วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ศาลสั่งประหารชีวิต โจรใต้


...กระทำผิดซ้ำซากไม่ยอมกลับตัว..สุดท้ายศาลสั่งประหารชีวิต

โดย ‘แบดิง โกตาบารู’

        กลุ่มขบวนการโจรใต้ฟาตอนีที่ทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ เมื่อถูกเจ้าหน้าที่จับกุมนำตัวเข้าสู่กระบวนการซักถามเพื่อหาความเชื่อมโยงในการกระทำความผิด หากหลักฐานไม่แน่นหนาพอในเวลาต่อมาจะได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระ หรือบางรายเจ้าหน้าที่มีความมั่นใจส่งตัวฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดี เมื่อมีการสืบพยานหลักฐานไม่มีความชัดเจน เมื่อศาลพิจารณาแล้วจึงให้หลุดพ้นจากคดีความ
นับได้ว่าสถิติคดีความมั่นคงที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎหมายเพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหากจะมองว่าหน่วยงานภาครัฐประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาก็ถือว่าไม่ผิด แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการชั้นศาล มีอยู่จำนวนไม่น้อยที่คนร้ายหลุดจากคดีเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ

       การได้รับการปล่อยตัวดังกล่าว ยิ่งทำให้โจรใต้ฟาตอนีเหล่านี้เหิมเกริมหนักไม่ย่ำเกรงต่อกฎหมายอาญาแผ่นดิน เพราะกระทำความผิดแล้วไม่ได้รับการลงทัณฑ์ กลับเข้าสู่วังวนของความชั่วร้าย เดินหน้าทำการเข่นฆ่าผู้คนอย่างไร้ความปราณี ศพแล้วศพเล่าสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนชาวปาตานีกันถ้วนหน้า จนกระทั่งผู้คนส่วนใหญ่ต่างเอือมระอาต่อพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์ร้ายของโจรใต้ไร้ศาสนาเหล่านี้

         แต่ผู้ที่กระทำกรรมชั่วผลกรรมย่อมตอบสนองไม่ช้าก็เร็ว...และในที่สุดความยุติธรรมก็บังเกิดผู้ที่กระทำความผิดย่อมไม่สามารถหลีกหนีเงื้อมมือของกฎหมายรอดพ้น เมื่อสันดานไม่ยอมเปลี่ยนคุกตารางย่อมเปิดอ้ารอรับคนเลวเข้าไปชดใช้กรรม..หรือบางรายประตูนรกเปิดรอต้อนรับต้องถูกประหารชีวิตตายตกตามกัน ตายแล้วเกิดใหม่อีกกี่สิบชาติก็ยังไม่สาสมกับความเลวที่โจรชั่วได้กระทำเอาไว้กับผู้บริสุทธิ์

         อย่างรายล่าสุดกับความเหิมเกริมและไม่สำนึก มิใช่เป็นแค่ผู้หลงผิดธรรมดาๆ ที่สื่อมักชอบนำเสนอพาดหัวข่าวกัน แต่เป็นความชั่วช้าที่ได้รับการปลูกฝังจนเข้าสู่กระแสเลือด เป็นความสุดโต่ง สุดขั้ว ที่คนธรรมดาอย่างเราๆ ทำกันไม่ได้ ซึ่งเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดปัตตานีได้พิพากษาตัดสิน“ประหารชีวิต”นายยัฟรี สารอเอง จากคดีลอบยิงพ่อค้ารับซื้อขายปลา เสียชีวิต จำนวน 2 คน และหลังก่อเหตุยังได้แย่งชิง ปืนพกจำนวน 1 กระบอก,เงินสดจำนวน 50,000 บาท พร้อมทั้งเผารถยนต์บรรทุก เหตุเกิดบนถนนสาย 42 ในพื้นที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี



        จากเหตุการณ์วันเกิดเหตุ ลูกจ้างของผู้ที่เสียชีวิต ได้วิ่งหลบหนีไปได้ ซึ่งต่อมาได้ให้การกับพนักงานสอบสวนว่าพฤติกรรมของคนร้ายนั้นมีด้วยกัน 5 - 6 คน ได้แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ด้วยการตั้งด่านลอย ซึ่งตนเองสามารถจดจำใบหน้าคนร้ายได้ 2 คน พร้อมทั้งชี้ภาพยืนยันตัวบุคคลเป้าหมาย จึงนำไปสู่การออกหมายจับ ป.วิอาญา นายยัฟรี สารอเอง ในเวลาต่อมา

       สำหรับพฤติกรรมชั่วของ นายยัฟรี สารอเอง เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ โดยรับผิดชอบพื้นที่อำเภอสายบุรี, อำเภอกระพ้อ และอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี นายยัฟรีฯ ยังมีขีดความสามารถในการประกอบระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมาแล้วถึง 2 ครั้งด้วยกัน คือ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2551 นายยัฟรี สารอเอง ซึ่งมีหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้เข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 26 จากผลการซักถามได้สารภาพว่าเคยร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิด 4 เหตุการณ์ ด้วยกันในพื้นที่อำเภอสายบุรี



     เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2550 ลอบซุ่มยิงและระเบิด เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.30211 ในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี



        เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2550 ลอบวางระเบิดในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลบือเระ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี (ระเบิดขึ้นก่อน)



          เหตุการณ์ที่ 3 เมื่อ เดือนธันวาคม 2550 ลอบวางระเบิด บนถนนสาย 42 บ้านบาโงมูลง ตำบลเตราะบอน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี (ระเบิดไม่ทำงาน)



       เหตุการณ์ที่ 4 เมื่อ 18 ตุลาคม 2550 ลอบวางระเบิดรถยนต์ ชุดสันติสุข 112 ม.7 ตำบลเตราะบอนอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี

        ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้ส่งตัวดำเนินคดี และหลังจากฝากขังเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานีประมาณ 3 เดือน นายยัฟรีฯ จึงได้รับการประกันตัวออกมา

        หลังจากออกจากเรือนจำสันดานเดิมเริ่มออกลายให้เห็นทั้งๆ ที่อยู่ในระหว่างประกันตัวยังไม่มีความเกรงกลัวต่อความผิด เมื่อได้รับการชักชวนเข้าสู่ขบวนการอีกครั้งจาก นายฮูซัยฟะ หะยีสาเมาะ (ซึ่งเสียชีวิตจากการปะทะ) ได้ร่วมกันก่อเหตุอีกครั้งและหนีประกันในเวลาต่อมา

         จนกระทั่ง ถูกจับกุมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2557 ในพื้นที่อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดอาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม. จำนวน 1 กระบอก

         และผลจากการถูกจับกุมในครั้งที่ 2 นี่เอง ต่อมาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2557 เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวนายยัฟรี สารอเอง ฟ้องศาลดำเนินคดี ตามหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 9 คดีด้วยกัน ซึ่งอัยการได้ สั่งไม่ฟ้องแล้ว 3 คดี แต่ในที่สุดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดปัตตานีได้พิพากษาตัดสิน“ประหารชีวิต”นายยัฟรี สารอเอง จากคดีลอบยิงพ่อค้ารับซื้อขายปลาเสียชีวิต จำนวน 2 คน แต่ยังคงเหลือคดีรอการพิพากษาของศาลอยู่อีก จำนวน 5 คดี

         ผลจากการก่อกรรมทำชั่ว ศาลได้สั่งประหารนายยัฟรี สารอเอง ผู้ที่ทำลายชีวิตผู้อื่นคงจะสาสมกับการกระทำที่ผ่านมา แต่แค่นี้ยังไม่จบยังมีคดีรอพิจารณาอยู่อีก 5 คดี คอยติดตามข่าวสารกันต่อไป พระเจ้าไม่เคยเข้าข้างคนเลว เพราะทุกการกระทำของคุณอยู่ในสายตาของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญบ้านเมืองมีขื่อมีแป บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมือง ทุกคนต้องจะต้องปฏิบัติตนภายใต้กฎหมายเดียวกัน เมื่อมีผู้กระทำความผิดก็จะต้องว่าไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย
--------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม