ครูเผยสาเหตุที่เด็กนักเรียนโรงเรียนชุมชนวัดอัมพวนาราม ต้องกินหมู
กรณีที่เด็กนักเรียนเด็กและผู้ปกครองเด็กนักเรียนมุสลิมโรงเรียนชุมชนวัดอัมพวนาราม ต้องกินข้าวกล่องหมู ในสถานที่พักสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ ตำบลคลองหก อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2558 ที่ผ่านมานั้น
นายสุนทร แดงวิไล อาจารย์และรักษาการผู้อำนวยการ โรงเรียนชุมชนวัดอัมพวนาราม ม.5 บ้านเกาะบาตอ ตำบลเมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวมุสลิมไทยโพสต์ว่า… “ทางคณะครูและนักเรียนได้เดินทางไปทัศนศึกษาที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดอยุธยา ด้วยเครื่องบิน ซี 130 ของทหารอากาศโดยได้เดินทางไปขึ้นเครื่องที่ท่าอากาศยานนราธิวาส หรือสนามบินบ้านทอน ต.โคกเคียน จ.นราธิวาส – ดอนเมือง กรุเทพฯ ระหว่างวันที่ 11-13 พ.ย.58 ตามโครงการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ โรงเรียนชุมชนวัดอัมพวนารามจำนวนทั้งสิ้น 103 คน ประกอบด้วย เด็กนักเรียน จำนวน 49 คน ครู 12 คน และผู้ปกครอง 49 คน และได้เข้าพักที่บ้านพัก สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ คลองหก ธัญบุรี โดยวันแรกก็ไปเยี่ยมพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ จากนั้นก็ไปสวนสัตว์ดุสิต แล้วก็กลับมานอนที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ คลองหก ธัญบุรี
วันที่สองก็ไปที่ศูนย์ศิลปะชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากนั้นก็ออกไปที่ตลาดน้ำอโยธยา แล้วเข้าไปเที่ยวที่เมืองเก่าอยุธยา แล้วไปทานอาหารที่เมืองเก่าอยุธยามีร้านอาหารหลายร้านแต่เขาไม่เปิดในวันนั้น โดยคุณครูได้ให้ผู้ปกครองไปหาอาหารรับประทานตามอัธยาศัย ก็มีร้านอาหารมุสลิมอยู่ร้านหนึ่งข้างโรงพยาบาล โดยให้ผู้ปกครองสั่งอาหารมื้อเย็นมาเพื่อนำมารับประทานในที่พัก
โดยปกติอาหารที่สั่งที่ร้านอาหารในที่พักที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ คลองหก ธัญบุรี เขาจะแยกมื้อแรกก็เหมือนกันหมด คือไข่ต้ม กล่องของเด็กกับผู้ปกครองจะแตกต่างกัน โดยของผู้ใหญ่จะเป็นกล่องโฟมใหญ่ ของเด็กก็จะเป็นกล่องโฟมขนาดเล็กแตกต่างลงมา แล้วก็เขียนที่กล่องโฟมว่าเป็นของนักเรียนของผู้ปกครอง
ส่วนในวันที่เกิดเหตุนั้นทางร้านเขาไม่ได้เขียนที่กล่องโฟมว่าเป็นของใคร ส่วนอาหารที่สั่งในมื้อสุดท้ายเป็นมื้อเช้าก่อนกลับบ้าน ก็คือ เมนูผัดเผ็ดไก่ แต่ไม่ได้เขียนระบุว่าของเด็กหรือของผู้ใหญ่ แต่ลักษณะของโฟมนั้นแตกต่างกัน
ในช่วงเช้าเขาได้มาส่งอาหารที่รถ แต่ไม่ได้เขียนไว้ที่กล่องโฟมว่าเป็นของผู้ปกครองหรือเด็ก พอปล่อยให้ทุกคนมารับกล่องอาหาร ผู้ปกครองก็รู้ๆ กันว่ากล่องใหญ่เป็นของผู้ปกครอง กล่องเล็กเป็นของเด็ก จากนั้นผู้ปกครองและเด็กก็มารับอาหารที่รถจนเกือบหมด แต่เมื่อผู้ปกครองของเด็กเอาอาหารออกมารับประทาน เขาก็เห็นมาลักษณะของเนื้อที่มีลักษณะที่แปลกๆ(เนื้อหมู) ซึ่งอาหารอาหารที่สั่งไว้มันไม่ใช่แบบนี้ จากนั้นผู้ปกครองคนหนึ่งก็มาบอกครู พอครูรู้ครูตกใจมาก แต่เมื่อหันไปดูกล่องอาหารส่วนใหญ่เขาก็รับไปเกือบหมดแล้ว
ครูก็บอกว่าไม่ได้แล้ว เราผิดแล้ว จากนั้นคุณครูคนที่รับผิดชอบในเรื่องการสั่งอาหารดังกล่าวก็รีบไปที่ร้านเลย จึงได้ไปถามที่ร้านอาหารว่าเป็นยังไงทำกันแบบนี้ได้ยังไง
ทางร้านอาหารได้บอกว่า… อาหารที่มาสั่งนั้น มาสั่งในช่วงกลางคืน และวัตถุดิบที่เป็นเนื้อไก่มันหมด จึงไม่สามารถทำให้ครบตามจำนวนได้ เพราะครูเขาไปสั่งไว้รู้สึกว่าจะ 105 กล่อง ถ้าจำไม่ผิด และเขาก็รู้ว่านักเรียนและผู้ปกครองที่มานี่เป็นมุสลิม มีครูที่เป็นพี่น้องชาวไทยพุทธและผู้ปกครองที่เป็นพี่น้องไทยพุทธจำนวนหนึ่งด้วย
เขาบอกว่า ข้าวกล่องที่ทำให้นั้น เนื่องจากวัตถุดิบในส่วนที่เป็นไก่หมด เขาจึงได้นำเนื้อหมูมาทำให้กับพี่น้องที่เป็นชาวไทยพุทธ แต่เขาไม่ได้เขียนกำกับมาที่กล่องไหนเป็นของพี่น้องชาวไทยพุทธ(หมู) กล่องไหนเป็นของพี่น้องชาวไทยมุสลิม(ไก่) และคนที่มาส่งกล่องอาหารเขาก็ไม่บอก เพราะตอนที่มาส่งอาหารครูเขาก็อยู่ตรงนั้น เพราะครูกำลังมีกิจกรรมนำนักเรียนมาออกกำลังกายซึ่งอยู่ใกล้ๆ รถบัสทั้ง 2 คันดังกล่าว
หลังจากนั้นคุณครูเขาก็ไปบอกผู้ปกครองว่า ยอมรับรับความผิดพลาด คือยอมรับผิด คือมันผิดพลาดไปแล้วไม่รู้จะทำยังไงนะคะ แล้วได้อธิบายสาเหตุว่าเหตุการณ์มันเป็นยังไง แต่ก็มีผู้ปกครองและเด็กบางคนยังไม่ได้ทาน เพราะผู้ปกครองบางคนบอกว่าเขาคนอยู่กับคนจีน เขาบอกว่าเขาเห็นเนื้อเขาก็รู้เขาจึงไม่รับประทานข้างในกล่องที่ไปรับมา นี่คือสิ่งที่เป็นสัตย์จริงตามที่เห็นเพราะเป็นคนที่ร่วมคณะและได้อยู่ในเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วยตัวเอง
ครูทั้งหมดจึงได้ขอโทษขอโพย ยอมรับผิด เพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้ว ต้องขอโทษอย่างแรง(ภาษาปักษ์ใต้หมายถึงขอโทษอย่างมากๆ) บางคนผู้ปกครองเขาก็เข้าใจ เขารู้ว่าคุณครูก็ไม่ได้ตั้งใจ
ก็มีผู้ปกครองบางคนเขาโทรศัพท์กลับมาที่บ้าน เราก็ได้พูดคุยกันในรถ เพราะเราได้เหมารถบัสเพื่อใช้โดยสารในกรุงเทพฯ จำนวน 2 คัน เมื่อมาถึงสนามบินเราก็คุยกันมาตลอดว่า ยอมรับผิด
เพราะเราอยู่ในพื้นที่นี้เราก็รู้ แต่นี่เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่รู้และไม่คาดคิด และทางร้านก็ไม่ได้บอกว่า อาหารในกล่องดังกล่าวมีหมู เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องที่ทางครูเองก็ไม่ได้คาดคิด มันเป็นเหตุ
สุดวิสัยจริงๆ เป็นสิ่งที่เราคณะครูทุกคนยอมรับผิดและมีความรู้สึกเสียใจ เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่มันก็ได้เกิดขึ้นไปแล้ว ทางผอ.เอง ก็รีบเอารถมารับที่สนามบินบ้านทอน แล้วนำนักเรียนและผู้ปกครอง
กลับไปทานอาหารที่เตรียมไว้ที่โรงเรียน เพราะทราบข่าวว่านักเรียนและผู้ปกครองบางคนยังไม่ได้ทานอาหาร ทุกอย่างเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดฝัน ไม่มีใครเจตนาหรือตั้งใจให้มันเกิด นี่คือความสัตย์จริง”
ในส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า ไม่มีครูมุสลิมร่วมเดินทางไปกับคณะครูและนักเรียนในกิจกรรมครั้งนี้นั้น บังเอิญในวันดังกล่าวครูมุสลิมมีภารกิจส่วนตัวกับทางบ้าน ส่วนครูมุสลิมคนหนึ่งที่ทางโรงเรียนได้ประชุมกันแล้วว่าจะให้ร่วมคณะในการทัศนศึกษาครั้งนี้ก็ติดภารกิจการแข่งเรือของชุมชน จึงไม่มีครูมุสลิมคนไหนสามารถร่วมเดินทางไปด้วย และเนื่องจากในการเดินทางครั้งนี้ ทางโรงเรียนมีงบประมาณอันจำกัด ทางโรงเรียนได้เรียกเก็บค่ามีส่วนร่วมในการเดินทางครั้งนี้กับคณะครูคนล่ะ 700 บาท เพื่อร่วมสมทบทุนในการเดินทาง” …รักษาการรองผู้อำนวยการ โรงเรียนชุมชนวัดอัมพวนารามกล่าวทิ้งท้ายไว้ให้คิด.
ที่มา:สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์
ภาพ:แฟ้มไฟล์จากอินเตอร์เน็ต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น