ความเดือดร้อน
แผ่นดินไทยแม้มิได้กว้างใหญ่ไพศาล ประชากรไทยแม้มิได้มีมากมายอย่างชาติอื่น ทว่า หากเปรียบเทียบกับประเทศใหญ่ ๆ ในโลกนี้แล้วแผ่นดินของเรามีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ แม้ดินฟ้าอากาศก็สบายดีที่สุดในภูมิภาคนี้ ไม่ร้อนจัดไม่หนาวจัด ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ในอ่าวมีแก๊ส ใต้ดินมีน้ำมัน ที่สำคัญคือ คนไทยใจเป็นกลางรักแผ่นดินเกิด เทิดทูลสถาบัน
ด้วยความพร้อมในหลาย ๆ ประการนี้เอง จึงเป็นเหตุให้ใครต่อใครมุ่งหวังแย่งชิงแผ่นดินไทย ประหนึ่งสาวงามแห่งภูมิภาคที่ชายหนุ่มต่างหมายปองเป็นเจ้าของ เป็นที่น่าคิดว่า ในขณะที่ส่วนอื่นของโลกกำลังแย่งชิงผลประโยชน์ทางธรรมชาติกัน พวกเราคนไทยกลับสุขสบายบนความพอเพียงได้อย่างไม่รู้สึกเดือดร้อน
แต่มาบัดนี้ พี่น้องชาวไทยที่รัก พระภิกษุสงฆ์ องค์กรพุทธ อุบาสก อุบาสิกา นักปราชญ์ นักวิชาการ สื่อมวลชนทั้งหลาย บ้านเมืองของเราจะไม่เป็นเช่นอดีตอีกต่อไปแล้ว เพราะบ้านเมืองของเรานับตั้งแต่มีการปฎิรูปเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดว่า เป้าหมายของใครอยู่ที่ไหน ใครพวกไหนทำอะไร เพื่อให้บรรลุผลอะไรกัน
สิ่งเหล่านี้ คือความวิตกกังวลใจที่คนไทยต่างเก็บไว้ในใจไม่เกล้าแสดงออกเพราะกลัวอำนาจมืด แต่ท่านทั้งหลายไม่ต้องกลัว ท่านต้องกล้า เรามีคนดี คนเก่ง แต่เราขาดคนเกล้า ถึงเวลาที่พวกเราคนไทยต้องตื่นขึ้นมารักษาบ้านเมือง เวลานี้ จะพิสูจน์ว่าท่านจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เพียงใด ท่านถวายชีวิตให้กับพระพุทธศาสนาได้หรือไม่
ขณะนี้สถาบันทั้งสองอยู่ท่ามกลางอันตรายอย่างยิ่งยวด เป็นความเสี่ยงที่ชาวพุทธต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ เป็นความวิกฤตที่ชาวไทยต้องกลับหันมาสนใจ ไม่ว่าท่านจะมีอาชีพอะไร ความอยู่รอดของบ้านเมือง คือความอยู่รอดของท่าน และลูกหลาน หากชาติบ้านเมืองไม่ปลอดภัยแม้ท่านจะร่ำรวยเพียงใด มียศมีเกียรติสูงเพียงไหน ท่านก็ไม่อาจอยู่อย่างมีความสุขได้ การรวมพลังสามัคคีเสียสละของพวกเราทุกคนคือทางรอดของสถาบัน หาไม่ ก็ไม่ต่างอะไรกับเหตุการณ์ตัวอย่างของประเทศเพื่อนบ้านของเราที่ประสบชะตากรรมมาแล้ว
หากเราไม่ทำความเข้าใจข้อความต่อไปนี้ พวกเราคนไทยจะตกเป็นพลเมืองชั้นสองที่อยู่ใต้การปกครองของคนส่วนน้อยทันที
ทำไมจึงพูดเช่นนี้ ก็เพราะเวลานี้คนไทยกำลังอยู่ในความเสี่ยงหลาย ๆ ด้าน เช่น
* ความเสี่ยงเรื่อง สถาบันพระมหากษัตริย์
* ความเสี่ยงเรื่อง สถาบันพระพุทธศสนา
* ความเสี่ยงเรื่อง บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญปกครองประเทศ
* ความเสี่ยงเรื่อง การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
* ความเสี่ยงเรื่อง การผันผวนวัฒนธรรมทางภาษา
ถึงเวลาแล้ว ที่พวกเราจะต้องออกมาเรียกร้องข้อเสนอต่อรองเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินเกิดของเรา มิใช่ปล่อยให้คนบางกลุ่มที่หวังผลทางศาสนาของตน กุมอำนาจรัฐ และกำหนดนโยบายอะไรตามใจชอบแต่เพียงฝ่ายเดียว ดังที่เราได้เห็นอย่างเด่นชัดในเวลานี้ การที่เรานิ่งเงียบทำให้พวกเขาทำอะไรได้โดยไม่รู้สึกละอายใจไม่เกรงใจคนส่วนใหญ่ของประเทศแม้แต่น้อย.
..................................................................
ความเป็นอยู่ของชาวไทยพุทธในพื้ที่
ความเดือดร้อนของชาวไทยพุทธในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ไม่ได้รับการเลียวแลจากภาครัฐอย่างจริงจัง
ปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าชาวไทยพุทธที่เหลืออยู่เป็นส่วนเกินเสียมากกว่า ที่รัฐบาลจะจัดการได้เบ็ดเสร็จ
ไม่ว่าด้านสังคม ความเป็นอยู่ อยู่ด้วยความหวาดระแวง ทำมาหากินลำบาก การเดินทางไปไหน หวาดกลัวที่จะถูกทำร้าย ถูกจำกัดเวลาและเส้นทางให้เดิน
ด้ารการเมือง ในระดับท้องถิ่นไม่ต้องพูดถึง เสียงที่ไปลงคะแนน จะลงหรือไม่ ไม่มีความหมาย
ด้านเศรษฐกิจ ร้านค้า ร้านขายของชำ ร้านอาหาร ร้านขายส่ง ฯ กำลังถูกยึดครอง
ด้วยความพร้อมในหลาย ๆ ประการนี้เอง จึงเป็นเหตุให้ใครต่อใครมุ่งหวังแย่งชิงแผ่นดินไทย ประหนึ่งสาวงามแห่งภูมิภาคที่ชายหนุ่มต่างหมายปองเป็นเจ้าของ เป็นที่น่าคิดว่า ในขณะที่ส่วนอื่นของโลกกำลังแย่งชิงผลประโยชน์ทางธรรมชาติกัน พวกเราคนไทยกลับสุขสบายบนความพอเพียงได้อย่างไม่รู้สึกเดือดร้อน
แต่มาบัดนี้ พี่น้องชาวไทยที่รัก พระภิกษุสงฆ์ องค์กรพุทธ อุบาสก อุบาสิกา นักปราชญ์ นักวิชาการ สื่อมวลชนทั้งหลาย บ้านเมืองของเราจะไม่เป็นเช่นอดีตอีกต่อไปแล้ว เพราะบ้านเมืองของเรานับตั้งแต่มีการปฎิรูปเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดว่า เป้าหมายของใครอยู่ที่ไหน ใครพวกไหนทำอะไร เพื่อให้บรรลุผลอะไรกัน
สิ่งเหล่านี้ คือความวิตกกังวลใจที่คนไทยต่างเก็บไว้ในใจไม่เกล้าแสดงออกเพราะกลัวอำนาจมืด แต่ท่านทั้งหลายไม่ต้องกลัว ท่านต้องกล้า เรามีคนดี คนเก่ง แต่เราขาดคนเกล้า ถึงเวลาที่พวกเราคนไทยต้องตื่นขึ้นมารักษาบ้านเมือง เวลานี้ จะพิสูจน์ว่าท่านจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เพียงใด ท่านถวายชีวิตให้กับพระพุทธศาสนาได้หรือไม่
ขณะนี้สถาบันทั้งสองอยู่ท่ามกลางอันตรายอย่างยิ่งยวด เป็นความเสี่ยงที่ชาวพุทธต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ เป็นความวิกฤตที่ชาวไทยต้องกลับหันมาสนใจ ไม่ว่าท่านจะมีอาชีพอะไร ความอยู่รอดของบ้านเมือง คือความอยู่รอดของท่าน และลูกหลาน หากชาติบ้านเมืองไม่ปลอดภัยแม้ท่านจะร่ำรวยเพียงใด มียศมีเกียรติสูงเพียงไหน ท่านก็ไม่อาจอยู่อย่างมีความสุขได้ การรวมพลังสามัคคีเสียสละของพวกเราทุกคนคือทางรอดของสถาบัน หาไม่ ก็ไม่ต่างอะไรกับเหตุการณ์ตัวอย่างของประเทศเพื่อนบ้านของเราที่ประสบชะตากรรมมาแล้ว
หากเราไม่ทำความเข้าใจข้อความต่อไปนี้ พวกเราคนไทยจะตกเป็นพลเมืองชั้นสองที่อยู่ใต้การปกครองของคนส่วนน้อยทันที
ทำไมจึงพูดเช่นนี้ ก็เพราะเวลานี้คนไทยกำลังอยู่ในความเสี่ยงหลาย ๆ ด้าน เช่น
* ความเสี่ยงเรื่อง สถาบันพระมหากษัตริย์
* ความเสี่ยงเรื่อง สถาบันพระพุทธศสนา
* ความเสี่ยงเรื่อง บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญปกครองประเทศ
* ความเสี่ยงเรื่อง การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
* ความเสี่ยงเรื่อง การผันผวนวัฒนธรรมทางภาษา
ถึงเวลาแล้ว ที่พวกเราจะต้องออกมาเรียกร้องข้อเสนอต่อรองเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินเกิดของเรา มิใช่ปล่อยให้คนบางกลุ่มที่หวังผลทางศาสนาของตน กุมอำนาจรัฐ และกำหนดนโยบายอะไรตามใจชอบแต่เพียงฝ่ายเดียว ดังที่เราได้เห็นอย่างเด่นชัดในเวลานี้ การที่เรานิ่งเงียบทำให้พวกเขาทำอะไรได้โดยไม่รู้สึกละอายใจไม่เกรงใจคนส่วนใหญ่ของประเทศแม้แต่น้อย.
..................................................................
ความเป็นอยู่ของชาวไทยพุทธในพื้ที่
ความเดือดร้อนของชาวไทยพุทธในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ไม่ได้รับการเลียวแลจากภาครัฐอย่างจริงจัง
ปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าชาวไทยพุทธที่เหลืออยู่เป็นส่วนเกินเสียมากกว่า ที่รัฐบาลจะจัดการได้เบ็ดเสร็จ
ไม่ว่าด้านสังคม ความเป็นอยู่ อยู่ด้วยความหวาดระแวง ทำมาหากินลำบาก การเดินทางไปไหน หวาดกลัวที่จะถูกทำร้าย ถูกจำกัดเวลาและเส้นทางให้เดิน
ด้ารการเมือง ในระดับท้องถิ่นไม่ต้องพูดถึง เสียงที่ไปลงคะแนน จะลงหรือไม่ ไม่มีความหมาย
ด้านเศรษฐกิจ ร้านค้า ร้านขายของชำ ร้านอาหาร ร้านขายส่ง ฯ กำลังถูกยึดครอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น