วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

‘ลุกมาน มะดิง’ หมดประโยชน์ถูกกำหนดให้ตาย...ใส่ร้ายเจ้าหน้าที่



โดย : "แบมะ ฟาตอนี"


           ความตาย “นายลุกมาน มะดิง” ผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับและเป็นที่ต้องการตัวอันดับต้นๆ ของเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ก่อเหตุรุนแรงคนนี้มีหมาย ป.วิอาญาติดตัวถึง 5 หมาย เคยก่อกรรมทำชั่วในพื้นที่มาแล้วอย่างโชกโชน.....


แต่กลับ “ถูกกำหนดให้ตาย” เมื่อไร้ประโยชน์ต่อขบวนการ


          นายลุกมาน มะดิง ได้ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตภายในบ้านญาติในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา หลังเกิดเหตุเมื่อกระแสข่าวการตายได้แพร่สะพัดออกไป กลับมีบุคคลบางกลุ่มพยายามปลุกกระแสใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ “กระทำเกินกว่าเหตุ” ตอกย้ำด้วยการเผยแพร่สภาพบ้านหลังเกิดเหตุได้รับความเสียหาย

         ผลจากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จนกระทั่งนำไปสู่ความสูญเสียเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่กระนั้นแล้วจากการฟังข่าวมาเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติการในครั้งนี้ มีการวางแผนอย่างรัดกุม เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เชิญผู้นำศาสนาในพื้นที่ทำการเกลี่ยกล่อมเพื่อให้นายลุกมานมอบตัวแต่ก็ไร้ผล..ย้อนกลับไปก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ให้โอกาส เดินทางไปพบกับครอบครัว นายลุกมาน ถึง 3 ครั้ง 3 ครา เพื่อให้คนใกล้ชิดช่วยพูดให้เข้ามอบตัวกับทางการแต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น


  • ความตาย นายลุกมาน มะดิง “ใคร? กำหนด” 
  • ใคร?.. คือผู้อยู่เบื้องหลังในการวางแผนทั้งหมด
  • ใคร? กำหนดพื้นที่สังหาร 
  • ใคร? ปล่อยกระแสข่าวใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ว่ากระทำการเกินควรหลังเกิดเหตุ

          ผู้เขียนได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากแหล่งข่าวในพื้นที่ให้ข้อมูลถึงที่มาของความตายนายลุกมาน มะดิง สาเหตุเกิดจากฝ่ายตรงข้ามได้ให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือกับเจ้าหน้าที่ต่อความเคลื่อนไหวของนายลุกมาน ที่มากบดานยังบ้านญาติ ซึ่งได้มีการกำหนดพื้นที่สังหารไว้แล้ว โดยยืมมือเจ้าหน้าที่กำจัด นายลุกมานฯ ต้องตาย “เนื่องจากหมดประโยชน์”


           น่าสงสัยกันมั๊ย!! อยู่ดีๆ มีการแจ้งความเคลื่อนไหว นายลุกมาน มะดิง มาหลบซ่อนพักพิงบ้านญาติในพื้นที่ ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ควานหาตัวแทบเป็นแทบตายแต่ไร้วี่แววความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด


           ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้นมานานนับสิบกว่าปี มีความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน และ มีความเชื่อมโยงกับปัญหาภัยแทรกซ้อนในพื้นที่ เป็นเรื่องของผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม และเป็นการยากที่จะปฏิเสธ ในการปฏิบัติของกลุ่มขบวนการ มีการตัดซอยแบ่งงานกันทำ หน้าที่ใครหน้าที่มัน เพื่อตัดตอนในการสืบสาวไปถึงตัวผู้บงการตัวจริง เช่นเดียวกับสมาชิกบางคนที่หมดประโยชน์จะมีการกำจัดทิ้งโดยยืมมือเจ้าหน้าที่รัฐ หลอกล่อให้เข้าทำการติดตามจับกุม ปล่อยข่าวมีอาวุธร้ายแรงอยู่ในมือ ผลลัพธ์อย่างที่เห็น 

“ความตายนายลุกมาน มะดิง”เป็นความตั้งใจของกลุ่มขบวนการ


          ขบวนการบีอาร์เอ็น กระทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างความชอบธรรมในการก่อเหตุ และรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตน “แสดงความมีตัวตน” ในการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ขณะเดียวกันทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐ กล่าวหามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน บิดเบือนประวัติศาสตร์ปัตตานี ความไม่ได้รับความเท่าเทียมในสังคม การบังคับใช้กฎหมายที่มีการเลือกปฏิบัติ เพื่อใส่ร้ายเจ้าหน้าที่สร้างความเกลียดชัง นำไปสู่ความแตกแยกในสังคม ทำลายการอยู่ร่วมพหุวัฒนธรรมของผู้คนในพื้นที่

          แท้จริงแล้วกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นเป็นกลุ่มที่ไร้อุดมการณ์ เป็นกลุ่มโจรที่มุ่งแสวงแต่เรื่องผลประโยชน์ เป็นนักรบหน้าตัวเมียมุดผ้าถุง หลบซ่อนตัวอยู่ในที่มืดไม่กล้าเปิดเผยตัว ที่สำคัญเป็นกลุ่มคนบาป “บิดเบือนได้แม้แต่ศาสนา” ฆ่าได้แม้ผู้นับถือศาสนาเดียวกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งเข่นฆ่ากันเองภายในองค์กร...

         ฝากไปยังผู้ที่หลงผิดทำงานรับใช้ให้กับกลุ่มขบวนการอยู่...ศพต่อไปอาจจะเป็นคุณ!! หากยังไม่หันหลังให้กับองค์กรชั่วองค์กรนี้..แล้วลูกเมียคุณจะอยู่กับใคร?

คนโง่อยู่ที่ปาก คนฉลาดอยู่ที่ใจ


คนโง่อยู่ที่ปาก คนฉลาดอยู่ที่ใจ “แม่ทัพภาค 4” เมินโจรใต้ขู่ตั้งค่าหัว 1 ล้าน



          คนโง่อยู่ที่ปาก คนฉลาดอยู่ที่ใจ “แม่ทัพภาค 4” เมินโจรใต้ขู่ตั้งค่าหัว 1 ล้าน ย้อนเอาเวลาไปขโมย “นกเขา-นกกรงหัวจุก” ได้มากกว่า


          เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Suding Su Patani ได้โพสต์ภาพของ พล.ท.ปิยวัฒน์ ลงบนเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา แล้วเขียนว่า “ประกาศตัดหัวให้ 1,000,000” ว่า ตนคิดว่าขบวนการพวกเขาน่าจะมีความระส่ำระส่าย ไม่สามารถควบคุมกันได้ ทั้งในแง่ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ด้านเศรษฐกิจ และมวลชน จึงหันมาโพสต์ข้อความแบบนี้ขึ้นมา ขณะเดียวกันเงิน 1 ล้านบาท ถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก สำหรับพวกขบวนการที่แอบอยู่ข้างบนภูเขา ตนจึงคิดว่าการที่โพสต์ประกาศค่าหัวตนนั้น เป็นเพียงการลดปมด้อยของพวกเขา ที่ไม่มีงาน ไม่มีอาชีพ อีกทั้งก็ไม่มีใครสนับสนุนเงินทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงภัยแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ก็ไม่ให้ความสนับสนุนเช่นกัน ดังนั้นเงิน 1 ล้านบาท จึงมีค่า และมีความหมายสำหรับพวกเขา


          พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าวต่อว่า ในความเป็นจริงประชาชนในพื้นที่ เขาปฏิเสธการใช้ความรุนแรง ซึ่งพวกเขามองว่าเงิน 1 ล้านบาท ไม่มีค่าสำหรับเขา เพราะว่าพี่น้องประชาชนมีอาชีพสุจริต มีรายได้ และมีงานทำกับโครงการของรัฐบาล จึงทำให้มีความมั่งคั่ง และยั่งยืน อาทิ มีโครงการเลี้ยงไก่เบตง เลี้ยงปลากือเลาะ และเลี้ยงกบภูเขา เป็นต้น ถือเป็นโครงการที่ดีในการสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ถ้าประชาชนตั้งใจประกอบอาชีพ ตนเชื่อว่า 1 ปีต้องมีรายได้มากกว่า 1 ล้านบาทแน่นอน


        “ผมคิดว่าคนโง่อยู่ที่ปาก คนฉลาดอยู่ที่ใจ ซึ่งคนที่เขียนเรื่องนี้มาบ่งบอกอยู่แล้วว่ามีความคิดอย่างไร เงิน 1 ล้านบาท ไม่ต้องมาทำอะไรผมหรอกครับ ไปขโมยนกเขา นกกรงหัวจุกเถอะ 2 ตัวก็ได้ 2 ล้านแล้ว ไม่ต้องเสี่ยงมาสังหารผม” พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าว

            เมื่อถามว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น จะเพิ่มมาตรรักษาความปลอดภัยให้ตนเองหรือไม่ แม่ทัพภาค 4 กล่าวว่า ทำงานตามปกติไม่มีอะไร ซึ่งเรื่องนี้ถ้ามองอีกมุมคิดว่าดีเสียอีกให้เขามาหาเรา เราจะได้ไม่ต้องไปหาเขา

         เมื่อถามต่อว่า แล้วเชื่อมโยงกับโครงการพาคนกลับบ้าน หรือไม่ พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับโครงการนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ เขาไม่ต้องการความรุนแรง แต่ต้องการความสงบ ซึ่งการนำโครงการต่างๆ ลงไปในพื้นที่ ทำให้เข้าถึงประชาชนในพื้นที่ได้ ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงการพัฒนา โดยใช้หลักมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

——————–

โจรใต้ฉวยโอกาส!! ดักซุ่มในป่ายิงจนท.บาดเจ็บสาหัส 1 นายที่นราธิวาส




             เมื่อช่วงเย็นวันที่ (5 ก.ค.) เจ้าหน้าที่รับแจ้งมีเหตุเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4213 ถูกคนร้ายดักซุ่มยิงที่บริเวณลำธาร หลังที่ตั้งฐานปฏิบัติการณ์ชั่วคราวของกองร้อยทหารพรานที่ 4213 ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านไอร์กรอส ม.6 ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 1 นาย จึงสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

             โดยพบที่โขดหินด้านล่างของลำธาร ซึ่งเป็นทางลาดอยู่ต่ำกว่าฐาน 10 เมตร มีกองเลือดจำนวนหนึ่งตกอยู่ ส่วนที่บริเวณป่ารกทึบด้านขวามือ ห่างจากกองเลือดประมาณ 70 เมตร เจ้าหน้าที่พบร่องรอยคล้ายทางเดิน มีกอไม้และกิ่งไม้หักอยู่ ซึ่งคาดว่าเป็นจุดที่คนร้ายใช้อาวุธปืนดักซุ่มยิง แต่ไม่พบปลอกกระสุนปืนของคนร้ายทำตกหล่นไว้แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นป่าที่ค่อนข้างรกทึบ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บคือ ส.ท.มินทร ทัศนัยนา อายุ 28 ปี ซึ่งถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณหน้าอกขวา 1 นัด เพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลสุคิริน ไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่เนื่องจากอาการสาหัส แพทย์จึงได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก

           จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ส.ท.มินทร ได้เดินลงจากฐานปฏิบัติการณ์ช่วยคราว เพื่อลัดเลาะไปอาบน้ำที่บริเวณลำธาร และขณะที่ ส.ท.มินทร กำลังเดินอยู่นั้น ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวดักซุ่มอยู่ในป่ารกทึบบริเวณลำธาร จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิงใส่ ส.ท.มินทร จำนวน 1 นัด เมื่อถูกกระสุนปืน ส.ท.มินทร จึงล้มลงทั้งยืน แล้วคนร้ายได้อาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไป

          ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี โดยอาศัยความชำนาญในพื้นที่ ดักซุ่มยิงเพื่อสังหารเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่กับชุดเฉพาะกิจนราธิวาส ในการตรวจค้นและกดดันกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่เคลื่อนไหวอยู่บนเทือกเขา

——————–

ผลพิสูจน์อาวุธปืน BERETTTA ขนาด 9 มม.ของ “ลุกมาน มะดิง” พบใช้ก่อเหตุรวม 6 คดี

Image result for ลุกมาน มะดิง



               
            เผยผลตรวจสอบอาวุธปืน 9 มม.ของ “ลุกมาน มะดิง” คนร้ายที่ถูก จนท.วิสามัญ ภายในบ้านเป้าหมายใน ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา พบใช้ก่อเหตุเพียบรวมแล้ว 6 คดี และผลปืนเชื่อมโยงเหตุการณ์มากถึง 59 เหตุการณ์
            จากกรณีเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร่วมติดตาม และจับกุมโดยการบังคับใช้กฎหมาย ในพื้นที่บ้านเป้าหมาย ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา หลังจากได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า มีผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคง ได้เข้ามาเคลื่อนไหว และหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านเลขที่ 163 ม.4 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา
          ซึ่งในระหว่างการเจรจาเพื่อให้บุคคลเป้าหมายออกมามอบตัวนั้น ได้เกิดการยิงปะทะกันขึ้น จนเป็นเหตุให้ นายลุกมาน มะดิง อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา คดีความมั่นคง จำนวน 5 หมาย ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯ เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอาวุธปืนขนาด 9 มม. ของคนร้ายได้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ถึง 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
              ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (4 ก.ค.) มีรายงานจากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา สรุปผลการตรวจสอบอาวุธปืน BERETTTA ขนาด 9 มม. ที่ยึดได้จาก นายลุกมาน มะดิง เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า อาวุธปืนกระบอกนี้ใช้ก่อเหตุ 6 คดี (รวมทั้งเหตุการณ์ล่าสุด) และผลปืนสามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์ทั้งหมด 59 เหตุการณ์ (ปืนเชื่อมเหตุ)
สำหรับผลปืนกระบอกดังกล่าว พบว่า ใช้ก่อเหตุ ดังนี้


เหตุการณ์ที่ 1
 เมื่อวันที่ 25 ก.ค.55 เหตุการณ์ระเบิดแล้วยิงตำรวจชุด รปภ.ครู สภ.ท่าธง เสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บ 1 นาย ที่ ม.7 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา


เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อวันที่ 15 ก.ย.55 เกิดเหตุยิงแล้วเผา อส.ทพ.เสียชีวิต 3 นาย และชาวบ้าน 1 ราย ที่ ม.13 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา


เหตุการณ์ที่ 3 เมื่อวันที่ 10 ก.พ.56 เกิดเหตุระเบิดแล้วยิงเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บ 1 นาย ที่ ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา



เหตุการณ์ที่ 4 เมื่อวันที่ 23 ม.ค.58 เกิดเหตุคนร้ายยิง อส.เสียชีวิต 2 นาย เอาปืนไป 3 กระบอก (ในจำนวนนั้นมีปืน 9 มม. ลูเกอร์) ที่ ม.2 ต.บาโงย อ.รามัน จ.ยะลา


เหตุการณ์ที่ 5 เมื่อวันที่ 21 มี.ค.59 ชุดปราบยาเสพติดยิงปะทะคนร้าย จับได้ 3 ราย หลบหนี 1 ราย ที่ ม.4 ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา



และเหตุการณ์ที่ 6 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.60 นายลุกมาน ยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ภายในบ้านเลขที่ 163 ม.4 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา พบปลอกกระสุน จำนวน 41 ปลอก
Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม