วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เมื่อ 3 NGOs ถูกรัฐฟ้องดำเนินคดี บรรดาสื่อแนวร่วมปากดีต่างวิ่งพล่านหางจุกตูด



          การนำเสนอข่าวเรื่อง กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า แจ้งความดำเนินคดีกับ 3 นักสิทธิมนุษยชนชายแดนใต้ LEMPAR และ ฮิวแมนไรท์วอทช์ ขาดการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านสุ่มเสี่ยงต่อการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้กฎหมู่ให้อยู่เหนือกฎหมาย

          LAMPAR และ ฮิวแมนไรท์วอทช์ รวมไปถึงบรรดาเครือข่ายเว็บเพจ: Wartani เว็บเพจ: Suara Patani ได้นำเสนอข่าวเรื่อง กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า แจ้งความดำเนินคดีกับ 3 นักสิทธิมนุษยชนชายแดนใต้ โดยเฉพาะ LEMPAR ซึ่งมี นายตูแวดานียา ตูแวแมแง เป็นอำนวยการสำนัก ได้ออกแถลงการณ์พิเศษ จี้ภาครัฐให้ความเป็นธรรมต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชน

          ในเวลาต่อมาโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้การออกมาเรียกร้องของกลุ่ม LEMPAR และ ฮิวแมนไรท์วอทช์ โดยขาดการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านจะสุ่มเสี่ยงต่อการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้กฎหมู่ให้อยู่เหนือกฎหมายซึ่งจะเป็นบัญหาและอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

          สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (LEMPAR) และองค์กรภาคี อ้างเหตุผลเรียกร้องเพื่อไม่ให้สถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ตึงเครียดไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เนื้อหาใจความเรียกร้องไปยังเครือข่ายนักสิทธิมนุษยชนทั้งในและระหว่างประเทศ ช่วยกันรณรงค์ปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้ง 3 คน และขอให้ภาครัฐให้ความเป็นธรรมและเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนว่าด้วยสิทธิของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนนั้นจะต้องได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายแห่งรัฐ

          การอ้างเหตุผลเรียกร้องเพื่อไม่ให้สถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ตึงเครียดไปมากกว่าที่เป็นอยู่ของ LAMPAR เป็นสิ่งที่สวนทางกับความจริง เหตุไฉน!!การอ้างเหตุผลฟังดูสวยหรู แต่พฤติกรรมการกระทำกลับซ่อนเงื่อนดึงเครือข่ายนักสิทธิมนุษยชนทั้งในและระหว่างประเทศ ช่วยกันรณรงค์ปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้ง 3 คน

         ทั้งๆ ในความเป็นจริงบุคคลทั้ง 3 ร่วมกันกระทำความผิดอย่างชัดเจน บางคนเคยได้รับโอกาสจากรัฐมานับครั้งไม่ถ้วน อย่างเช่น นางสาว พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผอ.มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เคยบิดเบือนข้อมูลกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐซ้อมทรมานผู้ต้องสงสัย หน่วยงานที่ถูกกล่าวหาได้ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นไปตามที่ นางสาวพรเพ็ญฯ กล่าวหา สุดท้ายมีการยอมความถอนฟ้องเพื่อเห็นแก่ลูกผู้หญิงเพศแม่

        ผิดแล้วกลับไม่หลาบจำยังคงเดินหน้าสร้างความร้าวฉาน ด้วยการเปิดเผย เผยแพร่ข้อมูลการซ้อมทรมานจังหวัดชายแดนภาคใต้อันเป็นเท็จสร้างความเสื่อมเสียให้กับภาครัฐ ควรเป็นบทเรียนและเป็นตัวอย่างของการรายงานมั่ว รวมไปถึงการเคลื่อนไหวใดๆ ที่มุ่งสร้างความเสื่อมเสียด้วยการบิดเบือนความจริง มิเช่นนั้นกลุ่มบุคคลเหล่านี้ยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะเช่นนี้อยู่ต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม