วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557

กฎหมายพิเศษ กับการจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรง



แบมะ ฟาตอนี

             เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2557 ชุดสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เข้าตรวจสอบเป้าหมายยาเสพติด บริเวณ บ้านบ่อเจ็ดลูก หมู่ที่ 6 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ได้ตรวจพบผู้ต้องสงสัยจำนวน ๒ คน หลบหนีจากบ้านต้องสงสัย จึงได้ทำการจับกุม จากนั้นได้ร้องขอกำลังเพิ่มเติมจาก ชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม หน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 และกรมทหารพรานที่ 41 เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 6 บ้านบ่อเจ็ดลูก ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา พบบุคคลต้องสงสัย จำนวน 3 คน ทราบชื่อ นายมารูวัน สาและ, นายอายุ มะแอ และ นายมะลีเพ็ง มะลี ซึ่งเป็นจ้าของบ้าน สามารถยึดอาวุธปืน และอุปกรณ์ประกอบระเบิดแสวงเครื่องได้จำนวนหลายรายการ




            ในส่วนของความคืบหน้าเหตุการณ์ที่กลุ่มคนร้ายได้ลอบวางระเบิดจำนวน 2 จุด ในพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้รับข้อมูลจากฝ่ายสืบสวนสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งติดตามข้อมูลทางเทคนิค และกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ จนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยทำการก่อเหตุได้จำนวน 5 คน และยังคงหลบหนีอีก จำนวน 4 คน จากการซักถาม และให้คำรับสารภาพของผู้ต้องสงสัยทำให้ทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ ได้ใช้พื้นที่ อำเภอจะนะ และอำเภอนาทวี เป็นสถานที่วางแผนเตรียมการ และใช้เป็นที่หลบซ่อนพักพิง พร้อมทั้งได้แฉผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง การวางแผนการก่อเหตุ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกรณีการลอบวางระเบิดโรงแรมลีการ์เด้น เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555

https://www.facebook.com/photo.php?v=715585008506161&set=vb.436580453073286&type=2&theater

             จากการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนในห้วงนี้จะเห็นได้ว่ามีการติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมาย มีการตรวจพบอุปกรณ์ผลิตระเบิดจำนวนมาก ซึ่งจากการวิเคราะห์ของหน่วยงานด้านความมั่นคงได้มีการประเมินสถานการณ์น่าจะมีการเตรียมการก่อเหตุลอบวางระเบิดครั้งใหญ่ก่อนเดือนรอมฎอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอดของพี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งจะมีในระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน ถึง 28 กรกฎาคม 2557 แต่ถือได้ว่าเป็นความโชคดีที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้รับการแจ้งเบาะแสที่เป็นประโยชน์จากประชาชนที่ไม่ต้องการความรุนแรง และไม่อยากให้เกิดความสูญเสียขึ้น จนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย และยึดอาวุธปืน อุปกรณ์ประกอบระเบิดได้เป็นจำนวนมาก



           การสร้างความปั่นป่วนก่อนเดือนรอมฎอนของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง มุ่งที่จะสร้างความหวาดกลัว หวาดระแวงให้เกิดขึ้นในสังคมไม่มีที่สิ้นสุด หน่วยงานด้านความมั่นคงพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐหลายฝ่ายร่วมมือผสานกันปกป้องไม่ให้มีการก่อเหตุ แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงพยายามหาช่องโหว่เล็ดลอดสายตาจากการตรวจตรา หรือความเผอเรอของเจ้าหน้าที่ในการสร้างความเดือดร้อนด้วยวิธีการต่างๆ

             การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ มาถึงนาทีนี้การประกาศใช้กฎหมายพิเศษยังมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเชิงรุกหรือเชิงรับตามยุทธศาสตร์และแนวทางการแก้ปัญหา เพื่อให้พื้นที่แห่งนี้กลับมาสงบสุขอย่างยั่งยืน การปกป้องให้ประชาชนทุกเชื้อชาติ และศาสนา มีความปลอดภัยได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม การบังคับใช้กฎหมายมีความยุติธรรม ไม่เป็นเงื่อนไขให้บุคคลที่ไม่หวังดีให้พื้นที่แห่งนี้นำไปเป็นประเด็นในการกล่าวหาโจมตี เรียกร้อง ปลุกปั่น ให้ประชาชนเกลียดชัง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย และประชาชนทุกหมู่เหล่าสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้ความหลากหลายของประเพณี และวัฒนธรรม

            ในความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนต่อการประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อเปรียบเทียบการประกาศบังคับใช้ในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้ จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่าง ในการเอาจริงเอาจังในการปฏิบัติ มีการกวาดล้างอาวุธสงคราม ผู้มีอิทธิพลเถื่อน บ่อนการพนัน ซึ่งท่านผู้อ่านคงได้ติดตามข่าวสารทางสื่อทุกชนิดที่ได้มีการนำเสนอข่าวสารไปแล้ว มีการเดินหน้าสร้างความสมานฉันท์ของกลุ่มเสื้อสีต่างๆ เพื่อนำความรัก ความสามัคคี และคืนรอยยิ้มแห่งความสุขให้กับคนไทยทุกหมู่เหล่า ในทางกลับกันเมื่อกลับมาทบทวนการบังคับใช้กฎหมายพิเศษในพื้นจังหวัดชายแดนภาคใต้แห่งนี้ พื้นที่ที่มีความขัดแย้งของคนบางกลุ่มที่สร้างความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงแห่งรัฐไทยที่มีความยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน จากปัญหาที่ทับถมบ่มเชื้อสร้างแนวคิดอย่างผิดๆ จนเกิดกระบวนการสุดโต่ง มีการซ่องสุมกองกำลัง การใช้อาวุธและวัตถุระเบิดในการทำลายล้างเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ ยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ

            รัฐไทยไม่อยากสร้างผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ในการประกาศใช้กฎหมายพิเศษในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การปฏิบัติไม่ได้มีความเข้มงวด กวดขันเท่าที่ควร แต่กระนั้นฝ่ายที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐก็ยังนำไปโจมตีกล่าวหามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้มีการยกเลิกโดยอ้างประชาชนได้รับผลกระทบในการดำเนินชีวิต



            แนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ในส่วนตัวผู้เขียนมีความเห็นว่า นับเป็นโอกาสที่ดีที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ ทุกจังหวัดมีการปฏิบัติเหมือนกัน หน่วยงานความมั่นคงที่กำกับดูแลการแก้ปัญหาดูแลความสงบควรใช้โอกาสนี้ในการปฏิบัติงานเชิงรุก ทำการกวาดล้างแหล่งซ่องสุมกำลัง ผู้มีอิทธิพลเถื่อน พ่อค้ายาเสพติด น้ำมันเถื่อน และสินค้าหนีภาษี ที่เป็นแหล่งเงินทุนสนับสนุนในการก่อเหตุให้สิ้นซาก และสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายพิเศษในการแก้ไขปัญหาให้เป็นกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์ มีความเสมอภาค และยุติธรรม เพื่อนำพาความสงบสุข สันติ กลับคืนมา และที่สำคัญนำตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ได้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนของศาลสถิตยุติธรรม และลงโทษตามความผิดที่ได้กระทำมา ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างในการสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนโดยรวมต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม