จากปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ในวันที่ผมได้นั่งคุยกับ พี่ต๋อง วิษณุ รัตนหิรัญ 1 ใน 2 ท่าน ที่เดินเท้าจากปัตตานีเข้ากรุงเทพฯ วันนั้นพวกเราพักกับใน อ.รัตภูมิ
พี่ต๋องบอกกับผมว่า…….
....“กับปัญหาความไม่สงบ ในบ้านเกิดของพวกเรานั้น พวกเราต่างก็รู้กันดีอยู่ว่า มันมีคนกลุ่มหนึ่ง ที่มันทำชั่วทำเลวกับคนบริสุทธ์ หากเปรียบเทียบพวกนี้ก็คงไม่แตกต่างจาก กองขี้ 1 กอง ที่ถูกวางอยู่ตรงใจกลางของ 3 จังหวัด มันเป็นของเสียที่น่ารังเกียจ ที่กำลังส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วพื้นที่ 3 จชต. เกิดเหตุขึ้นมาที มันก็ส่งกลิ่นมาเข้าจมูกพวกเราทุกครั้ง จนทุกวันนี้เหตุการณ์ยิ่งหนักขึ้น กลิ่นก็แรงขึ้น จนทุกคนทนกลิ่นไม่ไหว
.... จนพวกเราต้องหันไปถามกันว่า เหม็นกลิ่นอะไร??????
ถามทั้งๆ ที่ #พวกเราก็รู้ว่ากลิ่นมันมาจากไหน ทั้งๆ ที่เราต่างก็รู้ว่ามันมี “กองขี้” ที่น่ารังเกียจอยู่กองหนึ่ง ในพื้นที่ 3 จชต. “
... กองขี้ ที่มันถูกปล่อยออกมาจากพวกนอกรีต เป็นพวกไส้ติ่งเน่าของศาสนา เป็นเพียงเศษเน่าๆ เพียงส่วนเล็กๆ ในศาสนา ที่พยายามใช้ความเชื่อ และคำสอนที่บิดเบือนไปจาก สิ่งที่ถูกต้องของหลักคำสอนในศาสนา
.... หากถามว่า พวกเราปฏิเสธได้มั้ยว่า #มันไม่เคยมี ความเชื่อของ กลุ่มคลั่งศาสนาที่สุดโต่ง และใช้ความรุนแรงกับคนที่คิดเห็นต่างจากพวกเขา ทั้งพวกศาสนาเดียวกัน และคนนอกศาสนา อยู่ใน 3 จชต. เลย??????
…. พี่ต๋องบอกว่า “เราทุกคนรู้ว่า ในพื้นที่มันมีพวกนี้อยู่จริงๆ แต่เราทุกคนกลับเลี่ยงที่จะเอ่ยถึงมัน เรากลับพูดมันเฉไปซ้ายทีขวาที กลับไปพูดว่ามันเป็นเรื่องยาเสพติด เรื่องของผู้มีอิทธิพล เรื่องของหนีภาษี เรื่องของผลประโยชน์ เราไปพูดถึงเรื่องที่มันเป็นแค่ส่วนล็กๆ ที่ใช้เหตุความไม่สงบนี้หากิน” แล้วแกก็ถามผมว่า...
...”แล้วเรื่อง ยาเสพติด, ผู้มีอิทธิพล, ของหนีภาษี, เรื่องผลประโยชน์ ที่อื่น จังหวัดอื่น มีมั้ย? เรื่องแบบนี้มันมีอยู่ทุกซอกทุกมุมของประเทศไทย แต่ทำไมที่อื่นเขาไม่ฆ่าแกงกันเหมือนกับใน 3 จังหวัดบ้านเราล่ะ? ทำไม 3 จังหวัดบ้านเรา ถึงได้ฆ่ากันแบบโหดร้ายขนาดนี้ กับเรื่องที่มันมีเหมือนๆ กันกับที่อื่น แต่บ้านเรา ฆ่าพระ ฆ่าคนไปทำไร่ทำนา ฆ่าครู มันฆ่าใครก็ได้ที่มันอยากฆ่า เราลองคิดดูสิ ว่าเขาใช้อะไรขับเคลื่อนให้ คนที่เป็นมนุษย์เหมือนๆ กัน ออกมา เข่นฆ่ามนุษณ์ด้วยกันเองได้อย่างเลือดเย็นเหมือนอย่างทุกวันนี้ ฆ่าโดยที่ไม่เคยมีเรื่องมีราวกันหรือว่าไม่เคยโกรธแค้นกันมาก่อน#เมื่อเรารู้แล้วทำไมเราไม่โกยกองขี้ก้อนนั้นทิ้งไปล่ะเรารออะไรกันอยู่????”
....ผมนั่งฟังมันก็จริงอย่างที่พี่ต๋องพูด เพราะพอเราพูดว่า ก็ในศาสนาของท่านนั้นล่ะ มีพวกนอกรีต มีพวกที่เสี้ยมสอนกันแบบผิดๆ แฝงอยู่ พอเราพูดแบบนี้ ทุกคนก็จะบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ #ละเอียดอ่อน เราไม่ควรพูดแบบนั้น
........พวกเรากำลังทำตัวเหมือนนกกระจอกเทศที่หนีปัญหา คือพอเห็นภัยมาก็รีบเอาหัวมุดดิน แล้วก็พูดเฉไฉไปว่า ไม่เห็นมีปัญหาอะไรแบบนั้นเลย เหมือนพวกเรากำลังหนีความจริง ที่เราก็รู้อยู่เต็มอกและสัมผัสมันได้ในพื้นที่ ว่ามันมีเรื่องแบบนี้อยู่จริงๆ แต่เราก็เลือกที่จะเอาหัวมุดดิน แล้วไม่เอ่ยถึงมัน แล้วอย่างนี้ปัญหาจะได้รับการแก้ไขได้ทุกมิติอย่างไร แล้วเมื่อไหร่ความรุนแรงมันจะได้รับการกำจัดให้หมดไปจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ของบ้านเรา
..... และประเด็นสำคัญคือ #การยอมรับความจริง ไม่ว่าจะศาสนาไหนๆ เราก็รู้ว่ามันมีพวกนอกรีต มันมีจุดดำๆ เป็นกาฝากแฝงอยู่ แม้แต่ในศาสนาพุทธของเราเอง ก็มีเช่นกัน ทั้งประพฤติตัวไม่เหมาะสม ประพฤติตัวให้พระพุทธศาสนาต้องเสื่อมเสีย แต่พวกเราก็ยอมรับมัน แจ้งเจ้าอาวาสแจ้งเจ้าคณะจังหวัด เพื่อทำการค้นหาความจริงและลงโทษ
.... แล้วในศาสนาที่กำลังสอนให้เบียดเบียนเพื่อมนุษย์ด้วยการ “เข่นฆ่า” เพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการของตนเพียงกลุ่มเดียว ถ้าสิ่งนี้ไม่ใช่หลักคำสอนที่ถูกต้อง ทำไมผู้นำศาสนาไม่ออกมาต่อต้านและ เคลื่อนไหวให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่พอมีคนพูดว่า “ในศาสนานี้มีกลุ่มหัวรุนแรง และมีพวกบิดเบือนหลักคำสอนแฝงอยู่” ทุกคนก็รีบออกมาบอกว่า นั้นมันไม่ใช่หลักคำสอนของเรา!!! แล้วผมอยากจะถามว่า แนวคิดแบบนี้ที่มันกำลังแพร่พันธ์และถูกปลูกฝังให้เด็กรุ่นใหม่ในพื้นที่ 3 จชต. มันเป็นติ่งออกมาจากศาสนาพุทธ หรือว่าศาสนาคริสต์ ใช่มั้ยครับ???
.... กล้ายอมรับความจริง จะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ช่วยกับปกปิดปกป้องคนเลวๆ เอาไว้ใต้ผ้าถุงเน่าๆ นั้น ให้มันเป็นผลเสียต่อศาสนาของตัวเอง
เครดิจ : เพจชนพุทธกุ่มน้อยใน 3 จชต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น