัก

จากคุณ : talokdee
[ 21 ก.พ. 50 17:29:11 A:58.9.103.118 X: ]


ความคิดเห็นที่ 3  

ท่าน นายกผู้พอเพียง

เห็นท่านไปดูหนัง พระนเรศวร แล้วท่านไม่รู้สึกอะไร
บ้างเลยหรือ?

ท่านยอมให้เขาข่มเหง รังแก ดูหมิ่น เหยียดหยาม
ได้ขนาดนี้ แล้วท่านจะยังนั่งเป็น
นายก ได้อีกหรือ?

ท่านเหมาะเป็นองคมนตรีอย่างเดิม น่ะดีแล้ว
งานนี้ท่านไม่เหมาะอย่างมาก จริงไม๊?

เราต้องการคนที่มีกลยุทธ มีสมอง พร้อมเดินหน้า
ไม่ใช่เอาแต่ตั้งรับ ท่านมีไม๊?

หรือว่าท่านมีแต่ขนมจีน?

จากคุณ : คนแก่ใจนักเลง
[ 21 ก.พ. 50 17:36:21 A:203.113.67.104 X: ]


ความคิดเห็นที่ 4  

กะลังหลีโคโยตี้อยู่...   ไม่ว่าง..!!!

จากคุณ : แม่แคม
[ 21 ก.พ. 50 17:36:26 A:222.123.25.239 X: ]


ความคิดเห็นที่ 5  

โจรใต้เหิมหนัก ยกพวกกว่า 20 คน ซุ่มยิงถล่มและวางระเบิด ขบวนรถ " ท่านผู้หญิงวิริยา
ชวกุล " ส่งผลให้ตำรวจนำขบวน ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ขณะผ่าน พื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา

เมื่อเวลา 15.45 น. วันนี้ (21 ก.พ.) เกิดเหตุคนร้ายไม่ต่ำกว่า 20 คน ใช้อาวุธสงคราม
กราดยิงขบวนรถของคณะท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร
ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ บริเวณบ้านลือมุ หมู่ที่ 8
ตำบลกรงปินัง อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา ทำให้กระจกรถแตกเสียหาย
และเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 1 นาย คือ ด.ต.ตอหาด วาดสกุล เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการ
พิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ถูกกระสุนเข้าที่ขา ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เข้าเสริมกำลังไม่น้อยกว่า 50 นาย เพื่อไล่ล่าคนร้ายในพื้นที่
และเกิดการปะทะกับคนร้ายประมาณครึ่งชั่วโมง นอกจากนี้ ตำรวจภูธรภาค 9 ยังส่ง
เฮลิคอปเตอร์เข้ามาบินตรวจพื้นที่บริเวณบ้านลือมุเพื่อติดตามหาตัวคนร้ายอย่าง
กระชั้นชิด

 จากคุณ : ได้เปรียบแพะ อะไร (Sky)  
[ 21 ก.พ. 50 17:50:53 A:124.121.172.44 X: ]

 **************************
ความคิดเห็นที่ 6  

ต้องเชียร์ กท นี้ อีกแล้ว

จากคุณ : นางสาวแสนสวย
[ 21 ก.พ. 50 18:17:34 A:124.120.99.126 X: ]


ความคิดเห็นที่ 7  

คุณคนแก่ใจนักเลง
            เห็นด้วยกับกระทู้ครับ แต่อยากอ่านเรื่องเจ้าเมืองชิน
ซีเหลี่ยมต่อครับ ช่วยเขียนต่อด้วยครับ
                      ขอบคุณครับ

จากคุณ : apornpath
[ 21 ก.พ. 50 18:34:51 A:125.25.190.29 X: ]


ความคิดเห็นที่ 8  

เรียน คุณ apornpath และ แฟนๆ ที่เคารพ

ตอนนี้ผมมีงานยุ่งมากๆ แทบจะไม่มีสมองคิดเรื่องอื่นๆ เพราะถ้าหลุด
ช่วงนี้ไปก็จะไม่มีเวลาอีก ดังนั้นผมต้องทุ่มเวลา ให้กับภาระกิจ (ส่วนตัว)
ของผมก่อน คงไม่ว่ากัน

เพราะการเขียนนวนิยาย แนวนี้จะต้องมีสมองปรอดโปร่ง เดี๋ยวไม่สนุก
จะเสียชื่อแย่เลย

ตอนนี้มีเรื่อง ดาวเทียมให้อ่านกันแก้เซ็งไปพลางๆ ก่อน พอดีมันเป็น
เรื่องที่ใกล้ตัว และ กลัวจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ เลยต้อง Pending
งานเอาไว้ก่อน

ช่วงนี้ผมคงขอเว้นวรรคบ้าง ตามสมควรนะครับ :-)

จากคุณ : คนแก่ใจนักเลง
[ 21 ก.พ. 50 19:23:02 A:203.113.67.100 X: ]


ความคิดเห็นที่ 9  

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5159181/P5159181.html

จากคุณ : คนแก่ใจนักเลง
[ 21 ก.พ. 50 19:23:43 A:203.113.67.100 X: ]


ความคิดเห็นที่ 10  

ไม่ต้องห่วงครับ ขณะนี้รัฐบาลชุดนี้ใช้แผน ชีวิตแลกกระสุน
ใช้ชีวิตของราษฏรไทย แลกกับกระสุนปืน แลกกับระเบิดของ
โจรเลวภาคใต้ เมื่ออาวุธยุทโธปกรณ์ของพวกโจรหมด
โจรก็จะแก่ตายไปเอง นี่เขาเรียกว่า ชนะโดยไม่ต้องรบครับ

จากคุณ : หอง (songnet)
[ 21 ก.พ. 50 20:09:52 A:203.146.63.184 X: ]


ความคิดเห็นที่ 11  

เรียนคุณคนแก่ใจนักเลงครับ
              ขอบคุณครับ จะรออ่านครับ ขอให้ทำงานลุล่วงสม
ความมุ่งหมายนะครับ เพราะเรื่องอย่างนี้ต้องให้สมองปรอดโปร่ง
ครับ ไว้ว่างๆค่อยเขียนนะครับ ผมและเพื่อนๆรอได้ครับ
แต่ขอบอกว่าแต่งได้ดีอ่านสนุกมากครับ อ่านไม่เบื่อเลยครับ
อ่านหลายเที่ยวแล้วครับ
                                 สวัสดีครับ

จากคุณ : apornpath
[ 21 ก.พ. 50 21:08:48 A:125.25.135.18 X: ]


  ความคิดเห็นที่ 12  

ไท ค่าไท ไม่รู้ ว่าส ใดม้นทัม คุณนะทัม ม้นไง
จริตทำ หรือ ตุ๊ดทัม  ลองคิดดู

จากคุณ : tada_khunsopa  
[ 21 ก.พ. 50 21:10:23 A:124.121.189.213 X: ]


ความคิดเห็นที่ 13  

ปูผ้าเสร็จ..ก็จับพวกมันรวบไปเผาไฟค่ะ...ตายยกรัง

จากคุณ : aoy1
[ 22 ก.พ. 50 01:16:46 A:203.113.81.103 X: ]


ยึดประเทศไทย

เรื่อง  ที่มาของขบวนการยึดประเทศไทย ..


ความพยายามจะล้างศาสนาพุทธให้หมดไปจากโลก เริ่มต้นให้เห็นเป็นรูปธรรมตั้งแต่กลุ่มนิกายลัทธิคลั่งศาสนาของชาวมุสลิมได้บุกยึดประเทศอินเดียในปีพ.ศ.1500 เป็นต้นมา ทำให้ศาสนสถานเช่นโบสถ์ วัด วิหารต่างๆ ทางพุทธศาสนาแทบจะไม่หลงเหลือให้เห็น ยุคนั้นแม้แต่พระสงฆ์หรือแม้แต่จะแต่งกายคล้ายคลึงก็ต้องถูกฆ่าตายเมื่อถูกพบเห็น ผู้ที่รอดตายคือพวกกลุ่มที่แปลงกายหลบซ่อนและหนีพ้นแผ่นดินมาได้เท่านั้น ซึ่งมีเพียงไม่กี่รูปรายละเอียด :


และหลังจากนั้นในราวพ.ศ.2100 เป็นยุคล่าอาณานิคมของกลุ่มประเทศมหาอำนาจตะวันตก ทั้งสเปน โปรตุเกส อังกฤษ ฝรั่งเศส ได้แบ่งกันออกค้นหาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและยึดดินแดนคนละซีกโลก จนได้เกือบทั้งอัฟริกาเหนือ-ใต้ อเมริกาเหนือ-ใต้ ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์และเอเชีย รวมทั้งหมู่เกาะใหญ่น้อยในมหาสมุทรทั้งหมด ตกเป็นของกลุ่มประเทศทั้งหลายเหล่านี้ทั้งหมด


มหาอำนาจทั้ง 4 ประเทศได้เข้ามาปลูกฝังลงรากเพื่อเป็นฐานเผยแผ่ศาสนาคริสต์ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นต้นมา ซึ่งเป็นยุทธวิธีหรือวิธีการที่ใช้ในการเข้ายึดมหาอำนาจและบริหารจัดการประเทศต่างๆ ทั่วโลกสำเร็จมาแล้ว ศาสนาต่างถูกใช้เป็นเครื่องมือในการขยายอิทธิพลของมหาอำนาจ ใช้ความเข้มแข็งกว่าในทุกๆ ด้าน ค่อยๆ ทำลายและกลืนกลบวัฒนธรรมศาสนาและความเชื่อท้องถิ่นจนในที่สุด ก็สามารถรุกคืบเข้าครอบครองทั้งหมดโดยง่ายดาย เพราะไม่มีความสามัคคีของคนในชาติประชาชนไม่มีพลังจะต่อต้าน เกิดความแตกแยกภายในก่อน


ประเทศไทยรอดพ้นจาการตกเป็นอาณานิคมของทั้ง 4 มหาอำนาจได้อย่างหวุดหวิดแทบไม่น่าเชื่อ ประเทศรอบข้างทั้งหมดตกเป็นเมืองขึ้นแทบทั้งสิ้น แต่ไม่ว่าครั้งใดก็ตามที่ประเทศมหาอำนาจย่างก้าวเท้าเข้าสู่แผ่นดินสยาม จะเกิดเหตุการณ์ที่มหาอำนาจคู่แข่งต้องสู้รบทำสงครามสู้กันเองจนอ่อนแอล่าถอยไปเอง ไม่ว่าจะเป็นระหว่าง สเปน-โปรตุเกส สเปน-อังกฤษ หรืออังกฤษกับฝรั่งเศส โดยพวกเขาวางแผนยั่วยุให้เกิดกระเสความคลั่งชาติ สร้างกรณีพิพาทเพื่อนำไปสู่การใช้กำลังประทะ เช่นเดียวกับที่เคยใช้ได้ผลในการยึดครองประเทศทั่วโบกมาแล้ว ซึ่งประเทศไทยหากใช้กำลังทหารเข้าแก้ปัญหาหรือทำสงครามจะแพ้ทันที เพราะพวกเขาได้จัดวางกำลังพลที่ที่แฝงตัวเข้าแทรกซึม สร้างความแตกแยกในหมู่ขนในรูปแบบต่างๆ จนหมดสิ้นแล้ว


ดังนั้นเอกราชและอธิปไตยที่ประเทศไทยรักษาอยู่ได้ตราบเท่าทุกวันนี้เพราะๆอำนาจแห่งพระคุณพระรัตนไตรหรือพระพุทธบารมี และด้วยพระปัญญาบารมีของท่านผู้นำประเทศ ที่ใช้สติอย่างรอบคอบในการตัดสินใจทุกกรณี


ปัจจุบันแม้ความเป็นประเทศมหาอำนาจจะเปลี่ยนเป็นประเทศ อเมริกาและคู่อริเป็นขาวกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่มีอิทธิพลในกลุ่มประเทศอิสลามทั่วโลก แต่เนื้อแท้ของความขัดแย้งจริง ยังเป็นเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรกันอยู่ ที่การกระทำในอดีตกำหนดให้มาเป็นคู่กรณีต่างเผ่าพันธุ์กันและต้องมาชำระวิบากกรรมในชาตินี้


กลุ่มชาวมุสลิมหัวรุนแรงก็คือกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆ ในดินแดนตะวันออกกลางที่เคยเจริญรุ่งเรื่องที่สุดของอารยธรรมยุคแรกเมื่อ 5000 ปีก่อนและต่อมาล่มสลายลงเพราะถูกกลุ่มชาวยุโรปในยุคต้นคริสตกาลบุกยึดทำลายล้างจนสิ้นชาติ


ส่วนอเมริกา ผู้มีบทบาทในการกำหนดนโยบายโลกก็เป็นทายาทของอดีตมหาอำนาจโรมันในอดีตที่แยกกันเป็นใหญ่ในยุโรปอีก คือ 4 มหาอำนาจนั่นเอง คือสเปน โปรตุเกส อังกฤษ และฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาทั้งหมดก็มาร่วมกันอีกในทวีปอเมริกา หลังสงครามโลกครั้งที่สอง กลายเป็นประเทศอเมริกามหาอำนาจที่ทรงอิทธิพลล่าสุดของโลก และเป็นเป้าหมายใหญ่ที่ชาวมุสลิมตามล่าล้างแค้นอยู่


ด้วยอำนาจแห่งความพยาบาทเคียดแค้นทำให้ทั้งสองต้องมีเหตุให้มีความขัดแย้งโดยมีเหตุปัจจัยเรื่องของผลประโยชน์เป็นแรงผลักดันตามเส้นทางวิธีแห่งโลกมนุษย์ คู่อริทั้งสองต้องมาห้ำหั่นกันอย่างรุนแรงและก็ยังดำเนินวิถีดั้งเดิมในอดีตอยู่คือการใช้หลักธรรมศาสนามาบิดเบือนนำเป็นข้ออ้างในการคุกคามอยู่เหมือนเดิม แม้จะมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปแต่สรุปก็คือ การรุกรานเข้าครอบงำ และยึดครองในที่สุด อยู่นั่นเอง


ความวุ่นวายปั่นป่วนที่กำลังเป็นอยู่ในประเทศของเราขณะนี้ เป็นผลกระเทือนต่อเนื่องจากการต่อสู้เพื่อความเป็นใหญ่ของอภิอำนาจสองขั้ว ซึ่งต่างมีดี จุดอ่อน จุดแข็ง เป็นอาวุธคนละด้านกัน ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้เช่นเดียวกัน เป็นเพียงผลกระทบของกิจกรรมที่จะนำความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น หรือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้มีวิวัฒนาการทางโครงสร้างใหม่ ขึ้นมาแทน ในขณะที่โครงสร้างเก่ากำลังผุกร่อนล่มสลาย ใช้ไม่ได้อีกต่อไปมันได้เคลื่อนไหวทั่วทั้งโลก ไม่เฉพาะในประเทศไทย


กลุ่มต่างๆ ที่ออกมาแสดงพลังขณะนี้ก็เป็นเพียงเหยื่อหรือเบี้ยให้เขาขุนของกลุ่มคณะบุคคลที่ครองอำนาจจริงๆ ในสังคมที่ไม่อาจยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นผู้คอยรับประโยชน์เต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรใดเครือข่ายใดที่ถูกตั้งขึ้น ซึ่งเป็นผู้คอยรับประโยชน์เต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรใดเครือข่ายใดที่ถูกตั้งขึ้น หรืออุปโลกน์เรียกกันเกลื่อนเมืองของกลุ่มผลประโยชน์ที่ต่อสู้กันล้วนตกเป็นเครื่องมือของมหาอำนาจที่คอยจ้องฮุบประเทศทั้งหมดอยู่


พวกเขาจึงเป็นเพียงตัวแทนเหตุการณ์หรือความเคลื่อนไหวแท้ที่จริงเป็นเรื่องของธรรมชาติ แม้พวกเขาจะอ้างเหตุผลใดก็ตาม แต่ความจริงก็เป็นเพียงปัจจัยนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงเท่านั้น เพียงพวกเขาไม่รู้ว่าพวกของคนเป็นตัวทำลายหรือสร้างสรรค์เท่านั้น


เพราะความจริงนั้นทุกสิ่งอย่างได้ถูกกำหนดมาแล้ว ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจะไม่ตอบสนองหรือเป็นไปตามความต้องการของผู้ใด .... เด็ดขาด !....



ลิงค์ : http://www.legendfirst.com/index.php?mo=5&qid=149352
ผู้ตั้งหัวข้อ : ขุนศึกอุดร 

ไอ้พวกชอบอ้าง


อ้างกันจัง กับกระแสพระราชดำรัส

ผมไม่วิจารณ์ แต่จะสอนไอ้นักวิชาการ 
ไอ้นายกลูกคอม ไอ้นายกผู้ดีตีนแดงเรตีน่าโคซิน
ไอ้ ผบ.ท.(บัง) และไอ้ ศอบต. ที่สูบเลือดเนื้อ
ผลาญงบกันอยู่ทุกวันนี้  ให้รู้ว่า


เข้าใจ คือการเกิดปัญญารู้ความจริงทั้งหมด 

มิติภูมิศาสตร์ 
ประวัติศาสตร์ 
สภาพสังคม 
วัฒนธรรม 
วิถีชีวิต 


***************************************
หมายถึง เข้าใจทุกคนในพื้นที่ ไม่ใช่เข้าใจแต่พวกมัน
และทอดทิ้งไทยพุทธ พวกเดียวกันมึงยังไม่เข้าใจ
เลยเดินลอยชายให้มันยิงทิ้งอยู่อย่างทุกวันนี้  
***************************************

เข้าถึง มีความหมายหลาย เช่น
- เพื่อนมนุษย์ รู้สึกถึงความทุกข์ 
- ความเจ็บปวด ความกลัว 
- ความหวาดระแวง วิตกกังวล 
- ของพี่น้องที่ประสบปัญหา 

****************************************
ไม่ได้หมายความว่า เข้าถึงแต่พวกมุสลิม 
แล้วทอดทิ้งไทยพุทธให้รับกรรม โดนฆ่ารายงาน
พระโดนฟันกระบาลแบะคาวัด
***************************************** 

พัฒนา เป็นเรื่องของการใช้ทักษะการบริหารจัดการที่สามารถรวมเอาปัจจัยต่างๆ เช่น ทุน คน องค์ความรู้ เทคโนโลยี ศาสนา วัฒนธรรม ฯลฯ มาทำให้สังคมดีขึ้นเจริญขึ้น แต่ความเจริญที่ยั่งยืนจะต้องไปด้วยกันกับศานติ สมานฉันท์ การพัฒนาที่สร้างความเจริญทางวัตถุ แต่ทำให้เกิดความไม่สงบสุขทางสังคม เกิดความแตก ความล่มสลายของชุมชนไม่ใช่การพัฒนาที่ถูกต้อง การพัฒนาที่ถูกต้องจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้องเป็นพื้นฐานและมีการเข้าถึงเป็นพลังขับเคลื่อน ทำให้เกิดการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของชุมชน


*****************************************
ไม่ใช่ทุ่มงบไปอุดหนุนแต่ ศอบต. อุดหนุนแต่อิสลาม
แล้วทิ้งให้วัดพุทธเป็นวัดร้าง เพราะมุสลิมรุกคืบ
ฆ่าพระ ฆ่าคน 
*****************************************

หงุหงิ กับภาพลักษณ์ของทหารไทย
โดนยิงตาย เหมือนตุกตางานวัด
โดนหมามุส.. ยิงเอายิงเอาอยู่ทุกวัน

ไทยพุทธโดนฆ่ารายวัน ใกล้จะสูญพันธ์เต็มที
แล้วยังเสือกมาบอกว่า มาถูกทางแล้ว

ทัพบกปกป้อง เป็นรั้ว.........จริงเหรอ
เกิดเป็นชายเชื้อชาติชาญ ทหารบกไทย เก่งกาญ....... จริงเหรอ

เลิกโม้ได้แล้ว 
ทำงานให้คุ้มเงินเดือนหน่อย

ถ้าสู้มันไม่ได้ ก็กราบตีนมันซะ เอาแบบนายกสุรยุทธนั่นแหละ

รำคาญจริง ๆ 

รัฐอิสระ


สองสามวันก่อนผมไปเจอบล๊อก โจรใต้ เลยเก็บเอามาฝาก เรื่องทั้งหมด มันฟ้องตัวเองของโจรใต้ให้เห็นอยู่แล้ว ไม่จำต้องบรรยาย มันบอกชัดเจน มันจะเอาอย่างไร มันคิดอย่างไร  อิอิ เลิกงุมมะงาหรากะสมานฉันท์ได้แล้ว 

http://patanipost.blogspot.com/2009/06/blog-post_30.html?zx=bf5966c4e6904169                                "แนวทางนี้" แก้สามจังหวัดภาคใต้ เพิ่มอำนาจปกครองตนเอง



"ไทยอาจเพิ่มอำนาจในการปกครองตนเองแก่ท้องที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้" รายงานข่าวนี้มีพิมพ์ในกรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันพุธที่ 24 มิถุนายน 2552 หน้า 16 กล่าวถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศแล้วกล่าวอีกว่ากำลังพิจารณาเพิ่มอำนาจในกฎข้อบังคับต่างๆตามกฎหมายชารีอะห์ หรือกฎหมายอิสลาม เพื่อบรรเทาปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 

"การลดทอนอำนาจจากส่วนกลางและเพิ่มอำนาจให้ท้องถิ่นเป็นเรื่องจำเป็น และเราสามารถตอบสนองความจำเป็นในส่วนนี้ได้ โดยเฉพาะในส่วนของกฎหมายชารีอะห์ผ่านระบบการศึกษา" แต่ไม่ได้ให้อำนาจปกครองตนเองแก่พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะการปกครองตนเองเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยคัดค้านมาโดยตลอด

ผู้นำชาวมลายูมุสลิมร่วมประชุมกันเพื่อกำหนดคำขอเกี่ยวศาสนาและสิทธิต่างๆของชาวมลายูมุสลิม ณ สำนักงานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีอย่างค่อนข้างกะทันหัน เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2490 โดยมีผู้ร่วมประชุมประมาณ 100 คน

คำขอ 7 ข้อต่อรัฐบาลผ่านทางคณะกรรมการสอดส่องภาวการณ์ในสี่จังหวัดภาคใต้ ดังนี้
1.ขอให้ปกครอง 4 จังหวัดนี้เป็นแคว้นหนึ่ง โดยมีผู้ดำรงตำแหน่งอย่างสูงให้มีอำนาจในการศาสนาอิสลาม มีอำนาจแต่งตั้งและปลดข้าราชการออกได้ ผู้ดำรงตำแหน่งนี้ต้องเป็นมุสลิมใน 4 จังหวัด
2.การศึกษาในชั้นประถมต้นจนถึงชั้นประถม 7 ให้มีการศึกษาภาษามลายูตลอด
3.ภาษีที่เก็บได้ให้ใช้ภายใน 4 จังหวัดนี้เท่านั้น
4.ในจำนวนข้าราชการทั้งหมดขอให้มีข้าราชการชาวมลายูร้อยละ 80
5.ขอให้ใช้ภาษามลายูควบกับภาษาไทยเป็นภาษาราชการ
6.ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีเอกสิทธิ์ออกระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติการศาสนาอิสลามโดยความเห็นชอบของผู้มีอำนาจสูงสุด
7.ให้ศาลรับพิจารณากฎหมายอิสลามแยกจากศาลจังหวัด มีโต๊ะกาลี (กอฎีหรือดะโต๊ะยุติธรรม)ตามสมควร และมีเสถียรภาพในการพิจารณาชี้ขาด

"รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะให้มีการเลือกตั้งโดยตรงในพื้นที่ดังกล่าว คล้ายกับเลือกตั้งกรุงเทพฯและพัทยา"

"เราจำเป็นต้องใช้แนวทางนี้ในการแก้ปัญหาภาคใต้ และเราต้องอดทน" นายกรัฐมนตรีบอกย้ำ

"แนวทางนี้"ไม่ใช่ความคิดใหม่ แต่เป็นส่วนหนึ่งของ"คำขอ" 7 ข้อที่หะยี สุหรง อับดุลกาเดร์ (และคณะฯ) อดีตผู้นำมุสลิมสี่จังหวัดภาคใต้ เคยเสนอต่อรัฐบาล เมื่อ พ.ศ. 2490 แล้วถูกหลอกจนถึงขั้นถูกลอบ"อุ้ม"(ฆ่า?)

แต่ "แนวทางนี้"มิได้มีแค่นี้ หากยังมีที่สมควรทำอีกหลายอย่างเพื่อลดความหวาดระแวง ดังผมเคยเขียนบอกไว้ในคอลัมน์ตรงนี้นานแล้วตั้งแต่ 2 มีนาคม 2547 ต่อเนื่องหลายวัน เช่น

1. สมควรคืนปืนใหญ่พญาตานีที่กรุงเทพฯไปโจมตีเอามาจากเมืองปัตตานี ในแผ่นดินรัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2329
2. สมควรทำตามที่ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช บอกไว้สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วประกาศต่อหน้าฝูงชนที่จังหวัดปัตตานี เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2519 ว่า
"เราหลอกเขาว่าเขาเป็นคนไทย ซึ่งที่จริงเขาเป็นคนมลายู ปัญหาก็คือการหลอกตัวเขาเองเป็นคนไทย"
"อย่าบังคับให้เขาเป็นคนไทย? ส่งเสริมให้เขาเป็นตัวของเขาเอง รักษาเอกลักษณ์ (Identity) ชนมลายูไว้"
3. สมควรชำระประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทยให้ถูกต้องตามหลักฐานเป็นจริงทางโบราณคดี แล้วแบ่งปันเผยแพร่สู่สาธารณะให้รับรู้ทั่วกันทั้งประเทศ ว่ารัฐบาลปัตตานีพูดภาษามลายู มีมาก่อนรัฐสุโขทัยเกือบ 1,000 ปี จึงไม่ได้เป็นแผ่นดินส่วนหนึ่งของรัฐสุโขทัย

นายกรัฐมนตรี-อภิสิทธิ์ เพิ่งบอกสำนักข่าวต่างประเทศว่าจำเป็นต้องใช้ "แนวทางนี้"ในการแก้ปัญหาภาคใต้และต้องอดทน

แสดงว่าก้นบึ้งของหัวใจและความคิดแล้วไม่อยากใช้"แนวทางนี้" แต่หมดปัญญาไม่รู้จะหาทางแก้ปัญหาอย่างไ

เพราะปัญหารุนแรงเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเปลี่ยนชื่อสยามเป็นประเทศไทย เมื่อ 24 มิถุนายน 2482 โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรุนแรงยุคใหม่ของรัฐบาลไทยรักไทย คิดใหม่ ทำใหม่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 ไม่เคยเบาบางลงไป เลยจำต้องใช้"แนวทางนี้"

มหาเธร์ จอมลวงโลก


วิกิลีค เปิดบัญชีลับ ครอบครัว และ เพื่อนสนิทของมหาเธร์

WikiLeaks Releases Secret Bank Accounts of Mahathir's family and his cronies


วิกิลีค เปิดบัญชีลับ ครอบครัว และ เพื่อนสนิทของมหาเธร์ 
บัญชีเงินฝากประจำของภรรยา และ ลูกๆทั้ง ๕ และเพื่อนสนิทของมหาเธร์ 


             ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากของภรรยามหาเธร์ และลูกๆ ๓ คนของเขา ได้เปิดบัญชีตามรายการข้างล่างนี้ที่ธนาคารในประเทศเพื่อนบ้านคือสิงคโปร์ ธนาคารดังกล่าว คือ ธนาคารแห่งชาติอิสลาเอล เงินจำนวนมากมายมหาศาลนี้ได้มาจากหลายช่องทางดังต่อไปนี้


         i. ฝากโดยตัวแทนของรัฐบาลอิสราเอลหรือ รัฐบาลต่างประเทศ อื่นๆ
         ii. จากบริษัทต่างๆของเพื่อนสนิทของมหาเธร์
         iii. หรืออาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเงินในบัญชีของ อัมโนที่หายไป หนึ่งล้านเหรียญริงกิตมาเลย ที่อันวา อิบราฮิมได้นำมาแฉก่อนที่ออกจากอัมโน
         iv. รายละเอียดของบัญชีดังนี้


Family of Dr. Mahathir: ครอบครัวของมหาเธร์ฯ

1. Name : Ms Siti Hasmah Bte Mohamed Ali

  • Post : Wife of Prime Minister
  • Passport No. : D 173596 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit 
  • (Foreign Currency) 3 years
  • Account No : AGF-2192-2442- 722-(X)
  • Amount : USD 4,000,000.00
  • Date of opening account : 25/06/95
  • Date of Maturity : 25/06/98
  • (Maturity continued to 25/06/2001)
  • (Extension interest agreed upon)
2. Name : Ms Siti Hasmah Bte Mohamed Ali
  • Post : Wife of Prime Minister
  • Passport No. : D 173596 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 3 years
  • Account No : FA-4196-2493- 313 (A)
  • Amount : USD 8,000,000.00
  • Date of opening account : 09/06/97
  • Date of Maturity : 09/06/00
3. Name : Ms Siti Hasmah Bte Mohamed Ali
  • Post : Wife of Prime Minister
  • Passport No. : D 173596 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 3 years
  • Account No : DD-3919-714- 271-(A)
  • Amount : USD 5,500,000.00
  • Date of opening account : 06/12/95
  • Date of Maturity : 06/12/98
4. Name : Ms Siti Hasmah Bte Mohamed Ali
  • Post : Wife of Prime Minister
  • Passport No. : D 173596 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 3 years
  • Account No : FB-5614-1499- 515 (C)
  • Amount : USD 9,800,000.00
  • Date of opening account : 12/11/97
  • Date of Maturity : 12/11/2000
5. Name : Ms Siti Hasmah Bte Mohamed Ali
  • Post : Wife of Prime Minister
  • Passport No. : D 173596 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 3 years
  • Account No : CE-2418-7172- 492 (E)
  • Amount : USD 5,000,000.00
  • Date of opening account : 07/03/98
  • Date of Maturity : 07/03/01
6. Name : Ms Siti Hasmah Bte Mohamed Ali 
  • Post : Wife of Prime Minister
  • Passport No. : D 173596 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 3 years
  • Account No : GB-6921-4212- 712 (F)
  • Amount : USD 6,650,000.00
  • Date of opening account : 19/03/95
  • Date of Maturity : 19/03/98
  • (Maturity continuity to 19/03/2001)
7. Name : Ms Marina Bte Mahathir
  • Post : Daughter ; Malaysia AIDS Council President
  • Passport No. : R 671918 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 3 years
  • Account No : C-719-418-210 (M)
  • Amount : USD 13,000,000.00
  • Date of opening account : 17/06/96
  • Date of Maturity : 17/06/99
8. Name : Ms Marina Bte Mahathir 
  • Post : Daughter ; Malaysia AIDS Council President
  • Passport No. : R 671918 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 3 years
  • Account No : F-817-200-11 (C)
  • Amount : USD 12,500,000.00
  • Date of opening account : 03/12/96
  • Date of Maturity : 03/12/99
9. Name : Ms Marina Bte Mahathir
  • Post : Daughter ; Malaysia AIDS Council President
  • Passport No. : R 671918 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 5 years
  • Account No : G-211-922-718- 2 (D)
  • Amount : USD 15,000,000.00
  • Date of opening account : 12/07/97
  • Date of Maturity : 12/07/02
10. Name : Mr Mokhzani Bin Mahathir
  • Post : Son of Prime Minister
  • Passport No. : R 719325 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 1 years
  • Account No : F-3532-3310- 501 (NG)
  • Amount : USD 15,500,000.00
  • Date of opening account : 21/09/98
  • Date of Maturity : 21/09/99
11. Name : Mr Mokhzani Bin Mahathir 
  • Post : Son of Prime Minister
  • Passport No. : R 719325 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 3 years
  • Account No : DA-9159-7211- 819 (M)
  • Amount : USD 4,500,000.00
  • Date of opening account : 20/05/96
  • Date of Maturity : 20/05/99
12. Name : Mr Mokhzani Bin Mahathir.
  • Post : Son of Prime Minister
  • Passport No. : R 719325 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 3 years
  • Account No : ME-3138-5144- 219 (A)
  • Amount : USD 10,000,000.00
  • Date of opening account : 08/09/97
  • Date of Maturity : 08/09/00
13. Name : Mr Mokhzani Bin Mahathir
  • Post : Son of Prime Minister
  • Passport No. : R 719325 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Current Account
  • Account No : A-7213-4441- 223 (MB)
  • Amount : USD 15,500,000.00
  • Date of opening account : 11/12/97
  • Withdrawal : USD 5,000,000.00 on 10/02/98
  • Cheque No. F2912718
  • Deposit : USD 9,500,000.00
  • Last Balance : USD 19,500,000.00
14. Name : Mr Mokhzani Bin Mahathir
  • Post : Son of Prime Minister
  • Passport No. : R 719325 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 1 years
  • Account No : F-3518-3279- 441 (ND)
  • Amount : USD 10,000,000.00
  • Date of opening account : 08/09/98
  • Date of Maturity : 08/09/99
15. Name : Mr Mokhzani Bin Mahathir
  • Post : Son of Prime Minister
  • Passport No. : R 719325 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 3 years
  • Account No : M-3121-3149- 512 (D)
  • Amount : USD 7,000,000.00
  • Date of opening account : 03/12/95
  • Date of Maturity : 03/12/98
16. Name : Mr Mirzan Bin Mahathir
  • Post : Son of Prime Minister
  • Passport No. : R 914315 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 3 years
  • Account No : LA-5716-3919- 862 (C)
  • Amount : USD 15,000,000.00
  • Date of opening account : 16/08/96
  • Date of Maturity : 16/08/99
17. Name : Mr Mirzan Bin Mahathir
  • Post : Son of Prime Minister
  • Passport No. : R 914315 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit
  • 2 years
  • Account No : CM-6983-7419- 365 (F)
  • Amount : S $ 10,000,000.00
  • Date of opening account : 29/06/97
  • Date of Maturity : 29/06/99
18. Name : Mr Mirzan Bin Mahathir
  • Post : Son of Prime Minister
  • Passport No. : R 914315 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit
  • 2 years
  • Account No : JE-8145-6073- 396 (L)
  • Amount : S $ 5,000,000.00
  • Date of opening account : 15/11/97
  • Date of Maturity : 15/11/99
19. Name : Mr Mirzan Bin Mahathir
  • Post : Son of Prime Minister
  • Passport No. : R 914315 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit
  • 3 years
  • Account No : YE-3909-2616- 398 (M)
  • Amount : S $ 10,000,000.00
  • Date of opening account : 25/11/97
  • Date of Maturity : 25/11/00
20. Name : Mr Mirzan Bin Mahathir
  • Post : Son of Prime Minister
  • Passport No. : R 914315 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 1 years
  • Account No : G-7051-3996- 521 (EC)
  • Amount : USD 12,500,000.00
  • Date of opening account : 26/09/98
  • Date of Maturity : 26/09/99
21. Name : Mr Mukhriz Bin Mahathir
  • Post : Son of Prime Minister
  • Passport No. : R 639296 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 2 years
  • Account No : M-2074-6219- 332 (E)
  • Amount : USD 8,000,000.00
  • Date of opening account : 05/06/97
  • Date of Maturity : 05/06/99
22. Name : Mr Mukhriz Bin Mahathir
  • Post : Son of Prime Minister
  • Passport No. : R 639296 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 3 years
  • Account No : DL-6074-3691- 7785 (E)
  • Amount : USD 3,000,000.00
  • Date of opening account : 26/09/97
  • Date of Maturity : 26/09/00
23. Name : Mr Mukhriz Bin Mahathir
  • Post : Son of Prime Minister
  • Passport No. : R 639296 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit
  • 3 years
  • Account No : CF-3711-5681- 742 (G)
  • Amount : S $ 7,000,000.00
  • Date of opening account : 06/07/96
  • Date of Maturity : 06/07/99
24. Name : Ms Melinda Bte Mahathir
  • Post : Daughter of Prime Minister
  • Passport No. : R 697339 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 2 years
  • Account No : EX-6965-7718- 396 (D)
  • Amount : USD 15,000,000.00
  • Date of opening account : 19/11/97
  • Date of Maturity : 19/11/99
25. Name : Ms Melinda Bte Mahathir
  • Post : Daughter of Prime Minister
  • Passport No. : R 697339 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit
  • 2 years
  • Account No : FN-1799-6673- 983 (M)
  • Amount : S $ 10,000,000.00
  • Date of opening account : 21/01/98
  • Date of Maturity : 21/01/00

TOTAL : USD 199.45 MILLION

AND S$42,000,000. 00 IN FIXED DEPOSIT

ยอดรวมเงินฝากประจำ ๑๙๙.๔๕ ล้านเหรียญอเมริกัน
และ ๔๒ล้านเหรียญสิงคโปร์

CRONIES WEALTH: BROTHER-IN-LAW OF MAHATHIR
o ทรัพย์สินในนามเพื่อนสนิท ในนามพี่เขยของมหาเธร์

1. Name : Mr. Hashim Bin Mohamed Ali
  • Post : Brother-in-law of Prime Minister
  • Passport No. : C 341872 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 2 years
  • Account No : BB-1792-5126- 2197-14 (XD)
  • Amount : USD 6,600,000.00
  • Date of opening account : 14/12/96
  • Date of Maturity : 14/12/98
2. Name : Mr. Hashim Bin Mohamed Ali 
  • Post : Brother-in-law of Prime Minister
  • Passport No. : C 341872 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 3 years
  • Account No : MG-3014-2132- 5188-19 (NF)
  • Amount : USD 11,500,000.00 
  • Date of opening account : 16/05/97
  • Date of Maturity : 16/05/00
3. Name : Mr. Hashim Bin Mohamed Ali
  • Post : Brother-in-law of Prime Minister
  • Passport No. : C 341872 (M)
  • Bank : Israeli National Bank
  • Type of Account : Fixed Deposit (Foreign Currency)
  • 2 years
  • Account No : NE-5179-2212- 6125-42 (CE)
  • Amount : USD 5,000,000.00
  • Date of opening account : 18/06/98
  • Date of Maturity : 18/06/00

TOTAL: USD 23,100,00.00

ยอดรวม ๒๓ ล้าน ๑ แสนเหรียญอเมริกัน


<><><> 




ปฏิกิริยาในมาเลย์


ข่าวจาก Malaysia Today.com

http://www.malaysiatoday.com/content.php/1220-Ignore-WikiLeaks-expose-and-look-forward-Najib



Ignore WikiLeaks expose and look forward – Najib

by Zaleh Published on 15-12-2010 10:38 AM

Prime minister Datuk Seri Najib Tun Razak has called on Malaysians to ignore the remarks made by some top senior officials of the Singaporean government which was exposed by whistleblower web site WikiLeaks. 

<> 

ความเห็นจากหนึ่งท่านผู้อ่าน Malaysia Today.com โต้นายกฯนาจิ๊บฯ

Unregistered - 16-12-2010


Jibby should comes out to the open, holding a quran in one hand and raise another hand and swear. Saifool style mah ! Swear to WilkiLeaks that " he has no connection with Altantuya". Then 'kaw team' ... case close

<><><><> 




ดูละคร

           แทบทุกยุทธการ ทุกเล่ห์เหลี่ยม ที่มุสลิมเอามาใช้ทั่วโลก ล้วนได้รับจากบทเรียนแสบๆที่ยิวได้ให้ไว้ มุสลิมก็เอามาใช้กับเราอีกต่อ
          ขณะที่อเมริกันเป็นศัตรูกับอิหร่านเพราะโดนอิหร่านจับเป็นตัวประกันในสมัยอยาตุลเลาะห์โคมัยนี อเมริกันต้องการเงินหลบเลี่ยงจากการถูกสั่งห้ามสนับสนุนกบฏคอนทราที่นิคารากัว
          อเมริกาหาเงินไปช่วยกบฏคอนทราส์ โดยเอาอาวุธไปขายให้อิหร่านเอาเงินส่งให้กบฏคอนทราส์ ผู้ที่ขายอาวุธเอาเงินมาให้อเมริกัน คือ ยิว (อ่านคดี กบฏคอนทราส์ ได้ในหนังสือ “โรฮิงยาภาพมายาพิศวง..ของภูวดล แดนไทย”)
          ในกรณีนี้ไม่แน่ใจว่า มหาเธร์เรียนมาจากบทเรียนไหนจึง “ทำตัวทรยศอิสลาม คบ ยิว”
          เป็นไปได้ไหม?ว่า...ทำธุรกิจกับยิวแบ่งผลประโยชน์กับยิวเอาเงินเข้าเก็บในธนาคารยิว
          ถ้ามองในแง่ดี... คือ เอาเงินดอกเบี้ยยิว มาถล่มยิว
          ก็... ไม่รู้ว่า มหาเธร์ฯ เลียนแบบอเมริกันที่เคยด่าประนามไว้ หรือ เป็นตัวแทนของโลกอิสลาม

<> 



แล้วย้อนดูตน (รู้จักหัวหน้าแล้วมาดูลูกแถวในไทย)
ข้อสังเกตุมุสลิมในไทย
          ยุยงส่งเสริมให้ประชาชนต่อต้านรัฐบาล ที่ให้เงินสารพัดแม้กระทั่งไปฮัจจ์ ทั้งๆที่พระไทยไปอินเดียยังต้องจ่ายเงินเอง...ยังไม่พอ!
         ยังจะ...หาศัตรูให้กับแผ่นดินไทย ดึงประเทศไทยให้ไปเป็นศัตรูกับชาติที่มิได้ให้ร้ายไทยมาก่อน โดย พยายามให้ไทยประณามอิสราเอล ในกรณีสงครามยิว-ปาเลสไตน์
ดังมีพฤติกรรมต่อไปนี้ 
            ° ๒ มกราคม ๕๒ สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา ร่วมกับสมาคมมุสลิมหาดใหญ่ สมาคมครูโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดสงขลา และองค์กรอิสลามต่างๆ ในจังหวัดสงขลา รวมกันออกแถลงการณ์ เรื่อง การสังหารหมู่ประชาชนชาวปาเลสไตน์โดยรัฐบาลอิสราเอล
            ° ๖ มกราคม ๕๒ กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ เคลื่อนขบวนจากศูนย์กลางมุสลิมคลองตันมาถึงหน้าอาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์ 2 ที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย
            ° ๗ มกราคม ๕๒ มุสลิมไทยยื่นแถลงการณ์ต่อสหประชาชาติ UN และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
            ° ๑๐ มกราคม ๕๓ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สนน.จชต.) ประมาณ 300 กว่าคนได้เดินขบวนเพื่อประณามการกระทำของกองทัพอิสราเอลจากหน้ามัสยิดกลางจังหวัดยะลาไปจนถึงคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา

พฤติกรรมหัวขบวนในไทย
           * นายอฮฺหมัด สมบูรณ์ บัวหลวงอดีตกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ แสดงความเหนือกว่า ด้วยการกดดันให้รัฐบาลเร่งประณามอิสราเอล และสนับสนุนการชุมนุมต่อต้านอิสราเอลของบรรดานักศึกษา
           * นายนิมู มะกาเจ นักวิชาการอิสลาม อดีตรองประธานคณะกรรมอิสลามประจำจังหวัดยะลา กดดันให้รัฐบาลเร่งประณามอิสราเอล เพียงประการเดียว
           * มิใช่เป็นการเรียกร้องโดยสงบ เพราะว่า “คุกคามหากรัฐบาลไม่ทำตาม อาจจะเกิดการลุกฮือของมลายูอิสลามใน ๓ จชต.”

น่าสงสาร...พระพุทธเจ้าสอนไว้ให้มี “สติ แล้วจะเกิดปัญญา” 

เพราะ...ขาด “สติ” คิดไม่รอบ จึง...ถูกหลอก
"ขณะที่ลูกแถวต่อต้านยิว...หัวหน้าขบวนการคบยิว” ...ใคร? หลอก ใคร
อุ๊บ!... ว่าแต่เขา
.....ในที่สุดพบว่า...ผู้ที่โง่ที่สุดในปฐพี คือ “รัฐบาลไทย!!!”
หัวเราะเป็นภาษาไทย ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ กร๊ากๆๆๆๆๆๆ

<><> 

โดย ภูวดล แดนไทย
Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม