วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560

แค่คนดูต้นทาง ปล่อยมันเหอะครับ แด๋วผมพามันไปดูปลายทางเอง


แนวร่วมรับสารภาพ เป็นคนดูต้นทางเหตุระเบิดทหารพรานพลีชีพ 4 นายที่สายบุรี

โดย : "Ibrahim"

        กรณีเหตุการณ์ คนร้ายลอบวางระเบิด ชป.ร้อย.ทพ.4412 ฉก.ทพ.44 ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 4 นาย ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ที่บ้านตะบิ้ง หมู่ 1 ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา


         การก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายได้ลอบวางระเบิดไว้บริเวณข้างทาง ซึ่งเป็นถนนช่วงปรับปรุงก่อสร้างเส้นทางในห้วงกลางคืน เพื่อดักลอบสังหารเจ้าหน้าที่ที่ลาดตระเวนเส้นทางอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ทหารพราน ชป.ร้อย.ทพ.4412 ฉก.ทพ.44 ได้ลาดตระเวนปฏิบัติหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายซึ่งได้ซุ่มอยู่บริเวณดังกล่าวทำการจุดชนวนระเบิดซึ่งมีน้ำหนักบรรจุไม่ต่ำกว่า 50 กิโลกรัม แรงระเบิดได้ถูกรถกระบะของเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับความเสียหายขาดกลางช่วงกระบะ กระเด็นเสียหายอย่างหนักเจ้าหน้าที่กระเด็นตกไปคนละทิศทาง เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหลังกระบะ ถูกสะเก็ดระเบิด เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ




              ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายมะยูโซะ มะยะเด็ง ผู้ต้องสงสัยไปทำแผนจุดลอบวางระเบิด และได้ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนดูต้นทาง ในการลอบวางระเบิดจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 6 นาย กองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองกว่า 500 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์ อาวุธปืนครบมือ ยังคงกระจายกำลัง ปิดล้อมหมู่บ้าน ในหลายตำบล เป็นวันที่ 3 ตามที่แหล่งข่าวแจ้งว่ามีกลุ่มผู้ต้องสงสัยเคลื่อนไหวอยู่ทั้งก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ


         เป็นที่น่าสังเกตคนผู้ต้องสงสัยที่ทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หากหลักฐานไม่เพียงพอที่จะมัดตัวเอาผิด จะไม่มีการยอมรับสารภาพ ซึ่งในเรื่องของข้อกฎหมายจะมีองค์กรขาประจำของ ผกร. เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของกลุ่ม ผกร. ซึ่งจะคอยให้คำแนะนำในเรื่องของคำให้การกับเจ้าหน้าที่เพื่อเขียนสำนวนฟ้องร้องต่อศาล ให้การแบบไหนจะพ้นผิดหรือได้รับโทษทัณฑ์ที่ไม่หนักหนา และมีการบอกผ่านต่อๆ กันจนกลายเป็น “วาทกรรม” ที่คุ้นชินและคุ้นหูอยู่บ่อยๆ กับคำว่า “คนดูต้นทาง” “คนชี้เป้า”“คนให้ที่พักพิง”“คนส่งเสบียง”“คนเก็บอาวุธ” หรือแม้แต่เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์รับ-ส่ง คนร้ายทำการก่อเหตุ


          ไม่เคยมีสักครั้งที่คนร้ายปากแข็งเหล่านี้จะยืดอกรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุโดยตรง นอกจากว่าจนด้วยหลักฐานที่เจ้าหน้าที่นำมาชี้ชัดว่าเป็น“ผู้กระทำความผิด” นี่คืออีกสันดานหนึ่งของเหล่าโจรใต้ที่ทำการก่อเหตุฆ่าคนแล้วไม่บาปอีกทั้งยังได้บุญ


         ล่าสุดโฆษกโจรใต้ประกาศผ่านสื่อออนไลน์จะไม่หยุดเหตุความรุนแรง ขอให้ ปชช.เสียสละชีวิตและทรัพย์สินเพื่อให้กลุ่มผลประโยชน์ ผกร. ได้ใช้เป็นข้ออ้างในการเดินหน้าเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์รายวันต่อไปด้วยการลอบวางระเบิดลอบยิง พี่น้องประชาชนทั้งไทยพุทธมุสลิม ในพื้นที่ซึ่งคงต้องรับชะตากรรมต่อไป แล้วเวลานี้พี่น้องคนไทยยังสูญเสียไม่พออีกหรือ จะยอมก้มหน้ารับชะตากรรมโดยไม่สู้ใช่ไหม? เราจะปล่อยให้เหล่าอาชญากรนอกศาสนา คนเนรคุณแผ่นดินไทย มันลอยหน้าลอยตาประกาศจะฆ่าเราอยู่ต่อไปอีกหรือไร?...

--------------------------

กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงความคืบหน้า กรณีคนร้ายลอบวางระเบิด ทหารพรานชุด รปภ.ครู เมื่อ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา




             วันนี้ 29 กันยายน 2560 เวลา 1000 ณ มณฑลทหารบกที่ 46 ค่ายอิงคยุธบริหาร พลตรี จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี, พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าจากกรณีเหตุการณ์ เมื่อ 22 กันยายน ที่ผ่านมา คนร้ายลอบวางระเบิด เจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4412 ชุดรักษาความปลอดภัยครู โรงเรียนตะบิ้ง ม.๑ ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จังหวัดปัตตานี บริเวณถนนสาย 42 (เก่า) ระหว่าง บ้านเจาะกือแย หมู่3 – บ้านตะบิ้ง หมู่ 1 ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างสะพานท่อระบายน้ำ เป็นเหตุให้ เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต รวม 4 นาย บาดเจ็บ 5 นาย และราษฎรได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย



            จากการปฏิบัติในช่วงที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามควบคุมตัวผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 1 รายพร้อมทั้งได้เชิญตัวไปดำเนินกรรมวิธีซักถาม ขยายผล ผู้ต้องหารายนี้ได้ให้การยอมรับสารภาพว่าตนเองอยู่ในกลุ่มขบวนการ เมื่อปี 2554 ผ่านการชักชวนจาก/สาบานตน(ซูมเปาะห์)จาก นายยารานิง แตมามุ สมาชิกกลุ่ม ผกร.คนสำคัญ ผ่านการฝึกทางยุทธวิธี (ขั้นปอเนาะ) และให้การยอมรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิด ในครั้งนี้จริง โดยมีนายยาการียา บาโง เป็นผู้สั่งการให้ตนและพวกเข้าร่วมประชุมก่อนเกิดเหตุการณ์ประมาณ 1 สัปดาห์ โดยมีการแบ่งหน้าที่ในการก่อเหตุ โดย นายยาการียา บาโง/โต๊ะนิ ทำหน้าที่ สั่งการนายสุไลมาน ดอเลาะ/เละ ทำหน้าที่ ดูต้นทาง/รับระเบิด นายอายมาน กูโน/มัง/กูโน ทำหน้าที่ กดระเบิด/รับระเบิด นายแพนดี หะยีวาเตะ/มัง ดูต้นทางและร่วมกดระเบิด และนายมารวาน มีทอ/มิง ทำหน้าที่ ต้นทางและร่วมกดระเบิด




          ต่อมาเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2560 พนักงานสอบสวน ภ.จว.ป.น. ได้เดินทางมาสอบสวนและบันทึกความยินยอมรับสารภาพ ณ หน่วยซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน 43 พร้อมนำตัวผู้ต้องหาได้นำไปชี้จุดประกอบการสารภาพ จำนวน 3 จุด ประกอบด้วย จุดที่มีการประชุมวางแผนในพื้นที่ ม.4 ตำบลกะดุนง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี จุดที่ตนเองดูต้นทางความเคลื่อนไหว เจ้าหน้าในวันเกิดเหตุ และ จุดที่ นายสุไลมาน ดอเลาะ/เละ ใช้เป็นจุดดูต้นทางความเคลื่อนไหว เจ้าหน้าที่ในวันเกิดเหตุ



          อย่างไรก็ตาม พลตรี จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ระบุว่า เหตุการณ์ลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน เมื่อ 22 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นการกระทำของ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่มีเป้าหมาย ในการข่มขู่สร้างอิทธิพล เพื่อเรียกรับผลประโยชน์เก็บค่าคุ้มครองจากประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำ ไปยังประชาชนและผู้ประกอบการ ที่ถูกเรียกค่าคุ้มครอง ขอให้แจ้งข้อมูลดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่ได้ตลอดเวลา เพื่อจะได้นำผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2560

แผนชั่ว!!“ทำลายเสาหินในกุโบร์”ที่รูสะมิแล



"แบดิง โกตาบารู"


            จากกรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้นอีกทั้งยังเป็นการทำลายความรู้สึกของพี่น้องมุสลิม เมื่อชายคนหนึ่งได้เข้าไปทำลายเสาหินในกุโบร์ที่หมู่บ้านรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เหตุการณ์ครั้งนี้ได้มีการกล่าวอ้างชาวบ้านเห็นผู้ก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหารแล้วเข้าไปทำลายเสาหินในกุโบร์จนได้รับความเสียหายดังกล่าว


          ในเวลาต่อมาในสื่อสังคมออนไลน์ และแอพลิเคชั่น Line ได้มีกดแชร์ส่งต่อกันเป็นวงกว้าง เกิดกระแสวิพากวิจารณ์ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมุ่งเป้าโจมตีว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารเนื่องจากมีผู้เห็นเหตุการณ์ ชี้เป็นการดูหมิ่นศาสนาอิสลาม และไม่ให้เกียรติต่อดวงวิญญาณบรรพชน




         เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของความรู้สึก เป็นเส้นบางๆ ที่ส่งผลกระทบนำมาสู่ความบาดหมางและความขัดแย้งในเรื่องศาสนา หลายต่อหลายครั้งที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีพยายามสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ และเกิดการเข้าใจผิดด้วยการแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นพฤติกรรมเดิมๆ ที่พยายามทำมาโดยตลอด


         ข้อสังเกต
 
  • ทำไม? ชาวบ้านที่มีการกล่าวอ้างเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงไม่แจ้งตำรวจให้ดำเนินการจับกุม หรือแจ้งคนในชุมชนมาห้ามปรามให้หยุดการกระทำดังกล่าวเสีย หรือเป็นเพียงการจัดฉากอ้างตัวละครกับความพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นตามแผนชั่ว!!

         พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ให้ความสำคัญต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้กรุณาสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารทุกหน่วยเร่งสร้างความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชนผ่านผู้นำศาสนาและอิหม่ามในทุกมัสยิด และเร่งให้เจ้าหน้าที่ติดตามผู้ก่อเหตุมาลงโทษโดยเร็วที่สุด จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าไปหลงเชื่อแผนการชั่วร้ายดังกล่าว


         ทั้งนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาลไทยให้ความสำคัญ และส่งเสริมสนับสนุนทุกศาสนาอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ริดรอนสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา หรือกีดกันความคิดความเชื่อของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ที่มีความหลากหลายวัฒนธรรม รัฐบาลได้สนับสนุนการประกอบศาสนกิจของศาสนิกชนจนเป็นที่ประจักษ์


        สุดท้ายขอให้ประชาชนได้ช่วยกันสอดส่องดูแลชุมชนของตนเอง และรู้จักเสพข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน จะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีอีกต่อไป

กลยุทธ์!! ขบวนการยาเสพติด เกี่ยวโยงกับเยาวชน เหตุความรุนแรงอย่างไร?





        ยาเสพติด...นับว่าเป็นปัญหาหนึ่ง จากหลายๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ภาครัฐจะมีนโยบาย มาตรการ และการปฏิบัติในการตรวจจับอย่างเข้มงวด แต่ปัญหายาเสพติดก็ยังดำรงอยู่อย่างเหนียวแน่น ซึ่งในบางพื้นที่ยังคงปรากฏสถานการณ์รุนแรง แม้ข้อมูลความเกี่ยวพันโดยตรงอย่างเป็นรูปธรรมระหว่างกลุ่มผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติด กับกลุ่มขบวนการจะยังไม่ชัดเจน แต่ก็สามารถจะสรุปในขั้นต้นได้ว่า ปัญหายาเสพติดเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวพันกันกับสถานการณ์ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นทางตรงและทางอ้อม


         การค้าและการจับกุมยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่ามีการจับกุมทั้งในจังหวัดนราธิวาส ยะลา และปัตตานี ตามลำดับ โดยอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส มีการจับกุมคดีค้าและเป็นภูมิลำเนาของนักค้าที่ถูกจับกุมนอกพื้นที่สูงสุด การลำเลียงยาเสพติดทั้งกัญชา ยาบ้า ใบกระท่อม ส่วนใหญ่ จะมาจากทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และบางส่วนเล็ดลอดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยวิธีการนำรถยนต์ที่มีช่องลับซุกซ่อนยาเสพติดขับไปรับ หรือซุกซ่อนมากับสินค้าเกษตร หรือแลกเปลี่ยนรถยนต์โดยซื้อรถจากนราธิวาสหรือพื้นที่ใกล้เคียงไปแลกกับรถของนักค้าที่ซุกซ่อนยาเสพติดไว้ และทำโอนลอยกัน ทั้งยังเป็นพื้นที่พักและกระจายยาเสพติดไปยังจังหวัดอื่นในภาคใต้ 


            มีกลุ่มผู้ค้าทั้งใหม่และเก่า กลุ่มผู้ค้าสำคัญมักมีเจ้าหน้าที่รัฐและนักค้ายาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยจะเก็บซุกซ่อนยาเสพติดไว้ตามบ้านเช่า ป่าละเมาะแนวชายแดน และบ้านญาติในประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยเหตุสถานการณ์ความรุนแรงทำให้เจ้าหน้าที่รัฐ จำเป็นต้องลำดับความเร่งด่วนในการป้องกันเหตุความรุนแรง ส่งผลให้การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่เกิดช่องว่าง ในส่วนของจังหวัดยะลา มีกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ส่วนรายย่อยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และมีความเกี่ยวข้องกับนักค้ายาเสพติดในจังหวัดนราธิวาสและสงขลา และที่จังหวัดปัตตานี ส่วนใหญ่เป็นรายย่อยเกี่ยวข้องกับนักค้ายาเสพติดจากจังหวัดนราธิวาสและยะลา พบการแพร่ระบาดในพื้นที่ประกอบอาชีพประมงที่มีแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีพฤติการณ์ร่วมกับนักค้ายาเสพติดในพื้นที่


          การแพร่ระบาดของยาเสพติด จำนวนผู้เสพยาเสพติดให้โทษในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประมาณ 20,000 -30,000 คน ที่ผ่านมาพื้นที่ที่มีการจับกุมคดีเสพสูงสุด 3 อันดับแรก คือ อำเภอเมืองนราธิวาส สุไหงโก-ลก และเมืองปัตตานี กลุ่มผู้ใช้ยา ได้แก่ กลุ่มแรงงานทางการเกษตร รับจ้าง ประมง ว่างงาน นักเรียนนักศึกษา วัยรุ่น และที่สำคัญแนวโน้มผู้เข้ารับการบำบัดรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น มีอัตราส่วนมากกว่าร้อยละ 70 ในแต่ละปี และเกือบครึ่งเป็นผู้ติดยาบ้า กัญชา และเฮโรอีน กลุ่มอายุของผู้เข้ารับการบำบัดสูงสุด คือ 20-25 ปี 15-19 ปี และ 25-29 ปี กลุ่มผู้เข้ารับบำบัดสูงสุดคือ กรรมกร ว่างงาน และนักเรียน และที่น่าเป็นห่วงโดยผู้เสพที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น


         หากเราเฝ้าสังเกตและติดตามเรื่องราวของปัญหายาเสพติดในบ้านเราบรรดานักค้ายาเสพติดรายสำคัญๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลอื่นๆ ทั้งกลุ่มผู้ค้าของหนีภาษี การพนัน ค้ามนุษย์ ฯลฯ คนกลุ่มนี้บางส่วนคาดว่าเป็นแหล่งเงินทุนให้กับกลุ่มขบวนการผู้ก่อเหตุ สำหรับในด้านของกลุ่มผู้เสพ ซึ่งอายุอยู่ในช่วง 15-24 ปี เป็นเยาวชนว่างงาน ขาดการศึกษา ทางบ้านมีฐานะยากจน 

         ผู้หลงผิดบางส่วนถูกหลอกให้เชื่อในสิ่งที่ผิดตกเป็นเครื่องมือในการก่อเหตุ เยาวชนเหล่านี้จะ มีความเกลียดชังเจ้าหน้าที่และภาครัฐ พร้อมที่จะถูกชักจูงให้ก่อความปั่นป่วนในสังคมได้ตลอดเวลา เพื่อให้ภาครัฐเกิดความซับสนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 

         จากสถานการณ์และปัญหาที่เกิดจากยาเสพติดดังกล่าว ภาครัฐทั้งฝ่ายบ้านเมือง และฝ่ายความมั่นคง ได้ เฝ้าระวังทั้งในพื้นที่และตามแนวชายแดนระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางบกและทางน้ำเพื่อตัดวงจรของขบวนการขนส่งลำเลียงยาเสพติด การเฝ้าระวังป้องกันมิให้กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดเข้าไปสนับสนุน หรือเป็นน้ำเลี้ยงการก่อความไม่สงบทั้งทางตรงและทางอ้อม สร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้นกับประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยฝึกอบรมให้ความรู้ นำผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ทางศาลยุติธรรมตักสินแล้วโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนเข้ารับการอบรม สร้างการรับรู้ สู่การตัดสินใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่อต้านยาเสพติด และร่วมมือกับภาครัฐในการเฝ้าระวังให้ข่าวสาร เพื่อพัฒนาความร่วมมือไปสู่การแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป....

วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560

เมาน้ำท่อม ตะโกนลั่น เอาล้ออั้วมา เอาล้ออั้วมา

             


         เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการสตูล กก.สส๓.บก.สส.ภ.๙ ได้รับแจ้งจากฝ่ายปกครอง เรื่อง รายงานข่าววัยรุ่นไลน์สดอ้างกลุ่ม สโตย ดารุสลามสตูล 


        โดยฝ่ายปกครองได้ติดตามสืบหากลุ่มชายจำนวน ๔ คนบันทึกภาพเคลื่อนไหวมีพฤติกรรมไปในทางยั่วยุปิดหน้าปิดตา มีอาวุธคล้ายปืน ขวานตามคลิปไลน์สดในเฟส ที่ใช้ชื่อ ซาน'น ลุ' ล๊ะ (ฮาซาน แอหลัง) ที่ได้แพร่ภาพสด เมื่อวันที่ ๑ก.ย.๒๕๖๐ เวลา ๑๖.๒๐น. 


         และเมื่อวันที่ ๓ ก.ย.๒๕๖๐ ได้สืบเสาะค้นหาเจ้าของชื่อเฟสดังกล่าวทราบว่าชื่ออาซาน บ้านอยู่บริเวณหลังมัสยิดบ้านเกาะยวน ม.๓ ต.ละงู จึงได้ไปบ้านดังกล่าว พบ นาย เจริญศักดิ์ แอหลัง หมายเลขบัตรปชช. ๓ ๙๑๐๕ ๐๐๓๒๒ ๙๖ ๘ เลขที่๔๔๑ หมู่ที่๓ ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล (บิดา ด.ช.อาซาน) ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการสอบถามข้อมูล ขณะนั่น ด.ช.อาซานไม่อยู่ที่บ้าน นายนายเจริญศักดิ์ฯ จึงได้โทรศัพท์ตามตัว ด.ช.อาซาน มาพบเจ้าหน้าืั้ จากการสอบถาม ด.ช. อาซาน แอหลัง หมายเลขบัตรปชช. ๑ ๙๑๙๙ ๐๐๓๒๙ ๗๘ ๓ เกิดวันที่ ๒ พ.ย.๒๕๔๕ บ้านเลขที่ ๔๔๑ หมู่ที่๓ ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล ต่อหน้าบิดา ยอมรับว่าเป็นชื่อเฟสของตนจริง และตนเป็นคนถ่ายภาพเคลื่อนไหวเอง บุคคลในภาพซึ่งมี ๔ คน ทราบชื่อเล่นชื่อ 
  • ๑. นาย ก๊อต 
  • ๒. นาย ซีกีร 
  • ๓. นาย ซัน 
  • ๔. นาย ซันวี 
            ภาพเคลื่อนไหวนี้ได้ถ่ายที่สวนปาล์มบ้านปลักมาลัย ม.๖ ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล ระหว่างสอบถาม ด.ช.อาซาน พ.ต.ท.เสกสิทธิ์  รอง ผกก.สส.ภ.จว.สตูล ด.ต.พรชัย พรหมสุวรรณผบ.หมู่ กก.๕ บก.ส.๑ เดินทางมาสอบถามข้อมูลเช่นกัน จึงให้นายเจริญศักดิ์ ฯพาด.ช.ไปชี้สถานที่ถ่ายทำวิดีโอตามที่ด.ช.อาซาน บอก 


            หลังจากดูสถานที่ถ่ายทำวิดีโอแล้ว จนท.ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดสตูล ติดตามสืบหาชื่อจริงของบุคคลทั้ง ๔ คน ตามที่ ด.ช.อาซาน กล่าวอ้าง คือ
  • ๑. นาย ก๊อต คือ นายสิทธิชัย โสลิกี  อายุ๒๐ ปี เลขที่ ๔๒/๔ ม.๒ ต.นาทอน อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล (ใส่โม่งสีดำปิดใบหน้า มือขวาถืออาวุธปีนปลอม ใส่เสื้อสีชมพู สพายกระเป๋าเฉียง) 
  • ๒.นาย ซีกีร คือนายฮารอ เกษม  อายุ ๒๓ ปี เลขที่๑๕๘ ม.๙ ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล (เสื้อสีเทา คลุมผ้าปิดใบหน้าสีครีม ยืนมุมหลังขวามือนายก๊อต)
  • ๓.นายซัน คือนายกิตติธัช หวันตาหลา ๒๓ปี เลขที่ ๒๐๖ ม.๓ ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล(ใส่เสื้อสีแดง มือขวาชูขวาน หมวกดำปิดใบหน้า)
  • ๔.นายซันวี ยังไม่พบชื่อจริง(ใส่เสื้อสีขาว ใส่หมวก ผ้าลายปิดใบหน้า)
            จากการปฏิบัติงานในการสืบหาสอบถามพฤติกรรมผู้เกี่ยวข้องแพร่ภาพสดในครั้งนี้พอสรุปได้ว่า มาจากสาเหตุมึนเมาน้ำพืชกระท่อม และไม่ได้เจตนาสร้างสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง หากมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลดังกล่าวหรือได้รับข้อมูลเพิ่มเติมและมีรายละเอียดมากกว่านี้ข้าพเจ้าจะรายงานมาให้ท่านทราบต่อไป
Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม