วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เมื่อ ผกร.ก่อเหตุเดือนรอมฎอน สวนทางกระแสตอบรับสันติสุขของประชาชน



โดย ‘แบดิง โกตาบารู’
http://pulony.blogspot.com/2015/07/blog-post_40.html


          เนื่องจากประชาชนให้ความร่วมมือ ไม่เอาความรุนแรง ประกอบศาสนกิจมุ่งกระทำแต่ความดี กระแส“รอมฎอนสันติสุข”ในปีนี้จากการรณรงค์ของหน่วยงานภาครัฐเพื่อลดการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่ม ผกร. ทั้งก่อนเข้าสู่เดือนรอมฎอน ในห้วงการถือศีลอด และเข้าสู่ 10 วันสุดท้ายของเดือน สถิติการก่อเหตุได้ลดลงเมื่อเปรียบเทียบห้วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ๆ

         แต่กลับมีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงบางกลุ่มที่ไม่ยอมตอบรับกระแส“แนวทางสันติวิธี” ของรัฐบาล ยังคงเดินหน้าก่อเหตุทำความเปรอะเปื้อนให้กับเดือนรอมฎอนด้วยเสียงระเบิดและกลิ่นควันปืน
เลือด และหยาดน้ำตาของผู้ที่สูญเสียยังคงหลั่งนองละเลงปลายด้ามขวานแห่งนี้มิได้เหือดหาย
สร้างความทุกข์ ความระทมให้กับผู้คนซ้ำแล้วซ้ำเล่า การกระทำของกลุ่ม ผกร.ไร้ศาสนาที่ทำการก่อเหตุกลับสวนทาง สวนกระแสความต้องการของพี่น้องประชาชนชาวปาตานีที่ต้องการสันติสุขอย่างสิ้นเชิง
เดือนรอมฎอน เดือนแห่งการทำความดี เดือนแห่งสันติทุกคนมีความสุขในการอยู่ร่วมกันภายใต้พหุวัฒนธรรม แต่กลับมีกลุ่ม ผกร. ลงมือก่อเหตุบั่นทอนความรู้สึกและทำลายบรรยากาศของการเปิดพื้นที่การพูดคุย แต่ถึงกระนั้นข่าวดีได้กลบกระแสข่าวร้ายได้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นในเดือนรอมฎอน เป็นการจุดประกายความหวังให้กับพี่น้องประชาชนวาดฝันสันติสุข สันติภาพที่กำลังจะเกิดตามมา

          การนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนเกือบทุกแขนง ได้มีการปล่อยตัว“นายหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ” อดีตแกนนำขบวนการพูโล ซึ่งถูกตัดสินจำคุกด้วยข้อหาด้านความมั่นคง ได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระหลังถูกคุมขังมาเป็นเวลา 18 ปี โดยมีครอบครัวมารอรับอย่างอบอุ่นพร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้อิสระเป็นของขวัญรับวันฮารีรายอ เมื่อ 17ก.ค.58 เวลา 11.30 น.ที่ผ่านมา

         นับเป็น “ข่าวดี” อีกข่าวหนึ่งของสถานการณ์ไฟใต้ นอกเหนือจากการเปิด “พื้นที่พูดคุย”ให้กับสหพันธ์นิสิตนักศึกษา นักเรียน และเยาวชนปาตานี (PerMAS) ได้พบปะพูดคุยกับหน่วยงานของรัฐ ทั้ง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมถึงสื่อมวลชน เพื่อให้ทุกฝ่ายทำความเข้าใจระหว่างกัน ลดปัญหาความหวาดระแวงที่มีต่อกันมาอย่างยาวนาน

          ต่อจากนี้ไปคอยจับตากระแส “สันติสุข” ใน จชต. ที่กำลังเกิดขึ้น จากการขับเคลื่อนของรัฐบาลชุดนี้ซึ่งได้ให้ทุกระดับเปิดพื้นที่ “การพูดคุย”สร้างความเข้าใจกับผู้เห็นต่าง และยังส่งเสริมปัจจัยเกื้อหนุน สร้างบรรยากาศที่เป็นทิศทางบวกมากมายเกิดขึ้นในพื้นที่

          ตัวชี้วัดจากการปฏิบัติเกิดขึ้นทันที ส่งผลให้สถิติการก่อเหตุในห้วงเดือนรอมฎอนลดลงจากปีก่อนๆ เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างสันติสุขอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ก่อนเดือนรอมฎอน มีการร่วมพิธีละหมาดฮายัตของผู้นำศาสนาในพื้นที่ จชต. ณ มัสยิดกลางปัตตานี ถัดมามีการจัดโครงการ “พาสู่อ้อมกอด รอมฎอนการีม” ณ ค่ายกัลยาณิวัฒนา โดยมีราษฎรไทยมุสลิมกว่า 500 คน ที่อาศัยอยู่ในมาเลเซียเดินทางเข้าร่วม นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรม “โครงการพาคนกลับบ้าน” มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก จนเกิดกระแส “รอมฎอนแห่งสันติสุข” ขึ้นอย่างกว้างขวาง จุดเปลี่ยนจุดนี้เอง หาก ผกร. ยังเดินหน้าก่อเหตุรุนแรงอาจทำให้เสียงานมวลชน

         “ข่าวดี” ต้อนรับวันฮารีรายอของพี่น้องมุสลิม คงจะเป็นกระแสตอบรับการปล่อยตัว “นายหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ” ท่ามกลางความยินดีของครอบครัว เครือญาติ และผู้นำท้องถิ่นที่รอต้อนรับ เจ้าตัวเผยจะรับใช้ชาติด้วยการประสานกลุ่มผู้เห็นต่างให้ร่วมวงพูดคุยสันติสุข พร้อมช่วยดูแลนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเกิดของตน

         นายหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ กล่าวขอบคุณ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล รวมถึงแม่ทัพภาคที่ 4 เลขาธิการ ศอ.บต. และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ที่ให้ความช่วยเหลือจนกระทั่งตนเองได้รับการพักโทษ และปล่อยตัวในที่สุด หลังจากนี้ไป ตนเองจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อช่วยแก้ปัญหา และพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้

        “ส่วนหนึ่งผมจะรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานการพูดคุยสันติสุขระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับกลุ่มผู้เห็นต่าง เพื่อให้เกิดความเข้าใจในข้อเท็จจริงต่างๆ จนนำไปสู่การร่วมกันสร้างความสงบให้เกิดขึ้นให้ได้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับงานส่วนตัวจะทำด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เช่น งานพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมฮาลาลให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี”

        อดีตแกนนำขบวนการพูโลที่เพิ่งพ้นโทษ กล่าวว่า ตนจะขอดูแลศูนย์นิคมอุตสาหกรรมฮาลาลที่ ต.น้ำบ่อ อ.ปานาแระ จ.ปัตตานี ซึ่งนายภานุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต.ได้มอบหมายให้ตนทำหน้าที่นี้ ซึ่งก็จะทำให้ดีที่สุด จะมีการนำผู้ประกอบการจากประเทศมาเลเซียมาร่วมลงทุน เพื่อสร้างรายได้ และสร้างอาชีพให้แก่คนในพื้นที่

        “เศรษฐกิจในพื้นที่จะดีขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปมาระหว่างไทยกับมาเลเซีย เพื่อติดต่อประสานงานกับนักธุรกิจที่จะมาร่วมลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมฮาลาล รวมทั้งเพื่อไปคุยกับกลุ่มเพื่อนๆ เพื่อร่วมสร้างสันติสุขในพื้นที่”

        ตามที่ นายหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ อดีตแกนนำพูโล เผยจะรับใช้ชาติด้วยการประสานกลุ่มผู้เห็นต่างมาร่วมวงพูดคุยสันติสุข ใน จชต. ต่อจากนี้เป็นต้นไปคงได้เห็นความคืบหน้าเป็นรูปธรรม ผู้เขียนเชื่อในศักยภาพของนายหะยีสะมะแอฯ ในการประสานกับกลุ่มต่างๆ แต่ขออย่างเดียวทุกฝ่ายจะต้องมีความจริงใจต่อกัน อีกทั้งกลุ่ม ผกร. ที่ได้มีการผลิตเหมือน “ถั่วงอก” ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ตอนนี้ อย่าพยายามปั่นป่วนทำลายบรรยากาศการสร้างสันติสุขอีกเลย เพราะไม่เป็นผลดีมีแต่เสียกับเสียต่อองค์กร เพราะประชาชนส่วนใหญ่ตอบรับกระแส “แนวทางสันติวิธี” ของรัฐบาล สนับสนุนการพูดคุยแทนการใช้ความรุนแรงที่กลุ่ม ผกร.บางกลุ่มใช้อยู่...

------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม