วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

จับโจรฟาตอนี ขี้ยา

204999_Fotor


จับกุมวัยรุ่นมั่วสุมเสพยา”โก-ลก”เจอยาเสพติด และอาวุธปืนกระสุนเพียบ

          นราธิวาส-เมื่อ 10 ม.ค.59 เวลา 14.30 น.เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สุไหงโก-ลก ได้ออกติดตามจับกุมและปฏิบัติการตามกฎหมายเข้าทำการตรวจค้นเพิงพักข้างบ้านเลขที่ 127/3 ม.1 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เนื่องจากสืบทราบว่าเป็นแหล่งมั่วสุมใช้เป็นสถานที่เสพยาเสพติด

         ผลการตรวจค้นพบมีกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติด (น้ำกระท่อม) อยู่ด้วยกัน 7 คน และยังตรวจพบอาวุธปืน เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง และยาเสพติด ดังนี้



  • 1.อาวุธปืนยาว AK 102 ขนาด 5.56 มม. จำนวน 1 กระบอก ห่อหุ้มด้วยผ้าสีขาว และพันด้วยเทปกาวสีดำอีกชั้นหนึ่ง
  • 2.แม็กกาซีน ขนาด 5.56 มม. จำนวน 1 อัน พร้อมเครื่องกระสุนปืนบรรจุอยู่ภายใน จำนวน 5 นัด
  • 3.อาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ สแตนเลส ขนาด .45 มม. จำนวน 1 กระบอก บรรจุอยู่ในซองพกหนังสีดำ
  • 4.แม็กกาซีน ขนาด .45 มม. จำนวน 1 อัน พร้อมเครื่องกระสุนปืนบรรจุอยู่ภายใน จำนวน 6 นัด
  • 5.เครื่องกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม. จำนวน 40 นัด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีฟ้า
  • 6.เครื่องกระสุนปืนลูกซอง ขนาดเบอร์ 12 สีแดง จำนวน 19 นัด และสีเขียว จำนวน 1 นัด รวม 20 นัด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีแดงลายดาว
  • 7.เครื่องกระสุนปืนลูกซอง ขนาดเบอร์ 12 สีแดง จำนวน 12 นัด สีเขียว จำนวน 1 นัด รวม 13 นัด และเครื่องกระสุนปืน ขนาด .45 มม. ชนิดซ้อม จำนวน 41 นัด ทั้งหมดบรรจุอยู่ในกระเป๋า (แบบถือ) สีส้ม
  • 8.เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 มม. ชนิดหัวระเบิด จำนวน 37 นัด บรรจุอยู่ในถุงสีม่วง
  • 9.เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 มม. ชนิดหัวทองแดง จำนวน 10 นัด และเครื่องกระสุนปืน ขนาด .380 มม. จำนวน 2 นัด บรรจุอยู่ในกล่องบุหรี่กล่องที่ 1
  • 10.เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 มม. ชนิดหัวระเบิด จำนวน 4 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 มม. ชนิดปลอกสีขาว จำนวน 3 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 มม. ชนิดหัวทองเหลือง จำนวน 2 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 Super จำนวน 4 นัด บรรจุอยู่ในกล่องบุหรี่กล่องที่ 2
  • 11.ไม้ที่ใช้ในการทำด้ามปืน จำนวน 4 ชิ้น บรรจุอยู่ในถุงผ้า สีชมพู
  • 12.อุปกรณ์เครื่องใช้ จำนวนหนึ่ง
  • 13.โครงปืน ไม่ทราบชนิดและขนาด จำนวน 1 ชิ้น
  • 14.ปืนอัดลม ไม่ทราบชนิดและขนาด จำนวน 1 กระบอก พร้อมแม็กกาซีน บรรจุอยู่ในกล่องสีดำ
  • 15.อุปกรณ์ในการใช้เสพกัญชา ชนิดไม้ไผ่ จำนวน 3 ชิ้น
  • 16.ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) จำนวนหนึ่ง บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกชนิดปากกดปิด
  • 17.ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) จำนวนหนึ่ง ห่อด้วยฟอยสีเงิน และบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสชนิดหูหิ้วอีกชั้นหนึ่ง
  • 18.อาวุธปืนลูกซอง ไม่ทราบขนาด จำนวน ๑ กระบอก พร้อมส่วนควบอาวุธปืน
  • 19.เครื่องกระสุนปืนลูกซอง ขนาดเบอร์ 12 สีแดง จำนวน 2 นัด สีเขียว จำนวน 1 นัด



             ของกลางลำดับที่ 1 – 12 บรรจุอยู่ในกระเป๋าเดินทาง แบบผ้า สีดำ ของกลางลำดับที่ 18 – 19 ห่อด้วยผ้าเช็ดตัว และห่อด้วยพลาสติกสีเหลือง รัดด้วยหนังยาง และบรรจุอยู่ในท่อ PVC สีฟ้า ขนาด 4 นิ้ว ยาวประมาณ 80 ซม.

          เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สุไหงโก-ลก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2559

ปิดล้อมกลางดึก จับกุมแนวร่วมโจรฟาตอนี

12517193_1188373344528939_1066027455_o_Fotor_Fotor
          ปัตตานี-เมื่อ 8 ม.ค.59 เวลา 00.10 น. เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโสร่ง ได้สนธิกำลัง ร่วมกันเพื่อเข้าทำการพิสูจน์ทราบบ้านเลขที่ 110 ม.5 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เนื่องจากมีการสืบทราบว่ามีสมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติ ได้เข้ามาหลบซ่อนตัวพักอาศัยในบ้านหลังดังกล่าว

          จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ น.ส.มัธมียะห์ กาซอ แสดงตนเป็นเจ้าของบ้าน และได้พบตัว นายมะรอโซ มะดิเย๊าะ ได้มาหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านของภรรยา





          นายมะรอโซ มะดิเย๊าะ  มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่123/4 ม.1 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นบุคคลเป้าหมาย จากการสืบทราบว่าเป็นสมาชิก ผกร. ระดับปฏิบัติการ มีหน้าที่ในการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ (Logistik) ให้กับ RKK ในพื้นที่

         เจ้าหน้าที่นำตัว นายมะรอโซ มะดิเย๊าะ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโสร่ง เพื่อทำการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและได้ส่งตัวต่อไปยัง หน่วยซักถาม ขกท.สน.จชต. เพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามหาความเชื่อมโยงกับสมาชิกกลุ่มขบวนการรายอื่นๆ ต่อไป

คำสารภาพ Permas


โดย ‘อิมรอน’

คำสารภาพผู้ก่อเหตุระเบิดเมืองนรา...ฉีกหน้า PerMAS

         จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 ผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ทำการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องในพื้นที่ ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส บริเวณถนน ณ นคร จำนวน 3 จุด ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวของโจรใต้ฟาตอนีในวันนั้นได้สร้างความเดือดร้อน ความเสียหายเป็นวงกว้างอีกทั้งได้สร้างผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก

        จากเหตุระเบิด 3 จุด ซึ่งจุดที่ 1 กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้ลูกระเบิดชนิดขว้าง ได้ขว้างเข้าไปในร้านต้นท้อน แต่โชคดีระเบิดไม่ทำงาน จุดที่ 2 ได้ทำการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนในรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก มิตซูบิชิ สตราดา บริเวณหน้าร้านโดโด้คาราโอเกะ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และประชาชนได้รับบาดเจ็บ 15 คน จุดที่ 3 โจรใต้ฟาตอนี ได้ทำการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนในรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ เอส 125 สีเทา-ดำ บริเวณหน้าร้านติ๊กหมูกระทะ เจ้าหน้าที่ EOD สามารถเก็บกู้ไว้ได้


          ต่อมาเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2558 หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสได้สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่ายทำการติดตามจับกุมและปฏิบัติตามกฎหมายต่อผู้ต้องสงสัยเหตุลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง ถนน ณ นคร อำเภอเมืองจังหวัดนราธิวาส จำนวน 4 เป้าหมายด้วยกัน คือ
  • 1) หอพักบริเวณเยื้องโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
  • 2) หอพักนักศึกษาบริเวณกำปงตาโก๊ะ
  • 3) หอพักนักศึกษาบริเวณวิทยาลัยสารพัดช่าง
  • 4) หอพักนักศึกษาซอยนรากุล

        ผลการปฏิบัติเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 11 คน เป็นนักศึกษา 4 คน และเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2558 ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมอีก 2 คน รวมทั้งสิ้นที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว 13 คน โดยอาศัยกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ส่งตัวบุคคลต้องสงสัยทั้งหมดไปทำการควบคุมตัวเพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามขยายผลหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายบ้านเมืองต่อไป

          ทันทีที่กระแสข่าวเจ้าหน้าที่ตรวจค้นหอพักนักศึกษาเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยเหตุลอบวางระเบิดเมืองนราธิวาสได้แพร่สะพัดออกไป ในฝากฝั่งผู้ที่เป็นปีกการเมืองของขบวนการ BRN ได้ออกมาเคลื่อนไหวกดดันการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐในทันที




           โดยเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2558 กลุ่ม PerMAS ได้ออกแถลงการณ์ เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน และคุกคามเยาวชนนักศึกษา อ้างว่าการติดตามจับกุมและปฏิบัติตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่บริเวณหอพักนักศึกษา นักกิจกรรม รวมทั้งควบคุมตัวเยาวชนนักศึกษาเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะเดียวกันพบว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวนมากตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับเรียกร้อง 5 ข้อด้วยกันกล่าวคือ 
  • 1) ให้ปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมดทันที และหยุดคุกคามเยาวชนนักศึกษา 
  • 2) ให้รัฐบาลไทยยกเลิกกฎอัยการศึกที่ประกาศใช้ในพื้นที่ปาตานีซึ่งมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวนมาก 
  • 3) ให้ปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมด รวมทั้งยุติการคุกคามบุคคลและครอบครัวของเขา 
  • 4) ทหารไทยต้องเคารพทุกเงื่อนไขที่เป็นหลักประกันด้านสิทธิมนุษยชนตามกฎของสหประชาชาติ 
  • 5) ทหารไทยควรพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่บังคับใช้ตลอดระยะเวลา 10 ปี ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากมีหลายครั้งที่ใช้กฎหมายนำไปใช้ในทางมิชอบ
         ความเคลื่อนไหวยังมีตามมาอีกอย่างเช่น นายกัสตูรี มะโกห์ตา แกนนำกลุ่ม PULO ได้ออกมากล่าวหาว่านักศึกษาถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวอย่างไม่เป็นธรรม, นายมูฮัมหมัด เซาฟีร อาแซ ผู้ช่วยผู้ประสาน PerMAS พร้อมนักศึกษา ม.รามคำแหงร่วมแถลงการณ์ให้มีการยกเลิกการใช้กฎอัยการศึก และปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมดทันที, เครือข่ายนักศึกษามุสลิมอยุธยา Ayutthaya Muslim Student Network ได้รวมตัวถือป้ายปล่อยตัวเพื่อนเรา “Free Patani Student”คืนอิสรภาพแก่นักศึกษา หยุดคุกคามนักศึกษา แด่สันติภาพปาตานี เช่นเดียวกับนักศึกษา มอ.ปัตตานี ออกแถลงการณ์คัดค้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการคุกคามการทำกิจกรรมของนักศึกษา

     กระแสเรียกร้องของกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นความพยายามของกลุ่ม PerMAS ในการปลุกเร้าในเครือข่ายสังคมออนไลน์ อีกทั้งมีการประสานงานกับกลุ่มนักศึกษาสถาบันต่างๆ ให้มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันเพื่อกดดันในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งมีความพยายามให้มีการยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

      เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 13 คน ไปเข้าสู่กระบวนการซักถาม และได้ทำการปล่อยตัวผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับภูมิลำเนาในทันที 5 คน เนื่องจากผลการดำเนินกรรมวิธีซักถามบุคคลดังกล่าวให้การปฏิเสธว่าไม่เคยถูกชักชวนเข้าร่วมเป็นสมาชิก ผกร. และไม่เคยผ่านขั้นตอนการกระทำพิธีสาบานตน (ซูมเปาะ) และไม่ได้ร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิดแสวงเครื่องในพื้นที่เมืองนราธิวาสแต่อย่างใด คงเหลือผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวต่อเพื่อทำการซักถามขยายผลจำนวน 8 คน

        กลุ่ม PerMAS รวมทั้งเครือข่ายนักศึกษาที่ได้ดำเนินการเคลื่อนไหวเรียกร้องว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการคุกคามการทำกิจกรรมของนักศึกษา อีกทั้งมีความพยายามให้มีการยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาฟังคำสารภาพของบุคคลที่ถูกจับกุมกันว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่สมเหตุสมผลหรือไม่!! อย่างไร และสิ่งที่ได้เรียกร้องผ่านสื่อนั้นสมควรหรือไม่ในการช่วยเหลือผู้กระทำผิด

        ผลการซักถาม นายอัมรีย์ วรรณมาตร ได้ให้การรับสารภาพว่าตนเองถูกชักชวนให้เข้าร่วมขบวนการเมื่อประมาณกลางเดือน มกราคม 2558 เคยเข้ารับฟังประวัติศาสตร์รัฐปัตตานีจาก นายซุลกิปลี มะสะ แต่ไม่เคยผ่านพิธีสาบานตน (ซูมเปาะ) และให้การต่อไปอีกว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง บริเวณถนน ณ นคร ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส โดยมีผู้ร่วมก่อเหตุที่จำได้คือ นายซุลกิปลี มะสะ ซึ่งเป็นผู้สั่งการ (กลังหลบหนี), นายรีดวน สุหลง (เป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องเข้าไปก่อเหตุ), นายอิสมะแอ เจ๊ะโซะ เป็นผู้ดูต้นทางร่วมกับตนเองให้นายรีดวน สุหลง ขับขี่รถจักรยานยนต์ซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องเข้าไปก่อเหตุที่ถนน ณ นคร

           นายรีดวน สุหลง ให้การยอมรับว่าเคยผ่านพิธีสาบานตน (ซูมเปาะ) จากนายอับดุลเล๊าะ ตะตีนาลาฮา (เลาะ) ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว ตนเองได้ผ่านการฝึกขั้นพื้นฐาน แต่ไม่ผ่านขั้นวาตอน ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อื่นๆในห้วงที่ผ่านมา แต่ยอมรับมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุลอบวางระเบิดแสวงเครื่องในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาสเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558

         นายรีดวน สุหลง ยังให้การต่อไปว่าตนเองได้ร่วมประชุมวางแผนกำหนดเส้นทางพื้นที่เป้าหมายในการก่อเหตุ และได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ควบคุมนำพากลุ่มปฏิบัติการเข้าพื้นที่เป้าหมาย โดยได้รับคำสั่งจากนายตอเฮ (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) ให้ทำหน้าที่ประสานงาน นำทาง พร้อมทั้งจัดหาพื้นที่เก็บซ่อนรถยนต์/รถจักรยานยนต์ซ่อนระเบิดแสวงเครื่องเพื่อเตรียมในการก่อเหตุ จำนวน 2 คัน

        เป็นผู้ควบคุมผู้ร่วมก่อเหตุไปรับรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก มิตซูบิชิ สตราดา ตอนครึ่งสีบรอนซ์เงิน และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีดำ-แดง ที่ซ่อนระเบิดแสวงเครื่องแล้ว ไปเก็บซุกซ่อนไว้ก่อนนำไปก่อเหตุ และได้ประสานการปฏิบัติตรวจสอบเส้นทางก่อนการปฏิบัติก่อนจะนำรถยนต์/รถจักรยานยนต์เข้าไปก่อเหตุยังสถานที่ที่กำหนดไว้ โดยได้มีการตั้งระบบจุดชนวนระเบิดด้วยการตั้งเวลาห่างกันประมาณ 10 นาที นายรีดวน สุหลง ยังได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อพูดคุยกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้สั่งการให้ก่อเหตุอีกหลายคน

       นาย รีดวน สุหลง เป็นผู้ควบคุมดูแลการปฏิบัติการทั้งหมดในการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องถนน ณ นคร ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ผ่านโทรศัพท์มือถือตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การนำรถยนต์-รถจักรยานยนต์ที่ประกอบระเบิดแสวงเครื่องไปซ่อนไว้ และในวันเกิดเหตุได้นำเข้าพื้นที่เป้าหมายถนน ณ นคร

        นาย อัมรีย์ วรรณมาตร ทำหน้าที่นำชุดระเบิดเข้าพื้นที่ก่อเหตุ โดยเป็นคนนำทางพารถยนต์-รถจักรยานยนต์ที่ประกอบระเบิดแสวงเครื่อง รอรับคำสั่งจากนายรีดวน สุหลง ว่าเส้นทางและพื้นที่พร้อมแล้ว ให้ดำเนินการนำทางจากจุดนัดพบไปยังสถานที่ก่อเหตุ


          นายอิสมาแอ เจ๊ะโซะ ทำหน้าที่เป็นคนนำชุดระเบิดชนิดขว้างไปคอยอยู่ใกล้กับสถานที่ก่อเหตุ โดยจะรอคำสั่งจากนายรีดวน สุหลง ว่าระเบิดทั้ง 2 จุด เปิดสวิสซ์ตั้งเวลาเรียบร้อยแล้วห่างกันประมาณ 10 นาที ให้ดำเนินการได้เลย หลังจากนั้น นายอิสมาแอ เจ๊ะโซะ ได้นำชุดปฏิบัติการจากจังหวัดปัตตานีใช้ระเบิดชนิดขว้างไปยังบริเวณสถานที่ที่กำหนดไว้ หลังจากปฏิบัติการเสร็จสิ้นแล้วได้แยกย้ายออกนอกพื้นที่ และทำการปิดโทรศัพท์มือถือ

          นี่คือคำสารภาพจากปากของผู้ที่ถูกจับกุมตัวที่เข้าไปหลบซ่อนในหอพักนักศึกษา นี่คือบุคคลที่กลุ่ม PerMAS และองค์กรนักศึกษาเครือข่ายรวมไปถึงผู้นำองค์กร PULO ต่างดาหน้าออกมาปกป้องกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่สำคัญยังชี้ว่าเป็นการคุกคามการทำกิจกรรมของนักศึกษา

         ไม่น่าเชื่อว่านักศึกษาเดี่ยวนี้มีการทำกิจกรรมในการระเบิดบ้านระเบิดเมือง สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ การจับกุมตัวบุคคลต้องสงสัยทั้ง 13 คน มีการตั้งเงื่อนไขเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ ที่คอยฉกฉวยโอกาสข้อผิดพลาดของภาครัฐเข้ามาแสวงประโยชน์จากความผิดพลาดนั้นๆ เข้าดำเนินการในสิ่งที่ทางกลุ่มตนต้องการ มุ่งหวังให้เกิดอำนาจเพื่อใช้ต่อรองผลประโยชน์ของกลุ่มตนเองเพียงฝ่ายเดียว

       กลุ่ม PerMAS รวมทั้งกลุ่มภาคประชาสังคมอีกหลายกลุ่มมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มขบวนการ BRN อย่างชัดเจน กระทำตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกับหน่วยงานภาครัฐมาโดยตลอด ไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เห็นด้วยกับการก่อเหตุรุนแรงของนักรบฟาตอนี ออกมาเคลื่อนไหวแถลงการณ์เพื่อชักจูงปลุกระดมอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดทอนอำนาจบทบาทของภาครัฐ เพราะการที่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมและปฏิบัติตามกฎหมายต่อผู้ที่กระทำการก่อเหตุแทบทุกครั้ง กลุ่มนักศึกษาเหล่านี้กลับมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

        ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้อ่านคงจะเข้าใจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐในการติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยมาเข้าสู่กระบวนการซักถาม ได้กระทำไปด้วยเหตุและผลและอยู่ภายใต้กฎหมาย ซึ่งได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานและความเชื่อมโยงที่ชัดเจนทุกครั้งก่อนเข้าทำการติดตามจับกุม ที่สำคัญในครั้งนี้คำรับสารภาพที่ออกจากปากของผู้ที่ทำการก่อเหตุลอบวางระเบิดเมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 นั้น ถือว่าที่สุดแล้ว และอยากจะฝากให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณในการเสพข้อมูลข่าวสาร ลองชั่งน้ำหนักสิ่งไหนควรเชื่อ ไม่ควรเชื่อ อย่าให้กลุ่มหรือองค์กรใดมาชี้นำ ปลุกกระแสเพื่อทำลายในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าตกเป็นเครื่องมือให้บุคคลเหล่านั้นใช้ประโยชน์ในการมาลอบทำร้ายพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ต่อไปอีกเลย...


------------------------------

นักศึกษา PerMAS กับการเรียกร้องสิทธิให้โจรใต้...



             นาย อารีฟิน โสะ ประธานสหพันธ์นิสิต นักศึกษา นักเรียน และเยาวชนปาตานี หรือ PerMAS ได้รวมตัวนักศึกษาที่ตลาดหน้าค่ายอิงคยุทธบริหาร เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2559 เพื่อแสดงท่าทีเกี่ยวกับการควบคุมตัว นายอับดุลรอฮิม รอยะ นักศึกษามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อ 31 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา คดีวางระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนเส้นทางให้กับคณะครู สังกัดกองร้อยปืนเล็กที่ 3 ฉก.นราธิวาส 33 บนถนนสายมะนังตายอ - บ้านโคกสุมุ อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส ในขณะที่ นายอับดุลรอฮิม รอยะ ยังอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่อย่างปกติสุข ญาติๆ เข้าเยี่ยมได้ตลอดเวลา
กลุ่ม PerMAS สนใจนักศึกษาเพื่อนตนเองที่ถูกควบคุมตัวเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคง 



แต่ไม่สนใจเพื่อนนักศึกษาสาวอีกคนที่ถูกโจรใต้ยิงเสียชีวิต น้องสุธิดา ตั้งใจ นักศึกษามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ถูกยิงเสียชีวิตโดยฝีมือโจรใต้ เมื่อ 2 พฤศจิกายน 2557 ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ไปกับเพื่อน บนถนนสายนราธิวาส – เจาะไอร้อง โดยไม่ออกมาเรียกร้องอะไรเลย หรือ PerMAS คิดว่าคุณค่าความเป็นมนุษย์มันไม่เท่ากัน


          กลุ่ม PerMAS ได้สร้างความน่าอับอายให้กับกลุ่มมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งหนึ่งที่ทุกคนล้วนแต่จดจำผลงานชิ้นนี้ PerMAS ได้ปลุกเร้าในเครือข่ายสังคมออนไลน์ อีกทั้งให้กลุ่มนักศึกษาสถาบันต่างๆ กลุ่มองค์กรต่างๆ เคลื่อนไหว เพื่อกดดันในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ปรากฏว่าทุกอย่างคือการลวงโลก หลอกลวงประชาชน เหตุการณ์ที่ทุกคนต้องจดจำคือ

        เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 ผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ทำการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องในพื้นที่ ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส บริเวณถนน ณ นคร แรงระเบิดได้สร้างความเดือดร้อน ความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก ต่อมาวันที่ 2 และ 3 เมษายน 2558 หน่วยงานความมั่นคง ได้สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่ายทำการติดตามจับกุม ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 13 คน เป็นนักศึกษา 4 คน
          ส่งตัวบุคคลต้องสงสัยทั้งหมดไปดำเนินกรรมวิธีซักถามขยายผลหาตัวผู้กระทำผิด PerMAS ได้รีบออกแถลงการณ์เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน และคุกคามเยาวชนนักศึกษา ปลุกเร้าในเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง



         ต่อมาผลการซักถาม นาย อัมรีย์ วรรณมาตร ให้การรับสารภาพว่าตนเองถูกชักชวนให้เข้าร่วมขบวนการ และให้การต่อไปอีกว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ โดยมีผู้ร่วมก่อเหตุที่จำได้คือ นายซุลกิปลี มะสะ เป็นผู้สั่งการ, นายรีดวน สุหลง เป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องเข้าไปก่อเหตุ, นายอิสมะแอ เจ๊ะโซะ เป็นผู้ดูต้นทางร่วมกับตนเอง

         ผลจากการให้การรับสารภาพทำให้กลุ่ม PerMAS และองค์กรต่างๆ ที่คิดว่านี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องเพื่อสิทธิมนุษยชน ต้องหน้าฉีกกันไปเป็นแถวๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสำนึกกันบ้างหรือเปล่า

      อะไรที่ทำให้ PerMAS แสดงออกมาแบบนี้ ความยุติธรรม นักสิทธิมนุษยชน ก็ไม่ใช่หรือว่ามีผลประโยชน์แอบแฝง หรือว่าเขาคือกลุ่มหนึ่งที่พยายามปลุกระดมสร้างความแตกแยกในแผ่นดิน

วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2559

เชิญตัว อับดุลรอฮีม รอยะ นักศึกษา มนร. เกี่ยวข้องเหตุระเบิดทหารนาวิก





เชิญตัว อับดุลรอฮีม รอยะ นักศึกษา มนร. เกี่ยวข้องเหตุระเบิดทหารนาวิก

https://www.facebook.com/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%AB%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99-%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5-1492795557659181/?fref=nf

           กรณีเมื่อ 31 ธ.ค.58 เจ้าหน้าที่ทหารพราน ฉก.ทพ.45 ได้ดำเนินการควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก จำนวน 1 คน คือ นายอับดุลรอฮีม รอยะ อายุ 23 ปี ที่อยู่ 71 ม.1 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ไปทำการซักถาม

           นายฮาซัน สนิเจ๊ะหนะ อดีตผู้ประสานงาน PerMAS ระบุ จนท. ได้เชิญนายอับดุลรอฮีม รอยะ นักศึกษามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ไปที่ กรม ทพ.45 และนำส่ง หน่วยซักถาม ขกท.สน.จชต. ค่ายอิงคยุทธบริหาร โดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่นักศึกษามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ประมาณ 20 คน เดินทางไปยัง กรม ทพ.45 เพื่อสอบถามสาเหตุการดำเนินการดังกล่าว

          นั่นคือภาพรวมการเคลื่อนไหวของนักศึกษา มนร. โดยมี PerMAS คอยจุดกระแสสร้างความเกลียดชังต่อเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เบื้องหลัง กดดันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกครั้งที่มีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย
           หากไม่มีต้นสายปลายเหตุที่ไปที่มา เจ้าหน้าที่มีหรือที่จะกล้าเชิญตัวนักศึกษามาทำการซักถาม จะเห็นได้ว่ากลุ่มนักศึกษาโจรใต้กลุ่มนี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน ใช้เครื่องแบบนักศึกษาอำพรางซ่อนเร้นความชั่ว สร้างภาพหลอกคนทั่วไปมองใสซื่อบริสุทธิ์ ลับหลังใช้อาวุธ ลอบระเบิดเข่นฆ่าผู้คน

         หลังจากนักศึกษา มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ประมาณ 20 คน เดินทางไปสอบถามสาเหตุการเชิญตัว อับดุลรอฮีม รอยะ กับหน่วย กรม ทพ.45 คงจะได้รับการชี้แจงแล้ว แต่กลับมาเงียบไม่ชี้แจงต่อสังคม ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ทำการโฆษณาเจ้าหน้าที่จับกุมตัวนักศึกษาโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือบางคนที่เดินทางไปในวันนั้นได้ทราบสาเหตุแล้วแต่ไปเพื่อทำการกดดัน จากการหนุนของ PerMAS

           ฝากไปยัง นายฮาซัน สนิเจ๊ะหนะ อดีตผู้ประสานงาน PerMAS อย่าหน่อมแน้ม!! ไปหน่อยเลย รู้อยู่เต็มอกว่า นายอับดุลรอฮีม รอยะ เป็นสมาชิก PerMAS และที่ผ่านมามีพฤติกรรมเช่นไรน่าจะทราบดี หรือหากไม่ทราบจะแฉข้อมูลให้รับรู้เอาไว้ รวมทั้งนักศึกษา มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ อย่าตกเป็นเครื่องมือของคนชั่ว เรื่องราวแบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วกับ กรณี นายรีดวน สุหลง

            จากการเชิญตัว นายอับดุลรอฮีม รอยะ ของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากมีพฤติกรรมต้องสงสัย กรณีเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.58 เวลา 15.30 น. ได้มีคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนเส้นทางให้กับคณะครู สังกัดกองร้อยปืนเล็กที่ 3 ฉก.นราธิวาส 33 บนถนนสายมะนังตายอ - บ้านโคกสุมุ ม.8 ต.บางปอ อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ในเวลาต่อมาจากการตรวจสอบกล้อง CCTV พบบุคคลต้องสงสัยทราบชื่อคือ นายอับดุลรอฮีม รอยะ อยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุระเบิดขณะคนร้ายจุดชนวนระเบิด

            จากการซักถาม นายอับดุลรอฮีม รอยะ ในขั้นต้นได้ให้การยอมรับว่าได้เข้าร่วมกลุ่ม PerMAS (ของนายฮาฟิส ยะโก๊ะ) และเข้าร่วมประท้วงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ กรม ทพ.46 กรณีควบคุมตัวนักศึกษามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด จำนวน 3 จุด บริเวณ ถนน ณ นคร ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส เมื่อ 20 ก.พ.58

            จากข้อมูลเชิงลึกพบว่า นายอับดุลรอฮีม รอยะ มีติดต่อกับกลุ่มขบวนการโจรใต้ฟาตอนี อย่างเช่น นายอับดุลการิม ตือละแยนา สมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการ นอกจากนี้ยังเคลื่อนไหวเชื่อมโยงกับสมาชิก กลุ่ม ผกร. ระดับปฏิบัติการอีกหลายคนด้วยกัน

            ฝากฝังไปยังกลุ่มนักศึกษา คราวหน้าคราวหลังจะออกมาเห่าหอนอะไร อย่าออกมาแบบมั่วๆ หลอกตบตาทำการโฆษณาโดยใช้เครื่องแบบนักศึกษาทำการเคลื่อนไหว ตั้งใจร่ำเรียนหนังสือดีกว่ามั๊ย!!! สงสารพ่อแม่ที่ต้องทนอดหาเงินส่งลูกเรียนหนังสือหวังพึ่งพาในวันหน้า...อนิจจา!! แต่ลูกกลับไม่ตั้งใจเรียนมุ่งทำกิจกรรมสนับสนุนโจรใต้ให้่ิกระทำความรุนแรงแบ่งแยกดินแดน...

วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2559

เสียงเห่าข้ามปีชายแดนใต้ “ขอพื้นที่เสรีภาพและเป็นธรรมตอบโจทย์สันติภาพ”...


https://www.facebook.com/%E0%B8%8A%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%9F%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B5-antibrn-804082112939633/?ref=profile

เสียงเห่าข้ามปีชายแดนใต้ “ขอพื้นที่เสรีภาพและเป็นธรรมตอบโจทย์สันติภาพ”...

              อารีฟีน โซ๊ะ ประธานสหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) คนปัจจุบัน สะท้อนว่า สันติภาพปาตานีจะยังยืนได้จำเป็นที่จะต้องเกิดพื้นที่ทางการเมืองที่ประชาชนมีเสรีภาพทางการเมืองและสิทธิทางการเมืองเพื่อที่ประชาชนสามารถที่จะแสดงจุดยืนและทัศนะทางการเมืองอย่างปลอดภัยได้ ซึ่งสอดรับกับบริบทการเมืองไทยอย่างแน่นอน เพราะหากภาพร่วมของบรรยากาศทางการเมืองของศูนย์กลางอำนาจ ไม่สามารถเอื้อต่อการแสดงออกเจตจำนงของประชาชนได้ มันก็จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ล่อเลี้ยงให้ความรุนแรงดำรงอยู่ต่อไป

             “ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยไร้เหตุผล แต่เป็นความรุนแรงที่มีเหตุผล โดยมีจุดมุ่งหมายทางการเมือง และมีชุดอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นตัวหล่อเลี้ยงการปฏิบัติการทางการทหาร ผ่านการก่อเหตุความรุนแรงต่าง ๆ ขึ้น ดังนั้นแล้วปัจจัยที่จำเป็นที่สุดคือ ต้องให้เจตจำนงของประชาชนทุกกลุ่มมีพื้นที่ในการแสดงออกถึงจุดยืนของประชาชนได้อย่างปลอดภัย และเป็นสิ่งที่เราต่างใฝ่ฝันเพื่อให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนได้”

             วาทกรรม“ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยไร้เหตุผล แต่เป็นความรุนแรงที่มีเหตุผล”ของ นายอารีฟีน โซ๊ะ ประธาน PerMAS คนปัจจุบัน 
           
              ช่างน่าคิด!! 
  • จุดมุ่งหมายทางการเมืองของกลุ่ม PerMAS คืออะไร? 
  • และจุดมุ่งหมายการใช้กำลังของกลุ่มขบวนการ BRN คืออะไร? 
  • ไม่ใช่“เอกราช” (Independence) หรอกหรือ? 
  • คือความใฝ่ฝันเพื่อให้เกิดที่อยากได้จนตัวสั่น

          การใช้คำว่า“สันติภาพ”(Peace) แทนการใช้คำว่า “เอกราช” (Independence) เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเพ่งเล็งจากหน่วยงานความมั่นคง แต่ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่ม PerMAS กับการเคลื่อนไหวทางการทหารของกลุ่มขบวนการ BRN แท้จริงแล้ว “การเมืองหล่อเลี้ยงการปฏิบัติการทางทหาร”และ “การปฏิบัติการทางทหารหล่อเลี้ยงการเมือง”ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน”

           รูปแบบปฏิบัติการแยกกันเดินร่วมกันตี ค่อย ๆ ทุบ ค่อยๆ ตี ทำลายความน่าเชื่อถือรัฐบาลไทย คอยหาช่องโหว่จากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐทำการเปิดแผลเอาเกลือทา ส่วนกลุ่มขบวนการไร้ศาสนามุ่งทำการก่อเหตุต่อกลุ่มเป้าหมายโดยไม่แยกแยะเพื่อให้เป็นข่าว บางครั้งบางคราถึงขนาดลงทุนทำการเข่นฆ่าผู้นับถือศาสนาเดียวกันเองก็ยอม เพื่อโยนผิดให้เจ้าหน้าที่ โดยให้กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองรับลูกต่อนำไปขยายผลชี้นำสังคม ถูกรัฐรังแก ไม่ได้รับความเท่าเทียม สิทธิเสรีภาพถูกลิดรอน ไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคม

         วาทกรรมของ นายอารีฟีน โซ๊ะ ประธาน PerMAS คนปัจจุบัน ก็ไม่ต่างกับ วาทกรรมของ นายสุไฮมี ดูละสะ อดีตประธาน PerMAS ต่างกันแค่เวลาแต่จุดมุ่งหมายยังเหมือนเดิมคือเอกราช ที่คนกลุ่มนี้ได้เห่าหอน พร้อมทั้งแว้งกัดเจ้าของบ้านได้ทุกเวลา...

รวบผู้ต้องสงสัย 2 ราย ขณะกำลังซ้อมยิงอาวุธปืนคาร์บินที่บ้านจือนือแร
ยะลา-เมื่อวันที่ 1 ม.ค.59 เวลา เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย.ม.1 ได้ยินเสียงปืนดังมาจากบริเวณบ้านจือนือแร ม.3 ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา จึงได้ให้ ชป.จรยุทธ์ ที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเข้าทำการตรวจสอบ รวบตัวผู้ต้องสงสัย 2 ราย พร้อมอาวุธปืนคาร์บิน
จนกระทั่งเวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่ได้ตามไปยังต้นทางของเสียงปืนดังกล่าว ปรากฏว่าพบชาย 2 คน กำลังขะมักเขม้นซ้อมยิงอาวุธปืนอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับยึดอาวุธปืน คาร์บิน M-2 ส่วนชื่อชายทั้ง 2 คน ยังไม่ทราบชื่อเนื่องจากไม่ได้นำบัตร ปชช. พกติดตัวมาด้วย
เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยพร้อมอาวุธปืนไปทำการซักถามทำการขยายผลต่อไป อนึ่งจากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ได้รับการยืนยันว่าบุคคลทั้ง 2 คน ไม่ใช่คนในพื้นที่บ้านจือนือแรแต่อย่างใด
Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม