วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เทคนิคบิดเบือนข้อมูลสื่อแนวร่วมโจรใต้ ตัดข้อความเชื่อมโยงให้ผู้คนหลงเข้าใจผิด



ขบวนการโจรใต้ฟาตอนียังคงเดินหน้า นโยบาย “รัฐบาลไทยล้มเหลว (fail state)” โดยโจมตีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ลดทอนความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่ออำนาจรัฐ ให้เกิดช่องว่างระหว่างประชาชนกับรัฐบาล และชี้นำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ใส่ใจว่าประชาชนจะคิดเช่นไร และมีสภาพชีวิตเป็นอยู่อย่างไร?

ล่าสุด เว็บเพจ ข่าวฟาตอนี ได้มีโพสต์ภาพและข้อความสั้นๆ ของอาจารย์ท่านหนึ่ง “ถ้าไม่ใช่ของเรา ก็คืนเขาไป” คำพูดนี้เป็นคำพูดที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ 3 จังหวัด แต่ทางโจรใต้ฟาตอนีได้ตัดข้อความพยายามให้มันเชื่อมโยงกัน เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งของการบิดเบือนข้อมูล เพื่อต้องการให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าอาจารย์ท่านนี้คิดเข้าข้างกลุ่มขบวนการโจรใต้ฟาตอนี


เหตุรุนแรงในขณะนี้ จะเห็นได้ว่าเป็นชะตากรรมของประชาชนมลายูที่อยู่ในพื้นที่ปาตานี ที่ต้องประสบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และยังไม่รู้ว่าจะประสบชะตากรรมเช่นนี้ต่อไปอีกนานเท่าใด ไฟใต้ถึงจะดับมอด จะมีอีกกี่ชีวิต กี่ดวงวิญญาณผู้บริสุทธิ์จะต้องเซ่นสังเวยให้กับความป่าเถื่อน อหังกาโจรไร้ศาสนาที่มีความคิดสุดโต่ง
ในขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป การใช้ชีวิตประจำวันย่อมมีอุปสรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ยุทธการแย่งชิงมวลชนเริ่มมีความเอนเอียง ประชาชนในพื้นที่เริ่มเลือกข้างความถูกต้องเข้าข้างฝ่ายธรรมะ เนื่องจากปัจจุบันประชาชนในพื้นที่เริ่มรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของกลุ่มขบวนการ หูตาที่มืดบอดเนื่องจากถูกปิดหูปิดตา ได้รับการเปิดให้สว่างขึ้น มีความเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร รู้ซึ้งถึงก้นลึกพฤติกรรมอันอันชั่วร้ายของโจรใต้ฟาตอนี เพราะทุกวันนี้การต่อสู้ของโจรใต้ มุ่งเป้าหมายหลักไปที่ประชาชน

แต่...บอกว่าต่อสู้ (ญิฮาด) ตามแนวทางอิสลาม แอบอ้างทำการต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชน ทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมาประชาชนคือเหยื่อของขบวนการโจรใต้ ต้องได้รับผลกระทบบาดเจ็บ ล้มตาย หรือกลุ่มขบวนการใช้ชีวิตคนบริสุทธิ์เป็นเดิมพัน เป็นบันไดเหยียบย่ำ เพื่อไปให้ถึง “เอกราชปาตานี” ที่แกนนำโหยหา สนองตัณหา ราคะของคนที่คิดการใหญ่เพียงไม่กี่คน

ท่านอะบูบักร ผู้นำท่านแรกที่สืบทอดการปกครองต่อจาก ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ.ล.) ได้วางกฎเกณฑ์ในช่วงการทำสงครามไว้ว่า “จงอย่าทรยศหรือเบี่ยงเบนไปจากหนทางที่ถูกต้อง จงอย่าทำร้ายศพที่ตายไปแล้ว จงอย่าฆ่าเด็ก ผู้หญิง คนชรา หรือผู้ป่วย จงอย่าสร้างความเสียหายหรือเผาต่อต้นไม้ (จงอย่าฆ่าศัตรูคนใดที่อยู่ในศาสนสถาน จงสำรองอาหาร

ท่านจะผ่านพบผู้คนที่อุทิศตนให้กับการบำเพ็ญธรรม (นักบวชในศาสนาอื่น) จงอย่าฆ่าคนเหล่านั้น”
สรุปได้ว่าการริเริ่มสู่การสร้างสันติภาพในอิสลาม จึงต้องสร้างและพัฒนาเงื่อนไขที่จะปกป้องชีวิตเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และสนับสนุนความเท่าเทียมกันของทุกคนไม่ว่าเขาจะมีเชื้อชาติ หรือนับถือศาสนาใดก็ตาม ไม่ใช่ต่อสู้แบ่งแยกดินแดน โดยที่ไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเลย....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม