แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ไอ้พวกตีสองหน้า แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ไอ้พวกตีสองหน้า แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

ลอบกัดเจ้าหน้าที่ที่บาเจาะ

นรา โจรใต้วางระเบิด จยย บอมบ์

ดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารที่บาเจาะ ...


หิมไม่หยุด! โจรใต้วางบึม จยย. บอมบ์ทหารเจ็บ 2 นายที่ อ.บาเจาะ  
นราธิวาส ขณะออกฐาน ไปพบปะชาวบ้านในพื้นที่ ต.บาเร๊ะใต้ 
พบซากระเบิดประกอบใส่ท่อเหล็กหนัก 10 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร...

เมื่อ เวลา 09.20 น.วันที่ 20 ม.ค. พ.ต.ท.ประทีป สุขสาร 

สารวัตรเวร สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายวางระเบิด 
จยย.ดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารชุดสันติสุขที่ 405 บนถนนสาย
บ้านทอน-บาเจาะ บ้านบือเร๊ะ หมู่ 1 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ 
ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย จึงพร้อมด้วย 
น.ท.รัฐโรจน์ อภิรัชช์รัศมี ผบ.ฉก.นราธิวาส 32 พ.ต.ท.จันที 
แจ่มจันทร์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จ.นราธิวาส รวมทั้ง
กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบซากรถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเมท สีน้ำเงิน 

ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน คนร้ายนำระเบิดไปผูกไว้ที่บริเวณ
ตะแกรงด้านบนของตัวเครื่องตกกระจายเกลื่อน ทั่วบริเวณ 
และพบซากชิ้นส่วนของระเบิดที่คนร้ายนำไปประกอบ
ใส่ไว้ในท่อเหล็กทรงกลมหนัก 10 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุ
สื่อสาร ตกบริเวณถนนและพงหญ้าริมทางอีกจำนวนหนึ่ง 
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 นายเพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษา 
รพ.บาเจาะ ทราบชื่อ คือ 1.จ.ส.อ.ประยูร ขุนสวัสดิ์ 
อายุ 55 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณแขนซ้าย 2.
จ.ส.อ.จำลอง ภิรมย์สุข อายุ 49 ปี ถูกสะเก็ดระเบิ
ดที่บริเวณลำตัว

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ต.พงศธร เฟื่องปาง 

หน.ชุดได้นำกำลังจำนวน 5 นาย นั่งรถยนต์กระบะ และรถ 
จยย.รวม 2 คัน ออกจากฐาน เพื่อเดินทางไปพบปะชาวบ้าน
ในพื้นที่ ต.บาเร๊ะใต้ เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายซึ่งแฝงตัว
อยู่ริมทางใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวน ระเบิด ที่นำไปผูกไว้บริเวณ
ตะแกรงด้านบนของตัวเครื่องรถ จยย. ซึ่งคนร้ายนำไปจอด
ไว้ริมถนน และเกิดระเบิดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารขับและขี่รถ 
จยย.ผ่าน ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บดังกล่าว.

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

ขอปกครองตนเอง


ไม่ได้แบ่งแยกดินแดน แต่จะขอปกครองตนเอง


สองสามวันก่อนผมไปเจอบล๊อก โจรใต้ เลยเก็บเอามาฝาก เรื่องทั้งหมด มันฟ้องตัวเองของโจรใต้ให้เห็นอยู่แล้ว ไม่จำต้องบรรยาย มันบอกชัดเจน มันจะเอาอย่างไร มันคิดอย่างไร  อิอิ เลิกงุมมะงาหรากะสมานฉันท์ได้แล้ว http://patanipost.blogspot.com/2009/06/blog-post_30.html?zx=bf5966c4e6904169                                "แนวทางนี้" แก้สามจังหวัดภาคใต้ เพิ่มอำนาจปกครองตนเอง



"ไทยอาจเพิ่มอำนาจในการปกครองตนเองแก่ท้องที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้" รายงานข่าวนี้มีพิมพ์ในกรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันพุธที่ 24 มิถุนายน 2552 หน้า 16 กล่าวถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศแล้วกล่าวอีกว่ากำลังพิจารณาเพิ่มอำนาจในกฎข้อบังคับต่างๆตามกฎหมายชารีอะห์ หรือกฎหมายอิสลาม เพื่อบรรเทาปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 

"การลดทอนอำนาจจากส่วนกลางและเพิ่มอำนาจให้ท้องถิ่นเป็นเรื่องจำเป็น และเราสามารถตอบสนองความจำเป็นในส่วนนี้ได้ โดยเฉพาะในส่วนของกฎหมายชารีอะห์ผ่านระบบการศึกษา"
แต่ไม่ได้ให้อำนาจปกครองตนเองแก่พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะการปกครองตนเองเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยคัดค้านมาโดยตลอด
ผู้นำชาวมลายูมุสลิมร่วมประชุมกันเพื่อกำหนดคำขอเกี่ยวศาสนาและสิทธิต่างๆของชาวมลายูมุสลิม ณ สำนักงานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีอย่างค่อนข้างกะทันหัน เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2490 โดยมีผู้ร่วมประชุมประมาณ 100 คน
คำขอ 7 ข้อต่อรัฐบาลผ่านทางคณะกรรมการสอดส่องภาวการณ์ในสี่จังหวัดภาคใต้ ดังนี้
1.ขอให้ปกครอง 4 จังหวัดนี้เป็นแคว้นหนึ่ง โดยมีผู้ดำรงตำแหน่งอย่างสูงให้มีอำนาจในการศาสนาอิสลาม มีอำนาจแต่งตั้งและปลดข้าราชการออกได้ ผู้ดำรงตำแหน่งนี้ต้องเป็นมุสลิมใน 4 จังหวัด
2.การศึกษาในชั้นประถมต้นจนถึงชั้นประถม 7 ให้มีการศึกษาภาษามลายูตลอด
3.ภาษีที่เก็บได้ให้ใช้ภายใน 4 จังหวัดนี้เท่านั้น
4.ในจำนวนข้าราชการทั้งหมดขอให้มีข้าราชการชาวมลายูร้อยละ 80
5.ขอให้ใช้ภาษามลายูควบกับภาษาไทยเป็นภาษาราชการ
6.ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีเอกสิทธิ์ออกระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติการศาสนาอิสลามโดยความเห็นชอบของผู้มีอำนาจสูงสุด
7.ให้ศาลรับพิจารณากฎหมายอิสลามแยกจากศาลจังหวัด มีโต๊ะกาลี (กอฎีหรือดะโต๊ะยุติธรรม)ตามสมควร และมีเสถียรภาพในการพิจารณาชี้ขาด
"รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะให้มีการเลือกตั้งโดยตรงในพื้นที่ดังกล่าว คล้ายกับเลือกตั้งกรุงเทพฯและพัทยา"
"เราจำเป็นต้องใช้แนวทางนี้ในการแก้ปัญหาภาคใต้ และเราต้องอดทน" นายกรัฐมนตรีบอกย้ำ
"แนวทางนี้"ไม่ใช่ความคิดใหม่ แต่เป็นส่วนหนึ่งของ"คำขอ" 7 ข้อที่หะยี สุหรง อับดุลกาเดร์ (และคณะฯ) อดีตผู้นำมุสลิมสี่จังหวัดภาคใต้ เคยเสนอต่อรัฐบาล เมื่อ พ.ศ. 2490 แล้วถูกหลอกจนถึงขั้นถูกลอบ"อุ้ม"(ฆ่า?)
แต่ "แนวทางนี้"มิได้มีแค่นี้ หากยังมีที่สมควรทำอีกหลายอย่างเพื่อลดความหวาดระแวง ดังผมเคยเขียนบอกไว้ในคอลัมน์ตรงนี้นานแล้วตั้งแต่ 2 มีนาคม 2547 ต่อเนื่องหลายวัน เช่น
1. สมควรคืนปืนใหญ่พญาตานีที่กรุงเทพฯไปโจมตีเอามาจากเมืองปัตตานี ในแผ่นดินรัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2329
2. สมควรทำตามที่ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช บอกไว้สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วประกาศต่อหน้าฝูงชนที่จังหวัดปัตตานี เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2519 ว่า
"เราหลอกเขาว่าเขาเป็นคนไทย ซึ่งที่จริงเขาเป็นคนมลายู ปัญหาก็คือการหลอกตัวเขาเองเป็นคนไทย"
"อย่าบังคับให้เขาเป็นคนไทย? ส่งเสริมให้เขาเป็นตัวของเขาเอง รักษาเอกลักษณ์ (Identity) ชนมลายูไว้"
3. สมควรชำระประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทยให้ถูกต้องตามหลักฐานเป็นจริงทางโบราณคดี แล้วแบ่งปันเผยแพร่สู่สาธารณะให้รับรู้ทั่วกันทั้งประเทศ ว่ารัฐบาลปัตตานีพูดภาษามลายู มีมาก่อนรัฐสุโขทัยเกือบ 1,000 ปี จึงไม่ได้เป็นแผ่นดินส่วนหนึ่งของรัฐสุโขทัย
นายกรัฐมนตรี-อภิสิทธิ์ เพิ่งบอกสำนักข่าวต่างประเทศว่าจำเป็นต้องใช้ "แนวทางนี้"ในการแก้ปัญหาภาคใต้และต้องอดทน
แสดงว่าก้นบึ้งของหัวใจและความคิดแล้วไม่อยากใช้"แนวทางนี้" แต่หมดปัญญาไม่รู้จะหาทางแก้ปัญหาอย่างไร
เพราะปัญหารุนแรงเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเปลี่ยนชื่อสยามเป็นประเทศไทย เมื่อ 24 มิถุนายน 2482 โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรุนแรงยุคใหม่ของรัฐบาลไทยรักไทย คิดใหม่ ทำใหม่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 ไม่เคยเบาบางลงไป เลยจำต้องใช้"แนวทางนี้"


วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

ตายแค่ 900 เอง

http://wbns.oas.psu.ac.th/shownews.php?news_id=100094
มท.3 "ถาวร" ตอบกระทู้ในสภา ไฟใต้ยุคอภิสิทธิ์ตายแค่ 900 ศพ สมัยทักษิณตายมากกว่ากันเยอะ หลังเพื่อไทยถามแก้ปัญหาล้มเหลว ละเลงงบไปเกินแสนล้าน สูญเสียไปแล้วกว่า 4 พันศพ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าแจงกมธ.ทหาร ยอมรับข้อผิดพลาดฐานทหารโดนถล่ม ระบุปืนถูกปล้นไป 60 กระบอก กมธ.ทหารแฉมีข่าวลือสะพัดเป็นศึกทหาร-ตำรวจ "มาร์ค"ยอมรับมีปมไส้ศึก แต่ผลสอบยังมาไม่ถึง

"มาร์ค"ยังไม่ได้รับรายงาน"ไส้ศึก"

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเกี่ยวข้องกับ เหตุการณ์ยิงถล่มฐานปฏิบัติการทหาร ฉก. นราธิวาส ที่ผ่านมาว่า ยังไม่มีรายงานอย่างนั้นมาถึง เพราะอยู่ระหว่างสอบสวน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะใช้เวลาสอบสวนนานแค่ไหน นายกฯ กล่าวว่า ให้ทำไปตามความเป็นจริง แต่อยากเร่งรัดอยู่แล้ว ส่วนเจ้าหน้า ที่ต้องมุ่งปรับปรุงอุดช่องโหว่มากกว่า เมื่อถามว่าปัญหาการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงนี้ นอกจากมุ่งให้เป็นประเด็นในการประชุมองค์กรมุสลิมโลก (โอไอซี) แล้ว ยังมีเรื่องอื่นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นหลัก เพราะประเมินก่อนหน้านี้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ต้องยอมรับว่าเรื่องของฐานปฏิบัติการนั้น ส่วนหนึ่ง เพราะเรากระจายกำลังค่อนข้างมาก เพื่อระวังดูแลประชาชนหรือการก่อวินาศ กรรม แต่ในวันที่มีการโจมตีดังกล่าว เป็นวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ลงไปมอบนโยบายแก่ทหารในพื้นที่และกำลังจะปรับเปลี่ยน เมื่อถามว่ามีข่าวว่าหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงอยากให้นายกฯ ทบทวนการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี เพราะแนวทางตรงกันหมด

ต่อข้อถามว่าดูเหมือนยังตามหลังผู้ก่อความไม่สงบ นายกฯ กล่าวว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น แต่ต้องเข้าใจธรรมชาติก่อนว่าฝ่ายหนึ่งเลือกโจมตี หรือสร้างความวุ่นวายที่ใดก็ได้ อีกฝ่ายต้องพยายามป้องกันไม่ให้เกิด จึงมีสภาพเช่นนี้ แต่เราพยายามปลดเงื่อนไข ทั้งนี้หัวใจสำคัญที่สุดคือพื้นที่ใดเมื่อเจ้าหน้า ที่ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านส่วนใหญ่ ฝ่ายผู้ก่อการจะปฏิบัติการได้ยาก ซึ่งเป็นหัวใจหลักของยุทธศาสตร์ที่จะเดินหน้าต่อไป คิดว่าต้องดูภาพรวมและแนวโน้มของสถานการณ์ ถ้าเป็นปัญหาจริง ต้องทบทวน แต่ตอนนี้สภาพที่เกิดขึ้นไม่ได้หลุดออกนอกกรอบที่วิเคราะห์และติดตาม

แจงปมโยงสู่องค์กรมุสลิม

ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาด ไทย กล่าวถึงกรณีผู้แทนโอไอซีเข้าพบ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ว่า ผู้แทนคนดังกล่าวเป็นผู้แทนคนแรกประจำประเทศไทย เมื่อถามว่าหารือถึงสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า การหารือวันนี้ส่วนใหญ่เน้นเรื่องการค้าขาย เพราะเขาต้องการเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า และเขาต้องการเชิญให้เราไปชมการทำการค้าในประเทศมุสลิม ทั้ง 47 ประเทศ หรือให้เลือกว่าเราต้องการที่จะไปประเทศได้ เขายินดีที่จะให้การต้อนรับ

นายสมัย เจริญช่าง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุที่นายกฯ ระบุว่าคนร้ายโจมตีฐานปฏิบัติการทหาร เพราะต้องการให้ที่ประชุมโอไอซี นำไปเป็นประ เด็น เนื่องจากก่อนหน้านี้ปี 2550 สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เคยพยายามเสนอประเด็นความไม่สงบในภาคใต้ของไทย เข้าสู่ที่ประชุมโอไอซี ที่กรุงการาจี ประเทศปากีสถาน อ้างถึงกรณีองค์การสห ประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกรณีติมอร์ตะวันออกขอแยกตัวออกจากประเทศอินโดนีเซีย

นายสมัย กล่าวว่า พล.อ.สุรยุทธ์เรียก เลขาธิการโอไอซีมาชี้แจง เป็นเหตุให้แม้จะแจกเอกสารเกี่ยวกับประเทศไทยแล้ว แต่ไม่มีการบรรจุเรื่องดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุม และไม่มีการหยิบขึ้นมา หรือต่อมาในการประชุมโอไอซี ปี 2552 ที่กรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เนื่องจากเป็นที่นายตวนกู บีรอ กอตอนีรอ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงในภาคใต้หนีไปกบดาน เป็นเหตุให้กระทรวงการต่างประเทศ ส่งนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศขณะนั้น ไปประสานงานเป็นเหตุให้ไม่มีการหารือเรื่องดังกล่าวในที่ประชุมโอไอซี

"คนร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีทั้ง 1.พวกที่คิดจะแบ่งแยกดินแดน 2.ฝ่ายที่ต้องการข่มขู่เจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าไปหาประ โยชน์เรื่องค้าของเถื่อน บ่อน หรือยาเสพติด และ 3.แนวร่วมที่โกรธแค้น เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนคงหวังจะให้โอไอซีหยิบประเด็นภาคใต้ของไทยไปหารือ เพื่อนำไปสู่การลงประชามติ เพื่อแยกดินแดนเช่นเดียวกับติมอร์ตะวันออก หรืออย่างน้อยก็สร้างกระแสเพื่อของบประมาณจากองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ" นายสมัย กล่าว

นายสมัย กล่าวอีกว่า สิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำจากนี้ไป คือทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อถือ และมั่นใจในข้อมูลภาครัฐ เพราะที่ผ่านมาในบางพื้นที่ ชาวบ้านเชื่อถือข่าวลือมากกว่าข้อมูลจากภาครัฐ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่รัฐเสียเปรียบในการปฏิบัติงาน เช่นบอกว่าเจ้าหน้าที่ยิงชาวบ้าน สร้างความโกรธแค้น ทั้งที่ไม่เป็นความจริง จึงอยากให้รัฐบาลเร่งทำงานด้านจิตวิทยา โดยต้องให้คนดี อย่างผู้นำศาสนา โต๊ะครู ปอเนาะ ฯลฯ เข้าร่วม เรื่องนี้รัฐบาลต้องทำเพื่อชิงมวลชน เพราะที่ผ่านมางานด้านนี้อ่อนแอมาก

พท.กระทู้ถามแก้ไฟใต้เหลว

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนฯ เป็นประธานประชุม พิจารณากระทู้ถามสดนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เรื่องปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถามนายกฯ ซึ่งมอบหมายนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย เป็นผู้ชี้แจงแทน

นายจตุพรถามว่า รัฐบาลนี้บริหารประ เทศมา 2 ปีเศษ แต่ปัญหาเกิดขึ้นไม่เว้นวัน สมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านชอบแสดงตัวเป็นผู้รู้ และโทษว่าเป็นความผิดรัฐบาลทักษิณ แต่พอได้เป็นรัฐบาลก็บอกว่าจะแก้ไขปัญหาภาคใต้ให้ได้ 99 วัน แต่ขณะนี้ทำบุญ 100 วันไม่รู้กี่ชีวิตก็ยังแก้ไม่ได้สักที เหตุการณ์ที่ผ่านมา 7 ปีมีทั้งหมด 11,525 คดี มีคนเสียชีวิต 4,383 ราย ทหาร 295 ตำรวจ 254 และประชาชน 3,834 ราย ใช้งบประมาณทั้งหมด 140,000 กว่าล้านบาท ถือเป็นงบลงภาคใต้มากที่สุด รัฐบาลนี้มีส.ส.ภาคใต้มากที่สุดแต่คนตายไม่เว้นแต่ละวัน จึงอยากถามว่าตั้งแต่ตั้งครม.ใต้ และตั้งกรรมการขึ้นมาแก้ไขปัญหาภาคใต้หลายชุด มีการประชุมกี่ครั้ง ทำไมไฟใต้ยังไม่ดับ แถมเหตุการณ์รุนแรงขึ้นกว่าเดิม

ยุคอภิสิทธิ์ตายแค่ 900 

นายถาวรชี้แจงว่า สาเหตุของปัญหาเกิดจากยุครัฐบาลทักษิณตั้งแต่ยกเลิกศอ.บต. หรือการตีโจทย์ผิดว่าเป็นโจรกระจอก ส่วนที่บอกว่ามีประชาชนตายเกือบ 4 พันคนขอชี้แจงว่ามีคนตายในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ 900 คน นอกนั้นไปคิดเอาเองว่าตายในยุคทักษิณเท่าไหร่ ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาใช้รูปแบบบูรณาการเน้นการประกอบอาชีพ การเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตคนในพื้นที่ ส่วนที่ถามว่าเอาสมองที่ไหนมาคิดก็เอามาจากตน นายกฯ และรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และที่ระบุว่า 99 วันไม่ได้ทำอะไรเลยนั้นขอชี้แจงว่าได้ตั้งศอ.บต.ขึ้นมา แต่การแก้ปัญหายุ่งยากและต้องใช้เวลา และดำเนินการตามยุทธศาสตร์พระราชทาน คือเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นรายวันเป็นปัญหาเชิงยุทธวิธี

นายจตุพรถามต่อว่า ดูเหมือนว่ารัฐบาลนี้รอบรู้ ทำไมการแก้ไขปัญหาของประเทศจึงไม่จบ เพราะพื้นที่ชายแดนใต้ไม่ต่างอะไรกับบ่อน้ำมัน มีการจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษกว่าพื้นที่อื่น ผลประโยชน์ของนักการเมือง แต่ชะตากรรมไปตกอยู่ที่ประชาชน ตำรวจ ทหารที่ได้รับเพียงเศษเงิน จึงอยากถามว่าทำไมเบี้ยเลี้ยงที่จ่ายให้กับทหารที่มาปราบประชาชนในกทม.จึง สูงกว่าทหารที่อยู่เสี่ยงภัยในภาคใต้ 

นายถาวรชี้แจงว่า ถ้าจะพูดถึงเรื่องนี้ และถ้าจะเอาให้มันขอท้าให้ไปยื่นป.ป.ช. หรือยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องนี้กันดีกว่า อย่ามาตั้งกระทู้ถามสดแค่ในสภา และขอชี้แจงว่าการจัดสรรงบให้ 2,073 หมู่บ้านผ่านการทำประชาคมทุกครั้ง ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างในพื้นที่ก็ยึดตามระเบียบสำนักนายกฯ ถ้าหาหน่วยงานที่มาทำงานไม่ทันก็จะใช้กำลังทหาร รวมทั้งขณะนี้การจัดซื้อจัดจ้างไม่มีปัญหากำลังดำเนินการไปอย่างราบรื่น ขอยืนยันว่าการจัดทำงบไม่ได้ทำตามอำเภอใจ

"ทหารและตำรวจปฏิบัติหน้าที่จุดไหนก็มีความเสี่ยงเท่ากัน ขณะรัฐสภาที่ว่าไม่เสี่ยง พูดเอามันสนุกจริงๆ เมื่อมีการสูญเสียมีการเยียวยา ส่วนที่กล่าวหานายกฯและรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงไปพื้นที่ภาคใต้น้อยนั้น ก็ไปมากกว่าทักษิณ ยืนยันว่ารัฐบาลนี้เอาใจปัญหาภาคใต้ไม่ได้ย่อหย่อน และปัญหาดังกล่าวไม่ใช่หน้าที่รัฐบาลฝ่ายเดียวที่ต้องดูแล แต่เป็นหน้าที่ของทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลจะต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา แต่ถ้าฝ่ายค้านไม่พอใจ ขอเชิญนายจตุพรไปภาคใต้วันที่ 28 ม.ค.นี้ ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาและทำงานเต็มที่ และเชื่อว่ารัฐบาลมาถูกทางแน่" นายถาวร กล่าว

กอ.รมน.ภาค 4 แจงกมธ.

ขณะเดียวกันคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนฯ ประชุมวาระพิจารณา กรณีคนร้ายกว่า 40 คน พร้อมอาวุธบุกโจมตีฐานปฏิบัติการพระองค์ดำ ฉก.นราธิวาส เมื่อวันที่ 19 ม.ค. เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 7 ราย มีพ.ต.ท.สมชาย เพศ ประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ประธานกมธ. เป็นประธาน โดยเชิญพล.ต. สกล ชื่นตระกูล รองผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจง

พล.ต.สกลชี้แจงว่า ที่บ้านมะรือโบตก เป็นฐานการปฏิบัติหน้าที่ของ ร.15121 ฉก. นราธิวาส มาตั้งแต่ปี 2549 ก่อนวันเกิดเหตุได้รับข่าวสารมาตามลำดับว่ามีการเคลื่อนไหวของกองกำลังติด อาวุธรอบๆ ที่ตั้ง 2 ก.ม.เป็นครั้งราว โดยประชาชนให้ความร่วมมือแจ้งเตือน เราประเมินว่าช่วงปีใหม่น่าจะมีปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง สุดท้ายก็เกิดวันที่ 19 ม.ค. วันนั้นที่ฐานกำลัง 36 นาย โดยช่วงเย็นแบ่งกำลังไปอาบน้ำบ้าง ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามวางแผนเตรียมกำลังมาชัดเจน ทราบภายหลังว่าเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาบูโด 20 ช.ม. โดยยึดฐานด้านตะวันตก และจัดทีมเข้ามาคลังอาวุธ ใช้เวลาปฏิบัติการ 20 นาที การเกิดเหตุครั้งนี้ยอมรับว่ามีความบกพร่องการจัดเวรยาม เรื่องนี้จะหาทางแก้ไข นอกจากนี้ ฐานก็ตั้งมานานอาจเสื่อมสภาพได้ ส่วนเรื่องไส้ศึกอาจมีความเป็นไปได้ ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องไส้ศึกไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

"หลังเกิดเหตุทหารอากาศขึ้นไปถ่ายภาพ เก็บข้อมูล และมีเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ของตำรวจ เข้าไปเก็บรายละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขนย้ายอาวุธ ปลอกกระสุน ก้นบุหรี่ โทรโข่ง รวมถึงตรวจสอบตามเส้นทางที่ผู้ก่อการร้ายหนี พบขวดน้ำ ผ้าพันคอ จึงนำมาตรวจดีเอ็นเอ จนตรวจพบชื่อผู้ปฏิบัติ การจำนวนหนึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างเชิญผู้ต้องสงสัยมาชี้แจงเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยตั้งคณะกรรมการตรวจพื้นที่ล่อแหลมแล้ว ซึ่งในพื้นที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ 290 กว่าฐาน ยังมีฐานที่ล่อแหลมอยู่" พล.ต.สกล ชี้แจง

พล.ต.สกล ชี้แจงอีกว่า พื้นที่ฐานปฏิบัติการ มีชุมชนห่างจากฐาน 300-400 ร้อยเมตร เดิมตกอยู่ใต้อิทธิพลของผู้ก่อการร้าย แต่การปฏิบัติงานด้านมวลชนยึดหลักการ เมืองนำการทหาร เข้าหาชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านก็ดีกับเราเสมอ แต่โอกาสแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถบอกได้ เพียงแต่บอกให้ระวังตัวเท่านั้น เพราะชาวบ้านก็คงไม่ทราบว่าผู้ก่อการร้ายจะปฏบัติการเมื่อไหร่ ชาวบ้านยังหวาดกลัวและอยู่ใต้อิทธิพลของผู้ก่อการร้าย

แฉข่าวกระหึ่มศึก"ตร.-ทหาร"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมมีการซักถามอย่างกว้างขวาง โดยพล.อ.พิชาญเมธ ม่วงมณี และพ.ต.ท.สมชาย ในฐานะกมธ. แสดงความคิดเห็นเชิงตำหนิว่า การปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้ผิดพลาดหละหลวม ผู้ก่อการร้ายใช้เวลาโจมตีเพียง 20 นาที ผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบ อยากทราบยอดจริงๆ ว่าทหารมีเท่าไหร่ อาวุธหายเท่าไหร่ ทำไมผิดพลาดขนาดนี้ เสียดายและเห็นใจกำลังพลที่เสียชีวิต 

ขณะที่นายเชน เทือกสุบรรณ กมธ. กล่าวว่า เวลานี้งบทุ่มเทไปในส่วนนี้มากเป็นแสนๆ ล้าน ถ้าเอาชนะไม่ได้จะไม่คุ้มค่ากับภาษีอากรที่ประชาชนเสียมา และอาจมีข้อครหาได้ ด้านนายยุทธนา วานิชอังกูร ที่ปรึกษากมธ. กล่าวว่า มีคนในพื้นที่บอกว่ามีข่าวลือทุกโรงเรียนปอเนาะว่า งานนี้ที่เสียชีวิตเพราะทหารทะเลาะกับตำรวจ ตรงนี้จึงต้องพิสูจน์ความจริงให้ได้

รองผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ปืนที่หายไปทั้งหมดโดยยังไม่ได้จำแนกรายละเอียดคือ 60 กระบอก กำลังพลวันนั้นมี 36 นายที่ปฏิบัติหน้าที่ และทุกคนยืนยันว่าจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส หาทางปรับปรุงแก้ไข เปลี่ยนแปรสภาพแวดล้อมเพื่อปฏิบัติการให้ได้ และยังคงมีขวัญกำลังใจอยู่ พร้อมปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

สำหรับความคืบหน้าการติดตามจับกุม กลุ่มคนร้ายลอบโจมตีฐานทหาร ฉก.นราธิ วาส นั้น วันเดียวกันนี้ขณะทหาร ฉก.นราธิ วาส 36 ตรวจค้นบนถนนหน้าฐานปฏิบัติการ บริเวณเกาะสวาท ต.ไพรวัณ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส พบรถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กค 9923 ยะลา ขับผ่านมา เจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบบัตรประชาชน พบว่า 1 ใน 6 คนที่โดยสารมา คือนายมาหะมะ มูโน อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191 ม.8 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส มีหมายจับ สภ.ระแงะ ปี 2549 จึงควบคุมผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 6 คนส่ง สภ.ตากใบ สอบสวนเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องสงสัยมีโทรศัทพ์มือถือ และคลิปเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดหลายเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวทั้งหมดไปที่ศูนย์ซักถาม ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี เพื่อสอบขยายผลต่อไป

ชาวบ้านบุกฐานให้กำลังใจทหาร

เมื่อเวลา 10.30 น.ตัวแทนชาวบ้านใน 9 หมู่บ้านของ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นรา ธิวาส ประมาณ 400 คน เดินทางมายังฐานปฏิบัติการทหารพระองค์ดำ ฉก.นราธิวาส ที่เพิ่งถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายบุกถล่มและปล้นปืน โดยมีร.ท.ภูริ เพิกโสภณ รักษาราชการแทน ผบ.ร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาส 38 และทหารภายในฐานให้การต้อนรับ โดยกลุ่มตัวแทนชาวบ้านนำดอกไม้และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ มามอบเป็นกำลังใจให้กับทหาร

เมื่อเวลา 08.05 น.ศูนย์รวมข่าว สภ.เมืองยะลา รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดบนถนนสายท่าสาป-สนามบิน หมู่ 1 บ.ท่าสาป ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย จึงแจ้งพ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผกก.สภ.เมืองยะลา ประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด และฝ่ายต่างๆ เข้าตรวจสอบ

เจ้าหน้าที่ปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุโดยรอบ พบรถกระบะโตโยต้า สีน้ำเงิน หมายเลข ปพ 5079 กทม. ของทางราชการ จอดอยู่โดยในสภาพด้านข้างซ้ายเสียหายจากแรงระเบิด ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่งร.พ.ศูนย์ยะลา 5 ราย คือ นายวิเชียร สายดวง หัวหน้าชุดอส. นายอับดุลรอแม มะเซ็งบางี นายมะหาดี ดือรานิง นายณัฐศักดิ์ นวล จันทร์ นายรัดกมล แซ่ว่อง เจ้าหน้าที่อส. นอกจากนี้ยังพบเสาไฟฟ้าถูกแรงระเบิดเสียหายหัก 1 ต้น เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 3-5 ก.ก. บรรจุในกล่องเหล็กผูกติดอยู่กับเสาไฟฟ้าริมถนน

สำหรับเจ้าหน้าที่ อส.ทั้ง 5 นายอยู่ระหว่างกลับจากการรักษาความปลอดภัยครูโรงเรียนบ้านท่าสาป

ยิงทพ.หญิงต่อหน้าลูก 2 ขวบ

เวลา 13.30 น. พ.ต.ท.ปัญญวัฒน์ เพชรชุม รอง ผกก.สส. รักษาราชการแทน ผกก. สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี รับแจ้งเกิดเหตุยิงชาวบ้านบนถนนชลประทานสายคอกกระ บือ-บ้านปากช่อง ม.3 บ้านปากช่อง มีผู้เสียชีวิตชื่อนายมะสาวี มะสาและ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 231/3 ม.4 ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ถูกยิงด้วยปืนอาก้าเข้าศีรษะและลำตัว มีผู้บาดเจ็บถูกนำส่งร.พ. ปะนาเระ ชื่อ นายรอเซะ เจ๊ะเม็ง อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 ม.5 ต.บ้านกลาง อ.ปะนา เระ ถูกยิงลำตัวอาการสาหัส ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้า 17 ปลอก และเอ็ม 16 จำนวน 23 ปลอก

เวลา 17.45 น. พ.ต.ท.โกวิทย์ รัตนโชติ รอง ผกก.สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันบนถนนทางหลวงสาย 42 ปัตตานี-ยะหริ่ง บ้านบาลาดูวอ ต.บางปู มีผู้เสียชีวิตรุดไปตรวจสอบพบมีผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือด พร้อมรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ดรีม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ทราบชื่อ อส.ทพ. หญิง ปันฑรีย์ พุกเจริญผล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 327 ม.1 ต.ยามู อ.ยะหริ่ง ถูกยิงด้วยปืนพกสั้นไม่ทราบขนาด เข้าศีรษะ และลำตัว สอบสวนทราบว่าผู้ตายขับขี่รถจักร ยานยนต์กลับจากศูนย์วิทยุจังหวัดปัตตานีมุ่งหน้ากลับบ้าน โดยมีด.ญ.ฐิติกาญจน์ ลูกสาว วัย 2 ขวบนั่งมาด้วย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคนร้าย 2 คนใช้รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงหลายนัด ก่อนชิงกระเป๋าหลบหนีไปด้วย ส่วนลูกสาวปลอดภัย ได้รับบาดเจ็บจากล้มรถเล็กน้อย

โหมแรง - เจ้า หน้าที่ตรวจจุดเกิดเหตุคนร้ายวางระเบิดถล่มรถปิกอัพทหารชุดคุ้มครองครู บนถนนสายท่าสาป-สนามบิน อ.เมือง จ.ยะลา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย เมื่อ 27 ม.

ไหนว่ามุสลิมไม่เกี่ยว



 06.00 น. วันที่ 20 ต.ค. 51 พ.ต.อ.จักรพร แท่นทอง ผกก.สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส นายอายา ดิษฐานันท์ นายอำเภอตากใบ และ พ.ท.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผบ.ฉก.นราธิวาส 36 ได้ร่วมสนธิกำลังตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง จำนวน 80 นาย นำหมายศาล จ.นราธิวาส เข้าตรวจค้นบ้านเช่าเลขที่ 52/47 ม.1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ ซึ่งเปิดเป็นร้านขายนก หลังสืบทราบว่าเป็นแหล่งรับจ้างปลอมแปลงเอกสารและหนังสือเดินทางระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียให้กับกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อใช้ตบตาเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปกบดาน หลังจากที่ก่อเหตุร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

                ซึ่ง การเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบนายนายเยาฮา ยูนุ อายุ 35 ปี และนายมะรอปี สามะ อายุ 38 ปี ซึ่งทั้ง 2 คน มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี กำลังนอนพักผ่อนอยู่ในบ้าน และจากการตรวจค้นห้องพบว่า มีใบขับขี่รถยนต์ของประเทศมาเลเซียปลอม และใบแสดงการเสียภาษี พรบ.บุคคลที่ 3 ของประเทศมาเลเซียปลอมเป็นจำนวนมาก วางอยู่บนโต๊ะเครื่องคอมพิวเตอร์

                และต่อมา พ.ต.ท.จุลจักรพงษ์ พึ่งพัฒน์ สว.ด่านตรวจคนเข้าเมืองอำเภอตากใบ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปยังบ้านเช่าหลังดังกล่าว หลังได้รับแจ้งประสานจากเจ้าหน้าที่กองกำลังผสม เพื่อมาตรวจสอบของกลางต่าง ๆ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดเอาไว้ได้ และพบว่าในเบื้องต้นของกลางทั้งหมดเป็นของปลอม ที่มีการทำเลียนแบบของประเทศมาเลเซียขึ้นได้อย่างแนบเนียน แต่ถึงอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้ประสานเจ้าหน้าที่ประเทศมาเลเซียที่เกี่ยวข้องมาทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

                จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายเยาฮาและนายมะรอปี พร้อมของกลางไปสอบสวนที่ สภ.ตากใบ ซึ่งในเบื้องต้นยังคงให้การปฏิเสธ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่า นอกเหนือจากบุคคลทั้ง 2 มีส่วนเกี่ยวข้องในการลักลอบทำใบขับขี่รถยนต์และ พรบ.บุคคลที่ 3 ของประเทศมาเลเซียปลอมแล้ว ยังมีส่วนเกี่ยวข้องในการลักลอบทำหนังสือเดินทางปลอมให้กับกลุ่มแกนนำและสมาชิกแนวร่วมของผู้ไม่หวังดี เพื่อเดินทางไปกบดานในประเทศมาเลเซียหลังก่อเหตุร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามข่าวที่สืบทราบหรือไม่
 

ผมเข้่าใจถูกไหม




ผู้ถาม : 


ก่อนอื่น...ผมขอยืนยันว่าผมไม่มีความคิดเรื่อง เหยียดเชื้อชาติ..หรือ ศาสนานะครับ
....แต่สงสัยเรื่องความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของมาเลย์..ต่อปัญหาภาคใต้ของไทย


...เคยทราบมาว่า...แกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวบางคน เป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยที่กัวลาลัมเปอร์..เดิมเป็นคนที่ถือกำเนิดที่ปัตตานี....ประกอบกับ...พวกก่อความไม่สงบ
เคลื่อนไหวข้ามไปมาระหว่างไทยกับมาเลย์ตลอด


...ทำไมมาเลย์ไม่เคยให้ข้อมูล..หรือจับกุมมาให้ไทยกันบ้าง


....ในอดีต..สมัยที่มาเลย์มีปัญหาเรื่องโจรจีนคอมมิวนิสต์..เรายังให้ความช่วยเหลือในเรื่อง
การปราบปราม..( เพราะมาเลย์ปราบเองไม่ไหว )


...มาเลย์น่าจะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี..ที่ไทยเคยช่วยเหลือเค้าบ้าง...ทำให้อดคิด
ไม่ได้ว่า....มาเลย์แอบช่วยเหลือโจรใต้...และอยากได้ดินแดนของไทยเราจริงๆ


.......อยากทราบว่า...ที่ผมรู้มา..ที่ผมเข้าใจ..มันถูกต้องมั้ยครับ...ไม่อยากเกลียดใครโดย
เข้าใจผิด...ใครมีข้อมูลที่ถูกต้องช่วยไขข้อข้องใจผมทีครับ...แต่ที่รู้ๆ...ตอนนี้...ผมไม่เติม
น้ำมัน ปิโตรนาส..ไม่กินปลากระป๋องอายัม..ไม่เที่ยว..ไม่ซื้อสินค้ามาเลย์ครับ.


**************************************************


ผู้ตอบ :



ที่เขียนมานั้น เข้าใจถูกอยู่บ้าง 


ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอพูดแบบเป็นกลางนะครับ ถ้ารัฐบาลเราเข้มแข็ง(ผู้นำที่จริงใจในการแก้ปัญหา
ฟันธง ) กองทัพน่าเกรงขาม  การทูตเด็ดขาดซึ่งก็เกิดจากรัฐและผู้นำนั่นเองรวมทั้ง
เศรษฐกิจที่เป็นต่อมีอำนาจการต่อรองสูง  


แล้วมาเลย์หรือจะไม่เกรงใจเรา หรือแกล้งเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ 


แต่ตอนนี้มันกลับตาลปัตร ผู้นำมาเลย์กล้าโต้ตอบอเมริกาในเวทีโลก ในฐานะรัฐอิสลามด้วย 
และเราก็ไม่ได้เป็นดังข้างต้นที่ผมคิดเองนะครับ คนอย่างเขาต้องเกรงใจเราเรื่องอะไร 
เราต้องจัดการเรื่องในบ้านเราก่อนนะครับ ก็ประท้วงกันอยู่นี่ไม่รู้อะไรได้แต่ท่องคำว่าสามัคคี 
ไม่เห็นใครเข้าใจจริงๆสักคนขอแค่การถอยกันคนละก้าวนะ 


ไม่สงสารพระองค์ท่านกันหรือไร มีแต่จะเอาชนะ บ้านเรายังไม่ไปไหนเลยอย่าไปโทษมาเลย์
เขาเลย....


*******************************************************

มีกลุ่มอยู่กลุ่มนึงในมาเลย์มีความคิดที่จะรวม มาเลย์ สิงคโปร์ อินโด บรูไน มาเป็นประเทศ
เดียวกัน ผมอยากให้เขาลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ของเขาบ้าง
***********************************

กลุ่มนี้ก็คือ JI นั้นเองครับ JI ต้องการสร้างมหารัฐอิสลามที่จะรวมมาเลเซีย 
อินโดนิเซีย บรูไน ภาคใต้ของฟิลิปปินส์และภาคใต้ของไทย รวมถึงสิงคโปร์
เข้ากันเป็นประเทศเดียวภายใต้กฏหมายอิสลาม ถ้าทำสำเร็จ ประเทศที่จะตั้งใหม่
จะมีประชากรประมาณ 300 ล้านคน มี GDP เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก


ส่วนคนที่จขกท.ว่าก็คือ ดร.วัน ดาร์แก เจ๊ะมันครับ อดีตเคยรับราชการอยู่ที่
กระทรวงมหาดไทย ต่อมาได้งานสอนที่มาเลเซีย และล่าสุดน่าจะอยู่ที่สวีเดน 
ดร. คนนี้รู้จักกันในนามผู้นำของพูโล ซึ่งเขาและประธานกลุ่มอื่น ๆ เช่นประธาน
มูจาฮีดีนปัตตานี หรือประธาน BRN Congress เคยเข้าร่วมใน Langawi Peace 
Talk ที่ดร. มหาเดร์ มูอัมหมัดจัดขึ้น ซึ่งการเจรจานั้นได้เชิญผู้นำเก่า ๆ ของกลุ่ม
แบ่งแยกดินแดนในภาคใต้และตัวแทนฝ่ายไทยบางคน ทั้งฝ่ายทหารและ
นายอานันท์ ปัญญารชุน ประธานกอส.มาร่วมพูดคุยแก้ปัญหา 


ซึ่งหนึ่งในเงื่อนไขของการพูดคุยของ ดร. มหาเดร์ก็คือกลุ่มผู้นำเหล่านี้
ต้องยอมรับว่ารัฐบาลไทยไม่มีวันยอมรับข้อเสนอในการแบ่งแยกดินแดนครับ 


สุดท้าย ข้อเสนอในการแก้ปัญหาเหล่านี้ก็ถูกส่งผ่านไปยังรัฐบาลไทยทั้งในสมัย
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และสมัย พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ครับ (ทั้งนี้ การเจรจานี้
รัฐบาลไทยไม่ได้ให้การรับรอง)


การจัดการเจรจาแบบนี้นับว่าเป็นผลดี แต่ผลลัพธ์ของมันไม่น่าจะดีนัก เพราะแกนนำ
รุ่นเก่าเหล่านี้ไม่ค่อยมีบทบาทแล้วในปัจจุบันครับ ซึ่งก็มีข้อห่วงใยจากหลาย ๆ ฝ่ายว่า
การดำเนินการของดร. มาหเดร์จะเป็นเกมส์การเมืองภายในของมาเลเซียเองหรือเปล่า 
รวมถึงอาจจะกลายเป็นการรับรองสถานะของกลุ่มเกล่านี้


สุดท้าย เราย้ายประเทศหนีกันไม่ได้ครับ ตอนนี้เรายังต้องสานสัมพันธ์กับ
มาเลเซียต่อไป 


เพราะว่า...ลองคิดกลับกันสิครับ ว่าถ้าความสัมพันธ์ของไทยและมาเลเซียแย่กว่านี้
หรือขาดลง สถานการณ์จะไม่ยิ่งแย่ไปกว่านี้หรือ

***********************************************

ที่สำคัญอีกกลุ่มอย่าลืมครับ พรรคฝ่ายค้านของมาเลย์ "พรรคบาร์ท" ครับ (สะกดถูกรึเปล่า)
ชอบยุ่งกับปัญหาภาคใต้ของเราจังเลย (เข้าข้างฝ่ายโจรน่ะ)
โดยการไปประท้วงที่หน้าสถานฑูตไทย แย้วววๆ! ในมาเลย์
************************************************

 ผมไปถามญาติที่เป็นนายทหารยศระดับนายพันเรื่องนี้     ญาติผมท่านนั้นตอบว่า  
"ใช่แล้ว  มาเลย์เป็นผู้ให้การสนับสนุน ขจก.ใต้แต่ไม่พยายามออกตัว"       

และท่านบอกต่อว่าทางมาเลย์พยายามให้มันกลายเป็นปัญหาในระดับสากลให้ได้              
ผมก็ถามถึงว่าแนวทางที่รัฐบาลนี้กำลังทำอยู่ถูกต้องหรือไม่ครับ
ท่านตอบว่า   ไม่ขอออกความเห็นดีกว่า

ผมหายข้องใจทันทีในข้อสงสัยที่มีต่อมาเลย์

เพียงแต่ว่าเมื่อไรพวกเราจะพร้อมแก้ปัญหาและพร้อมรบเท่านั้น           

เพราะตอนนี้ยังล่อกันเองนัวไปหมดครับ

 ***************************************************************
หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง 


จุดอ่อนอยู่ที่ เค้าเองก็มีปัญหาระหว่างคนพื้นเมืองกับคนเชื้อสายจีน ภายในประเทศ  
ไม่งั้นสิงคโปร์คงไม่แยกตัวออกมา  อย่าลืมว่าภัยคุกคามหลักของสิงคโปร์คือมัน  
และในขณะนี้ประเทศเรากำลังเผชิญหน้ากับแผนแย่งแผ่นดินของมัน  
ทุกคนคงจะรู้กันดีอยู่ จากพฤติกรรมที่เริ่มเห็นได้เด่นชัดขึ้นมาทุกที    
ทำไมมันถึงได้ซื้ออาวุธมาสะสมมากทุกที ถ้าไม่เอาไว้เตรียมรับมือกับเรา

****************************







ฝันไปเถอะครับรัฐบาล


Posted by ด้ามขวาน , ผู้อ่าน : 40 , 17:58:12 น.   http://www.oknation.net/blog/narong/2007/03/21/entry-1
                  วันนี้ขอบรรเลงต่อตอน 2 เหตุป่วนใต้กลายพันธุ์ ซึ่งทุกยุคทุกสมัยทุกรัฐบาลวาดฝันว่าเหตุป่วนใต้จะสงบลงได้ต้องมีเจ้าหน้าที่ประเทศมาเลเซียเข้าร่วมแก้ไขปัญหา เพราะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ต่างสรุปว่าคนร้ายหรือโจรใต้เมื่อก่อเหตุร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว จะแฝงตัวหลบหนีไปกบดานในรัฐต่างๆของประเทศมาเลเซียและมีการประชุมปรึกษาหารือเกือบทุกยุดทุกสมัยทุกรัฐบาล (แล้วเป็นไง.........ถึงเงียบ........? )
                  โดยข้อเท็จจริงแล้วผมได้สนิทสนมกับแหล่งข่าวรายหนึ่งของประเทศมาเลเซีย ซึ่งเขารับผิดชอบปัญหาความมั่นคง (สันติบาต) ว่าปัญหาความไม่สงบนั้นมาเลย์เขาอึดอัด และพูดไม่ได้ ที่ชัดๆคือ ถ้ามาเลเซียให้ความร่วมมือขจัดโจรใต้ที่แฝงตัวในประเทศ ก็จะถูกกลุ่มประเทศอาเซี่ยนมุสลิมกว่า 30 ประเทศทั่วโลกที่จ้องดูประณามว่าอิสลามล้มล้างอิสลามได้ไง และมาเลเซียเองโดยเฉพาะรัฐกลันตัน ซึ่งอยู่ติดกับพรมแดนด้าน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นรัฐฝ่ายค้าน และชนะรับเลือกตั้งได้มาตลอดก็เพราะคะแนนเสียงของโจรใต้หรือเรียกแบบสุภาพชนคือ คนมีบัตรประชาชน 2 สัญชาติ เพราะนักการเมืองได้คะแนนจากกลุ่มนี้แบบโดดๆ เมื่อถึงคราวเลือกตั้งก็ถือว่าได้คะแนนเสียงไปแล้วกว่า 50 เปอร์เซ้นต์ แล้วรัฐกลันตันจะเป็นของฝ่ายรัฐบาลได้ไง้ครับ
                   ถามว่าแล้วเมื่อไรจังหวัดชายแดนภาคใต้สงบ ก็บอกได้ว่าอยู่ที่รัฐบาลเอง ไม่ต้องหวังน้ำบ่อหน้าอย่างมาเลย?เถอะครับรัญบาล
                  

หัวหน้าโจรแฉโจร


"สนธิ" สั่งกระทรวงต่างประเทศตรวจสอบคนไทยในสวีเดน 
หนุนหลังโจรใต้ ปัดเขมรมุสลิมส่งยุทธภัณฑ์ช่วย ส่วนทหารมาเลย์ มาพักในโรงแรมย่านบางลำพู เป็นแค่มาเที่ยว ยันไม่ห่วงยุบพรรค บอกยังยิ้มได้ 

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช.
เมื่อเวลา 16.00 น. 
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) กล่าวถึงการประชุมร่วมกับครม.ในวันนี้ (22 พ.ค.) ว่า

ได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาพรวมให้ครม.ทราบ พร้อมทั้งเสนอให้กระทรวงต่างประเทศติดตามข้อมูลข่าวสารในการเคลื่อนไหวของต่างประเทศด้วย

เมื่อถามว่า มีชาวมุสลิมเขมรนำยุทธภัณฑ์เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีการกวดขันอย่างไรบ้าง

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เขมรจนจะแย่อยู่แล้ว เดินทางมาคนหนึ่งมีคนละ 200-300 บาท และมีของใช้ติดตัวอาจจะมียาเวชภัณฑ์เล็กๆ น้อย คงจะไม่ไปช่วยในพื้นที่ภาคใต้

เมื่อถามว่า ดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ใช่หรือไม่ ที่จะส่งยุทธภัณฑ์ไปใช้ในการก่อเหตุ

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ ความยากจนของเขามีมากอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า กรณีเขมรมุสลิมเข้ามาในประเทศและกลับออกไปไม่เท่ากับจำนวนที่เข้ามาจะมีมาตรการดูแลอย่างไร

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า บอร์เดอพาสต์ (ใบผ่านแดน) ที่มาเขาอนุญาตให้มาซึ่งสามารถเข้ามาในประเทศไทยได้ ซึ่งบางส่วนที่เข้ามาคาดว่าจะไปทำมาหากินใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่เท่าที่ทราบเขมรเหล่านี้จะเข้ามาในประเทศไทยแล้วข้ามไปยังมาเลเซีย และเวลากลับคงมีน้อย

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช.
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าให้กระทรวงต่างประเทศตามข้อมูลข่าวในต่างประเทศแสดงว่า
มีความเกี่ยวพันกันกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มีคนที่อยู่ต่างประเทศอยู่บ้าง และคงเคยได้ยินว่ามีอยู่ในประเทศสวีเดนหรือยุโรป ซึ่งมีอยู่บ้าง ทั้งนี้ ได้ให้กระทรวงต่างประเทศติดตามข้อเท็จจริงว่ามีจริงหรือไม่และมีจำนวนมากน้อยเพียงใด

เมื่อถามว่า กลุ่มคนในประเทศดังกล่าวให้การช่วยในรูปแบบใด

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มีการเคลื่อนไหวซึ่งเป็นคนไทยที่อพยพเข้าไป 

เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวในประเทศสวีเดนเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ หรือเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า มีการเคลื่อนไหวในประเทศสวีเดน ซึ่งได้ให้กระทรวงต่างประเทศไปตรวจสอบ ซึ่งเราได้รับข่าวสารว่ามีคนไทยบางส่วนที่หลบหนีเข้าไปในมาเลเซีย ไปทำตัวในทำนองที่ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ และทางมาเลเซียไม่ให้อยู่ จึงหลบหนีไปอยู่ยังประเทศสวีเดน

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช.
เมื่อถามว่า มีรายงานว่าทหารมาเลเซียแอบเข้ามาประเทศไทยจำนวน 10 คน 
มาพักที่โรงแรมนครพิงค์ ย่านบางลำพู ได้รับรายงานหรือยัง

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ในรูปแบบการเดินทางและการปฏิบัติตนคงไม่มีปัญหาเรื่องระหว่างประเทศน่าจะเป็นการเข้ามาท่องเที่ยวมากกว่า

เมื่อถามว่า เป็นทหารมาเลเซียที่เข้ามาทำงานแต่ว่าพฤติกรรมเป็นคนละอย่าง

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า อือ...ไม่น่าใช่ น่าจะเป็นการมาท่องเที่ยวเสียมากกว่า และมาอยู่ที่บางลำพูซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว และหากว่ามีในลักษณะมาไม่ชอบมาพากลคงไม่มาในลักษณะนี้

เมื่อถามว่า มีความกังวลในสถานการณ์ทางการเมืองในสัปดาห์นี้หรือสองสัปดาห์ที่จะมีการยุบ พรรค

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่มี ไม่มีครับ ก็เห็นยังยิ้มอยู่เลย 

เมื่อถาม ทีมฟุตบอลแมนแชตเตอร์ยูไนเต็ด (แมนยู) ไม่ได้คว้าดับเบิลแชมป์รู้สึกอย่างไร

พล.อ.สนธิ กล่าว แบบยิ้ม มันก็เศร้าซิ


ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพจาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
 


วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

ประกาศปฎิญญาปัตตานี

ประกาศปฎิญญาปัตตานี
นักวิชาการมุสลิมโลกร่วมประกาศปฏิญญาปัตตานี ตระหนักถึงสันติภาพ ป้องกันความคิดสุดโต่ง
by southcivilmedia | Sat, 2010-12-25 09:52http://www.deepsouthwatch.org/node/1189
มูฮำหมัดอันวัร หะยีเต๊ะ บูหงารายานิวส์
แซมซู แยะแยง สื่อสันกาลาคีรี
โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้(DSW)

เมื่อ วันที่ 23 ธันวาคม 2553 ที่ห้องประชุมวิทยอิสลามนานาชาติ วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตปัตตานี การประชุมสัมมนาทางวิชาการนานาชาติ หัวข้อ “Roles of Islamic Studies in Post Globalized Societies” ดำเนินมาเป็นวันที่ โดยในช่วงเวลาประมาณ 13.30 น. ผู้บริหารมหาวิทยาลัยต่างๆ 40 แห่ง จาก 16 ประเทศได้ร่วมกันประกาศปฏิญญาปัตตานี หลังจากที่ได้ใช้เวลาร่วมกันร่างเกือบ 4 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 09.00 น.

  

โดย ปฏิญญาปัตตานีปัตตานีดังกล่าว รศ.ดร.บุญสม ศิริบำรุงสุข อธิการบดีหมาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นผู้อ่านปฏิญญาเป็นภาษาไทย และผู้บริหารมหาวิทยาลัยในประเทศจอร์แดนเป็นผู้อ่านคำประกาศเป็นภาษาอาหรับ เนื้อหาของปฏิญญาปัตตานี สรุปได้ดังนี้
สืบ เนื่องจากการหารือในการประชุมนานาชาติ เรื่อง “Roles of Islamic Studies in Post Globalized Societies” ณ จังหวัดปัตตานี ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 21 – 23ธันวาคม 2553 พวกเราเห็นพ้องต้องกัน และรับหลักการสำคัญเพื่อการพัฒนาอิสลามศึกษา จึงขอประกาศปฏิญญาว่า
1. อิสลามศึกษาจะนำไปสู่สันติสุข และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่เฉพาะระหว่างชาวมุสลิมเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงมวลมนุษยชาติ
2. อิสลามศึกษาจะบูรณาการศาสนา การศึกษาด้านวัฒนธรรม การฝึกอบรมด้านวิชาชีพและทักษะที่สอดคล้องกันเพื่อประโยชน์สุขของชุมชน และอนาคตของเยาวชนในรุ่นต่อๆไป
3. อิสลามศึกษาจะส่งเสริมและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เจริญก้าวหน้า ยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่การเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งรวมถึงความมั่นคงและความ ยุติธรรมทางสังคมด้วย
4. อิสลามศึกษาจะส่งเสริมความเป็นนานาชาติของมุสลิม ซึ่งจะสนับสนุนให้เกิดการประสานความร่วมมือระหว่างพลเมืองของโลก
5. อิสลามศึกษาจะส่งเสริมในเรื่องโอกาสในการพูดคุยระหว่างสมาชิกประชาคมมุสลิม และเสริมสร้างคุณค่าของมนุษย์ให้ตระหนักถึงสันติภาพของชาติ และป้องกันความคิดที่สุดโต่ง
ภายใต้หลักการสำคัญเหล่านี้ พวกเราในฐานะผู้แทนมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษา ขอให้คำมั่นว่า
        

1. พวกเราจะตระหนักถึงเรื่องความสำคัญ ของคุณภาพ และความสมบูรณ์ของอิสลามศึกษา เพื่อให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานอิสลามศึกษา (Islamic Studies Coordinating Committee : ISCCO) ภายในปี พ.ศ.2555 (ค.ศ.2012 /ฮ.ศ.1434)
2. พวกเราจะจัดตั้งเครือข่ายองค์กรการวิจัย (Research Organization Network : RON) เพื่อประสานและอำนวยความสะดวกในคุณภาพของงานวิจัยทางวิชาการ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความเข้าใจและการพัฒนายุทธศาสตร์เพื่ออิสลามศึกษา และสังคมของเรา
3. ให้การงานวิชาการมีความง่ายดายและสอดคล้องต่อยุทธศาสตร์การพัฒนา
4. การร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้น ระหว่างนักวิชาการต่างๆ ในเรื่องของการทำวิจัย
5. มีการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านการศึกษา ให้มีความรู้ความเข้าใจร่วม
6. การจัดหลักสูตรทางด้านการศึกษา ในประเด็นที่เกี่ยวกับโลกาภิวัตน์
7. วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา เป็นจุดศูนย์รวมภาษาอาหรับในประเทศไทย
8. การประชุมลักษณะนี้จะจัดทุกๆ ปี      
Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม