วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

บทที่ 20


เปิดโปงขบวนการรัฐปัตตานี
โดย..สอาด จันทร์ดี

                          
บทที่ 20
จากกรือเซะ ถึงตากใบ



เรื่องราวที่น่าสะเทือนใจไม่มีใครอยากให้เกิด มันก็เกิด
อันนั้นได้แก่กรณี กรือเซะ และตากใบ
หนังสือเล่มนี้จะยังไม่เขียนถึงรายละเอียดของปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะมันจะนำไปสู่ข้อขัดแย้งมากขึ้น มากกว่าจะเป็นผลดี ผมจะสรุปเพียงสั้นๆว่า เมื่อเกิดการปล้นปีนค่ายทหารพัฒนา อำเภอเจาะไอร้อง...4 มกราคม 2547
ทำให้สถานที่ราชการที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ร้อนระอุขึ้นมา
เมื่อมีกลุ่มผู้ไม่หวังดี บุกโจมตีเจ้าหน้าที่แล้วหนีเข้าไปหลบซ่อนตัวในสุเหร่ากรือเซะ     ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทหารยกกำลังตามเข้าไปล้อมเอาไว้จนเกือบค่ำทำให้ทหารวิตกว่า ถ้าปล่อยให้ตะวันตกดิน สถานการณ์จะพลิกผันอย่างแน่นอน ทหารจึงบุกเข้าจับ แล้วเกิดยิงกันขึ้น ทำให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีถูกจับตายเรียบในสุเหร่า
มันได้กลายเป็นบาดแผลร้ายกาจบาดหมางใจ กินใจกันรุนแรงอีกคำรบหนึ่ง
ได้เกิดวิพากษ์วิจารณ์ และตำหนิติเตียนในสื่อและสังคมการเมืองของประเทศไทยว่า "ทหารทำรุนแรงเกินเหตุ" ผู้สันทัดกรณีกล่าวว่า กลุ่มผู้ไม่หวังดี ได้กระทำรุนแรง เข่นฆ่าผู้คนอย่างไร้ความปราณี เมือทหาร ตำรวจเข้าไประงับเหตุ กลุ่มผู้ไม่หวังดี ไม่ยินยอมให้จับกุม        เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางออกสุดท้ายจึงต้องเป็นเช่นนี้ ถ้าไม่ปฏิบัติเช่นนี้ จะให้ทำอย่างไรเช่นเดียวกัน กรณีตากใบ ก็ไม่แตกต่างจากกรณีอื่น
ทหาร ตำรวจ ไม่มีทางออกอื่นใดที่จะทำให้เหตุการณ์สงบลงได้ วิธีแก้คือต้องจับกุมคุมตัวผู้ก่อความไม่สงบ เพื่อจะเอาไปสอบสวน แต่ได้เกิดความผิดพลาดขึ้นมา ทำให้มีคนขาดอากาศหายใจ ล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ในที่สุดก็มีคนรุมประณามทหาร
     ผู้สันทัดกรณีกล่าวว่า แม้ทหาร ตำรวจ จะพยายามทำแบบอะลุ้มอะล่วย หรือกระทำอย่างเฉียบขาดรุนแรงก็ตาม ก็ไม่อาจทำให้กลุ่มผู้ไม่หวังดี "ยุติ" การก่อความไม่สงบ เพราะเจตนาของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เป็นกลุ่มโจรปัตตานี มีอุดมการณ์แน่วแน่ที่จะทำให้เกิดสงครามในที่สุดความเห็นของผู้สันทัดกรณี กล่าวว่า ถ้าจะเปรียบเทียบกันระหว่างการปราบปรามที่ถูกประณามว่า กระทำรุนแรงเกินขอบเขตนั้น ไม่สามารถเทียบได้กับความร้ายกาจรุนแรง ที่ฝ่ายโจรปัตตานี ได้กระทำต่อข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนตาดำๆ มีคนล้มตายในสภาพศพที่ถูกฆ่าอย่างทารุณ ผิดมนุษย์มะนานับไม่ถ้วน ที่เคยกระทำมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
อีกประการหนึ่ง ถ้าไม่มีโจรปัตตานี ไม่มีการเข่นฆ่า ไม่ก่อกบฏต่อแผ่นดิน เราก็จะไม่มีอะไรให้บาดหมาง เพราะว่าหัวใจคนไทยที่แท้จริง ไม่ยินยอมให้ศาสนามาแบ่งแยกให้แตกสามัคคีอยู่แล้ว เราจะสามารถอยู่ร่วมแผ่นดินได้อย่างปกติสุข ต่างคนต่างปฏิบัติตัวปฏิบัติตน ตามความเชื่อถือและความศรัทธาที่แตกต่างกันออกไปโดยปกตินั้น ขอบเขตความเชื่อของคนพุทธนั้นไม่มีข้อห้ามไม่ให้ร่วมบุญกับคนศาสนาอื่น คนพุทธหรือชาวพุทธ มีลักษณะที่ "ผ่อนคลาย" ในทุกกรณี คนพุทธสามารถเข้าร่วมบุญได้กับทุกคน ทุกศาสนา ถ้าศาสดานั้นๆ ผ่อนปรนให้เข้าร่วมได้ คนพุทธจะเข้าร่วมได้ทันที
ถ้าไม่มีโจรปัตตานี พุทธศาสนากับศาสนาอิสลาม จะอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติสุข หรือว่า แม้โจรปัตตานี จะปลุกให้คนอิสลามเกลียดพุทธเพียงใด แต่เราก็รู้ว่าศาสนาไม่เกี่ยว เพราะว่าที่แท้จริง...โจรปัตตานีอาศัยศาสนา เป็นเครื่องมือสงครามต่างหาก สักวันหนึ่งจะมีคนพิสูจน์ให้เห็นว่าศาสนาอิสลามไม่เกี่ยว
พุทธและอิสลาม ไม่เคยเป็นศัตรูของกันและกันกรณี กรือเซะ กับตากใบ...น่าจะเป็นผลพวงความชั่วร้ายที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
           

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม