วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

บทที่ 22


เปิดโปงขบวนการรัฐปัตตานี
โดย..สอาด จันทร์ดี
                       
              
บทที่ 22
โฉมหน้าผู้บงการซ่อนอยู่
ในองค์การศาสนา


ในที่สุด...โจรปัตตานีก็ได้รับความสำเร็จ ในการทำให้ทุกคนเข้าใจได้ไม่ยากว่า เจ้าภาพของการต่อสู้ คือ "องค์กรศาสนาอิสลาม" โดยเฉพาะได้แก่ องค์กรศาสนาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ทำหน้าที่เป็นแกนหลัก (เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่า องค์การอิสลามในกรุงเทพมหานคร ไม่มีบทบาทในการต่อสู้) ทำให้โฟกัสลงไปได้ว่า
ผู้นำศาสนา และผู้สอนศาสนาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม
วิธีการของโจรปัตตานี จะอ้างอยู่ 2 ประการ
1) อ้างว่าประเทศไทย ปกครองปัตตานีด้วยความไม่เป็นธรรม กดขี่ข่มเหง
2) รัฐบาลไทยข่มเหงรังแกอิสลาม...!!
โจรปัตตานี ได้อาศัย 2 ประเด็นนี้ เป็นสาเหตุหลักก่อให้เกิดความขัดแย้ง ถ้าก่อปัญหาไม่ได้ ก็จะใช้วิธีการ "ทำร้าย" หรือไม่ก็อาศัยวิธีการโฆษณาชวนเชื่อ ออกเอกสารกล่าวหา ทำให้สังคมมุสลิมปั่นป่วน เพราะชาวบ้านได้รับฟังแต่เรื่องที่ไม่จริง
โจรปัตตานีสามารถสร้างผู้นำทางศาสนารวมทั้งครูสอนศาสนา (อุสตาส) ให้เป็นหัวหน้าในพื้นที่ต่างๆ แล้วแบ่งกันรับผิดชอบ ออกปฏิบัติการตามคำสั่ง และยังสามารถทำให้หัวหน้าแต่ละคนมีความดูดดื่ม เลื่อมใสศรัทธา พอกพูนอุดมการณ์อย่างถวายหัวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือการเป็นนักรบของพระเจ้า เป็นการทำสงครามเพื่อปลดปล่อยอิสลาม
แล้วก็สร้างให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า คนอิสลามทุกคนคือนักรบของพระเจ้า ถ้าใครไม่รบก็จะต้องให้ความช่วยเหลืออย่างอื่นแทน หรือถ้าช่วยเหลือไม่ได้ก็ต้องยืนอยู่ข้างเดียวกัน ทุกคนต้องสาบานว่า จะต่อสู้เพื่อปลดปล่อยปัตตานีให้เป็นแผ่นดินของพระเจ้า โดยถือคำสาบานว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนได้เปล่งวาจาออกมาด้วยความเสียสละ ไม่กลัวตายใดๆ ทั้งสิ้น ถือเป็นคำสัตย์สูงสุด
โจรปัตตานี ได้ใช้วิธีหลายรูปแบบ อบรมบ่มนิสัย สร้างนักรบ สร้างความกล้าหาญ ทำให้ผู้ที่ได้รับการอบรม จะยินยอมพร้อมใจ มอบตัวเองเข้าไปรับใช้ โดยไม่ได้นึกแม้แต่นิดว่าแผ่นดินที่อ้างว่าจะปลดปล่อยให้เป็นแผ่นดินของพระ เจ้านั้น ที่แท้ก็คือจังหวัดปัตตานีที่เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยตั้งแต่ไหนแต่ไรมา
โจรปัตตานีบิดเบือนข้อเท็จจริง ปลอมประวัติศาสตร์ ทำให้เชื่อว่าปัตตานีและอีกหลายจังหวัดเป็นส่วนหนึ่งของมลายู แต่ต้องเสียดินแดนให้ไทยเพราะอังกฤษเข้ามารุกราน แล้วอังกฤษก็แบ่งส่วนนี้ให้ประเทศไทยยึดครอง
เมื่อประเทศมลายูทั้งหมดได้รับเอกราชจากอังกฤษ แต่ประเทศไทยไม่ยอมให้เอกราชแก่ปัตตานีแม้เพียงตารางนิ้วเดียว
สิ่งเหล่านี้คือการบิดเบือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์
ความจริงในประวัติศาสตร์นั้น ปัตตานีและอีกหลายจังหวัดในแหลมมลายู เป็นของไทยมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เช่น ไทรบุรี เป็นต้น ปัจจุบันนี้ก็ยังมีหมู่บ้านไทยตั้งอยู่ในรัฐกลันตัน รัฐเปอร์สิส และเมืองอะโรสตาร์ หมู่บ้านบางหมู่บ้าน ยังมีชื่อไทย เช่น หมู่บ้านนาคา คนไทยในประเทศมาเลเซียพูดไทยสำเนียงกรุงเทพฯยังไงยังงั้น เหมือนคนบางกอก - ไม่มีเพี้ยน (ผู้เขียนไปเยี่ยมชมหมู่บ้านเหล่านี้มาหลายครั้ง)
ประเทศไทยตะหากเสียดินแดนให้อังกฤษ เมื่ออังกฤษปล่อยมลายูให้ได้รับเอกราช แทนที่ประเทศไทยจะได้ดินแดนคืน กลับสูญเสียไปเลยรวมแล้ว 5 จังหวัด เช่น จังหวัดปีนัง เป็นต้น
ดินแดนปัตตานี เป็นของประเทศไทยตั้งแต่โบราณกาล แต่เนื่องด้วยคนมลายูได้อพยพเข้ามามาก ประกอบกับนับถือศาสนาอิสลาม จึงอ้างไปส่งเดชว่า ไทยปกครองปัตตานีมายาวนาน ไม่ยอมให้เอกราช
เรื่องง่ายๆ ในประวัติศาสตร์โดยแท้ แต่กลายเป็นเรื่องยุ่งยาก ถูกโจรปัตตานีแหกตา เอาไปโฆษณาชวนเชื่อ ตั้งแต่เมือ 500 ปี ก่อนถึงปัจจุบัน ยังไม่เลิก
วิธีการที่พวกโจรเอามาใช้อย่างได้ผลนั้น เรื่องคือการ "บิดเบือน" แล้วก็สร้างสิ่งที่บิดเปือนให้น่าเชื่อถือว่า เป็นเรื่องจริง โจรปัตตานีได้อาศัยสถาบันของศาสนา แล้วอ้างเอาพระเจ้า หรือ "องค์อัลเลาะห์" มาเรียกร้องความสามัคคีจากชาวบ้าน ซึ่งเป็นอิสลามด้วยกัน
พี่น้องอิสลามผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อของโจรอิสลาม ขยายวงกว้างออกไปทุกที
โจรปัตตานีชี้ให้เห็นว่า การปกครองที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติที่แท้จริง ต้องเป็นรัฐอิสลามเท่านั้น ผู้นำของประเทศ ต้องใช้หลักการของพระศาสนาบริหารประเทศชาติบ้านเมือง เมื่อปัตตานีได้รับการปลดปล่อย คณะกรรมการจะทำการเลือกเฟ้นอย่างสำคัญที่สุด เพื่อจะสรรหาผู้นำของประเทศ
รู้กันในหมู่ชาวปัตตานี ยะลา นราธิวาส ว่ามีทางสองแพร่งที่จะต้องเลือกเดินในอนาคต แพร่งที่หนึ่ง ผู้นำสูงสุดเลือกมาจากสายสุลต่านเก่า หรือ/แพร่งที่สอง เลือกมาจากผู้นำสูงสุดของศาสนาอิสลาม หรือจะได้รับการสถาปนาเป็นสุลต่านองค์แรก
วันนี้ ถ้าอยากดูโฉมหน้าของผู้บงการ กับโฉมหน้าใครถูกจองตัวให้เป็นประธานประเทศ จะไม่เหมือน...คนที่ "บงการ" กับคนที่จะมาเป็น "สุลต่าน" ไม่ได้เกี่ยวกัน คนที่จะมาเป็นผู้นำหรือสุลต่าน ไม่ได้ร่วมบัญชาการรบ แต่ได้ทำหน้าที่ในระดับสากล
คนที่บัญชาการ ก็บัญชาการรบ ทำหน้าที่ "รบ" เป็นการจำเพาะ
โฉมหน้าของผู้บงการ ที่คนไทยอยากรู้ว่าเป็นใคร(?)นั้น ถ้าต้องการรู้จริงๆ ก็ไม่เกินบ่ากว่าแรงที่จะรู้ได้ ซึ่งผู้สันทัดกรณีได้บอกวิธีการดูเอาไว้ ดังนี้
1. ดูได้จากสายเลือดคนใดคนหนึ่งของ "อับดุลกาเดร์" ว่ามีใครเป็นคนสายนี้?
2. ดูได้จากสายเลือดคนใดคนหนึ่งของ "หะยีสุหลง" ว่ามีใครเป็นลูกเต้า เหล่ากอ?
สรุปแล้วมีอยู่ 2 สายเท่านั้น ดูได้ไม่ยากเลย ดูแล้วจะร้อง "อ๋อ" คนนี้เอง ทีนี้...ถ้าอยากรู้ให้ชัด ก็ต้องค้นหาว่า "ใคร"...คือสายเลือดของ"อับดุลกาเดร์"...และใครคือสายเลือดของ "หะยีสุหลง" ? คนใดคนหนึ่งใน "ต้นตระกูล" นักสู้ดังกล่าวนี้ คือจอมบงการอย่างแน่นอน
 และถ้าจะให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก็ต้องวิเคราะห์ให้ออกว่า ทั้งอับดุลกาเดร์ (พ.ศ. 2540) เรื่องราวเมื่อ 109 ปีก่อน และหะยีสุหลง อับดุบกาเดร์ (พ.ศ. 2494) เรื่องราวเมื่อ 55 ปีผ่าน เป็นเชื้อสายเดียวกันหรือไม่
เมื่อวิเคราะห์อย่างนี้ ก็จะเหลือ "ผู้บงการ" อยู่หนึ่งเดียว
ขณะนี้มีบัญชีรายชื่อผู้บงการอยู่หลายคน เช่น มะแซ อุเซ็ง (ค่าหัว 5 ล้านบาท)
     สะแปอิง ผู้โด่งดังจากโรงเรียนธรรมวิทยา และ ดร.วัน กาเดร์ หัวหน้าขบวนการ เบอร์ซาตู" ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย
ไม่มีใครรู้ว่า ดร.วัน กาเดร์ เป็นลูกหลานใคร แต่การที่เขาก้าวขึ้นมาเป็น "แม่ทัพใหญ่"ควบคุมทุกขบวนการเอาไว้ในคอลโทรล ชื่อขบวนการของเขา ไม่ใช่เขาตั้งเอง แต่เขาได้จับเอาองค์กรจัดตั้ง 23 องค์กร เข้ามาเป็นหนึ่งเดียว จึงเรียก เบอร์ซาตู โดยไม่มีคำว่า "พูโล" พ่วงท้ายเลย เบอร์ หมายถึง "อับดับที่..." ซาตู..หมายถึง "หนึ่ง"
ผู้สันทัดกรณีเอง ก็ไม่อาจวิเคราะห์ฐานะของ ดร.วัน กาเดร์ ได้ แต่น่าจะเชื่อว่า นายคนนี้คือกระเป๋าเงิน "หนึ่งหมื่นล้าน" ที่เป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำชู สร้างกองทัพพระเจ้าให้เติบโตขึ้นมา นอกจากจะเป็นกระเป๋าเงินแล้ว เขายังเป็นที่ยอมรับของนักการเมืองในประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะคือ ท่านอดีตนายกฯ มหาเธร์
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าโฉมหน้าของจอมบงการ จะยังไม่ชัดก็ตาม ภาพได้ปรากฏชัดออกมาว่าองค์กรศาสนาอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือเจ้าภาพตัวจริง!!
โจรปัตตานีเองมีความจงใจทีจะให้เจ้าภาพตัวจริง คือสถาบันอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โจรปัตตานีสามารถชูเอาศาสนาขึ้นมาเป็นจอมทัพ โดยพยายาม "ปั้นกรอบ" ให้เป็นภาระหน้าที่ของชาวอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น เป็นการปกป้องอิสลามจากส่วนกลางไม่ให้ได้รับผลกระทบ
แต่ในเวลาเดียวกัน ก็ได้อาศัย "พลังอิสลาม" เป็นทฤษฏีชี้นำไปในตัวเสร็จ
พร้อมกันนี้ ก็ได้ป้องกันมิให้อิสลามจากส่วนกลาง เช้ามามีบทบาทร่วมโดยเฉพาะในความเชื่อที่ว่า ถ้าได้รัฐปัตตานีขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นท่านจุฬาราชมนตรี หรืออิสลามคณะใดก็ตาม ไม่ใช่ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากชาติที่ตั้งขึ้นใหม่ในโลก
พวกเขาคิดการไกลขนาดนั้น ผมพยายามที่จะกะเทาะเปลือกให้เห็นใบหน้าจอมบงการ คือใคร ซึ่งตอนนี้ท่านอ่านออกได้เองแล้วว่า "คนนั้นกับคนนี้" คือจอมบงการ แม้ว่าโจรปัตตานีจะหาทางให้ศาสนาอิสลามเป็นเจ้าภาพที่แท้จริง แต่โจมบงการที่แท้จริงมิใช่ศาสนา แต่เป็นคนที่มีพละกำลังอำนาจ
คน-คนนั้นเคยเป็นถึงรัฐมนตรี เคยเป็นนักการเมืองใหญ่
เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของกบฏปัตตานี
แล้ววันนี้...เขาบงการต่อ...ในขณะที่รัฐบาลบอกว่า ไม่รู้ว่าเป็นใคร จนถึงไข่แดงแล้วคลี่ให้ดูว่า ไฟใต้...ใครบงการ เมื่อท่านอ่านจบ โปรดจำขื่อเอาไว้...โจรปัตตานีพวกนี้ ป้วนเปี้ยนอยูในแวดวงการต่อสู้ อยู่ไม่ไกลจากตัวท่านดอกครับ
นี้คือทีวีวงจรปิด ที่สามารถฉายภาพดูได้...แต่รัฐบาลไม่ยอมฉาย...มันถึงได้มืดยังไงล่ะ
                         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม