วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

ซุ่มยิงทหาร ฉก.ปัตตานี 23 เสียชีวิต 1 เจ็บ 5

ซุ่มยิงทหาร ฉก.ปัตตานี 23 เสียชีวิต 1 เจ็บ 5
        เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 5 ม.ค.เกิดเหตุคนร้ายซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหาร มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บหลายนาย เหตุเกิดบนสะพานตะลุโบะ สายปัตตานี - นราธิวาส ม.1 ต.ตะลุโบะ ที่เกิดเหตุพบเพียงปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่บนสะพาน จำนวน 3 ปลอก และตกบนถนนด้านล้างกว่า 10 ปลอก ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลปัตตานีแล้ว ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 1 นาย ทราบชื่อคือ พลทหารศราวุฒิ ศรีนคร อายุ 23 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม 16 เข้าลำตัวหลายนัด ส่วนผู้บาดเจ็บจำนวน 5 นาย ทราบชื่อคือ 
  1. ส.อ.อรรคพล อวยชัย 
  2. ส.อ.อนิรุทธ์ จรภักดี 
  3. ส.ท.ประเวศ ทองจันทร์ 
  4. พลทหารอารง ดอเลาะ 
  5. พลทหารสุรเชษฐ์ พรหมสื่อ 
         โดยทั้ง 5 นายมีบาดแผลถูกยิงทั้งที่แขน และลำตัว อาการปลอดภัยแล้ว 
ก่อนเกิดเหตุทราบว่า ทหารทั้งหมดสังกัดหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 ขณะที่ ส.ท.ประเวศ ทองจันทร์ ซึ่งเป็นพลขับรถบรรทุกหกล้อทหาร ยี่ห้ออีซูซุ สีเขียว ข้างประตูระบุสังกัด ร.15 พัน 4 ส่วนป้ายทะเบียนตรากงจักร 94023 โดยมีทหารนั่งมาด้วย จำนวน 6 นาย เดินทางมาจากฐานปฏิบัติการซึ่งตั้งอยู่บริเวณการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อมาปรับเปลี่ยนเวรที่จุดตรวจประตูทางเข้าเมืองปัตตานี อยู่ห่างจุดเกิดเหตุเพียง 300 เมตร ขณะที่รถกำลังจะลอดใต้สะพาน ปรากฏว่ามีคนร้าย 2 คนพร้อมอาวุธสงครามยืนรออยู่บนสะพานซึ่งอยู่ในความมืดเนื่องจากไฟฟ้าดับ จากนั้นจึงกราดยิงถล่มลงมาหลายสิบนัดจนเสียดังสนั่น กระสุนทะลุกระจกหน้ารถ และหลังคาผ้าใบถูกทหารที่นั่งอยู่ภายในรถจนได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะ ส.ท.ประเวศพลขับซึ่งถูกยิงด้วยยังแข็งใจขับมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลปัตตานี พร้อมกับวิทยุแจ้งขอกำลังเสริมเข้ามาที่เกิดเหตุ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงผู้บาดเจ็บเข้าห้องฉุกเฉินทันที ส่วนคนร้ายหลังก่อเหตุได้หลบหนีไป ขณะที่คนร้ายอีกกลุ่มได้โปรยตะปูเรือใบบนถนนเพื่อปิดกั้นเส้นทางไม่ให้เจ้าหน้าที่ไล่ติดตามได้ 







 


 
http://narater2010.blogspot.com/

วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556

สตรีมุสลิม สุดทนพฤติกรรม กลุ่้มโจรที่อ้างคัมภีร์

สตรีมุสลิม สุดทนพฤติกรรม กลุ่้มโจรที่อ้างคัมภีร์ 




http://narater2010.blogspot.com/

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

สมุนโอลันล้า ถามหาไทยพุทธ

สมุนโอลันล้า เผา อบต. ถามหาไทยพุทธ

        โจรใต้เหิมบุกเผา อบต.บาเจาะ หวังฆ่า ขรก.ไทยพุทธ โชคดีลาหยุดเลยรอด 
ผบช.ศชต.ชี้คนร้ายเลือกก่อเหตุยิงอุสตาซโต๊ะอิหม่าม-ร้านน้ำชา มุ่งสร้างสถานการณ์เข้าใจผิดเป็นฝีมือ จนท. ยันปรับแผน รปภ.ตามความต้องการครูใต้แล้ว
เมื่อวันที่20 ธันวาคม เวลา 12.05 น. ร.ต.ท.บัญชา สำเนียงประเสริฐ ร้อยเวร สภ. บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายจำ นวน 7 คน บุกเผาสำนักงาน อบต.บาเจาะ ซึ่งตั้งอยู่บ้านดูกู ม.3 ต.บาเจาะ ได้รับความเสียหาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันทร์ดี รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส, พ.ต.ท.เนติธร วัตต ธรรม นวท.สบ.3 กลุ่มงานสถานีตรวจที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10, ร.ต.อ.ประจวบ นิ่มเรือง สว.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุฃ




          พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้อาคารสำ นักงาน เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานไปยังหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลบาเจาะ เพื่อขอสนับสนุนในการฉีดน้ำแต่ด้วยภายในอาคารมีเอกสารและอุปกรณ์ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงทำให้เพลิงลุกไหม้จนอาคารสำนัก งานได้รับความเสียหายทั้งหมดโดยต้นเพลิงเกิดขึ้นจำนวน 2 จุด คือที่บริเวณภายในห้องเก็บเอกสารและบริเวณฝาผนังห้องโยธา ซึ่งทั้ง 2 จุดมีคราบน้ำ มันเชื้อเพลิงเบนซินลอยอยู่บนผิวน้ำที่เจ้า หน้าที่ใช้สำหรับดับต้นเพลิง และมีแกล ลอนพลาสติกขนาด 5 ลิตร ตกอยู่ที่ต้นเพลิงทั้ง 2 จุด เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน


         นายอับดุลวาหะ ดุลยพินิจ ปลัด อบต.บาเจาะ เปิดเผยเหตุระทึกขวัญว่า ในระหว่างที่ตนและข้าราชการรวมถึงลูก จ้าง จำนวน 13 คน แยกเป็นหญิง 7 คน ชาย 6 คน กำลังรวมตัวเพื่อเดินทางไปรับชาย 6 คน กำลังรวมตัวเพื่อเดินทางไปรับประทานอาหารช่วงพักเที่ยงอยู่นั้น ได้มีคนร้ายจำนวน 7 คน มีอาวุธปืนครบมือบุกเข้าไปในสำนักงานพร้อมทั้งได้ใช้ปืนยิง ขึ้นฟ้าไปจำนวน 1 นัด ประกาศเป็นภาษายาวีว่า "ให้อยู่ในความสงบ ที่นี่มีคนไทยพุทธทำงานหรือไม่" จึงตอบไปว่าไม่มีแล้ว แต่คนร้ายพูดสวนเป็นภาษายาวีด้วยความไม่พอใจว่าอย่าโกหก

        จากนั้นตนได้บอกไปว่าข้าราชการที่เป็นไทยพุทธคือ น.ส.สุชานาฎ แซ่ลี้ นักพัฒนาชุมชน 3 วันนี้ลาหยุดงาน 1 วัน สร้างความไม่พอใจให้กับคนร้าย 2 ใน 7 คนซึ่งในมือถือแกลลอนน้ำมันเชื้อเพลิง จึงได้แยกย้ายกันเผาสำนักงาน จนเพลิงเริ่มลุกไหม้ แล้วคนร้ายจึงได้พากันเดินออกจากสำนักงานไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นได้ตะโกนให้ทุกคนช่วยกันดับไฟก่อนที่จะประสานขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว

       "ลักษณะของคนร้ายมีเป้าหมายมาบุกยิง น.ส.สุชานาฎ ซึ่งเป็นข้าราชการไทยพุทธคนเดียวในที่สำนักงาน เมื่อยิงแล้วคนร้ายจะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เตรียมมาราดบนศพแล้วจุดไฟเผา ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ เมื่อเป็นเช่นนี้ผมและข้าราชการรวมถึงลูกจ้างเกิดความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าจะกล้าเดินทางมาทำงานอีกหรือไม่ ไหนสำนักงานก็ถูกเผาวอดหมดทั้งหลัง" นายอับดุลวาหะระบุ

          ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชาย แดนภาคใต้ (ศชต.) จ.ยะลา พล.ต.ท.ไพ ฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการ ศชต. ได้ประ เมินสถานการณ์การก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในขณะนี้ว่า เหตุที่เกิดกับเจ้าหน้าที่มีหลายเหตุ การณ์ และเหตุที่เกิดขึ้นกับครูและราษฎรที่เป็นเป้าหมายที่อ่อนแอ ซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อนในช่วงเวลานี้ ตั้งแต่อุสตาซโรงเรียนธรรมวิทยาถูกยิงที่ ต.เขาตูม อ.ยะรัง เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียม ความพร้อมว่าจะเป็นการสร้างเงื่อนไขเพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างภาครัฐกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หลังจากนั้นเพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างภาครัฐกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หลังจากนั้นมีเหตุการณ์ครูถูกยิงเสียชีวิตและบาดเจ็บมาอย่างต่อเนื่อง

         โดยในช่วงเช้า ได้มีการประชุมผู้นำ 4 เสาหลักกับชาวบ้านในพื้นที่ อ.รามัน และหารือกับแม่ทัพภาคที่ 4 ในส่วนที่มีการยิงอุสตาซ โต๊ะอิหม่าม และยิงเข้าไปในร้านน้ำชา เนื่องจากประชาชนเคลือบแคลงใจว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ จึงมีการเร่งรัดในส่วนของคดีอย่างต่อเนื่องเพื่อทำความจริงให้ปรากฏและหากมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนจะมีการดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่กระทำ หรือเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ส่วนเป้าหมายทั้งครูและชาวไทยพุทธในพื้นที่ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง เป็นช่องว่างให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกระทำการได้ แต่ได้มีการประชุมปรับแผนอย่างต่อเนื่องและแผนการรักษาความปลอดภัยครูเป็นไปตามความต้องการของครูในพื้นที่

       "ช่วงเวลานี้ ทาง ศชต.ได้มีการเน้นย้ำไปที่ครูที่เป็นไทยพุทธที่สอนอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งมีเพียง 1-2 คน ให้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1-2 คน ทำหน้าที่ประสานการทำงานครูตลอดเวลา ยามที่ครูต้องการไปทำธุระที่ไหน ก็ให้มีการประสานการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องพอเจ้าหน้าที่ปรับแผนการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างรัดกุม ทางกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก็พยายามเบี่ยงเบนเป้าหมายอื่นต่ออย่างต่อเนื่องซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองก็มีการดูแลรับผิดชอบในทุกส่วนอย่างต่อเนื่องไม่มีการทอดทิ้งในส่วนอื่น"พล.ต.ท.ไพฑูรย์ระบุ

        นอกจากนี้ ได้มีการสั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรในแต่ละจังหวัดมีการบูรณาการทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่องและในช่วงเวลานี้ใกล้เทศกาลปีใหม่ด้วย เหตุการณ์ ข่าวแจ้งเตือนต่างๆ เริ่มมีรายงานเข้ามา ทาง ศชต.เองได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามหยุด ห้ามลา ห้ามพัก เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยของการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามหยุด ห้ามลา ห้ามพัก เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนในพื้นที่ และเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการเข้ามาสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบในช่วงเทศกาลปีใหม่

         รายงานข่าวจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เปิดเผยว่า ตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ผอ.กอ.รมน., นายเสริมศักดิ์  พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้เน้นให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาเกี่ยวกับสวัสดิภาพความปลอดภัยของครูในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้, พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้จัดการประชุมหารือ จนได้ข้อยุติคือ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ยืนยันถึงความสำคัญของบุคลากรครูที่ถือเป็นบุคคลที่จะต้องดำเนินการช่วยเหลือ สนับสนุน และปกป้องอย่างสุดความสามารถ
จากข้อเสนอแนะในที่ประชุมเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมซีเอสปัตตานี กอ.รมน.ภาค 4 สน. มีแนวทางที่จะเพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัยให้แก่ครู โดยจะปรับแผนการใช้กำลังพลภายใต้การบังคับบัญชาทำการรักษาความปลอดภัยให้แก่ครูทั้ง 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ตลอด 24  ชั่วโมง ครอบคลุมห้วงระยะเวลาเดินทางไป-กลับขณะทำการสอนในโรงเรียน ในส่วนของหน่วยรับผิดชอบพื้นที่จะมีการตั้งหน่วยงานเฉพาะ รับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยให้แก่ครู ในแต่ละพื้นที่และมีการระบุความรับผิดชอบเป็นการเฉพาะให้โรงเรียนในพื้นที่สามารถทำข้อตกลงกับหน่วยกำลังรับผิดชอบรักษาความปลอดภัยแก่ครูในแต่ละพื้นที่ เพื่อยืนยันถึงตัวบุคคลโรงเรียน พื้นที่ และห้วงเวลาในการรักษาความปลอดภัยให้ชัดเจน

         นอกจากนี้ จะริเริ่มให้มีการประเมินค่าประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้พิจารณาการตอบแทนและทบทวนขีดความสามารถด้วย เพื่อสร้างความร่วมมือในการดูแลรักษาความปลอดภัย
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวความมั่นคงที่ปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ได้หันมาใช้กลุ่มเยาวชนและประชาชนที่ติดเยาเสพติดทุกประเภท  ซึ่งแต่เดิมจะปฏิเสธบุคคลกลุ่มประเภทติดยาเสพติดเข้าเป็นแนวร่วม แต่ระยะภายหลังเนื่องจากขาดกำลังคนที่จะเข้ามาเป็นแนวร่วมและปฏิบัติงาน จึงอาศัยกลุ่มติดยาเสพติดมีอยู่ทุกหมู่บ้าน ทั้งชาวไทยมุสลิมและไทยพุทธ เพื่อปฏิบัติการก่อกวนตามงานที่ใช้เป็นครั้งคราว

          ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฯ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราช มนตรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนานานา ชาติ "ว่าด้วยการสร้างประชาชาติตัวอย่างด้วยระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ" โดยมี ดร. มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีประ เทศมาเลเซีย ร่วมปาฐกถาพิเศษ และมี เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย หรือผู้ แทนจาก 6 ประเทศ ประกอบด้วย ประ เทศซาอุดีอาระเบีย บรูไน อินโดนีเซีย อิหร่าน มาเลเซีย และประเทศไนจีเรีย พร้อมด้วยบุคลากรทางการศึกษาและนักศึกษาจากประเทศมาเลเซีย เข้าร่วมการสัมมนา จำนวนกว่า 2,000 คน

         ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงาน สำนักจุฬาราชมนตรีประจำภาคใต้ ในฐานะหัวหน้าโครงการศูนย์ประสานงาน สำนักจุฬาราชมนตรีประจำภาคใต้ ในฐานะหัวหน้าโครงการจัดสัมมนาฯ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำ คัญต่อการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนในภาคใต้เป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะการศึกษาที่มีคุณภาพจะช่วยยกระดับความคิดของประชาชนสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกๆ ด้าน.
http://narater2010.blogspot.com/

ยุทธการใหม่โจรใต้! ใช้ “ปืนติดลำกล้อง” ซุ่มยิงยามค่ำ ตร.ดับ 1 ที่ยะลา

ยุทธการใหม่โจรใต้! ใช้ “ปืนติดลำกล้อง” ซุ่มยิงยามค่ำ ตร.ดับ 1 ที่ยะลา


ยะลา - โจรใต้โจมตีเจ้าหน้าที่รัฐด้วยรูปแบบใหม่ เผยใช้ “ปืนติดลำกล้อง” ซุ่มยิงจุดตรวจกลางตลาดกรงปินัง จ.ยะลา ตำรวจถูกยิงเข้าลำคอเสียชีวิต 1 นาย เชื่อเป็นแนวร่วมสมุน “อุสตาสโซ๊ะ”
        
       วันนี้ (19 ธ.ค.) เวลา 19.25 น. ศูนย์วิทยุ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ได้รับแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดตรวจบ้านตลาดกรงปินัง ม.7 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่ม และจำนวนใช้อาวุธปืนยิงใส่จุดตรวจร่วม 3 ฝ่าย เบื้องต้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลกรงปินังเป็นการด่วน ทราบชื่อคือ ส.ต.อ วชิระ แสงศรี เป็น ผบ.หมู่ ป.สภ.กรงปินัง อายุ 32 ปี กระสุนถูกบริเวณลำคออาการสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
        
       หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผกก.สืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา  และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา  ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณจุดตรวจร่วมบนถนนสาย 410 ยะลา-บันนังสตา ม.7 บ้านตลาดกรงปินัง ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา





        
       เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ พบกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 13 และกำลัง อส.กรงปินัง ได้ปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุ โดยจากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุภายในจุดตรวจ เจ้าหน้าที่พบกองเลือดใกล้รถจักรยานยนต์สายตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 1 กอง จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า  จุดตรวจดังกล่าวเป็นจุดตรวจร่วม 3 ฝ่าย ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 13 และกำลัง อส.กรงปินัง ขณะเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำจุดตรวจประมาณ 8 นาย  โดยมี ร.ต.ท.อนุวัฒน์  อนุสรประเสริฐ เป็นหัวหน้าชุด โดยเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด  จากนั้นก็พบว่า ส.ต.อ.วชิระ แสงศรี ซึ่งนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์สายตรวจที่จอดอยู่หน้าจุดตรวจถูกยิงจนร่างตกลงพื้นที่ เพื่อนตำรวจจึงเข้าไปช่วยเหลือพบว่าถูกยิงเข้าบริเวณลำคอ จึงได้วิทยุขอกำลังสนับสนุนช่วยเหลือ
        
       จากนั้น พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผกก.สืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจสอบแนวบ้านเรือนที่อยู่ตรงข้ามจุดตรวจของเจ้าหน้าที่  ซึ่งเชื่อว่า คนร้ายได้ซุ่มอยู่บริเวณแนวบ้านเรือนของประชาชน และใช้อาวุธปืนยิงใส่จุดตรวจเพื่อสร้างสถานการณ์
        
       ขณะเดียวกัน จากการสันนิษฐานในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่า คนร้ายใช้อาวุธปืนติดลำกล้องซุ่มยิงมาจากแนวบ้านเรือนฝั่งตรงข้ามจุดตรวจ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะยิงตอบโต้ได้ เนื่องจากเป็นบ้านของประชาชน และเชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มแนวร่วมรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นสมุนของ “อุสตาสโซ๊ะ” หรือนายอิสมาแอ ระยะหลง แกนนำคนสำคัญที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ และมีหมายจับคดีความมั่นคงติดตัวหลายหมาย
        
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ ทางศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มีคำสั่งไปยังสถานีตำรวจทุก สภ.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เพิ่มความเข้ม และเฝ้าระวังการถูกซุ่มยิง หรือถูกซุ่มโจมตีฐานปฏิบัติการ โดยเฉพาะฐานปฏิบัติการย่อย หรือจุดตรวจย่อยที่อาจจะตกเป็นเป้าในการก่อเหตุของกลุ่มคนร้าย  ที่มีการเคลื่อนไหวก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง
http://narater2010.blogspot.com/

ทลายคลังแสงโจรใต้ เตรียมป่วนปีใหม่

ทลายคลังแสงโจรใต้ เตรียมป่วนปีใหม่
        
       นราธิวาส - ทหารพราน 48 ยึดคลังแสงโจรใต้ ตรวจพบเป็นปืนของทางการที่ถูกปล้นไปจากค่ายทหาร คาดเตรียมใช้ป่วนช่วงปีใหม่
        
       ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นราธิวาสว่า เมื่อเวลา 23.00 น. ของคืนที่ผ่านมา (28 ธ.ค.) พ.ท.อิศรา จันทะกระยอม รอง ผบ.กรมทหารพรานที่ 48 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ได้ร่วมสนธิกำลังกับชุดปฏิบัติการร่วมพิเศษ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ทหาร พลร้อย 15 และเจ้าหน้าที่ชุดซักถามศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 200 นาย เข้าพิสูจน์ทราบภายในสวนยางพาราบ้านดารุลฮีซาน ม.14 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง หลังจากขยายผลการสอบสวนปากคำของนายรุสรัน สาและ อายุ 35 ปี หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธ RKK ที่หลบหนีหมายจับก่อคดียิงถล่มกองกำกับการตำรวจน้ำ อ.ตากใบ และยิงครูโรงเรียนบ้านตาโง๊ะเสียชีวิต ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ที่บ้านพักหลังหนึ่งของสมาชิกแนวร่วมในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา
        
       เมื่อถึงเป้าหมาย เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันตรวจค้นภายในป่าสวนยางพารา และพบของกลางจำนวนมาก แยกใส่ไว้ในถุงปุ๋ย และถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ จำนวน 8 ถุง ซึ่งแยกฝังไว้ใต้โคนต้นยางพารา จำนวน 8 จุด ในรัศมี 5 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้พลั่วสนามขุดขึ้นมาตรวจสอบ โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชม.จึงแล้วเสร็จ และได้นำของกลางมาแกะตรวจสอบที่กองบังคับการกรมทหารพรานที่ 48 ซึ่งตั้งอยู่ภายในค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
        
       ทั้งนี้ ของกลางดังกล่าว ประกอบด้วย 1.อาวุธปืน เอ็ม16 จำนวน 4 กระบอก กระสุน 318 นัด แมกกาซีน 6 ซอง 2.อาวุธปืน อาก้า 1 กระบอก กระสุน 40 นัด แมกกาซีน 2 ซอง 3.อาวุธปืนลูกซอง 5 นัด 1 กระบอก กระสุน 6 นัด 4.กระสุนปืน เอ็ม 60 จำนวน 18 นัด 5.ปุ๋ยยูเรีย 20 กก. 6.แผ่นเหล็กที่ใช้สำหรับประกอบเป็นกล่องระเบิดแสวงเครื่อง 4 แผ่น และ 7.เวชภัณฑ์
        
       จากการตรวจสอบหมายเลขอาวุธปืน เอ็ม16 จำนวน 3 กระบอกคือ หมายเลข 1839226, 1031222 และหมายเลข 9441061 พบว่าเป็นอาวุธปืนที่คนร้ายบุกปล้นมาจากกองพันพัฒนา 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 ส่วนอีก 1 กระบอก หมายเลขประจำปืนที่ A 0068591 เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าหลังก่อเหตุคนร้ายได้ขโมยมาจากเจ้าหน้าที่กองกำลังฝ่ายใด ส่วนปืนของกลางทั้ง 6 กระบอก ได้มีการชโลมน้ำมันไว้อย่างดี และสามารถนำออกมาใช้งานได้ตลอดเวลา


        
       ต่อมา ในช่วงเวลา 06.00 น. วันนี้ (29 ธ.ค.) พ.ท.อิศรา จันทะกระยอม รอง ผบ.กรมทหารพรานที่ 48 ได้ขอสนับสนุนชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดอโณทัย มาทำการตรวจสอบ และเคลียร์พื้นที่อย่างละเอียดอีกครั้ง โดยใช้เครื่องจับวัตถุโลหะปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารพรานกรมที่ 48 และสามารถตรวจยึดของกลางได้เพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วย อาวุธปืนเอ็ม16 อีก 2 กระบอก เป้สนาม กระสุนปืน เอ็ม16 จำนวน 50 นัด และวิทยุสื่อสารยี่ห้อไอคอม
        
       เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดของกลางมาเก็บรวบรวมไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชุดนิติวิทยาศาสตร์มาทำการตรวจสอบคราบลายนิ้วมือแฝง และดีเอ็นเอ รวมทั้งวิถีกระสุนของอาวุธปืนทั้ง 6 กระบอกว่า คนร้ายเคยนำไปใช้ก่อเหตุที่ใดบ้าง ส่วนการตรวจยึดของกลางในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่า นายรุสรัน และพวก เตรียมใช้ก่อเหตุร้ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ก่อน จึงนำไปสู่การตรวจยึดของกลางดังกล่าว



เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 29 ธันวาคม ที่กองบังคับการ กรมทหารพรานที่ 48 ซึ่งตั้งอยู่ภายในค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส นายสามารถ วราดิศัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในการแถลงข่าวถึงผลการปฏิบัติของกองกำลังผสม ในการบุกทลายคลังแสงของกลุ่มโจรใต้ 

โดยได้ตรวจยึดอาวุธปืนจำนวน 6 กระบอก และของกลางกว่า 50 รายการ ภายในป่าสวนยางพารา บ้านดารุลอีซาน ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา และจากการนำมาตรวจสอบหมายเลขประจำปืนพบว่าปืนเอ็ม 16 จำนวน 3 กระบอกเป็นปืนที่ถูกปล้นไปจากค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ที่ผ่านมา

โดยล่าสุดจากการปูพรมตรวจค้นอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอาวุธปืนเอ็ม16 เพิ่มเติมได้อีกจำนวน 2 กระบอก ซึ่งบรรจุไว้ในถังพลาสติกสีฟ้าขนาด 200 ลิตร ก่อนฝังไว้ที่โคนต้นไม้ใหญ่ห่างจากจุดที่ตรวจพบในครั้งแรกประมาณ 15 เมตร จากการนำขึ้นมาตรวจสอบหมายเลขประจำปืนพบว่าคือหมายเลข 9541322 และ 9548750 รวมทั้งเครื่องสนาม วิทยุสื่อสารและกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนอาวุธปืนเอ็ม 16 A 4 0068591 ที่ยึดได้ในครั้งแรกตรวจสอบพบว่าเป็นปืนที่ปล้นไปจาก ส.ต.ท.อดิศัย อูเมะ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงปาดี เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2546 

ด้าน พ.ท.อิศรา รอง ผบ.ทพ.48 เปิดเผยว่า อาวุธปืนที่ยึดได้ในครั้งนี้เชื่อมโยงกับกลุ่มของนายมะซาเอะ หะยีดีเยาะดียะ แกนนำปฏิบัติการมีหมายจับ ป.วิอาญา รวม 6 หมาย ทั้งเหตุยิงถล่ม อส.รถไฟเสียชีวิต รวมทั้งยิงครูฉัตรสุดา นิลสุวรรณ ร.ร.บ้านตาโงะ เสียชีวิตและวางระเบิดรถวีว่าของทหารพรานที่ 48 บาดเจ็บ 6 นาย 

ส่วนการตรวจยึดได้ในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณชาวบ้านในพื้นที่ที่เป็นเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติครั้งยิ่งใหญ่ที่ถือเป็นยุทธการทวงคืนอาวุธปืนที่ถูกปล้นกลับคืนมาได้สำเร็จอีกจำนวนหนึ่ง


นราธิวาส-ทหารพรานยึดคลังแสงโจรใต้จ้องป่วนปีใหม่

นราธิวาส-ทหารพรานยึดคลังแสงโจรใต้จ้องป่วนปีใหม่

นราธิวาส-ทหารพรานยึดคลังแสงโจรใต้จ้องป่วนปีใหม่

นราธิวาส-ทหารพรานยึดคลังแสงโจรใต้จ้องป่วนปีใหม่

นราธิวาส-ทหารพรานยึดคลังแสงโจรใต้จ้องป่วนปีใหม่

นราธิวาส-ทหารพรานยึดคลังแสงโจรใต้จ้องป่วนปีใหม่

นราธิวาส-ทหารพรานยึดคลังแสงโจรใต้จ้องป่วนปีใหม่

นราธิวาส-ทหารพรานยึดคลังแสงโจรใต้จ้องป่วนปีใหม่

นราธิวาส-ทหารพรานยึดคลังแสงโจรใต้จ้องป่วนปีใหม่

นราธิวาส-ทหารพรานยึดคลังแสงโจรใต้จ้องป่วนปีใหม่

http://narater2010.blogspot.com/

สมุนโอลันล้า ทะเลาะกับกล้องวงจรปิด

โจรใต้ป่วน!เผากล้องวงจรปิดทั่วสายบุรี

สมุนโอลันล้า ทะเลาะกับกล้อง !เผากล้องวงจรปิดทั่วสายบุรี

คนร้ายนำยางรถจยย.ราดน้ำมันเบนซิน เผากล้องวงจรปิด อ.สายบุรี คืนเดียว 26 ตัว พร้อมงัด รพ.ส่งเสริมสุขภาพชุมชนตำบลกะดูนง ฉกถังออกซิเจน-ถังแก๊ซ คาดใช้ประกอบระเบิด

               เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 22 ธันวาคม พ.ต.ท.นาราวี บินแวอารง รอง ผกก.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านมีเหตุลอบวางเพลิงกล้องวงจรปิดหลายจุดในพื้นที่ อ.สายบุรี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและนำกำลังเข้าตรวจสอบ

               ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุพบว่า บริเวณชุมชน ปากทางเข้าเทศบาลตำบลตะลูบัน อ.สายบุรี สามแยกบ้านเจาะกือแย ต.เตราะบอน อ.สายบุรี ที่เสาไฟฟ้าริมถนนมีกล้องวงจรปิดถูกเผาไฟได้รับความเสียหาย จำนวน 7 จุดเสาไฟฟ้า รวมจำนวน 22 ตัว และพบหลักฐานยางล้อรถจักรยานยนต์ที่ถูกเผาแขวนอยู่ และบางจุดตกอยู่ที่ใต้เสาไฟฟ้า พร้อมกล้องวงจรปิดที่ถูกเผาเสียหาย

               นอกจากนั้นบริเวณริมถนนสาย 42 ระหว่างปัตตานี-นราธิวาส บริเวณที่กลับรถ ม.3 บ้านตะบิ้ง ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี ห่างจากที่เกิดเหตุจุดแรกประมาณ 500 เมตร บนเสาไฟฟ้าที่อยู่เกาะกลางถนน มีกล้องวงจรปิดถูกเผาเสียหายจำนวน 2 จุด รวมจำนวน 4 ตัว และพบหลักฐาน ยางรถจักรยานยนต์ และซากกล้องวงจรปิดที่ถูกเผาตกลงอยู่ข้างถนน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

               จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้ายประมาณ 5-6 คน ขี่รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้ไม้ยาวประมาณ 3 เมตร นำยางรถจักรยานยนต์ราดน้ำมันเบนซินแล้วจุดไฟ ก่อนจะนำไปพาดไว้บนตัวกล้องจนได้รับความเสียหาย และบางจุดมีการใช้ไม้ทำลายจนกล้องตกลงบนพื้นก่อนที่จะเผา ซึ่งปรากฏว่ากล้องที่เสียหายใช้การไม่ได้รวม 26 ตัว ส่วนสาเหตุเชื่อว่าเป็นการกระทำของแนวร่วมกลุ่มก่อการร้ายที่อยู่ในพื้นที่ เพื่อสร้างสถานการณ์ หรือเพื่อเตรียมการที่จะก่อเหตุในจุดดังกล่าว

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดเกิดเหตุมีการลอบเผากล้องวงจรปิดมาแล้ว 2 ครั้ง และก่อเหตุยิงข้าราชการ ประชาชน บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายครั้งเช่นกัน

               อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน กลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน ได้งัดหน้าต่าง และลักลอบเข้าไปใน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชนตำบลกะดูนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ตั้งอยู่ริมถนนระหว่างตำบล ม.1 ต.กะดูนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จากนั้นคนร้ายได้ขโมย โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ถังออกซิเจน และถังแก๊ซ หลบหนีไป ซึ่งเชื่อว่าเป็นกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ โดยคนร้ายน่าจะนำถังออกซิเจน และถังแก๊ซ ไปประกอบระเบิดเพื่อสร้างสถานการณ์
http://narater2010.blogspot.com/

เจาะลึกเส้นทาง RKK

เจาะลึกเส้นทาง RKK





:: เจาะลึิกเส้นทาง RKK ตอนที่ 1




:: เจาะลึิกเส้นทาง RKK ตอนที่ 2




:: เจาะลึิกเส้นทาง RKK ตอนที่ 3
http://narater2010.blogspot.com/
Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม