วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เผยโฉมหน้า 4 แกนนำ อาจโจมตีหาดใหญ่

เผยโฉมหน้า 4 แกนนำ อาจโจมตีหาดใหญ่
เผยโฉมหน้า 4 แกนนำ อาจโจมตีหาดใหญ่


เผยโฉมหน้า 4 แกนนำ กลุ่มก่อความไม่สงบ อาจลักลอบก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่หาดใหญ่ ช่วงเทศกาลปีใหม่

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เผย ภาพ 4 แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่อาจจะลักลอบเข้ามาก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประกอบด้วย นายวันฆอยรี สะรายอราเซ๊ะ อายุ 25 ปี นายอับดุลฮาเล็มเจ๊ะคู อายุ 25 ปี นายพามิง เจ๊ะแค อายุ 30 ปี และ นายมูหาหมัด มูดอลาแซ อายุ 27 ปี โดยทั้ง 4 คน มีภูมิลำเนา อยู่ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ซึ่งหน่วยงานด้านการข่าว ได้ประสานและแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และออกตรวจค้นติดตามจับกุมตามเป้าหมายที่อาจจะเข้ามากบดานทั้งในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และ 4 อำเภอชายแดนสงขลา 

สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ ทั้งทหาร ตำรวจ และ อส. สนธิกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนเส้นทางเข้าเมืองหาดใหญ่ ทั้ง 4 มุมเมืองตามแผนปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่เพื่อป้องกันปัญหาด้านความมั่นคง อาชญากรรม และลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่
http://narater2010.blogspot.com/

วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ไฟใต้จักมอดดับได้ด้วยประชาชน

ไฟใต้จักมอดดับได้ด้วยประชาชน

    สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ได้ปะทุขึ้นอีกครั้งในต้นปี 2547  โดยทวีความรุนแรง จากเหตุการณ์การบุกโจมตีที่ตั้งหน่วยกองพันพัฒนาที่ 4 อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งผู้ก่อเหตุรุนแรงได้เข้าปล้นอาวุธปืนสงครามไปจำนวนมาก พร้อมสังหารเจ้าหน้าที่อย่างโหดเหี้ยม 4 ศพ นับเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงที่ดำเนินต่อเนื่องยาวนานเกือบ 9 ปี
    ในช่วงแรกของสถานการณ์นั้นเป้าหมายในการลอบทำร้ายคือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ  โดยเฉพาะทหารและ ตำรวจ ด้วยข้ออ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมในการก่อเหตุของผู้ก่อเหตุรุนแรงว่า  ต้องการตอบโต้รัฐไทยที่ไม่ให้ความยุติธรรมต่อประชาชนผู้นับถือศาสนาอิสลามซึ่งเป็นคนมลายูและที่สำคัญ คือ การแบ่งแยกดินแดนตอนใต้ของไทยใน 3 จังหวัดและ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เพื่ออิสระในการปกครองตนเอง  พร้อมๆ กับการปลุกระดมสร้างความหวาดกลัว และหวาดระแวงให้เกิดขึ้นกับกลุ่มคนไทยต่างศาสนามาเป็นเงื่อนไขอย่างต่อเนื่อง
   โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ได้ใช้ประเด็นที่มีความอ่อนไหวในเรื่องความแตกต่างทางศาสนา  วัฒนธรรม และอัตลักษณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ และขยายแนวร่วม จากกลุ่มมุสลิมในพื้นที่โดยการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนเรื่องชาติพันธุ์การเป็นคนมลายูปัตตานี  และบีบบังคับให้คนต่างศาสนาออกนอกพื้นที่โดยวิธีการข่มขู่ต่างๆนานา เข่น ก่อเหตุรุนแรงใช้อาวุธสงครามฆ่าคนไทยพุทธอย่างโหดเหี้ยม และระเบิดในสถานที่ขุมชนสร้างความสะพรึงกลัวให้กับคนไทยพุทธในพื้นที่จนต้องตัดสินใจอพยพย้ายถิ่นออกนอกพื้นที่  โดยเฉพาะการบิดเบือนคำสอนอันดีงามของศาสนาอิสลามว่าการทำร้ายคนต่างศาสนาเป็นสิ่งที่ไม่ผิด   จึงกลายเป็นชนวนเหตุสำคัญให้สถานการณ์ภาคใต้ของไทยกลับเลวร้ายมากยิ่งขึ้นและขยายขีดความรุนแรงขึ้นตามลำดับ
   ถึงวันนี้รูปแบบของสถานการณ์การก่อเหตุรุนแรงได้มีการพัฒนาความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในลักษณะการบ่อนทำลาย การก่อวินาศกรรมด้วยการลอบวางระเบิดขนาดใหญ่เพื่อสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจในเขตชุมชนเมือง  การลอบสังหาร และลอบวางเพลิง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต ทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนทั่วไปทั้งผู้นับถือศาสนาพุทธและมุสลิมจนถึงปัจจุบันมีจำนวนตัวเลขพุ่งสูงขึ้นตามลำดับ  ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพสังคมจิตวิทยา  ระบบเศรษฐกิจทั้งในพื้นที่และของประเทศโดยรวมอย่างมาก
  และแน่นอนว่าสถานการณ์ในภาคใต้ของไทยกำลังถูกจับตามองจากหลายฝ่ายทั้งภายในและนอกประเทศว่าบทสรุปของความรุนแรงนี้จะจบลงได้หรือไม่  เมื่อไหร่และอย่างไร
          สำหรับคำถามนี้เชื่อว่าผู้ที่อยากรู้คำตอบมากที่สุดคงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาพุทธที่ต้องทนอยู่กับการก่อเหตุรุนแรงสารพัดชนิด  เห็นภาพของความสูญเสียอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน  ซ้ำร้ายหลายคนต้องประสบพบเจอกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก  ในขณะที่ไม่สามารถหนีออกจากพื้นที่ได้เพราะที่นี่เป็นเสมือนบ้านที่อยู่มาตั้งแต่ปู่ยาตายาย  การอพยพออกนอกพื้นที่จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุที่ไม่สมควรกระทำในขณะที่สามารถทำให้ปัญหาความรุนแรงนี้ลดน้อยลงหรือหมดไปได้ด้วยวิถีทางอื่น
          จากความยืดเยื้อยาวนานของปัญหาความรุนแรง  ความยากลำบากในการดำรงชีวิตประจำวัน  การอยู่ร่วมกันแบบหวาดระแวงทำให้กระแสความเบื่อหน่ายและไม่สนับสนุนการก่อเหตุเริ่มปรากฏทุกหย่อมหญ้าไม่เว้นแม้แต่พี่น้องมุสลิมที่ผู้ก่อเหตุรุนแรงอ้างกับเขาเหล่านั้นว่าทำเพื่อปกป้องศาสนา  แต่สุดท้ายก็ยังไม่วายที่ต้องถูกเข่นฆ่าไปด้วยเมื่อไม่ให้ความร่วมมือ  เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรงได้สร้างผลกระทบด้านลบต่อพี่น้องประชาชนทุกคนเป็นส่วนรวมในทุกด้าน
      และนี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาสื่อมวลชนต่างออกมานำเสนอข่าวสารความเป็นไปในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างสร้างสรรค์เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ ด้วยการสะท้อนภาพที่แท้จริงถึงความพยายามในการแก้ปัญหาของทุกภาคส่วน  รวมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากัน เพื่อหาหนทางช่วยกันทำให้เหตุการณ์ยุติลงโดยเร็วซึ่งดูจะเป็นเค้าลางที่ดีหากได้รับความร่วมมือในลักษณะนี้ต่อไปในฐานะสื่อที่เปี่ยมล้นด้วยจรรยาบรรณ 
          ในฐานะเป็นคนในพื้นที่ที่รู้เห็นปัญหานี้มาโดยตลอดจึงอยากใช้เวทีนี้ขอบคุณไปยังท่านสื่อมวลชนเหล่านั้นด้วยความจริงใจ
          เพราะการปล่อยให้ฝ่ายความมั่นคงเป็นฝ่ายแก้ปัญหาอยู่ฝ่ายเดียวไม่สามารถทำให้ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้จบลงได้  เพราะปัญหาที่เป็นรากเหง้าฝังลึกนั้นมิได้มีเพียงกลุ่มขบวนการเท่านั้น  หากยังมีตัวแปรส่งเสริมอื่นๆ อีกที่เป็นปัจจัยสนับสนุน
        การยุติความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ยังดำเนินไปอย่างไม่มีทีท่าว่าสิ้นสุดลงนี้  ได้ปรากฏเสียงเรียกร้องต้องการความสงบสุขจากพี่น้องประชาชนมาโดยต่อเนื่อง  ดังนั้นการแก้ปัญหานี้ด้วยการลุกขึ้นร่วมกันต่อต้านโดยไม่แบ่งแยก  ปฏิเสธและไม่สนับสนุนการก่อเหตุรุนแรงอย่างสิ้นเชิง ด้วยความสามัคคีร่วมกันสอดส่องดูแลและแสดงพลังของประชาชนออกมา  ภายใต้การใช้บทบาทนำของผู้นำท้องถิ่นเท่านั้นที่จะช่วยให้ฝันร้ายนี้จบสิ้นลง    เพราะวันนี้ในต่างประเทศยังเข้าใจสถานการณ์และความเป็นไปของภาคใต้ของไทย หลายฝ่ายทั้งองค์กรระดับชาติรวมถึงสื่อมวลชนในต่างประเทศยังพร้อมใจกันประณามการก่อเหตุด้วยข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นของผู้ก่อเหตุรุนแรงว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
         ลองนึกดูว่าหากไฟกำลังไหม้บ้านเรา  แล้วพวกเราซึ่งเป็นคนอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันไม่ช่วยกันตักน้ำมาดับไฟแล้วจะรอให้ใครมาช่วย  เราคงไม่อยากให้บ้านของเรามอดไหม้ไปกับตาทั้งๆ ที่ยังสามารถช่วยกันได้มิใช่หรือ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราต้องร่วมมือกัน   ตอบได้เลยตอนนี้ว่าพลังของพวกเราประชาชนในพื้นที่เท่านั้นที่จะยุติไฟที่กำลังเผาไหม้บ้านของเราลงได้  คำถามต่อไปคือ  เราจะรออะไรอยู่
ซอเก๊าะ   นิรนาม
http://narater2010.blogspot.com/

สมุนโอลันล้า ถล่มร้านน้ำชา มุสลิมตายอีกตามเคย

สมุนโอลันล้า ถล่มร้านน้ำชา ผู้หญิง เด็กมุสลิมตายอีกตามเคย
        เมื่อเวลา 07.20 น. วันที่ 11 ธ.ค. เกิดเหตุคนร้ายยิงถล่มร้านน้ำชา เลขที่ 60/2 บ้านดามาบูเวาะ หมู่ 1 ต.ตันหยงลิมอ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ที่เกิดเหตุพบรอยเลือดเปรอะกระจายไปทั่ว ข้าวของ โต๊ะ เก้าอี้ ถ้วยชามและแก้วน้ำ แตกเกลื่อน โดยที่พื้นถนนหน้าร้านพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม.16 อาก้าและเอสเค.33 ตกจำนวนมาก เก็บได้ทั้งหมดร่วม 40 ปลอก ส่วนผู้บาดเจ็บมีชาวบ้านในละแวกช่วยกันนำส่ง รพ.ระแงะ ทราบชื่อ
  1. นายกาบารี เหาะ อายุ 37 ปี
  2. ด.ญ.อีฟาณี สาเมาะ วัยเพียง 11 เดือน หลานเจ้าของร้าน
  3. นายอามีซี เจ๊ะโด อายุ 23 ปี
  4. นายปะเงาะ ริแม อายุ 74 ปี
  5. ด.ช.มูฮำหมัดดัรริสฮากีมี แยนา อายุ 10 เดือน
ซึ่งทั้ง 5 ต่างถูกคมกระสุนเจาะเข้าตามศีรษะและลำตัว อาการสาหัสและเสียชีวิตลงท่ามกลางความเศร้าโศกของผู้อยู่ในเหตุการณ์ นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 3 ราย ซึ่งต่างถูกยิงเข้าตามลำตัวและแขนขา ประกอบด้วย
  • นางซีตี รอฮีมะ มามะ อายุ 70 ปี มารดาของภรรยาเจ้าของร้าน
  • นายต่วนมา ตีงี อายุ 61 ปี
  • น.ส.มิสบะห์ มูซอ อายุ 25 ปี  
ซึ่งทั้งหมดแพทย์ต้องส่งตัวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
       ก่อนเกิดเหตุนายปิยะวัฒน์ โมง เจ้าของร้านและเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านดามาบูเวาะ หมู่ 1 ต.ตันหยงลิมอ ตนนั่งอยู่ภายในตัวบ้าน โดยมีนางกามีระ มามะ อายุ 47 ปี ภรรยา ยืนขายอาหารและน้ำชาให้ลูกค้าที่นั่งดื่มและยืนซื้ออยู่ ระหว่างนั้นมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนขับรถกระบะ มาจอดหน้าร้าน จากนั้นชายฉกรรจ์ 3 คนที่อยู่บริเวณกระบะท้ายได้ลุกขึ้นยืนกราดยิงใส่เข้ามาอย่างบ้าคลั่ง จนคนในร้านล้มระเนระนาด ก่อนที่ทั้งหมดจะเร่งเครื่องหลบหนีไปได้อย่างลอยนวล 






           เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 11 ธ.ค.เกิดเหตุคนร้ายยิงใส่รถกระบะบริเวณบ้านปุลามอง หมู่ 5 ต.เกะรอ อ.รามัน ที่เกิดเหตุพบรถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บธ 1205 สงขลา ชนอัดกับโค่นต้นหมากริมถนน มีรอยถูกยิงที่กระจกหน้าจนแตกพรุน เบาะที่นั่งมีรอยเลือดเปรอะ ส่วนผู้บาดเจ็บส่ง รพ.กะพ้อ ทราบชื่อ นายวิรัตน์ หะแว อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 5 ต.กะรุบี อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี เป็นอาสาสมัครของ อ.กะพ้อ มีแผลถูกยิงที่ข้อมือซ้ายกระดูกแตก อาการปลอดภัย ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้า และ เอ็ม.16 กว่า 10 ปลอก ก่อนเกิดเหตุทราบว่า ขณะผู้บาดเจ็บขับรถคันดังกล่าวกลับจากบ้านเพื่อน แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุกลับถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงครามยิงถล่ม ใส่ไม่หยั่ง 











http://narater2010.blogspot.com/

ยิงผอ.หญิง - ครูผู้ช่วยในโรงเรียนบ้านบาโงเสียชีวิต

ยิงผอ.หญิง - ครูผู้ช่วยในโรงเรียนบ้านบาโงเสียชีวิต
       เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่11 ธ.ค.เกิดเหตุคนร้ายยิงครูขณะกินข้าวเที่ยงมีผู้เสียชีวิตภายในโรงเรียนบ้าน บาโง ม.1 ต.ปาหนัน ที่เกิดเหตุอยู่ภายในโรงอาหารของโรงเรียน พบผู้เสียชีวิตนอนตายจมกองเลือดอย่างน่าอนาถ ทราบชื่อ 
  • นางตติยรัตน์ ช่วยแก้ว อายุ 51 ปี เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบาโง อยู่บ้านเลขที่ 233 ม.4 ต.คูขุด อ.สทิงพระ จ.สงขลา และ 
  • นายสมศักดิ์ ขวัญมา อายุ 38 ปี เป็นครูผู้ช่วย อยู่บ้านเลขที่ 64/8 ซอยอินทรชิต 4 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา 
 
        สภาพศพทั้ง 2 คนถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม 16 เข้าศีรษะจนกะโหลกเปิด ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 2 ปลอก ก่อนเกิดเหตุทราบว่า ขณะที่ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 กำลังนั่งกินข้าว พร้อมกับครูอีก 5 คน ภายในโรงอาหาร โดยที่นักเรียนกำลังพักเที่ยงเล่นอยู่ภายในบริเวณโรงเรียน ปรากฏว่า ได้มีคนร้าย 5 คน 2 ในนั้นสวมใส่ชุดคล้ายทหาร มีอาวุธปืนเอ็ม 16 ใช้รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คันขับมาจอดไว้หน้าโรงเรียน จากนั้น คนร้าย 2 คนที่ใส่ชุดทหารเดินเข้ามาภายในโรงอาหาร ก่อนจะประกาศว่าให้ทุกคนก้มหัวลงกับโต๊ะ จากนั้น 2 คนร้ายจึงปฏิบัติการโหดจ่อยิงหัวของผู้อำนวยการ และครูผู้ช่วย ยิงใส่คนละ 1 นัดจนล้มกองกับพื้นเสียชีวิตทันที ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของครู และนักเรียน และดึงกุญแจรถยนต์ที่เอวของนายสมศักดิ์แล้วขโมยรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า รุ่น BT50 ทะเบียน บฉ 218 ยะลา ก่อนหลบหนีไปโดยภายในรถมีอาวุธปืน ขนาด 9 มม.ด้วย 1 กระบอก ครูที่เสียชีวิตเป็นรายที่ 156 และ 157 
 
 
 
 
 

  

 
 
 

  


 




http://narater2010.blogspot.com/

วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

โจรใต้อำมหิตยิงถล่มสองแถวประเดิมเปิดเรียน

มุสลิมห้ามเรียน เพราะถ้าพวกเรียนแล้วจะฉลาดรู้ทัน พวกกู
         วันที่ 17 ธ.ค. เมื่อเวลา 17.20 น. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มใส่รถยนต์โดยสารสองแถวที่ข้าราชการ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส จ้างเหมารับส่งเป็นประจำทุกวัน ทำให้ข้าราชการเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เหตุเกิดริมถนนจารุเสถียร สายนราธิวาส-สุไหงโก-ลก หมู่ 7 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง ที่เกิดเหตุพบรถยนต์โดยสารสองแถว สีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 10-0934 นราธิวาส ซึ่งวิ่งรับส่งผู้โดยสารจากนราธิวาส-สุไหงโก-ลก ถูกกระสุนปืนของคนร้ายได้รับความเสียหายที่บริเวณกระจกหน้าและหลัง รวมทั้งฝากระโปรงหน้า โดยเฉพาะล้อหลังด้านขวาถูกกระสุนปืนของคนร้ายจนยางแตก จอดเสียหลักอยู่ริมถนนข้างโรงเรียนบ้านบูเก๊ะตาโมง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตได้นำตัวส่งรักษา รพ.เจาะไอร้อง ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่บนถนนจำนวนกว่า 30 ปลอก พร้อมแม็กกาซีนกระสุนปืนเอ็ม 16 ของคนร้ายตกอยู่ 1 ซอง ผู้ได้รับบาดเจ็บที่ รพ.เจาะไอร้อง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ
  • 1.นางปาตีเม๊าะ สาและ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตร อ.สุไหงปาดี
  • 2.น.ส.นวรัตน์ ลีนิน อายุ 29 ปี เป็น นักวิชาการเกษตร สำนักงานเกษตร อ.สุไหงปาดี 
 
 
 
 
ซึ่งทั้ง 2 รายถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณหลังทะลุหน้าอก ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย ทราบชื่อ
  • 1.นางวีรัจฉรา หะยะมิน อายุ 30 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการ อบต.สุไหงปาดี
  • 2.น.ส.ฉวีวรรณ อ่อนหวาน อายุ 33 ปี ครู คศ.2 โรงเรียนบ้านจือแร ต.สากอ อ.สุไหงปาดี
  • 3.นายวลัญช์ หมวกดำ อายุ 39 ปี เป็นเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลปะลุรู อ.สุไหงปาดี
  • 4.นางจิตรา มะดาอิง อายุ 53 ปี เป็นเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลปะลุรู อ.สุไหงปาดี
  • 5.นางเสาวนีย์ ลิมศิริวนนท์ อายุ 50 ปี เป็นเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลปะลุรู อ.สุไหงปาดี  
     โดยทั้งหมดถูกกระสุนปืนและเศษกระจกตามลำตัวได้รับบาดเจ็บ 
       ก่อนเกิดเหตุทราบว่า นายทรงธรรม บินอีซอ อายุ 28 ปี ขับรถยนต์สองแถวไปรับข้าราชการในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี ได้จ้างเหมาให้รับส่งจากบ้านพักที่ อ.เมืองนราธิวาส ส่งทำงานที่ อ.สุไหงปาดี เป็นประจำทุกวัน และขณะที่นำข้าราชการทั้งหมดรวม 15 คน นั่งรถยนต์เพื่อเดินทางกลับบ้านพักนั้น ถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นป่าสวนยางรกทึบสองข้างทาง ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนที่แฝงตัวอยู่ข้างทางใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงถล่มใส่รถของตนที่ขับมา ทำให้ข้าราชการที่นั่งโดยสารอยู่ด้านหลังถูกกระสุนปืนของคนร้ายเสียชีวิตและ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่เหลือปลอดภัย เมื่อตนตั้งสติได้จึงได้ขับรถยนต์ไปขอความช่วยเหลือชาวบ้าน นำผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล 

 

 
http://narater2010.blogspot.com/

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ยูนิเซฟเรียกร้องให้ยุติการกระทำรุนแรงต่อเด็กในสามจังหวัดชายแดนใต้


ยูนิเซฟเรียกร้องให้ยุติการกระทำรุนแรงต่อเด็กในสามจังหวัดชายแดนใต้

กรุงเทพมหานคร – 12 ธันวาคม 2555 

     วันนี้เจ้าหน้าที่องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ(ยูนิเซฟ)เรียกร้องให้ยุติการกระทำรุนแรงต่อเด็กในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศ ไทยในทันที หลังทารกหญิงวัย 11 เดือนเป็นหนึ่งในบรรดาผู้เสียชีวิตห้ารายจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ณ ร้านขายน้ำชาแห่งหนึ่งในจังหวัดนราธิวาสเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

   พิชัย ราชภัณฑารี ผู้แทนองค์การยูนิเซฟประจำประเทศไทย ประนามการสังหารครั้งนี้ว่าเป็น “การกระทำที่น่าเศร้าสลดใจ ไร้เหตุผล และไม่สามารถยอมรับได้” ทั้งยังเรียกร้องให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย “ร่วมกันทำทุกวิถีทางที่จะหยุดยั้งการกระทำรุนแรงและทำให้แน่ใจว่าเด็กทุกคน ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากความรุนแรงทั้งหลายเหล่านั้น”

    ทารกเพศหญิง อินฟานี สาเมาะ ถูกสังหารขณะกลุ่มชายใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงเข้าใส่ร้านน้ำชาในอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาสเมื่อตอนสายของวันอังคารที่ผ่านมา เด็กกว่า 50 คนถูกสังหาร และกว่า 340 คนได้รับบาดเจ็บนับตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ของประเทศไทยในเดือนมกราคม พ.ศ. 2547 โดยมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงรวมทั้งหมดแล้วกว่า 5,000 คน

    เมื่อปลายเดือนตุลาคมของปีนี้ เด็กชายวัย 11 ขวบคนหนึ่งถูกสังหารพร้อมพ่อในรถกระบะระหว่างถูกลอบทำร้ายโดยกลุ่มชายติด อาวุธที่อำเภอรามัน จังหวัดยะลา  

   “ทุกครั้งที่มีเด็กถูกฆ่าหรือได้รับบาดเจ็บ ทุกครั้งที่เด็กสูญเสียพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง และทุกครั้งที่โรงเรียนและครูของพวกเขาถูกโจมตี เด็กๆในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะต้องทนทุกข์ทรมานมากขึ้นเท่านั้น” ราชภัณฑารีกล่าว “การยุติความรุนแรงทั้งหมดเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้แน่ใจได้ว่าสิทธิของเด็ก ทุกคนที่อยู่ในภาคใต้ได้รับความคุ้มครองและเอาใจใส่อย่างสมบูรณ์เต็มที่
http://narater2010.blogspot.com/

วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555

โจรใต้วางระเบิดทหารพรานที่เจาะไอร้อง


โจรใต้วางระเบิดทหารพรานที่เจาะไอร้อง


       วันที่ 14 ธ.ค. เกิดเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวนเส้นทาง สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4808 กรมทหารพรานที่ 48บนถนนเขตรอยต่อบ้านไอปาแย-บ้านเจาะไอร้อง ม.1 ต.จวบ ที่เกิดเหตุพบรถยนต์หุ้มเกราะวีว่า หมายเลขทะเบียนตรากงจักร 23836 ล้อหน้าทั้ง 2 ข้างตกอยู่ในหลุมระเบิดลึก 2 เมตร กว้าง 3 เมตร โดยเฉพาะที่บริเวณปากหลุมระเบิด พบสายไฟฟ้าสีเขียวลากยาวเข้าไปในป่าสวนยางพาราข้างทาง150 เมตร และพร้อมกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ตกอยู่เกลื่อนบนถนนจำนวนกว่า100 ปลอก ผู้ได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจที่เข้าสนับสนุนได้นำตัวส่งรักษา ที่โรงพยาบาลเจาะไอร้องไปก่อนหน้าแล้วทราบชื่อ คือ
  • 1.ส.อ.อับดุลรอฮิม ยามา หัวหน้าชุด
  • 2.อส.ทพ.ตังพงษ์ ภาพันธ์
  • 3.อส.ทพ.อมรศักดิ์ ขันเรือน
  • 4.อส.ทพ.ศรชัย จันทร์แดง
  • 5.อส.ทพ.ชูวิทย์จันทร์ทิพย์
  • 6.อส.ทพ.สมชาย วาตวงศ์พันธ์

















 
         ซึ่งทั้ง 6 นายถูกแรงอัดของระเบิดที่ได้กระแทกกับตัวรถ จนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณศรีษะแขนและขา อาการไม่สาหัสมากนักหลังจากแพทย์โรงพยาบาลเจาะไอร้องปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ได้ส่งตัวทหารทั้ง6 นาย ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ก่อนเกิดเหตุทราบว่าได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ รวม 6 นายนั่งรถยนต์หุ้มเกราะวีว่าร์ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางตามปกติเมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่าสวนยางพาราริมทางและได้ใช้แบตเตอรี่จุดชนวนระเบิด แสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุ้มต้มหนัก 50 ก.ก. ที่นำไปฝังไว้ใต้ผิวถนนและเกิดระเบิดขึ้นในขณะที่รถยนต์หุ้มเกราะวีว่า ร์ผ่าน จนทำให้ล้อหลังทั้ง2 ข้างตกลงไปในหลุมระเบิดหลังจากนั้นตนได้สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคลานออกนอก รถและหาที่กำบังก่อนเปิดฉากยิงใส่ต่อสู้ใส่กลุ่มคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในป่าจน ทั้ง 2 ฝ่ายได้ยิงปะทะกันเป็นละลอกๆนาน 15 นาทีตนจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เจาะไอร้อง เข้าสนับสนุน 


****************************************

         วันนี้  (14 ธ.ค.)  พ.ต.ท.สุชาติ สอิด สารวัตรสอบสวน สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวนเส้น ทางสังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4808 กรมทหารพรานที่ 48บนถนนเขตรอยต่อบ้านไอปาแย-บ้านเจาะไอร้อง ม.1 ต.จวบ จึงพร้อมด้วยพ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.ท.เนติธร วัตตธรรม นวท.สบ.3กลุ่มงานสถานีตรวจที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ร.ต.อ.ประจวบ นิ่มเรือง สว.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส ร.ต.ต.พลวัฒน์ เทพษร หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์หุ้มเกราะวีว่า หมายเลขทะเบียนตรากงจักร 23836 ล้อหน้าทั้ง 2 ข้างตกอยู่ในหลุมระเบิดลึก 2 เมตร กว้าง 3 เมตร โดยเฉพาะที่บริเวณปากหลุมระเบิดเจ้าหน้าที่พบสายไฟฟ้าสีเขียวลากยาวเข้าไปใน ป่าสวนยางพาราข้างทาง150 เมตร และพร้อมกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ตกอยู่เกลื่อนบนถนนจำนวนกว่า100 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

        ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจที่เข้าสนับสนุนได้นำตัวส่ง รักษาที่โรงพยาบาลเจาะไอร้องไปก่อนหน้าแล้วทราบชื่อ คือ 1.ส.อ.อับดุลรอฮิม ยามา หัวหน้าชุด 2.อส.ทพ.ตังพงษ์ ภาพันธ์3. อส.ทพ.อมรศักดิ์ ขันเรือน 4. อส.ทพ.ศรชัย จันทร์แดง 5. อส.ทพ.ชูวิทย์จันทร์ทิพย์ และ 6. อส.ทพ.สมชาย วาตวงศ์พันธ์ ซึ่งทั้ง 6 นายถูกแรงอัดของระเบิดที่ได้กระแทกกับตัวรถ จนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณศรีษะแขนและขา อาการไม่สาหัสมากนักหลังจากแพทย์โรงพยาบาลเจาะไอร้องปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ได้ส่งตัวทหารทั้ง6 นาย ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์

         จากการสอบสวน ส.อ.อับดุลรอฮิม หัวหน้าชุดทราบว่าก่อนเกิดเหตุได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ รวม 6 นายนั่งรถยนต์หุ้มเกราะวีว่าร์ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางตามปกติเมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่าสวนยางพาราริมทางและได้ใช้แบตเตอรี่จุดชนวนระเบิด แสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุ้มต้มหนัก 50 ก.ก. ที่นำไปฝังไว้ใต้ผิวถนนและเกิดระเบิดขึ้นในขณะที่รถยนต์หุ้มเกราะวีว่า ร์ผ่าน จนทำให้ล้อหลังทั้ง2 ข้างตกลงไปในหลุมระเบิดหลังจากนั้นตนได้สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคลานออกนอก รถและหาที่กำบังก่อนเปิดฉากยิงใส่ต่อสู้ใส่กลุ่มคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในป่าจน ทั้ง 2 ฝ่ายได้ยิงปะทะกันเป็นละลอกๆนาน 15 นาทีตนจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เจาะไอร้อง เข้าสนับสนุน เพื่อต่อสู้กับกลุ่มคนร้ายแต่กลุ่มคนร้ายเห็นเจ้าหน้าที่เข้าเสริมจึงได้ อาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปและเจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยเหลือตนและผู้ใต้ บังคับบัญชาส่งโรงพยาบาลดังกล่าว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ ไม่หวังดีเพื่อลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน..
http://narater2010.blogspot.com/
Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม