วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

จับกุม 2 โจรใต้ BRN-ยึดคืนอาวุธปืนปล้นจากฐานพระองค์ดำ





‘อิมรอน’ http://pulony.blogspot.com/2015/04/2-brn.html


          จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2554 เวลาประมาณ 19.30 น.ได้มีคนร้ายประมาณ 40 คน ร่วมกันใช้อาวุธปืนนานาชนิด จำนวนหลายสิบกระบอก และวัตถุระเบิดแสวงเครื่องประกอบขึ้นเอง ได้บุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ ร้อย.ร.15121 (ฐานพระองค์ดำ) ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลมะรือโบตก อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส


         การเข้าโจมตีฐานพระองค์ดำของผู้ก่อเหตุรุนแรงในครั้งนั้น ยังได้ทำการปล้นอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหารไปด้วยทั้งสิ้น 61 กระบอกด้วยกัน ส่วนหนึ่งเป็นปืนกลเบามินิมิ โดยมีพลทหารยาห์ยา บือราเฮง เป็นไส้ศึก ซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นทหารกองประจำการได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานปฏิบัติการที่ 4 และได้เป็นผู้นำแนวร่วมเข้าโจมตีฐานพระองค์ดำ ส่งผลให้กำลังพลภายในฐานปฏิบัติการ เสียชีวิตจำนวน 4 นาย ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 11 ราย ด้วยกัน


         ผู้ที่เสียชีวิตในครั้งนั้นประกอบด้วย ร้อยเอกกฤช คัมภีรญาณ หรือ “ผู้กองบอย” ผู้บังคับกองร้อยทหารราบที่ 15121, สิบเอกเทวารัตน์ เทวา หัวหน้าชุดยิง, สิบเอกดุลเลาะ ดะหยี และพลทหาร ประวิทย์ ชูกลิ่น


         เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555 ศาลจังหวัดนราธิวาสได้มีคำพิพากษาตามคดีหมายเลขแดงที่ 3508/2555 พิพากษาให้จำคุกจำเลย คนละ 35 ปี 12 เดือน จำนวน 3 ราย ด้วยกันคือ นายมะตอฮา เซะ, นายอารีย๊ะ มะแซ และนายอาบัส สือแต ในคราวเดียวกันนี้ได้มีคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตจำเลย 1 ราย คือ นายอุษมาน ยาแต


         ศาลได้พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยซึ่งเป็นไส้ศึก ขณะเกิดเหตุยังเป็นพลทหารประจำการภายในฐานพระองค์ดำ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต จำนวน 1 ราย คือ นายยาห์ยา บือราเฮง และได้พิจารณาให้ยกฟ้องจำเลย จำนวน 9 รายเนื่องจากพยานหลักฐานโจทย์ไม่เพียงพอ แต่ให้ขังไว้ในระหว่างอุทธรณ์คดีความ


            ถึงแม้เหตุการณ์กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงบุกโจมตีฐานพระองค์ดำได้ผ่านไป 4 ปีเศษแล้วก็ตาม ความความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงมาลงโทษดำเนินคดียังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเจ้าหน้าที่รัฐยังมีความพยายามติดตามอาวุธปืนที่ถูกแย่งชิงกลับคืนมายังได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง


          เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2558 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ตั้งจุดสกัดในพื้นที่ บ้านไอร์ซูซง บ้านย่อย บ้านไอร์จูโจ๊ะ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ได้ควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัย จำนวน 2 คน และตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 2กระบอก ซึ่งอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่ถูกแย่งชิงมาจากเหตุผู้ก่อเหตุรุนแรงบุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ ร้อย.ร.15121 (ฐานพระองค์ดำ) จำนวน 1 กระบอก


            ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ติดตามอาวุธปืนที่ถูกแย่งชิงกลับคืนมาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากยอดอาวุธปืนที่ถูกแย่งชิงจำนวนทั้งสิ้น 61 กระบอก ณ ปัจจุบันสามารถยึดคืนได้แล้ว จำนวน 22 กระบอก คงเหลือต้องติดตามกลับคืนมาอีก 39 กระบอก


           ในส่วนผลของการซักถามผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือนายนาวาวี ยะโก๊ะ และนายอับดุลฮาเล็ง ฮาแว ได้ให้การยอมรับว่าเมื่อ 10 เมษายน 2558 ได้เดินทางไปรับอาวุธปืนกับ นายอับดุลการี หะแว และนายอิสมาแอ มะนุ ในพื้นที่บ้านบือแนนากอ หมู่ 6 ตำบลตะมะยูง อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เพื่อนำมาใช้ในการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่

          จากแหล่งข่าวได้เปิดเผยพฤติกรรมของ นายอับดุลการี หะแว บุคคลที่ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ได้กล่าวพาดพิงว่าได้ไปรับอาวุธปืนมานั้น เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับหัวหน้า Compi ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
         เมื่อมีการตรวจสอบความเชื่อมโยงจากผลการซักถาม นายมูฮำหมัดสักรี ไซซิง ซึ่งถูกจับกุมตัวเมื่อ 12 สิงหาคม 2557 นั้นเคยให้การว่า นายอับดุลการี หะแว เป็นผู้สั่งการและร่วมก่อเหตุในพื้นที่ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาสมาแล้ว ถึง 9 เหตุการณ์

        ผลการซักถาม นายนาวาวี ยะโก๊ะ ได้ให้การยอมรับว่าเคยรับฟังประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี, ผ่านการสาบานตน (ซูมเปาะ) และ ผ่านการฝึกร่างกายขั้นต้นมาแล้วซึ่งมีผู้ร่วมทำการฝึก 3 คน โดยมี นายอิสมาแอ มะนุ เป็นผู้ฝึก


         เมื่อ 12 เมษายน 2558 นายนาวาวี ยะโก๊ะ และนายอับดุลฮาเล็ง ฮาแว มีความประสงค์ขอถอนคำสาบานตน (ซูมเปาะ) เจ้าหน้าที่ได้เชิญ บาบอ มาดำเนินการถอนซูมเปาะให้เป็นที่เรียบร้อย




           หลังจากถอนคำสาบาน หรือ ซูมเปาะห์ นายนาวาวี ยะโก๊ะ ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ผู้ต้องสงสัย ให้การยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ นายนาวาวีฯ ให้การเพิ่มเติมอีกว่าหลังจากเข้าเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง และได้ผ่านการฝึกหลักสูตร RKK แล้ว ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส จำนวน 3 เหตุการณ์ด้วยกัน ดังนี้


  • เหตุการณ์ที่ 1 ร่วมก่อเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 37 ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 นาย เมื่อ 31 มกราคม 2556 มีผู้ร่วมก่อเหตุ จำนวน 9 คน โดยตนเองทำหน้าที่เป็นคนซุ่มยิง
  • เหตุการณ์ที่ 2 ร่วมก่อเหตุขว้างระเบิด และยิงใส่จุดตรวจร่วมเฉลิมชัย ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย เหตุเกิดเมื่อ 16 เมษายน 2556 มีผู้ร่วมก่อเหตุ จำนวน 3 คน โดยตนเองทำหน้าที่ยิงรบกวน
  • เหตุการณ์ที่ 3 ร่วมก่อเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 เสียชีวิต 2 นาย และ บาดเจ็บ 5 นาย เมื่อ 22 มิถุนายน 2557 มีผู้ร่วมก่อเหตุ 3 คน โดยตนเองทำหน้าที่ซุ่มยิง

          สำหรับอาวุธปืนที่ถูกตรวจยึดทั้ง 2 กระบอก นายนาวาวี ยะโก๊ะ ยอมรับว่า รับมาจากนายอับดุลการี หรือโต๊ะแช หะแว ผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับหัวหน้า COMPIบริเวณบ้านไอร์กาแซ ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ซึ่งนายอับดุลการีฯ ได้สั่งการให้ตนเองกับนายอับดุลฮาเล็ง ฮาแว ใช้ก่อเหตุรุนแรง ในวันที่ 10 ถึง 15 เมษายน 2558 เพื่อสร้างสถานการณ์ในพื้นที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส


       หลังจากรับคำสั่งแล้ว ตนเองพร้อมด้วย นายอับดุลฮาเล็งฯ ซึ่งถูกจับกุม ได้เดินทางไปยังบ้านบือแนนากอ ตำบลตะมะยูง อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เพื่อที่จะไปพบกับนายอาบัส หรือ บาซิ เจ๊ะหะ ผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ ซึ่งเคยถูกเจ้าหน้าที่ทำการจับกุมตัว แต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างหนีประกัน เพื่อร่วมกันวางแผนเตรีมการก่อเหตุรุนแรง แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเสียก่อน


         ซึ่งในขั้นต้น นายนาวาวี ยะโก๊ะ ได้วางแผนเตรียมการที่จะก่อเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรอำเภอศรีสาคร ระหว่างเดินทางสับเปลี่ยนเวรยาม บริเวณสี่แยกในพื้นที่ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ในคืนวันที่ 10 เมษายน 2558




          ในส่วนของการพิสูจน์หลักฐานความเชื่อมโยงทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ได้มีการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ของอาวุธปืน จำนวน 2 กระบอกที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึด พบว่ามีความเชื่อมโยงกับการการก่อเหตุ 6 คดี ด้วยกัน กล่าวคือ


         อาวุธปืนกระบอกที่ 1 ปืนกลมือ (UZI) ขนาด 9 มม. LUGER เลขหมายประจำปืน 36400157 พร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 2 อัน จำนวน 1 กระบอก ตรวจพบประวัติในสารบบของ ศพฐ.10 จำนวน 4 คดี ด้วยกัน

  • คดีที่ 1 เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2554 เหตุคนร้ายลอบยิงนายชัยภัทร นกเขาแดง (เสียชีวิต) นางแดง นกเขาแดง (ไม่ได้รับบาดเจ็บ) เหตุเกิดบริเวณสวนยางพาราบ้านไอร์วอ หมู่ 1 ตำบลกาหลง อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
  • คดีที่ 2 เมื่อ 20 มีนาคม 2554 เหตุคนร้ายยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีสาคร (ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ) เหตุเกิดบริเวณจุดตรวจถาวนเฉลิมชัย หมู่ 1 ตำบล/อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
  • คดีที่ 3 เมื่อ 16 เมษายน 2556 เหตุลอบยิงจุดตรวจถาวนเฉลิมชัย หมู่ 1 ตำบล/อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
  1. คดีที่ 4 เมื่อ 14 พฤษภาคม 2556 เหตุคนร้ายซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 ขณะขับรถปิดท้ายขบวนรักษาความปลอดภัยคณะแพทย์กองทัพบก จังหวัดชายแดนภาคใต้ บนถนนสายบ้านอีนอใน หมู่ 2 ตำบล/อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส


         อาวุธปืนกระบอกที่ 2 ปืนพกออโตเมติก (NORINCO) ขนาด 9 มม. LUGERเครื่องหมายทะเบียน กท 4402220 เลขหมายประจำปืน 6008739 พร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 2 อัน ตรวจพบประวัติในสารบบของ ศพฐ.10 จำนวน 2 คดี ด้วยกัน 
 
  • คดีที่ 1 เมื่อ 13 กันยายน 2556 เหตุคนร้ายลอบยิงราษฎรหาของป่า และมีการยิงปะทะกัน (ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต) เหตุเกิดบริเวณถนนบ้านจือกอ หมู่ 3 ตำบลศรีบรรพต อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
  • คดีที่ 2 เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2557 เหตุคนร้ายลอบยิงนายจรูญ ศรีจันทร์ (เสียชีวิต) นางเตือนใจ บุญเกลี้ยง (ได้รับบาดเจ็บ) ขณะกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์บนถนนสายศรีสาคร-บ้านกาหลง หมู่ 5 ตำบล/อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส


         ที่กล่าวมาคือผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ของอาวุธปืน จะเห็นได้ว่าอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอก มีการใช้ในการก่อเหตุและอยู่ในบัญชีคดีความมั่นคงอย่างชัดเจน


           นั่นคือหลักฐานการตรวจสอบกระสุนปืน อาวุธปืนในสารบบของตำรวจ ที่มีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุคดีสำคัญที่ผ่านมา แต่หลักฐานชิ้นสำคัญคือการที่ นายนาวาวี ยะโก๊ะ ได้ให้การยอมรับสารภาพเป็น RKK กับเจ้าหน้าที่โดยไม่มีการบังคับขู่เข็ญ และใช้ความรุนแรงใดๆ ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนการปฏิบัติอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ได้เชิญบิดา มารดา ของนายนาวาวีฯ เข้าร่วมรับฟังการซักถามครั้งนี้ด้วยตลอดทุกขั้นตอนเพื่อความโปร่งใส




            แต่สิ่งหนึ่งที่จะต้องยอมรับความเป็นจริงเมื่อบิดา มารดา ของ นายนาวาวี ยะโก๊ะ ได้รับรู้จากคำรับสารภาพของบุตรชายตนเองว่าเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง มีความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากในห้วงที่ผ่านไม่เคยทราบพฤติกรรมของบุตรชายตนเองมาก่อนเลยว่าเป็นสมาชิก RKK

            บิดา มารดา นายซาวาวี ยะโก๊ะ ได้กล่าวว่าบุตรชายของตนเองเป็นคนดีของครอบครัว ขยันทำงานเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งเมื่อรู้ว่าเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง เคยก่อเหตุสร้างสถานการณ์ ด้วยการใช้อาวุธปืนลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ รู้สึกตกใจ และเสียใจที่บุตรชายเข้าร่วมกับขบวนการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นส่วนรวม


           จะมีอีกกี่ครอบครัวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เด็กหนุ่มเหล่านี้ได้เดินทางผิดหันหน้าเข้าร่วมกับขบวนการ มุ่งก่อเหตุสร้างสถานการณ์โดยที่พ่อแม่ ลูกเมียไม่เคยรับรู้เลยว่าเป็นแนวร่วมขบวนการโจรใต้ เมื่อรู้อีกทีโดนเจ้าหน้าที่จับกุม และเมื่อมีการถอนคำสาบานตน (ซูมเปาะ) ยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ต่อหน้าพ่อแม่ ลูกเมีย ต่อหน้าผู้นำศาสนา ว่าตนเองเป็นนักรบ RKK เคยก่อเหตุเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่ และประชาชนผู้บริสุทธิ์มาอย่างโชกโชน


          และสุดท้ายเมื่อโดนจับกุมตัวดำเนินคดี ติดคุกติดตาราง ครอบครัวพลอยได้รับความเดือดร้อน มีแต่หน่วยงานภาครัฐเท่านั้นที่คอยดูแลญาติพี่น้องที่อยู่เบื้องหลัง แล้วขบวนการล่ะ!!! ที่เคยหลอกใช้งานได้ช่วยเหลืออะไรครอบครัวสมาชิกRKK เหล่านี้บ้าง?..มีแต่ลอยแพให้รอรับยถากรรมอยู่ในเรือนจำอย่างเดียวดายไร้การเหลียวแล..สมแล้วหรือ? กับการทุ่มเททั้งชีวิตยอมแม้กระทั่งตัวตาย แต่คนที่สุขสบายกลับกลายเป็นผู้สั่งการเสวยสุขอยู่เมืองนอก..อนิจจา!! ขบวนการปริ้นปร้อนหลอกลวง หลอกผู้คนให้หลงผิดคิดแบ่งแยกผืนแผ่นดินไทย หลอกให้สมาชิกแนวร่วม RKK ทำการเข่นฆ่าพี่น้องมลายูปาตานีกันเอง....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม