วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555


สร้างความอัีปรีย์ แต่ผลสุดท้าย ตัวเองโดนซะเอง

         ฝีมือของกลุ่มโจรใต้ที่โดนระเบิด เพราะก่อนเกิดเหตุ มันมากัน 2 คน ขับรถ จยย.มาเพื่อจะมาวางระเบิดที่กลุ่มของมันประกอบระเบิดไว้กับรถ จยย. แต่ระเบิดแตกก่อน ทำให้โจรทั้ง 2 คน ตายคาที่ มีชิ้นส่วนใหญ่แค่นี้อะ ดูแล้วพิจารณาเองนะเพื่อนสมาชิก ว่าการกระทำของกลุ่มโจร มันมีตัวตนที่แท้จริง






http://narater2010.blogspot.com/

ไอ้พวกนี้หรือปล่าว ที่จะร่วมพัฒนาชาติไทย


ดูหน่อยซิ ว่าไอ้พวกทีี่มาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย คือ ไอ้พวกนี้หรือปล่าว


ประกาศ!!  โฉมหน้าโจรใต้ ที่ทางการต้องการ!

image


image


image


image

image

image
http://narater2010.blogspot.com/

อัตลักษณ์ของใคร


อัตลักษณ์เหล่านี้ ท่านคิดว่าเป็นคนพวกไหน

อัตลักษณ์ หมายความว่าอย่างไร ?

           คำว่า อัตลักษณ์ (อ่านว่า อัด-ตะ-ลัก) ประกอบด้วยคำว่า (อัต อ่านว่า อัด-ตะ) ซึ่งหมายถึง ตน หรือ  ตัวเอง กับ ลักษณ์ ซึ่ง หมายถึง สมบัติเฉพาะตัว. คำว่า อัตลักษณ์ ตรงกับคำภาษา อังกฤษว่า identity (อ่านว่า ไอ-เด็น-ติ-ตี้) หมายถึง
ผลรวมของ ลักษณะเฉพาะของสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้สิ่งนั้นเป็นที่ รู้จักหรือจำได้ เช่น นักร้องกลุ่มนี้มีอัตลักษณ์ทางด้านเสียงที่เด่น มาก ใครได้ยินก็จำได้ทันที. สังคมแต่ละสังคมมีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเอง.

ทีนี้มาดูกันว่า อัตลักษณ์แบบที่นำมาให้ดูกันต่อไปนี้ คืออัตลักษณ์ของใคร
 
อัตลักษณ์ที่ 1 
อ้างลัทธิ อ้างศาสดา เพื่อทำลายล้างผู้อื่น     

      พวกของตัวเอง ดูหมิ่น ทำลายล้างศาสนาอื่นอย่างสนุกสนาน 
โดยอ้างศาดาของตัวเองสั่งให้ทำได้ ที่บามิยัน ทั่วโลกรับรู้





      ชายคนเดียว สร้างภาพยนต์ ที่เขาอ้างว่าหมิ่นศาสดาของเขา ก็ปลุกระแส ระดมกันทั่วโลก โดยอ้างว่า ทุกคนในลัทธินี้ เป็นพี่น้องกัน




อัตลักษณ์ที่ 2 
กดขี่ทางเพศ สตรีในลัทธินี้ เป็นเสมือนสัตว์เลี้ยง

       ผู้ชายอ้างว่า ศาสดาอนุญาตให้มีภรรยาได้มากมาย 


แต่ถ้าเป็นสตรี จะถูกอ้างว่าเป็นความผิด ตามคำสอนของศาสดาเจ้าลัทธิ และสตรีจะถูกลงโทษตามบัญญัติของศาสดา เช่นนี้


หรือเช่นนี้  


หรืออาจถูกขว้างด้วยก้อนหินจนตายเช่นนี้



อัตลักษณ์ที่ 3  
กฏเกณฑ์ที่บังคับกดขี่เฉพาะสตรี ในพวกเดียวกัน และทุกข้อกดขี่ก็จะอ้างอิงคำสอนของเจ้าลัทธิเสมอ


สตรีชนชั้นที่ถูกปกครอง ต้องคลุมหัวคลุมหน้าเช่นนี้


ถ้าสตรีคนใดไม่ปฏิบัติตาม ก็จะถูกข้ออ้างของเจ้าลัทธิ ให้ทำเช่นนี้



มีบทลงโทษด้วยการถูกขว้างด้วยก้อนหินจนตาย

อัตลักษณ์ที่ 4 
ห้ามเรียนรู้โลกภายนอก เพราะจะทำให้ฉลาดขึ้น แล้วจะปกครองยาก

บรรดาลูก ๆ ของชาวบ้าน จะถูกบังคับให้เรียนเฉพาะในโรงเรียนที่ชนชั้นปกครองต้องการครอบงำ และบังคับไม่ให้เรียนรู้โลกภายนอก


แต่บรรดาลูก ๆ ของผู้นำจะส่งไปเรียนต่อในเมืองหลวง หรือไปเรียนในต่างประเทศ แล้วก็กลับมากดขี่ประชาชนภายใต้ปกครองของตนเองและคัมภีร์ต่อไป


อัตลักษณ์ที่ 5  อ้างสิทธิมนุษยชน  แต่คนที่ถูกปกครองไม่เคยมีสิทธิ์นั้น

เด็กชายสองคนที่รักกัน  จำเป็นต้องถูกกำจัด  โดยสิทธิ์ของใคร

      

อัตลักษณ์ที่ 6
ปลูกฝังความรุนแรงตั้งแต่เด็ก เพื่อกลายเป็นเครื่องมือในการปกครอง



สร้างความรุ่นแรงให้กลายเป็นนิสัยตั้งแต่เด็ก



เมื่อโตขึ้น





และโตขึ้น





และท้ายที่สุดก็คือ





ขอเชิญท่านพินิจพิจารณา ตามแต่สติปัญญา 
ว่าอัตลักษณ์เหล่านี้ คือคนพวกไหนกัน


http://narater2010.blogspot.com/

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555


ยืนยันความเลวระยำอีกครั้ง
          
         เมื่อเวลา 12.50 น.วันที่ 21 ก.ย. เกิดเหตุใช้อาวุธปืนยิงร้านขายทองกมลพรรณ ย่านตลาดชุมชน เขตเทศบาลตำบลตะลูบัน ถนนสายบุรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานี อยู่ใกล้กับตลาดสดชุมชน ห่างสภ.สายบุรีเกือบ 100 เมตร ที่เกิดเหตุปรากฏว่าคนร้ายหลบหนีไปแล้ว ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายทองรูปพรรณ ปรากฏว่ากระจกเสียหาย ไม่พบผู้บาดเจ็บ ขณะที่เจ้าหน้าที่กระจายกำลังตรวจสอบ ได้เกิดคาร์บอบม์ หน้า บริษัท พิธานพาณิชย์จำกัด สาขา อ.สายบุรี (ร้านจำหน่ายรถยนต์โตโยต้า) ห่างจากร้านทองประมาณ 30 เมตร ทำให้เจ้าหน้าที่ ชาวบ้าน และหน่วยกู้ภัย ถูกแรงระเบิดและสะเก็ดระเบิด ได้รับบาดเจ็บนอนร้องครวญครางกันระเนระนาด เจ้าหน้าที่และประชาชนช่วยลำเลียงผู้บาดเจ็บและวิทยุขอรถพยาบาลจากอำเภอใกล้เคียงกว่า 10 คัน ช่วยกันนำร่างผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชอำเภอสายบุรี โดยมีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บประมาณ 30 กว่าคน รวมทั้ง ผกก. รอง ผกก. สวป.เจ้าหน้าที่จราจร และพนักงานขับรถของสภ.สายบุรี 

         ส่วนผู้บาดเจ็บสาหัส นำส่งโรงพยาบาลจังหวัดปัตตานี โรงพยาบาลศูนย์ยะลาและโรงพยาบาลจังหวัดนราธิวาส ซึ่งที่โรงพยาบาลปัตตานี ได้ประกาศทางสถานีวิทยุต่างๆรวมทั้งแจ้งหน่วยงานต่างๆช่วยกันบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ แรงระเบิดทำให้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่อยู่สองฝั่งถนนเสียหายหนักรวม 28 หลังคาเรือน โดยเฉพาะบ้านเรือนที่เป็นอาคารไม้ 2 ชั้นใกล้ที่เกิดเหตุ 5 ห้อง เกิดเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่ต้องดับเพลิงเพื่อไม่ให้ลามไปที่อื่นประมาณ 2 ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงได้ เสียหายหมดทั้ง 5 หลัง 

          เมื่อเข้าไปตรวจสอบในกองไม้พบศพอีก 2 คน สภาพศพถูกแรงระเบิดศีรษะหายไปซีกหนึ่ง ส่วนอีกรายมีบาดแผลระเบิดทั่วร่างกาย ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์คาร์บอมบ์ แหลกทั้งคันเหลือเพียงห้องเครื่อง เป็นรถยนต์กะบะ เชฟโรเล็ต ตอนครึ่ง สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน พบว่าเป็นรถที่คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องเครื่องบรรจุในถังแก๊สขนาด 50 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตั้งไว้ในรถ และพบรถยนต์โตโยต้าวีโก้ 4 ประตูสีบรอนซ์ทอง รถประจำตำแหน่งกันกระสุนของ ผกก. สภ.สายบุรี ถูกแรงระเบิดและไฟไหม้เสียหาย 

        นอกจากนั้นมีรถยนต์กะบะของชาวบ้านและรถหน่วยกู้ภัยเสียหาย อีก 4 คัน และรถใหม่โตโยต้าวีโก้ 4 ประตู ในโชว์รูมของบริษัทพิธานเสียหาย 2 คัน รถจักรยานยนต์ของชาวบ้านเสียหายอีกเกือบ 50 คัน ก่อนเกิดเหตุทราบว่ามีคนร้าย 2 คนขับรถยนต์คาร์บอมบ์ มาจอดไว้ที่หน้าบริษัทพิธานพาณิชย์จำกัด สาขาสายบุรี ซึ่งร้านปิดเพื่อไปละหมาดวันศุกร์ จากนั้นคนร้ายได้ลงจากรถและขึ้นรถหลบหนีไป ก่อนมีคนร้ายประมาณ 4-5 คน ใช้รถยนต์กะบะ มาจอดที่หน้าร้านกมลพรรณ จำหน่ายทองรูปพรรณ ห่างจากจากรถคาร์บอมบ์ประมาณ 30 เมตร 1 คนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 กราดยิงร้านขายทอง ไม่มีใครเจ็บแต่ร้านเสียหาย 

         จากนั้นหลบหนีไป พ.ต.อ.อาซิส อุมายี ผกก.สภ.สายบุรี ได้นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ขณะที่กำลังอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ หน้าร้านขายทอง คนร้ายจึงฉวยโอกาสกดชนวนระเบิดด้วยวิทยุสื่อสาร เกิดระเบิดขึ้นสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดทำให้ตำรวจ อส.ชาวบ้านบาดเจ็บสาหัส และมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว ล่าสุดจากการตรวจสอบรถยนต์ที่คนร้ายนำมาเป็นคาร์บอมบ์ เป็นรถทะเบียน บว 8864 สงขลา ที่กลุ่มคนร้ายก่อเหตุระเบิดปล้นฆ่าชิงทรัพย์ ผู้หญิง 3 ศพที่รับซื้อน้ำยาง เหตุเกิดที่ บ.ร่องมุด ม.8 ต.ลำไพร จ.สงขลา เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 

สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิต อีก 5 คนประกอบด้วย 


1.นายวรวุฒิ สุนทร อายุ 45 ปี ขายข้าวแกง
2.นางสาวอาริยา สมัน อายุ 19 ปี เป็นนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามที่ อ.สายบุรี
3.อาสาสมัครวิชัย สกลธวุฒิ อายุ 54 ปี เป็น อส.อำเภอสายบุรี
และศพที่พบกองไม้ที่บ้านถูกไฟไหม้ 2 ศพ ตือ
4.นายไพศาล จันทนทรัพย์ อายุ 54 ปี เป็นเจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์
5.นางสาวเสาวภา ประดิษฐณีศิลปะ อายุ 55 ปี เป็นแม่ค้า
 


ล่าสุดทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน ชื่อ 


6.นางประพิณ แก้วทอง แม่ค้าขายผลไม้ ซึ่งทั้ง 6 ศพมีบาดแผลลึกและฉกรรจ์ตามลำตัวและศีรษะ 


ส่วนรายชื่อผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ 


1.นายสันติ แก้ววิไล อายุ 44 ปี
2.นายอับดุลเลาะ การี อายุ 47 ปี
3.นางเสาวลักษณ์ สมัน อายุ 23 ปี
4.นางเสวภา สรรพช้าง อายุ 52 ปี
5.นายซอพปรี สหพฤทธานนท์ อายุ 36 ปี
6.นางนิตยา แก้วอินทร์ อายุ 51 ปี
7.นายธีระศักดิ์ พรหมเชียรรัตน์ อายุ 47 ปี
8.นายฉัตรอรุณ จีรสิทธิ์ อายุ 55 ปี
9.นางสายใจ พรหมเชียรรัตน์ อายุ 51 ปี
10.ร.ต.ต.กิจติ แสงหทัย อายุ 72 ปี
11.น.ส.อัญชรา มะดือเระ อายุ 35 ปี
12.นางนันทพร เสรีกุล อายุ 51 ปี
13.น.ส.อาซียะ มาซู อายุ 16 ปี
14.นางลิ้ม ประศาสน์ศิลป์ อายุ 79 ปี
15.ด.ช.นพกร ชูพันธ์ อายุ 3 ปี
16.นางเกสร อโนทัยสถาพร อายุ 45 ปี
17.นายกำธร อโนทัยสถาพร อายุ 48 ปี
18.นายนิรันดร์ ศรีทอง อายุ 43 ปี
19.ด.ช.ภูริ อโนทัยสถาพร อายุ 3 ปี
20.ส.ต.ท.สุชาติ จุลราช อายุ 35 ปี
21.นายโยฮัน สาดออุมา อายุ 29 ปี
22.น.ส.สุมาลี ยีสมาน อายุ 49 ปี
23.นายวสันท์ แก้ววิไล อายุ 25 ปี
24.นางฟูซียะ อาลี อายุ 38 ปี
25.น.ส.นูรไอนี มามะ อายุ 17 ปี
26.นายสะบะ สะแลแม อายุ 69 ปี
27.ด.ญ.อัลฟาเดียร์ มะเกะรอ อายุ 15 เดือน
28.นายมะแอ เส็ง อายุ 63 ปี
29.นายอานุวา มิง อายุ 26 ปี
30.นางรอนะ อาบู อาบู อายุ 55 ปี
31.ด.ช.อามินทร์ เยะแล อายุ 12 ปี
32.นายดอเลาะ เวาะเล็ง อายุ 45 ปี
33.นายธรรมนูญ พรหมเชียรรัตน์ อายุ 56 ปี
34.นายมุขตารี สาแมแน็ง อายุ 18 ปี
35.นายอับดุลฟาริค การี
36.นางนฤษร อโณทัยสถาพร
37.นายนิมิต แก้วอินทร์
38.นางทัศนีย์ เสรีกุล
39.นายสืบพงษ์ อโณทัยสถาพร
40.พ.ต.ท.พัฒนพงษ์ ทองด้วน รอง ผกก.3 สภ.สายบุรี
41.จ.ส.ต.มูหะมะ กาเดร์ อายุ 38 ปี
42.ส.ต.อ.ชาคริต ราชมณี
43.ส.ต.ท.ไซบิ ฮะมิงมะ
44.ส.ต.อ.ฮัซซาน สูเด็น อายุ 34 ปี
45.ร.ต.อ.อับดุลฮามิ บือราเฮง สวป.สภ.สายบุรี
46.ส.ต.ต.นิรี ด้วงชู
47.ส.ต.ท.อดิภัทร วาสนาทิพย์ อายุ 23 ปี
48.จ.ส.ต.แวอามิน แวและ อายุ 38 ปี
49.ส.ต.อ.ชัชวาลย์ พาคะ อายุ 35 ปี
50.ส.ต.อ.สุชาติ ราชมณี
51.พ.ต.อ.อาซิส อุมายี ผกก.สภ.สายบุรี ได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดเฉียดที่บริเวณศีรษะเล็กน้อย
 









http://narater2010.blogspot.com/

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

ชัดเจน จากโจรใต้ตัวจริง


สำนึกผิด หรือจนแต้ม  ดูกันต่อไป



http://narater2010.blogspot.com/

ประณามผู้ก่อเหตุรุนแรง ย้ำขัดหลักศาสนา


OIC ประณามผู้ก่อเหตุรุนแรง ย้ำขัดหลักศาสนา
OIC  เยือนภาคใต้ไทย ชี้ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน
ประณามผู้ก่อเหตุรุนแรง ย้ำขัดหลักศาสนา
 
           ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ OIC  เยือนภาคใต้ไทย ชี้จุดยืนของโอไอซีไม่มีนโยบายแทรกแซงทางการเมือง  ย้ำไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน และขอประณามการใช้ความรุนแรงในพื้นที่ที่กระทำต่อประชาชนทุกศาสนิกว่าขัดกับหลักการทางอิสลาม และเห็นว่าการทำลายชีวิตหนึ่งชีวิตเปรียบได้กับการฆ่ามนุษย์ทั้งมวล ขณะที่การใช้กฎหมายความมั่นคงต้องไม่ละเมิดสิทธิ
           ในโอกาสที่ นายซาเยด คาสเซม เอล-มาสรี (H.E.Mr.Sayed  Kassem El-Masry) ที่ปรึกษาและผู้แทนพิเศษของเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ OIC (Organization of Islamic Cooperation) พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ของไทย เมื่อวันพุธที่ 9 พ.ค.2555 ได้มีการพบปะหารือกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และบุคคลสำคัญอีกหลายราย รวมทั้งร่วมกิจกรรมหลากหลายในพื้นที่
          ที่ห้องประชุม ศอ.บต. คณะของ นายซาเยด คาสเซม ได้ประชุมร่วมกับ พ.ต.อ.ทวี สมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สปต.) ประธานคณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัด ผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน ภาค 4 สน.) และผู้แทนจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่และทิศทางการแก้ไขปัญหา 
          ทั้งนี้ ก่อนเข้าประชุม นายซาเยด คาสเซม ยังได้พบและพูดคุยกับบัณฑิตอาสาประมาณ 200 คนที่มารอต้อนรับด้วย
          นายซาเยด คาสเซม กล่าวตอนหนึ่งว่า การเดินทางเยือนประเทศไทยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว แต่เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นครั้งที่ 2 ได้มีโอกาสเข้าพบบุคคลระดับสูงในรัฐบาล ทำให้มีความประทับใจในการพัฒนาการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นไปในทางบวก รู้สึกประทับใจที่รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องการศึกษา เริ่มให้ความสำคัญกับภาษาถิ่น (มลายู) ในสถาบันการศึกษาของรัฐ รวมทั้งเป็นสิ่งที่ดีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในเรื่องการพูดคุยกับทุกฝ่าย ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่ความเข้าใจในอนาคต
          "ปัญหาภาคใต้ไม่ได้เป็นปัญหาทางศาสนา ปัญหาที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องปกติในประเทศที่มีชนกลุ่มน้อยทั่วๆ ไปในโลกนี้ เพราะฉะนั้นแนวทางการแก้ปัญหาคือการใช้แนวทางสันติวิธีสร้างความเข้าใจและให้เกียรติ ยอมรับซึ่งกันและกัน ถือเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่สันติภาพที่แท้จริงได้ ทราบว่าในอนาคตรัฐบาลจะยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และจะกลับมาใช้กฎหมายปกติ ก็รู้สึกดีใจ เพราะทราบดีว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีส่วนที่ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางโอไอซีเป็นห่วง"
ไม่แทรกแซงไทย-ไม่หนุนแยกดินแดน-ประณามพวกก่อเหตุร้าย
            นายซาเยด คาสเซม กล่าวอีกว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น โอไอซีได้ให้ความสนใจเพื่อศึกษาและแสวงหาแนวทางสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับโอไอซี กระทั่งปี 2550 เลขาธิการโอไอซี (นายเอกเมเลดดิน อิซาโนกลู ; Ekmeleddin Ihsanoglu) กับรัฐบาลไทย ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมกัน ซึ่งถือว่าเป็นการร่วมมือบนพื้นฐานของการให้เกียรติ เพราะโอไอซีไม่ได้เข้าแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย แต่ให้ความสนใจกับปัญหาของประเทศไทยอย่างมาก ไม่เฉพาะแต่คนมุสลิมเท่านั้น แต่ให้ความสำคัญทั้งหมดกับคนทุกศาสนา
          จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่  โอไอซีขอประณามผู้ที่ก่อเหตุรุนแรงทุกระดับ การฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือไทยพุทธ คัมภีร์อัลกรุอานบอกไว้ว่า การฆ่าหนึ่งชีวิตเหมือนกับฆ่าคนทั้งโลก อยากให้ทางรัฐบาลใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหานี้ และโอไอซีไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนออกจากประเทศไทย
 ถกเลขาฯ สมช.เห็นพ้องปมขัดแย้งไม่ใช่เรื่องศาสนา      
          วันเดียวกัน นายซาเยด คาสเซม เอล มาสรี ยังได้นำเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโอไอซี เข้าพบและหารือกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่อาคารสภาความมั่นคงแห่งชาติ ภายในทำเนียบรัฐบาลด้วย
          ภายหลังการหารือ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า โอไอซีมีหน้าที่ติดตามดูแลความเป็นอยู่ของชาวมุสลิมทั่วโลก การเยือนไทยครั้งนี้ก็เพื่อติดตามดูความเป็นอยู่ของชาวมุสลิมในประเทศไทย โดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการหารือก็ได้ชี้แจงถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ปี  2555-2557 ว่าเป็นนโยบายที่ถูกต้อง ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน มีการทำประชามติร่วมกับชาวมุสลิมของประเทศปากีสถานและมาเลเซียด้วย ที่สำคัญนโยบายนี้ได้ผ่าน สมช. ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี รวมทั้งรัฐสภา โดยคณะผู้แทนพิเศษโอไอซีได้ชื่นชมนโยบายฉบับนี้ด้วยเช่นกัน
          ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพูดคุยถึงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่หรือไม่  พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ทางโอไอซีได้ทราบถึงสถานการณ์อยู่แล้ว ส่วนมากจะถามถึงเรื่องการดำเนินนโยบายในการแก้ปัญหา และอยากเห็นความสงบสุขเกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งโอไอซีเองก็พร้อมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
          "การหารือในครั้งนี้เห็นตรงกันคือ ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ใช่เรื่องทางศาสนา แต่เป็นความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่แตกต่าง ซึ่งสะสมมานานโดยไม่ได้รับการแก้ไขในทางที่ถูกต้อง" เลขาฯสมช.กล่าวในที่สุด
http://narater2010.blogspot.com/

โจรใต้ฝันสลาย OIC ไม่โง่


โจรใต้ ฝันสลาย  OIC รับทราบ ว่าไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งทางศาสนา
         นายกรัฐมนตรีย้ำต่อเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสันติวิธี  ด้านเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก เชื่อปัญหาไฟใต้ของไทยยังไม่ยากเกินเยียวยา แต่การแก้ไขปัญหาต้องตั้งอยู่บนเงื่อนไขของความยุติธรรมในสังคม
           ดร.อับดุลเลาะห์ บิน อับดุลมุหชิน อัล ตุรกี เลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมคารวะนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเยือนประเทศไทยตามคำเชิญของสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และเข้าร่วมโครงการสัมมนานานาชาติเรื่องศาสนากับกระบวนการสร้างสันติภาพในภูมิภาคอาเซียน 
           โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวยินดีต้อนรับเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมที่ให้เกียรติเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ โดยยืนยันว่าไทยพร้อมที่จะผลักดันความร่วมมือกับประเทศมุสลิมในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะด้านความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน อันเป็นผลจากที่ได้เดินทางเยือนประเทศบาห์เรนและกาตาร์มาแล้ว ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมที่ได้ให้ความสำคัญต่อการศึกษาของเยาวชนผ่านการมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนมุสลิมไทยได้ศึกษามาโดยตลอด 
               ด้านนายอับดุลลา อัล ตุรกี เลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก หรือ OIC  ได้ขอให้รัฐบาลไทยร่วมเสริมสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยสันติวิธี ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญทุกศาสนา และยึดแนวทางสันติวิธีในการแก้ปัญหามาโดยตลอด ผ่านกระบวนการพัฒนา แนวทางประชาธิปไตย และกระบวนการยุติธรรม แต่ทั้งนี้ก็หวังว่าจะได้รับคำแนะนำที่ดีต่อไปในอนาคต 
          เลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก  ยังกล่าวอีกว่า ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของประเทศไทย และองค์กรสันนิบาตมุสลิมโลก ไม่เห็นด้วยกับการใช้ศาสนามาอ้างเพื่อก่อเหตุความรุนแรง   อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นถือว่ายังไม่ยากเกินแก้ไข เพราะไทยเป็นประเทศที่เปิดกว้างในเรื่องของศาสนา     การแก้ไขสามารถทำได้ด้วยการนำวิธีสานเสวนามาใช้ ขณะที่การแก้ไขปัญหาของภาครัฐจะต้องโดยตั้งอยู่บนเงือนไขของความยุติธรรมในสังคม และเปิดโอกาสให้ชนกลุ่มน้อยเข้ามีส่วนร่วมในการร่วมพัฒนาประเทศ
            ล่าสุดรัฐบาลก็มีแนวคิดที่จะแก้ไขมาตรา 21 ใน พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยจะมีการเสนอเข้าหารือในการประชุมแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ที่ฝ่ายค้านจะเข้าร่วมประชุมด้วยในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ยอมรับว่า เพื่อให้กระบวนการเข้ามอบตัวของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ รวดเร็วและรัดกุมมากขึ้น เนื่องจากกระบวนการยังมีความซับซ้อนและเป็นไปอย่างล่าช้า
http://narater2010.blogspot.com/
Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม