วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557

แผน BRN สุม “ไฟใต้”ตั้งอำนาจซ้อน...สู่รัฐปัตตานี




นักรัก ปัตตานี

          การต่อสู้ของขบวนการ “บีอาร์เอ็น” ตัวการป่วนใต้”ที่ยังคงก่อเหตุร้ายรายวัน ได้ลอกยุทธวิธีจากกลุ่มก่อการร้าย “เจไอ” นำมาฝังหัวเยาวชน สร้างกองกำลังติดอาวุธ-มวลชนจัดตั้งในทุกระดับขึ้น “สวมทับ” อำนาจรัฐ

          ปัญหาไฟใต้ที่ยังคงรูปแบบการก่อเหตุแบบคงเส้นคงวามาตลอดช่วงระยะเวลา 10 ปี หลังจากค้นหาความจริงมาตลอดว่าได้ต่อสู้อยู่กับใคร? หน่วยงานความมั่นคงก็ได้ความกระจ่างชัดว่าผู้“ชักใย” ให้เกิดความปั่นป่วนในสามจังหวัดชายแดนใต้ คือ ขบวนการบีอาร์เอ็น (BRN-Coordinate)
รากเหง้าของขบวนการนี้ว่า เดิม ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี หรือ BRN (Barisan Revolusi Nasional) อยู่ภายใต้การนำของ นายอับดุลการิม ฮัสซัน ถือเป็นกลุ่มขบวนการสำคัญและทรงอิทธิพลมากที่สุด ซึ่งภายในองค์กรนี้ แบ่งออกเป็น3 กลุ่ม คือ



  • 1. BRN-Congress ถือเป็น “กลุ่มติดอาวุธ” ของบีอาร์เอ็นเดิม แต่ค่อยๆ ลดบทบาทลงและทยอยออกมามอบตัว โดยชุดสุดท้ายที่ออกมามอบตัว คือ กลุ่ม นายสะอารี ดาฮง เมื่อต้นปี 2546
  • 2. BRN-Ulama เป็น “กลุ่มผู้นำศาสนา”
  • 3. BRN-Coordinate เป็นกลุ่มที่ไม่รับคำวินิจฉัยของนายอับดุลการิม
         ขบวนการ BRN-Coordinate ถูกโดดเดี่ยวในช่วงแรก เนื่องจากกลุ่มพูโล ซึ่งเป็นพันธมิตรสลายไปก่อน เพราะ ต่วนกูบีรอ กอตอดีรอ ป่วย และภาวะผู้นำหดหาย BRN-Coordinate จึงไปขอความช่วยเหลือจาก “ฮัมบาลี” แกนนำ “กลุ่มเจไอ” ซึ่งสนับสนุนอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนของชาวอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย ขบวนการBRN-Coordinate จึงมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับนายฮัมบาลี (ซึ่งถูกทางการไทยจับกุมแล้วส่งตัวให้สหรัฐ) ได้ซึมซับและเรียนรู้ในการปฏิบัติการทางทหารและได้เอา “ยุทธวิธีก่อการร้าย” ของเจไอมาใช้ในการก่อเหตุในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ของประเทศไทย

        ขบวนการ BRN-Coordinate ได้แตกหน่อเพาะพันธุ์ความชั่วร้ายด้วยการฝึกปรือฝีมือด้วยการจับมือกับกลุ่มเจไอเคลื่อนไหวอยู่ในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นช่วงของการเรียนรู้และลอกแบบ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ครูสอนศาสนาหลายๆ คนในโรงเรียนปอเนาะ หรือคนของกลุ่มขบวนการหากไปพลิกปูมประวัติกลับพบว่าได้เคยไปศึกษาต่อที่ประเทศอินโดนีเซีย

           เมื่อกลับมาประเทศไทยผู้ที่ไปฝึกฝนเหล่านี้กลับมาปฏิบัติการสร้างแนวร่วมขึ้นมาเพื่อจัดตั้งเป็นกองกำลังติดอาวุธเคลื่อนไหวก่อเหตุต่อต้านรัฐไทย ด้วยการชักจูงเยาวชนมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนใต้มาปลูกฝังแนวความคิด ความเชื่อเรื่อง “รัฐปัตตานี”และเข้าพิธี “ซุมเปาะ” (สาบานตน) ตัวอย่างของผู้ที่ต้องการออกจากการเป็นแนวร่วมหลายครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ และดำเนินกรรมวิธีซักถามแนวร่วมหลายคนมีความต้องการถอน “ซุมเปาะ” (ถอนคำสาบาน)



           การฝึกยุทธวิธีของขบวนการ BRN-Coordinate มีการคัดเลือกผู้ที่มีหน่วยก้านดี มีลักษณะเป็นผู้นำ ก็จะมีการส่งไปฝึกหลักสูตร“รบพิเศษ” (อาร์เคเค) ที่อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อสำเร็จหลักสูตรมาแล้ว กลุ่มนักรบเหล่านี้จะเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อสมัครเข้าเป็น “ครูสอนศาสนา” ในโรงเรียนตาดีกา หรือโรงเรียนปอเนาะ จากนั้นจะเข้าสู้กระบวนการถ่ายทอดแนวความคิดแบ่งแยกดินแดนให้กับนักเรียนในโรงเรียนที่นักรบเหล่านี้เป็นครูสอนศาสนาอยู่ โดยจะมีเฝ้ามองในการคัดเลือกนักเรียนที่จะมาเป็นแนวร่วมจะต้องเป็นไปตามคุณสมบัติที่กลุ่มขบวนการได้วางไว้ คือ ต้องเรียนเก่ง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะถือว่าเป็นคนที่ “มีอุดมการณ์” จากนั้นจะดึงมาเข้าพิธี “ซุมเปาะ” ก่อนจะส่งเข้าทำการฝึกยุทธวิธีทางทหาร

           ยุทธวิธีการก่อเหตุของกลุ่มขบวนการ BRN-Coordinate ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ หากทำการศึกษารูปแบบที่โจรใต้เหล่านี้ได้ก่อการอยู่ และหากท่านผู้อ่านที่มีความสนใจและได้ศึกษายุทธวิธีการก่อเหตุของเจไอที่มีการรบกับรัฐบาลอินโดนีเซีย จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากลุ่มโจรในภาคใต้ลอกเลียนแบบมาจากอาเจะห์ประเทศอินโดนีเซียในการก่อเหตุ

            การจัดโครงสร้างของขบวนการ BRN-Coordinate หากมองผิวเผินจะมีความคล้ายคลึงกับการจัดองค์กร “โครงสร้างสงครามประชาชน” ของ “เหมา เจ๋อ ตุง” แต่ความแตกต่างที่ชัดเจนในขณะที่ของประธานเหมา จะมีการสร้างกำลังกองโจรไว้อย่างเปิดเผย และมีฐานที่มั่นอยู่ในป่าเขา แต่สำหรับ BRN-Coordinate กลับจัดตั้งกองกำลังปกปิดและเร้นลับ โดย “ฐานที่มั่น” คือ อาศัยปะปนอยู่กับชาวบ้านทั่วๆ ไป

ยุทธวิธีวิธีการแสวงหา และจัดตั้งกองกำลังของขบวนการ BRN-Coordinate

            ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเป็นผู้จัดหา และผลิตนักรบ กลุ่มเป้าหมายหลักที่จะต้องชักนำให้เข้ามาเป็นสมาชิกแนวร่วม คือ “เยาวชนชาย” หรือ “เปอร์มูดอ” ที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนปอเนาะดั้งเดิม โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ที่อยู่ในหมู่บ้าน และชุมชนในเขตหรือชุมชนที่ตนเองรับผิดชอบดูแล

           ในส่วนของผู้นำศาสนาแนวร่วมขบวนการ BRN-Coordinateจะมีการจัดตั้ง “อุสตาส” เพื่อการบิดเบือนหลักคำสอนศาสนา ดึงมวลชนให้เข้าสู่แนวร่วม “อุสตาส”เหล่านี้จะได้รับการจัดตั้งจากภายในองค์กร ในส่วนของ ครูฝึกที่จะมาทำการฝึกยุทธวิธีการสู้รบแบบกองโจรเป็นการจัดหาจากภายนอก
หลังจากนั้นจะมีพิธีสาบานตน “ซุมเปาะ” ต่อคัมภีร์อัลกุรอาน โดยจะให้ผู้ที่จะเข้าร่วมกับขบวนการ ทำการเปล่งวาจาสาบาน 3 ข้อ ด้วยกัน กล่าวคือ

  • “จะยอมเสียสละทรัพย์สินชีวิตเพื่อกอบกู้รัฐปัตตานี และปกป้องศาสนาอิสลาม”
  • “จะไม่ยอมแพร่งพรายความลับขององค์กรให้ผู้ใดทราบโดยเด็ดขาด”
  • “จะมาทุกครั้งที่มีการนัดหมาย และเชื่อฟังผู้นำอย่างเคร่งครัด”



            ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกหลังจากได้รับการปลูกฝังแนวความคิด ความเชื่อเรื่อง “รัฐปัตตานี” และเข้าพิธี “ซุมเปาะ” (สาบานตน) แล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนของการการฝึกทางทหาร ซึ่งในขั้นตอนนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งจะมีการแยกกำลัง โดยใช้หลักสูตรของการฝึก ผ่าน หรือ ไม่ผ่าน จะมี 2 ขั้นตอนด้วยกัน คือ การฝึกขั้นต้นฝึกรวมการ จะมุ่งเน้นการในการฝึกฝนร่างกาย และความศรัทธาต่อขบวนการ การฝึกขั้นที่สอง จะแยกเป็น 2 ข้อ ผู้ที่ผ่านการคัดเลือก จะเป็นกลุ่ม “นักรบ RKK และ คอมมานโด” ในส่วนผู้ไม่ผ่านการคัดเลือกจะปรับเป็นกลุ่ม “ตุรงแง”(ทหารบ้าน)

            ขั้นตอนการดำเนินการของกลุ่มขบวนการ BRN-Coordinate ณ ปัจจุบันนี้ คือ “สงครามกองโจรในองค์กรมวลชน”การเดินเกมทางการเมือง การใช้กลุ่มองค์กรนิสิตนักศึกษา รวมทั้งภาคประชาสังคม ปลุกระดมแนวคิด การสร้างมวลชนเพื่อทำการเคลื่อนไหว นำข้อผิดพลาดจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐไปขยายผล รวบรวมและทำการสื่อไปยังองค์กรมุสลิมระหว่างประเทศ (โอไอซี) กดดันให้สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้าแทรกแซงเพื่อให้มองเห็นความจำเป็นของการมี “รัฐใหม่” ซึ่งเป็นรัฐที่มีความเฉพาะทางด้านเชื้อชาติ-ศาสนา ฝ่ายตรงข้ามยังให้ความสำคัญกับ “พลังมวลชน” (People Uprising) ซึ่งถือเป็น “พลังหลัก” แห่งความสำเร็จในการปฏิวัติเพื่อแยกรัฐปัตตานีออกจากอำนาจรัฐไทย โดยไม่ใช้อำนาจทางทหาร เน้นกลยุทธ์ที่ว่า “หากทำให้มวลชนเชื่อหรือศรัทธาไม่ได้…ให้ใช้วิธีทำให้กลัว”



            การเตรียมการวางโครงสร้างการจัดตั้งองค์กรมวลชนของขบวนการ BRN-Coordinate ซึ่ง “ทับซ้อน” การจัดตั้งการปกครองของรัฐไทย เป็นการวางแผนคิดการณ์ไกลในการนำไปสู่การปกครองตนเอง “รัฐปัตตานี”

  • -ระดับหมู่บ้านหมู่บ้าน/ชุมชน เรียก “อาเยาะห์”
  • -ระดับเขตหรือตำบล เรียก “กูมิต” หรือ “ลีการัน”
  • -ระดับอำเภอ เรียก “สกอม” หรือ “แดอาเราะห์”
  • -ระดับจังหวัด เรียก “สะกอมเวล” หรือ “วีลายะห์”
  • -ระดับภาค หรือเขตมณฑล เรียก “กัส”

          โครงสร้างทั้งหมดจะ “สวมทับ” โครงสร้างองค์กรของภาครัฐ โดยเน้นความเข้มแข็งการจัดตั้งในระดับพื้นฐาน คือ “อาเยาะห์”เป็นหลัก นอกจากจะวางโครงสร้างการจัดตั้งองค์กรมวลชนแล้วยังมีการจัดวาง “กองกำลังติดอาวุธ” เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การปฏิวัติอีกด้วย

            กลุ่มโจรจะจัดกำลังกองโจร หรือกำลังติดอาวุธในระดับ“หมู่บ้านจัดตั้ง” หรือ “อาเยาะห์” ส่วน “ตำบลจัดตั้ง” หรือ “ลีกาลัน” จะอยู่ใต้การปกป้องดูแล และสนับสนุนจากกลุ่มประชาชนจัดตั้งถือเป็น “ทหารประชาชน” หรือ “The people Army”

            การสร้างและพัฒนาอำนาจรัฐซ้อนในหมู่บ้านจัดตั้ง หรือ “อาเยาะห์” คือ การกดดัน คุกคาม ข่มขู่ และ ลอบสังหารกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นตัวแทนของอำนาจรัฐไทยให้ยอมจำนนต่ออำนาจทับซ้อน
เมื่อเรารู้เท่าทันขณะนี้เรายังมีโอกาส “ตัดวงจร” ความคิดของกลุ่มขบวนการ BRN-Coordinate ไม่ให้รุกคืบไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ยังไม่สายเกินแก้แต่หากเรารู้แล้วกลับปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการใดๆ สิ่งที่ขบวนการดำเนินการอยู่บอกได้คำเดียวน่ากลัวจริงๆ เมื่อนั้นเราจะไม่เหลือมวลชนที่ให้การสนับสนุนและเห็นด้วยกับหน่วยงานภาครัฐเลย เพราะเป็นคนของขบวนการหมดแล้ว แล้วเราจะสู้ได้หรือ? เชื่อเหลือเกินคงไม่มีใครอยากเป็นเช่นนั้นและคิดว่าจะสามารถสกัดกั้นไว้ได้…ขึ้นอยู่กับว่าจะกล้าพอหรือไม่

******************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม