เผยโฉมหน้า 4 แกนนำ อาจโจมตีหาดใหญ่
| |
เผยโฉมหน้า 4 แกนนำ อาจโจมตีหาดใหญ่
เผยโฉมหน้า 4 แกนนำ กลุ่มก่อความไม่สงบ อาจลักลอบก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่หาดใหญ่ ช่วงเทศกาลปีใหม่
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เผย ภาพ 4 แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่อาจจะลักลอบเข้ามาก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประกอบด้วย นายวันฆอยรี สะรายอราเซ๊ะ อายุ 25 ปี นายอับดุลฮาเล็มเจ๊ะคู อายุ 25 ปี นายพามิง เจ๊ะแค อายุ 30 ปี และ นายมูหาหมัด มูดอลาแซ อายุ 27 ปี โดยทั้ง 4 คน มีภูมิลำเนา อยู่ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ซึ่งหน่วยงานด้านการข่าว ได้ประสานและแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และออกตรวจค้นติดตามจับกุมตามเป้าหมายที่อาจจะเข้ามากบดานทั้งในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และ 4 อำเภอชายแดนสงขลา
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ ทั้งทหาร ตำรวจ และ อส. สนธิกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนเส้นทางเข้าเมืองหาดใหญ่ ทั้ง 4 มุมเมืองตามแผนปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่เพื่อป้องกันปัญหาด้านความมั่นคง อาชญากรรม และลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่
| |
http://narater2010.blogspot.com/
|
วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555
เผยโฉมหน้า 4 แกนนำ อาจโจมตีหาดใหญ่
วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ไฟใต้จักมอดดับได้ด้วยประชาชน
ไฟใต้จักมอดดับได้ด้วยประชาชน | |
สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ได้ปะทุขึ้นอีกครั้งในต้นปี 2547 โดยทวีความรุนแรง จากเหตุการณ์การบุกโจมตีที่ตั้งหน่วยกองพันพัฒนาที่ 4 อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งผู้ก่อเหตุรุนแรงได้เข้าปล้นอาวุธปืนสงครามไปจำนวนมาก พร้อมสังหารเจ้าหน้าที่อย่างโหดเหี้ยม 4 ศพ นับเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงที่ดำเนินต่อเนื่องยาวนานเกือบ 9 ปี
ในช่วงแรกของสถานการณ์นั้นเป้าหมายในการลอบทำร้ายคือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะทหารและ ตำรวจ ด้วยข้ออ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมในการก่อเหตุของผู้ก่อเหตุรุนแรงว่า ต้องการตอบโต้รัฐไทยที่ไม่ให้ความยุติธรรมต่อประชาชนผู้นับถือศาสนาอิสลามซึ่งเป็นคนมลายูและที่สำคัญ คือ การแบ่งแยกดินแดนตอนใต้ของไทยใน 3 จังหวัดและ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เพื่ออิสระในการปกครองตนเอง พร้อมๆ กับการปลุกระดมสร้างความหวาดกลัว และหวาดระแวงให้เกิดขึ้นกับกลุ่มคนไทยต่างศาสนามาเป็นเงื่อนไขอย่างต่อเนื่อง
โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ได้ใช้ประเด็นที่มีความอ่อนไหวในเรื่องความแตกต่างทางศาสนา วัฒนธรรม และอัตลักษณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ และขยายแนวร่วม จากกลุ่มมุสลิมในพื้นที่โดยการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนเรื่องชาติพันธุ์การเป็นคนมลายูปัตตานี และบีบบังคับให้คนต่างศาสนาออกนอกพื้นที่โดยวิธีการข่มขู่ต่างๆนานา เข่น ก่อเหตุรุนแรงใช้อาวุธสงครามฆ่าคนไทยพุทธอย่างโหดเหี้ยม และระเบิดในสถานที่ขุมชนสร้างความสะพรึงกลัวให้กับคนไทยพุทธในพื้นที่จนต้องตัดสินใจอพยพย้ายถิ่นออกนอกพื้นที่ โดยเฉพาะการบิดเบือนคำสอนอันดีงามของศาสนาอิสลามว่าการทำร้ายคนต่างศาสนาเป็นสิ่งที่ไม่ผิด จึงกลายเป็นชนวนเหตุสำคัญให้สถานการณ์ภาคใต้ของไทยกลับเลวร้ายมากยิ่งขึ้นและขยายขีดความรุนแรงขึ้นตามลำดับ
ถึงวันนี้รูปแบบของสถานการณ์การก่อเหตุรุนแรงได้มีการพัฒนาความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในลักษณะการบ่อนทำลาย การก่อวินาศกรรมด้วยการลอบวางระเบิดขนาดใหญ่เพื่อสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจในเขตชุมชนเมือง การลอบสังหาร และลอบวางเพลิง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต ทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนทั่วไปทั้งผู้นับถือศาสนาพุทธและมุสลิมจนถึงปัจจุบันมีจำนวนตัวเลขพุ่งสูงขึ้นตามลำดับ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพสังคมจิตวิทยา ระบบเศรษฐกิจทั้งในพื้นที่และของประเทศโดยรวมอย่างมาก
และแน่นอนว่าสถานการณ์ในภาคใต้ของไทยกำลังถูกจับตามองจากหลายฝ่ายทั้งภายในและนอกประเทศว่าบทสรุปของความรุนแรงนี้จะจบลงได้หรือไม่ เมื่อไหร่และอย่างไร
สำหรับคำถามนี้เชื่อว่าผู้ที่อยากรู้คำตอบมากที่สุดคงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาพุทธที่ต้องทนอยู่กับการก่อเหตุรุนแรงสารพัดชนิด เห็นภาพของความสูญเสียอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ซ้ำร้ายหลายคนต้องประสบพบเจอกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ในขณะที่ไม่สามารถหนีออกจากพื้นที่ได้เพราะที่นี่เป็นเสมือนบ้านที่อยู่มาตั้งแต่ปู่ยาตายาย การอพยพออกนอกพื้นที่จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุที่ไม่สมควรกระทำในขณะที่สามารถทำให้ปัญหาความรุนแรงนี้ลดน้อยลงหรือหมดไปได้ด้วยวิถีทางอื่น
จากความยืดเยื้อยาวนานของปัญหาความรุนแรง ความยากลำบากในการดำรงชีวิตประจำวัน การอยู่ร่วมกันแบบหวาดระแวงทำให้กระแสความเบื่อหน่ายและไม่สนับสนุนการก่อเหตุเริ่มปรากฏทุกหย่อมหญ้าไม่เว้นแม้แต่พี่น้องมุสลิมที่ผู้ก่อเหตุรุนแรงอ้างกับเขาเหล่านั้นว่าทำเพื่อปกป้องศาสนา แต่สุดท้ายก็ยังไม่วายที่ต้องถูกเข่นฆ่าไปด้วยเมื่อไม่ให้ความร่วมมือ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรงได้สร้างผลกระทบด้านลบต่อพี่น้องประชาชนทุกคนเป็นส่วนรวมในทุกด้าน
และนี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาสื่อมวลชนต่างออกมานำเสนอข่าวสารความเป็นไปในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างสร้างสรรค์เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ ด้วยการสะท้อนภาพที่แท้จริงถึงความพยายามในการแก้ปัญหาของทุกภาคส่วน รวมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากัน เพื่อหาหนทางช่วยกันทำให้เหตุการณ์ยุติลงโดยเร็วซึ่งดูจะเป็นเค้าลางที่ดีหากได้รับความร่วมมือในลักษณะนี้ต่อไปในฐานะสื่อที่เปี่ยมล้นด้วยจรรยาบรรณ
ในฐานะเป็นคนในพื้นที่ที่รู้เห็นปัญหานี้มาโดยตลอดจึงอยากใช้เวทีนี้ขอบคุณไปยังท่านสื่อมวลชนเหล่านั้นด้วยความจริงใจ
เพราะการปล่อยให้ฝ่ายความมั่นคงเป็นฝ่ายแก้ปัญหาอยู่ฝ่ายเดียวไม่สามารถทำให้ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้จบลงได้ เพราะปัญหาที่เป็นรากเหง้าฝังลึกนั้นมิได้มีเพียงกลุ่มขบวนการเท่านั้น หากยังมีตัวแปรส่งเสริมอื่นๆ อีกที่เป็นปัจจัยสนับสนุน
การยุติความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ยังดำเนินไปอย่างไม่มีทีท่าว่าสิ้นสุดลงนี้ ได้ปรากฏเสียงเรียกร้องต้องการความสงบสุขจากพี่น้องประชาชนมาโดยต่อเนื่อง ดังนั้นการแก้ปัญหานี้ด้วยการลุกขึ้นร่วมกันต่อต้านโดยไม่แบ่งแยก ปฏิเสธและไม่สนับสนุนการก่อเหตุรุนแรงอย่างสิ้นเชิง ด้วยความสามัคคีร่วมกันสอดส่องดูแลและแสดงพลังของประชาชนออกมา ภายใต้การใช้บทบาทนำของผู้นำท้องถิ่นเท่านั้นที่จะช่วยให้ฝันร้ายนี้จบสิ้นลง เพราะวันนี้ในต่างประเทศยังเข้าใจสถานการณ์และความเป็นไปของภาคใต้ของไทย หลายฝ่ายทั้งองค์กรระดับชาติรวมถึงสื่อมวลชนในต่างประเทศยังพร้อมใจกันประณามการก่อเหตุด้วยข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นของผู้ก่อเหตุรุนแรงว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
ลองนึกดูว่าหากไฟกำลังไหม้บ้านเรา แล้วพวกเราซึ่งเป็นคนอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันไม่ช่วยกันตักน้ำมาดับไฟแล้วจะรอให้ใครมาช่วย เราคงไม่อยากให้บ้านของเรามอดไหม้ไปกับตาทั้งๆ ที่ยังสามารถช่วยกันได้มิใช่หรือ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราต้องร่วมมือกัน ตอบได้เลยตอนนี้ว่าพลังของพวกเราประชาชนในพื้นที่เท่านั้นที่จะยุติไฟที่กำลังเผาไหม้บ้านของเราลงได้ คำถามต่อไปคือ เราจะรออะไรอยู่
ซอเก๊าะ นิรนาม
| |
http://narater2010.blogspot.com/
|
สมุนโอลันล้า ถล่มร้านน้ำชา มุสลิมตายอีกตามเคย
สมุนโอลันล้า ถล่มร้านน้ำชา ผู้หญิง เด็กมุสลิมตายอีกตามเคย
| |
เมื่อเวลา 07.20 น. วันที่ 11 ธ.ค.
เกิดเหตุคนร้ายยิงถล่มร้านน้ำชา เลขที่ 60/2 บ้านดามาบูเวาะ หมู่ 1
ต.ตันหยงลิมอ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย
ที่เกิดเหตุพบรอยเลือดเปรอะกระจายไปทั่ว ข้าวของ โต๊ะ เก้าอี้
ถ้วยชามและแก้วน้ำ แตกเกลื่อน โดยที่พื้นถนนหน้าร้านพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม.16
อาก้าและเอสเค.33 ตกจำนวนมาก เก็บได้ทั้งหมดร่วม 40 ปลอก
ส่วนผู้บาดเจ็บมีชาวบ้านในละแวกช่วยกันนำส่ง รพ.ระแงะ ทราบชื่อ
ก่อนเกิดเหตุนายปิยะวัฒน์ โมง เจ้าของร้านและเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านดามาบูเวาะ หมู่ 1 ต.ตันหยงลิมอ ตนนั่งอยู่ภายในตัวบ้าน โดยมีนางกามีระ มามะ อายุ 47 ปี ภรรยา ยืนขายอาหารและน้ำชาให้ลูกค้าที่นั่งดื่มและยืนซื้ออยู่ ระหว่างนั้นมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนขับรถกระบะ มาจอดหน้าร้าน จากนั้นชายฉกรรจ์ 3 คนที่อยู่บริเวณกระบะท้ายได้ลุกขึ้นยืนกราดยิงใส่เข้ามาอย่างบ้าคลั่ง จนคนในร้านล้มระเนระนาด ก่อนที่ทั้งหมดจะเร่งเครื่องหลบหนีไปได้อย่างลอยนวล | |
http://narater2010.blogspot.com/
|
ยิงผอ.หญิง - ครูผู้ช่วยในโรงเรียนบ้านบาโงเสียชีวิต
ยิงผอ.หญิง - ครูผู้ช่วยในโรงเรียนบ้านบาโงเสียชีวิต
| |
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่11
ธ.ค.เกิดเหตุคนร้ายยิงครูขณะกินข้าวเที่ยงมีผู้เสียชีวิตภายในโรงเรียนบ้าน
บาโง ม.1 ต.ปาหนัน ที่เกิดเหตุอยู่ภายในโรงอาหารของโรงเรียน
พบผู้เสียชีวิตนอนตายจมกองเลือดอย่างน่าอนาถ ทราบชื่อ
สภาพศพทั้ง 2 คนถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม 16
เข้าศีรษะจนกะโหลกเปิด ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 2 ปลอก
ก่อนเกิดเหตุทราบว่า ขณะที่ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 กำลังนั่งกินข้าว
พร้อมกับครูอีก 5 คน ภายในโรงอาหาร
โดยที่นักเรียนกำลังพักเที่ยงเล่นอยู่ภายในบริเวณโรงเรียน ปรากฏว่า
ได้มีคนร้าย 5 คน 2 ในนั้นสวมใส่ชุดคล้ายทหาร มีอาวุธปืนเอ็ม 16
ใช้รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คันขับมาจอดไว้หน้าโรงเรียน จากนั้น คนร้าย 2
คนที่ใส่ชุดทหารเดินเข้ามาภายในโรงอาหาร
ก่อนจะประกาศว่าให้ทุกคนก้มหัวลงกับโต๊ะ จากนั้น 2
คนร้ายจึงปฏิบัติการโหดจ่อยิงหัวของผู้อำนวยการ และครูผู้ช่วย ยิงใส่คนละ 1
นัดจนล้มกองกับพื้นเสียชีวิตทันที ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของครู
และนักเรียน
และดึงกุญแจรถยนต์ที่เอวของนายสมศักดิ์แล้วขโมยรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า รุ่น
BT50 ทะเบียน บฉ 218 ยะลา ก่อนหลบหนีไปโดยภายในรถมีอาวุธปืน ขนาด 9 มม.ด้วย
1 กระบอก ครูที่เสียชีวิตเป็นรายที่ 156 และ 157
| |
http://narater2010.blogspot.com/
|
วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555
โจรใต้อำมหิตยิงถล่มสองแถวประเดิมเปิดเรียน
วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ยูนิเซฟเรียกร้องให้ยุติการกระทำรุนแรงต่อเด็กในสามจังหวัดชายแดนใต้
ยูนิเซฟเรียกร้องให้ยุติการกระทำรุนแรงต่อเด็กในสามจังหวัดชายแดนใต้
| |
| |
http://narater2010.blogspot.com/
|
วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555
โจรใต้วางระเบิดทหารพรานที่เจาะไอร้อง
โจรใต้วางระเบิดทหารพรานที่เจาะไอร้อง
| |
ซึ่งทั้ง 6 นายถูกแรงอัดของระเบิดที่ได้กระแทกกับตัวรถ จนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณศรีษะแขนและขา อาการไม่สาหัสมากนักหลังจากแพทย์โรงพยาบาลเจาะไอร้องปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ได้ส่งตัวทหารทั้ง6 นาย ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ก่อนเกิดเหตุทราบว่าได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ รวม 6 นายนั่งรถยนต์หุ้มเกราะวีว่าร์ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางตามปกติเมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่าสวนยางพาราริมทางและได้ใช้แบตเตอรี่จุดชนวนระเบิด แสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุ้มต้มหนัก 50 ก.ก. ที่นำไปฝังไว้ใต้ผิวถนนและเกิดระเบิดขึ้นในขณะที่รถยนต์หุ้มเกราะวีว่า ร์ผ่าน จนทำให้ล้อหลังทั้ง2 ข้างตกลงไปในหลุมระเบิดหลังจากนั้นตนได้สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคลานออกนอก รถและหาที่กำบังก่อนเปิดฉากยิงใส่ต่อสู้ใส่กลุ่มคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในป่าจน ทั้ง 2 ฝ่ายได้ยิงปะทะกันเป็นละลอกๆนาน 15 นาทีตนจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เจาะไอร้อง เข้าสนับสนุน
****************************************
วันนี้ (14 ธ.ค.) พ.ต.ท.สุชาติ สอิด สารวัตรสอบสวน สภ.เจาะไอร้อง
จ.นราธิวาส
รับแจ้งมีเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวนเส้น
ทางสังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4808 กรมทหารพรานที่
48บนถนนเขตรอยต่อบ้านไอปาแย-บ้านเจาะไอร้อง ม.1 ต.จวบ
จึงพร้อมด้วยพ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.ท.เนติธร
วัตตธรรม นวท.สบ.3กลุ่มงานสถานีตรวจที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10
ร.ต.อ.ประจวบ นิ่มเรือง สว.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส
ร.ต.ต.พลวัฒน์ เทพษร หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส
รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบรถยนต์หุ้มเกราะวีว่า หมายเลขทะเบียนตรากงจักร 23836 ล้อหน้าทั้ง 2
ข้างตกอยู่ในหลุมระเบิดลึก 2 เมตร กว้าง 3 เมตร
โดยเฉพาะที่บริเวณปากหลุมระเบิดเจ้าหน้าที่พบสายไฟฟ้าสีเขียวลากยาวเข้าไปใน
ป่าสวนยางพาราข้างทาง150 เมตร
และพร้อมกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ตกอยู่เกลื่อนบนถนนจำนวนกว่า100 ปลอก
เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจที่เข้าสนับสนุนได้นำตัวส่ง รักษาที่โรงพยาบาลเจาะไอร้องไปก่อนหน้าแล้วทราบชื่อ คือ 1.ส.อ.อับดุลรอฮิม ยามา หัวหน้าชุด 2.อส.ทพ.ตังพงษ์ ภาพันธ์3. อส.ทพ.อมรศักดิ์ ขันเรือน 4. อส.ทพ.ศรชัย จันทร์แดง 5. อส.ทพ.ชูวิทย์จันทร์ทิพย์ และ 6. อส.ทพ.สมชาย วาตวงศ์พันธ์ ซึ่งทั้ง 6 นายถูกแรงอัดของระเบิดที่ได้กระแทกกับตัวรถ จนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณศรีษะแขนและขา อาการไม่สาหัสมากนักหลังจากแพทย์โรงพยาบาลเจาะไอร้องปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ได้ส่งตัวทหารทั้ง6 นาย ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จากการสอบสวน ส.อ.อับดุลรอฮิม หัวหน้าชุดทราบว่าก่อนเกิดเหตุได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ รวม 6 นายนั่งรถยนต์หุ้มเกราะวีว่าร์ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางตามปกติเมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่าสวนยางพาราริมทางและได้ใช้แบตเตอรี่จุดชนวนระเบิด แสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุ้มต้มหนัก 50 ก.ก. ที่นำไปฝังไว้ใต้ผิวถนนและเกิดระเบิดขึ้นในขณะที่รถยนต์หุ้มเกราะวีว่า ร์ผ่าน จนทำให้ล้อหลังทั้ง2 ข้างตกลงไปในหลุมระเบิดหลังจากนั้นตนได้สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคลานออกนอก รถและหาที่กำบังก่อนเปิดฉากยิงใส่ต่อสู้ใส่กลุ่มคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในป่าจน ทั้ง 2 ฝ่ายได้ยิงปะทะกันเป็นละลอกๆนาน 15 นาทีตนจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เจาะไอร้อง เข้าสนับสนุน เพื่อต่อสู้กับกลุ่มคนร้ายแต่กลุ่มคนร้ายเห็นเจ้าหน้าที่เข้าเสริมจึงได้ อาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปและเจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยเหลือตนและผู้ใต้ บังคับบัญชาส่งโรงพยาบาลดังกล่าว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ ไม่หวังดีเพื่อลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน.. | |
http://narater2010.blogspot.com/
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)