วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

สุรยุทธกราบส้นตีนโจร


บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด

ยิ่งสมานฉันท์ ยิ่งจะตกเป็นเหยื่อของโจร 

ถามว่าเพราะอะไร สมานฉันท์จึงทำให้สงบไม่ได้ คำตอบก็คือ “ปัตตานี สู้มายาวนาน ล้มตายมามาก ก่อนจะสมานฉันท์เขาต้องได้ในสิ่งที่เขาต้องการ ถ้าเขายังไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ แม้จะมีคนไปกราบเขาจนถึงบันไดบ้าน... เขาจะไม่ยอมสงบด้วย” 

มีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่ 

ใต้... ไฟสุมอก ท่านเข้าใจในความหมายนี้ตายรายวัน... จะทำให้เรานับศพไม่ถ้วน... จนนับศพไม่ทันโจรปัตตานี มีความ***มเกรียมผิดมนุษย์ ข่มขู่คุกคามไปทุกแห่งหน 

ทั้งโจรเขียนประกาศตัวหนังสือเท่ายักษ์ติดไว้ที่กำแพงโรงเรียน
ประกาศว่า ใครยุ่งเกี่ยวกับทางราชการ ไม่รับผิดชอบชีวิตของท่าน ใครมาเห็นไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ได้แต่อ่าน

เมื่อฝ่ายราชการไปสอบถามใครเขียนประกาศแบบนี้ ไม่มีใครรู้เรื่องเลย
ถามว่าตอนที่มีคนมาเขียนข้อความนี้ มีคนเห็นผู้กระทำไหม
ฝ่ายราชการ ได้รับคำตอบเหมือนเดิม... ไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย
โจรอหังการขนาดนี้... นี้แหละโจรปัตตานี
ถาม “อุสตาส” (ครูสอนศาสนา) ท่านก็บอกว่า ตอนนั้นมัวแต่สอนหนังสือ... ไม่ได้ดู!
เด็กและผู้หญิง กองกำลังหมู่บ้าน

ฝ่ายราชการ ทหาร ตำรวจ นอกจากจะเผชิญหน้ากับความยากลำบากกับการรบกับเงา หรือไม่ก็รบกับผี ที่มองไม่เห็นตัว ยังจะต้องมาเผชิญหน้ากับ “เด็กและผู้หญิง” เข้าให้อีก พวกโจรปัตตานีมีการ “จัดตั้ง” กองกำลังหมู่บ้านกระจัดกระจายไปทั่วทั้ง ๓ จังหวัดวิธีการของโจร ทำประหนึ่งว่ากองกำลังเหล่านั้นเป็นคนบริสุทธิ์ ทนการกดขี่ข่มเหงไม่ไหวก็เลยยกพวกออกมาต่อต้าน เมื่อก่อเรื่องขึ้นแล้ว จะเรียกหาทีวีมาเลเซีย หรือไม่ก็ต้องการให้นักข่าวมาเลเซียมาดูไม่ยอมรับผู้สื่อข่าวจากประเทศไทยของตนเองกองกำลังพวกนี้เป็นผู้หญิงวัยแตกต่างกัน รวมทั้งเด็กเล็กด้วย เมื่อเกิดเรื่องขึ้นมา จะมีคนยืนจังก้าคอยคุม ห้ามใครผ่านเด็ดขาด เข้าไปข้างในที่เป็นจุดประท้วง จะมีเสียง ด่าทออย่างเจ็บแสบ พร้อมกับได้มีการอภิปรายโจมตีเจ็บปวดมาก ผู้หญิงที่เป็นหัวหน้า ประกาศด้วยเสียงอันดัง... พวกตำรวจ... ออกไปจากหมู่บ้านของเรา ไปให้พ้น อย่าอยู่ให้เห็นหน้า พวกตำรวจ ทหารทำร้ายประชาชน เข่นฆ่าประชาชน ตำรวจและทหารที่มาระงับเหตุ จน

ปัญญา เซ่อไปเลย... เพราะคู่ต่อสู้มีแต่เด็กและผู้หญิง


โจรปัตตานีได้ใช้เด็กและสตรี เป็นทั้งกำลังรบและใช้เป็น “โล่มนุษย์” กันไม่ให้ตำรวจเข้าถึง เมื่อตำรวจและทหารทำอะไรไม่ได้ โจรจะเริ่มลงมือ “ฆ่าคน” ใครก็ห้ามไม่อยู่ ตำรวจเข้าไปช่วยก็ไม่ได้ เพราะมี “ขอนไม้” ขวางถนน แถมมีการโรยเรือใบเอาไว้เจาะยางอีกด้วย
ประกาศ “ปลุกระดม”!!

การปลุกระดมระบาดไปทุกหัวระแหง แผ่นผ้าที่เขียนด้วยหมึกแดง และหมึกดำ จะถูกนำเอาไปแขวนไว้ทั่วไปหมด เดาเอาเองว่า น่าจะกล่าวหาสยามเอาปัตตานีมาเป็นเมืองขึ้น แผ่นหนึ่งเป็นหมึกแดง อีกแผ่นเป็นหมึกดำข้อความคล้ายกัน วิธีการปิดประกาศปลุกระดมไม่เหมือนกัน
แผ่นที่ ๑ PATTANI TETAP MEROIKA SIAM MUSOHKITA
แผ่นที่ ๒ PATANI MEROIKA SEDARIAH SIAM MUSOHKITA

วัดช้างให้ของหลวงปู่ทวดที่เคยเป็นดินแดนเสรี-
อาณาจักรบุญของชาวพุทธแต่ไหนแต่ไรมาจะกลายมาเป็นพื้นที่สีแดงไม่มีความปลอดภัยทั้งกลางวันและกลางคืนและนึกไม่ถึงเลยว่า ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศผมมองดูทหารหนุ่มในข่าว ๔-๕ คน ที่ตั้งบังเกอร์รักษาความปลอดภัย เห็นแล้วก็สงสารยืนเป็นเป้านิ่งดวงตาแม้จะมีความกล้าหาญแต่แฝงแววเหน็ดเหนื่อยอยู่ลึก ๆ ทหารทั้ง ๔-๕ นายจะทำอย่างไรได้ ก็ต้องยืนเป็นเป้านิ่งอยู่เช่นนั้น จนกว่าจะมีคนใหม่มาเปลี่ยนให้ออกเวร
ยาม แล้วคนใหม่ก็มาเป็นเป้านิ่งแทนช่างน่าสงสารยิ่งนัก แต่จะทำอย่างไรได้สถานการณ์มันเป็นเยี่ยงนี้แล้วมันจะบังคับให้ ทหารหาญต้องอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้ ไม่มีวิธีอื่นดีไปกว่านี้ทหารบอกว่า โจรเห็นเรา แต่เราไม่เห็นโจรใช่ เราอยู่กลางแจ้ง โจรอยู่ในที่มืดและปะปนอยู่กับฝูงชน เราจึงตกเป็นเป้าคำพูดของทหารหนุ่ม ทำให้ผมนึกถึงตอนสงครามเวียดนาม สมัยนั้นเวียตกงเป็นกองโจร***้ชาติทำการรบนอกรูปแบบรบกับอเมริกัน แม้ว่าอเมริกันจะเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ มีทั้งรถถัง ปืน กระสุน เครื่องบินทั้งระเบิด บี ๕๒ มีนักรบคอหนังที่แสนจะเก่งกาจสามารถในที่สุด อเมริกันแพ้ยับเยิน สู้เวียตกงไม่ได้

แล้ววันนี้... ทหารไทยพากันไปแก้ปัญหาภาคใต้ กลายเป็นว่าไปสู้กับกองโจรไร้ที่ตั้ง โฉบเฉี่ยวเหมือนนินจากองกำลังของพวกโจรไร้ร่องรอย ปะปนอยู่กับฝูงชน ใช้วิธีการรบแบบลอบกัด ดักซุ่มโจมตีแล้วฆ่า บางครั้งแอบไปยุยงชาวบ้านให้เกิดความเข้าใจผิด ดึงผู้หญิง คนชรา และเด็กเล็กให้มาเป็นม็อบล้อมกรอบตำรวจและทหารอีกด้วย พวกผู้หญิงเหล่านั้นทำหน้าที่แทนโจรได้อย่างเฉียบขาด ทหารตำรวจที่พบเข้ากับวิธีการเช่นนี้ไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหาได้มีแต่แพ้กับแพ้ เสียทีให้แก่โจร ปล่อยให้โจรก่อกวน ยั่วยุ โห่ฮาป่า ดาหน้าเข้ากดดัน ตัดต้นไม้ขวางทาง โรยตะปูเรือใบเจาะยางรถ สร้างความวุ่นวายด้วยพลังมวลชนที่พากันมามือเปล่ามันเป็นสงครามนอกรูปแบบที่ไม่มีในตำรา ทหารตำรวจถึงกลายเป็นพวกไร้ความสามารถ ตกเป็นเบี้ยล่างของพวกโจรป่า ไม่แตกต่างจากทหารอเมริกันในเวียดนามที่แพ้ศึกเวียตกงอย่างไรก็อย่างนั้นในขณะที่ทหาร ตำรวจเอาโจรไม่อยู่ แพ้ทางโจรไปทุกเรื่อง 

ทว่า... ข่าวที่ออกมา กลายเป็นว่า รัฐบาลแก้มาถูกทางแล้ว
รัฐบาลที่ว่าหมายถึง รัฐบาลพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชิณวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลต่อมา
ได้แก่ รัฐบาล “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ” (คมช.) ซึ่งมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็
เอาความคิดแบบใหม่ถอดด้ามมาใช้ ไปประกาศขอโทษโจร 

ถ้อยคำที่ใช้ขอโทษ ท่านขอโทษย้อนอดีตว่า “ขอโทษแทนรัฐบาลเก่าที่ได้ทำความผิดเอาไว้” หลังจากได้ประกาศขอโทษแล้ว ก็ได้สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ๙๒ คน เป็นการยื่นความสามานฉันท์ ไปให้ก่อน โดย หวังว่าโจรป่าจะเอื้ออารีย์สนองตอบด้วยการหยุดเข่นฆ่ารายวัน 

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประกาศโดยไม่ได้ถามว่าพวกโจรจะเอาด้วยหรือไม่ 

นายกรัฐมนตรีคิดขึ้นมาเอง แสดงจุดยืนให้โจรเห็นว่านายกรัฐมนตรีมีความเมตตา ต้องการ ให้การเข่น 

ฆ่ายุติลง ท่านนายกรัฐมนตรีคงไม่รู้ดอกว่า ทฤษฎีของโจรกับทฤษฎีของนายกรัฐมนตรี ไม่เหมือนกัน 
ทฤษฎีของโจร ต้องใช้วิธีฆ่าเพื่อจะกดดันให้เป็นฝ่ายได้เปรียบตั้งแต่ได้เปรียบอ่อน ๆ ขึ้นไปจนถึงได้เปรียบขั้นสูงสุด คือชัยชนะ อีกประการหนึ่ง โจรไม่ได้ทำสงครามกับนายกรัฐมนตรีของไทยคนใดคนหนึ่งเป็นการเฉพาะโจรทำสงครามกับประเทศไทย เพื่อการปกครองตนเอง หรือได้แยกดินแดนออกไปตั้งเป็นประเทศอีกประเทศหนึ่งตามอุดมการณ์ของเขา เช่นนี้แล้ว... โจรจะแคร์อะไรกับการขอโทษ 

หลังจากนายกรัฐมนตรีได้ประกาศขอโทษไม่กี่วัน เหตุร้ายแทนที่จะลดลงกลับยิ่งรุนแรงขึ้นกว่าเดิม โจรวาง
ระเบิดพระขณะออกบิณฑบาตล้มระเนระนาด ต่อมาก็ปิดล้อมตำรวจ ตชด. บังคับให้ย้ายฐานออกไป เรียกว่าขับไล่ไสส่งจึงจะถูก หลังจากนั้นไม่นาน ชาวพุทธอีก ๒ หมู่บ้านก็หนีตายไปพึ่งวัด พระเองก็ออกบิณฑบาตไม่ได้ การปฏิบัติกิจทางศาสนาถูกจำกัดเนื้อที่ให้อยู่ในที่แคบ ๆ คือเฉพาะในวัดเท่านั้น 
ถึงกระนั้น รัฐบาลชุด คมช. (คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ” สุดท้ายก็ออกข่าวแจ้งแก่ประชาชนว่าแก้ถูกทางแล้ว ซึ่งเป็นการออกข่าวในรูปแบบเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยทำมาแล้วตลอด ๕ ปี ให้หลัง เป็นการออกข่าวที่ไม่แตกต่างจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทย 

เมื่อรัฐบาลบอกว่าแก้ถูกทาง สื่อทั้งหลายก็พากันเผยแพร่ข่าว ทำให้ชาวบ้านที่ตั้งบ้านเรือนอยู่คนละภาคใจเย็นไปทั่วประเทศ เพราะเชื่อว่าเหตุร้ายที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังจะสงบลง 

แต่บนความเป็นจริง มันไม่เป็นเช่นนั้น 

เพราะว่าการกระทำของโจรไม่ได้สนองความเมตตาของรัฐบาล คมช. เลยแม้แต่นิด พวกโจรนั้น ถ้าฆ่ารายวันไม่ได้ ก็ต้องหาทางฆ่าในวันอื่น ถ้าไม่ได้ฆ่าก็ต้องเผา แล้วก็หว่านใบปลิวโจมตีทหาร ตำรวจ พร้อมกับยุยงชาวบ้านไม่ให้เข้าข้างรัฐบาล โจรทำงานอย่างมีการวางแผน มีการประเมินผล 

โจรไม่ได้ฆ่าเล่นเพราะสนุกมือ แต่โจรกำลังทำสงคราม หากแต่สงครามที่พวกเขาทำมันเป็นสงคราม “นอกรูปแบบ” โดยใช้กระบวนการก่อการร้ายเป็นทฤษฎีในการทำสงคราม ถ้าโจรหยุดฆ่า ทิ้งระยะห่าง ๓-๔ วัน นั้นเป็นกลลวงให้ฝ่ายทหาร ตำรวจ หลงกล คิดว่าโจรหมดท่าแล้ว แท้ที่จริงไม่ใช่เลย โจรไม่เคยหมดท่าโจรไม่กลัว เพราะโจรอยู่ในที่มืด ปะปนอยู่กับชาวบ้าน 

อีกอย่างหนึ่ง... ถ้าโจรหยุดก่อกวน มันเป็นการหยุดชั่วขณะจิตห่างกันไม่เกิน ๒ วัน ไม่ได้หมายความว่าหยุดเลยหรือว่าถ้าหยุด... ก็ไม่ได้หมายความว่าเลิกก่อการร้าย...เพราะคำว่าเลิกไม่มี โจรทำเยี่ยงนี้มาเนิ่นนาน แล้วจะเลิกได้อย่างไร 

ซึ่งมันจะเป็นคนละเรื่องกับที่รัฐบาลคิด มันเป็นคนละแนวทางกับที่รัฐบาลประกาศ 

ใครที่รู้จักโจรป่าพวกนี้ รู้แล้วจะเย็นยะเยือกเข้ากระดูก 

***มโหดผิดมนุษย์ งูพิษที่ว่าร้าย ยังไม่ร้ายเท่าโจรปัตตานี 

โจรเขารู้กันในหมู่โจรป่าว่า ในสถานการณ์ขณะนี้กำลังเป็นนาทีทองของโจร ที่มีตำรวจ ทหารหลายพันคน ยืนเรียงรายให้ถูกระเบิดแสวงเครื่อง ถูกระเบิดรีโมท ถูกฆ่ากลางถนน มันเป็นนาทีทองที่จะสร้างความสยดสยองให้ปรากฏชัด 

โจรป่าพวกนั้นรู้กันในหมู่โจรอีกเช่นกันว่า ใครฆ่าได้มาก คนนั้นคือยอดนักรบ 

โจรป่ารบนอกรูปแบบภายใต้การบัญชาการที่แยบยลและแนบเนียนมีการประเมินผลทุกชั่วโมง ทุกวัน ทุกสัปดาห์การประเมินผลครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ ที่ผู้เขียนไปสืบได้มา โจรบอกกล่าวเล่าความในหมู่โจรด้วยกันว่า ทหารและตำรวจกำลังประสพกับความหายนะ 
ชาวพุทธละทิ้งบ้านเรือน... 

มีวัดก็ทำพิธีกรรมทางศาสนาไม่ได้ 

มันหมายถึงความพ่ายแพ้ที่ไม่เคยมีมาก่อน 

แล้วตบท้ายด้วยข้อความว่าโจรป่าชนะไปแล้วขั้นหนึ่ง.. เป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะในการรบนอกรูปแบบ ต่อไปจะชนะมากกว่านี้... และจะชนะอย่างแท้จริงในที่สุด 

เมื่อเป็นเช่นนี้ รัฐบาลของ คมช. (รัฐบาลคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ จะบอกว่าแก้ถูกทางแล้วอย่างไรก็ไม่มีทางชนะโจร เพราะว่าโจรเป็นฝ่ายปิดล้อมตั้งเครื่องกีดขวาง ไม่ให้ทหารและตำรวจเข้าไปในหมู่บ้านได้ 

หมู่บ้านใน ๓ จังหวัดชายแดนหลายหมู่บ้าน เริ่มกลายเป็นดินแดนปลอดอำนาจรัฐ 

โจรได้เข้าไปจัดการระบบการปกครองแทนแล้วตั้งแต่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ เกือบทั่วทุกอำเภอใน ๓ จังหวัดบันได ๗ ขั้นที่โจรได้วางเอาไว้นั้น ก่อนจะถึงขั้นสุดท้าย โจรจะได้รับโบนัสจากการต่อสู้ ที่อาศัยการฆ่ารายวัน จะกดดันให้รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศจัดตั้งเขตพัฒนาพิเศษขึ้นใน ๓ จังหวัด เมื่อใดที่ฝ่ายโจรสามารถบังคับให้ รัฐบาลตกเป็นเบี้ยล่าง ตัดสินใจให้ ๓ จังหวัดได้คำว่าเขตพัฒนาพิเศษ มิใช่แต่จะทำให้กิจการหลายประเภทใน ๓ จังหวัดตกอยู่ในอิทธิพลโจรเท่านั้น ยังจะมีอิทธิพลทำให้เกิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญใหม่อีกด้วย 

นี้คือโบนัสของพวกโจรที่ขยันห่า ขยันเผา ขยันต่อต้านอำนาจรัฐ 

ถึงเวลานั้น คำว่า “การปกครองตนเอง” จะค่อย ๆ เป็นจริงใกล้เข้ามา 

ขณะนี้อำนาจรัฐของรัฐบาลมีอยู่น้อยนิดเหลืออยู่บนที่ทำงานของอำเภอ ศาลากลางจังหวัด ศาลพิจารณาคดีตลาดร้านค้า และค่ายทหารที่มีทหารถือปืนรักษาการเท่านั้น นอกนั้นล้วนตกอยู่ในเขตอิทธิพลโจร มากบ้างน้อยบ้าง ตามแต่ดีกรีของสถานการณ์จะผลักดันให้เป็นไป
ประเทศไทยที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อน ๔ มกราคม ๒๕๔๗ เรายังเข้าออกหมู่บ้านได้โดยไม่ยากนักหลังจากโจรก่อการร้ายปล้นปืนค่ายทหารพัฒนาเจาะไอร้องไม่นาน หมู่บ้านมากแห่งกลายเป็นหมู่บ้านปิด ทหารตำรวจ เข้าไปไม่ได้ 

ถึงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๙... หมู่บ้านเกือบทั้งหมดถูกโจรเข้าไปจัดระเบียบแทนรัฐบาลแล้วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน บางหมู่บ้านห้ามร้องเพลงชาติเด็ดขาด บางหมู่บ้านไม่มีการแสดงความเคารพธงชาติ หลายหมู่บ้านชักธงปัตตานีขึ้นเสา แล้วร้องเพลงชาติปัตตานี 

ในสถานการณ์เช่นนี้ ชาวบ้านทั้งหมดที่อยู่กับโจร มีอิสระใช้ชีวิตแบบคนไทยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขายังคงท่องเที่ยวไปได้ทั่วประเทศ ส่งลูกหลานเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ ไปมาหาสู่กับญาติมิตรได้ตามปกติประหนึ่ง ๓ จังหวัดชายแดนไม่มีสงครามฆ่ารายวัน แต่คนไทยที่เป็นพุทธ หรือชาวบ้านที่นับถือพระพุทธศาสนาหมดสิทธิในหมู่บ้านของตน พวกเขาต้องละทิ้งบ้านเรือน หนีตายเอาตัวรอด ทหาร ตำรวจ ก็เข้าไปในหมู่บ้านไม่ได้ สภาวะเช่นนี้ มันหมายถึงอำนาจรัฐใน ๓จังหวัดชายแดนแทบไม่มีเหลือแล้ว 

ดังนั้น การที่รัฐบาลประกาศแล้วประกาศอีกว่ารัฐบาลแก้มาถูกทางแล้ว ที่แท้คือแก้ไม่ถูกทาง
ผมขอทบทวนเรื่องที่พวกโจรพากันทำ มีเข็มมุ่งอย่างไม่เปลี่ยนแปลงให้ท่านได้รับทราบอีกครั้ง ท่านจะได้เข้าถึงแก่นในที่เป็นมติของพวกโจร
ถ้าหยุดก่อกวน... ไม่ได้หมายความว่าหยุดเลย 

ถ้าหยุดเลย... ไม่ได้หมายความว่าเลิก 

เพราะคำว่าเลิกไม่มี โจรไม่มีวันเลิกล้มความตั้งใจเด็ดขาด 

โจรทำสงครามนอกรูปแบบด้วยความสามารถ ไม่ใช่สุ่มเสี่ยงสมัครเล่น โจรไม่ใช่เด็กติดยาแล้วมารับจ้างก่อกวน โจรไม่ใช่พวกไร้ฝีมือจากสลัม แต่เป็นนักรบจบหลักสูตรจากต่างประเทศที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำสงครามนอกรูปแบบโดยเฉพาะ โจรได้รับการ “เทรน” ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทางด้านจิตใจนั้นได้ถูกหล่อหลอม ประหนึ่งเป็นเหล็กกล้า พร้อมที่จะต่อสู้กับตำรวจและทหารอย่างก๋ากั่น สู้แล้วก็ประเมินผลทุกวันทันทีแล้ว แจ้งหน่วยเหนือวิเคราะห์เจาะประเด็น มันเป็นโองการบัญชาให้ทำ ตามแผนการบันได ๗ ขั้น
การทำให้คนพุทธทิ้งบ้านเรือน... เป็นโองการของกระบวนการโจรปัตตานี การทำให้วัดประกาศไม่ออกบิณฑบาต... เป็นปกศิตของโองการโจร พวกโจรทำให้ภาพของความพ่ายแพ้ของฝ่ายรัฐบาลปรากฏเป็นรูปธรรมได้เป็นครั้งแรกในรอบ ๔๐๐ ปี ซึ่งฝ่ายโจรเองประเมินผลออกมาว่าไม่น่าจะรวดเร็วเช่นนี้ แต่มันก็รวดเร็วเกินคาด ดังนั้น คนที่จะพูดว่าทำมาถูกทางแล้ว คือพวกโจรตะหาก 

แล้วอย่างนี้ผมไม่รู้ว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จะเอาวิธีไหนมาแก้
และ... หัวหน้าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน ประธานคณะปฏิวัติ จะเอาการรบแบบไหนมาสู้กับโจรป่า จึงจะเอาชาวพุทธกลับคืนสู่บ้านช่องห้องหอเหมือนเดิมได้ และทำอย่างไรจึงจะทำให้วัดสามารถปฏิบัติกิจได้ตามปกติ 

คำปรารภนี้ จะถูกจารึกไว้ในหนังสือเล่มนี้ไปชั่วลูกชั่วหลาน คนที่รักชาติจะพากันหาอ่าน ไม่มากก็น้อย
ผมไม่ได้เขียนขึ้นมาเพื่อหวังผลทางการเมือง ไม่ใช่เขียนด่ากันเอง ผมไม่เคยเป็นนักการเมือง อีกอย่างหนึ่งถึงผมอยากเป็นนักการเมือง จะเป็นได้แค่ความอยาก แต่จะให้ใครเขาเลือกหรือมาเชิญมันเหมือนฝันกลางแดด 

ผมขอยืนยันความเห็นของผมว่าการที่รัฐบาลประกาศว่าแก้มาถูกทางแล้ว นั้นคือความผิดพลาดของรัฐบาลอย่างใหญ่หลวง คุณคิดแบบผมรึไม่ครับทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม