มีตำนานหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับพระพุทธเมตตา
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าศศางกา กษัตริย์ฮินดูจากเบงกอล เมื่อขึ้นครองราชย์ก็ทรงมีนโยบายทำลายพระพุทธศาสนา ได้ยกกองทัพมาถึงบริเวณ พระศรีมหาโพธิ์ ได้สั่งให้กองทหารของตนทำลายพระศรีมหาโพธิ์ พร้อมกับขุดรากขึ้นมาเผา (ภายหลังพระเจ้าปูรณวรมันได้เสด็จมาพบ ทรงเร่งให้บูรณะพระศรีมหาโพธิ์ ขึ้นใหม่ ดังกล่าวแล้ว) และได้เข้าไปในพระมหาเจดีย์ เห็นพระพุทธรูปพระองค์หนึ่ง คิดจะทำลายด้วยตนเอง แต่ทำลายไม่ลง
เพราะพระพักตร์เปี่ยมด้วยเมตตาเมื่อยกทัพกลับพระนคร คิดว่าหากปล่อยให้พระพุทธรูปอยู่ในพระวิหาร พุทธศาสนิกชนก็จะฟื้นฟูขึ้นมาอีก จึงให้นายทหารคนหนึ่งไปทำลายทิ้ง นายทหารนั้นไปถึงก็ไม่กล้าทำลาย เพราะเป็นชาวพุทธ แต่ครั้นจะไม่ทำลายก็เกรงพระราชอาญา อาจจะถูกประหารทั้งครอบครัว จึงคิดว่าไม่ทำลายดีกว่า แต่แค่ซ่อนพระพุทธปฏิมานี้เอาไว้ก็พอ จึงเอาอิฐมาก่อปิดทางเข้าห้องบูชา เพื่อไม่ให้ใครเห็น แล้วตั้งรูปพระมเหศวรไว้ด้านหน้า โดยกลับไปรายงานพระเจ้าศศางกาว่า ได้ทำลายพระพุทธรูปเรียบร้อยแล้ว แทนที่จะดีพระทัย กลับหวาดกลัว ในอกุศลกรรม ภายหลังต่อมาได้ล้มป่วยลง พระวรกายเน่าเปื่อย เนื้อหลุดเป็นชิ้นๆ ด้วยบาปกรรมที่สั่งให้ทำลาย พระศรีมหาโพธิ์เมื่อพระเจ้าศศางกาสิ้นพระชนม์แล้ว ทหารคนนั้นจึงกลับไปที่พระมหาโพธิ์เจดีย์ นำเอาอิฐที่มุงบังพระพุทธรูปออก และจุดตะเกียงน้ำมันบูชา ปรากฏว่าดวงประทีบที่นายทหารคนนั้นจุดบูชาพระพุทธรูปยังส่องสว่างมาจนเวลานี้
พุทธรูปองค์นี้แกะสลักจากหินสีดำเนื้อละเอียด ปางภูมิผัสสะ หรือที่คนไทยเรียกว่า มารวิชัย ศิลปะสมัยราชวงศ์ปาละ อายุอยู่ในราว ๑,๑๐๐-๑,๔๐๐ ปี รุ่นราวคราวเดียวกันกับ หลวงพ่อองค์ดำ ที่เมืองนาลันทา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวพุทธไทยเช่นกัน
เหตุที่ร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ เนื่องมาจากประวัติว่า กษัตริย์ต่างศาสนาองค์หนึ่งยกทัพมาทำลายต้นศรีมหาโพธิ์ และพยายามที่จะทำลายพระพุทธรูปองค์นี้ ทำเกิดมีอันเป็นไปถึงสิ้นพระชนม์ พระพุทธรูปองค์นี้ พุทธศาสนิกชนชาวไทยเรียกกันต่อๆ มาว่า "หลวงพ่อพุทธเมตตา"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น