ฆ่าตัดคอพ่อ-ลูก

สลดโจรใต้ฆ่าตัดคอพ่อ-ลูก ทบ.ปัดรู้เห็นเจรจาหย่าศึก

จับโจรใต้ : ทหารหน่วย ฉก.ที่12 จ.ยะลา แถลงข่าวจับกุม 3โจรใต้ ประกอบด้วย นายมุกตาร์ มะหะ นายอาซัน หะมะและนายถวัลย์ศักดิ์ แปแนะ พร้อมของกลางปืนเอชเค 2กระบอก กระสุน 70นัดและปืนพกสั้นขนาด.357 อีก 1กระบอก ก่อนควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป   เมื่อเวลา 10.30น.วันที่ 22กันยายน พ.ต.ท.วีระศักดิ์ ศิริจันทร์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต 2ศพ ในหมู่บ้านจือกอ ม.3 ต.ศรีบรรพรต จึงรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบศพ นายประทีป สมบัติ อายุ38ปี สภาพถูกยิงร่างพรุนและคนร้ายยังตัดศรีษะออกมาวางไว้ข้างลำตัวศพอีกด้วย ส่วนอีกศพ คือ นายศิริพงษ์ สมบัติ อายุ 17ปี ลูกชายของ นายประทีป ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนสุคิรินวิทยา สภาพถูกยิงเช่นกัน  จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายสองพ่อลูก ขี่รถจักรยานยนต์คนละคันออกจากบ้านพัก พร้อมพกอาวุธปืนขนาด.38และลูกซองสั้นคนละกระบอก เพื่อเดินทางไปหมู่บ้านไอร์กือเนาะ ต.ศรีบรรพรต อ.ศรีสาคร ซึ่งนัดเพื่อนไว้ล่วงหน้าเพื่อเดินทางไปหาของป่า เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายประมาณ 3-4 คน ดักซุ่มอยู่ในสวนยางพารา เมื่อเห็นสองพ่อลูกขี่รถจักรยานยนต์ตามกันมา กลุ่มคนร้ายจึงใช้ปืนอาก้า เอ็ม16และลูกซอง ยิงถล่มใส่กว่า 20นัด จนเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายวิ่งออกมาจากป่าและใช้ปืนจ่อยิงซ้ำ จนมั่นใจว่าเสียชีวิต จึงใช้มีดเชือดคอ นายประทีป จนขาดแล้วนำมาไว้ข้างศพ พร้อมกับหยิบอาวุธปืนที่เอวของผู้ตายทั้งสองคนหลบหนีไป  ต่อมา เวลา 12.00น.เจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจยะลาที่12 นำโดย พ.ท.ธงชัย มีอนันต์ ผบ.ฉก.ยะลา16 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ในเขตรอยต่อระหว่าง ม.1 ต.อัยเยอร์เวง กับ ม.6 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา ก่อนควบคุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 3คน คือ นายมุกตาร์ มะหะ,นายถวัลย์ศักดิ์ แปแนะและนายอาซัน หะมะ พร้อมอาวุธปืนเอช เค 2กระบอก ปืนพกสั้นขนาด .357 จำนวน 1กระบอกและกระสุนปืนเอชเค จำนวน 70นัด ก่อนควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป สำหรับ นายถวัลย์ศักดิ์ เคยถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายลอบวางระเบิดห้างดังในกรุงเทพมหานคร เมื่อคืนวันที่ 31ธันวาคม2549 เนื่องจากมีภาพจากทีวีวงจรปิดสามารถบันทึกภาพถ่ายที่มีใบหน้าคล้าย นายถวัลย์ศักดิ์ เอาไว้ได้ในช่วงก่อนเกิดเหตุ  สำหรับความคืบหน้ากรณีสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า นายยูซุฟ คาลลา รองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย รับเป็นตัวกลางจัดเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยกับตัวแทนชาวมุสลิมใน3จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อคลี่คลายเหตุไม่สงบในภาคใต้ของไทย ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบประธานาธิบดี ในเมืองโบกอร์ กรุงจาการ์ต้า  ล่าสุด พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า การเจรจาดังกล่าวกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.ภาค4) ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนัดหมายหารือในครั้งนี้แต่อย่างใดและยืนยันว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ของกองทัพภาคที่4 หรือ กอ.รมน.ภาค4 เข้าร่วมด้วย ทั้งหมดเป็นการแสดงความร่วมมือส่วนตัวของบุคคลที่มีความหวังดีต่อการแก้ปัญหาเหตุไม่สงบในชายแดนภาคใต้เท่านั้น เพราะผู้ก่อเหตุไม่สงบถือเป็นอาชญากรแผ่นดิน ต้องนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย  เช่นเดียวกับ นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวว่า รัฐบาลไทยส่งผู้แทนไปพบปะรัฐบาลอินโดนีเซีย เพื่อขอให้ช่วยดับไฟใต้ว่า เรื่องนี้ไม่มีข้อมูลและกระทรวงการต่างประเทศ ยังไม่ได้รับรายงาน เชื่อว่าไม่น่าจะมีผู้แทนระดับสูงที่หมายถึงระดับรัฐมนตรีไปพบกับทางรัฐบาลอินโดนีเซีย เนื่องจากอยู่ระหว่างจัดตั้งรัฐบาล  อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวอันทาราของอินโดนีเซีย รายงานอ้างโฆษกประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ระบุว่า การเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยกับตัวแทนกลุ่มมุสลิมภาคใต้ของไทย ที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจัดขึ้นนาน 2วันที่พระราชวังโบกอร์ เสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 21กีนยายนที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า จะยุติความรุนแรงและจะใช้ความอดทนเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ใดๆ ที่จะทำลายกระบวนการสันติภาพ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นร่วมกันที่จะนัดเจรจารอบ2 ระหว่างวันที่ 1-2พฤศจิกายนนี้และรอบ3 ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่พระราชวังโบกอร์  โฆษกประธานาธิบดีอินโดนีเซีย บอกด้วยว่า การเจรจาครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในหลักการสำคัญหลายเรื่อง แต่ยังมีประเด็นสำคัญอีกหลายเรื่องที่ยังต้องเจรจากัน ซึ่งรัฐบาลอินโดนีเซียจะช่วยเสริมสร้างสันติภาพในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ด้วยการทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและกลุ่มแบ่งแยกดินแดน โดยการเจรจาครั้งนี้ มีรองประธานาธิบดี ยูซุฟ คัลลา ของอินโดนีเซีย เป็นผู้ไกล่เกลี่ยและมี พล.อ.ขวัญชาติ กล้าหาญ อดีตแม่ทัพภาคที่4 เป็นตัวแทนฝ่ายไทย รวมถึงมีผู้แทนชุมชนจังหวัดภาคใต้อีก 5คน ซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อ ข่าวจาก /http://naewna.com