วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

แท้จริงกลุ่ม PerMas ไม่ได้หาเพื่อน แต่กำลังหาพวก - หนึ่งกลลวง "สงครามอสมมาตร"....




          กลุ่มนักศึกษา PerMAS กลุ่มกลายพันธุ์จากกลุ่ม PNYS ซึ่งเป็นกลุ่มที่ก่อตัวขึ้นเพื่อแสวงหาแนวร่วมนักศึกษาที่มาจาก จชต. ในพื้นที่ กทม. PNYS มีเรื่องอื้อฉาวภายในทั้งผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว และตัวแกนนำ "อาเต๊ฟ โซะโก" ที่ประวัติไม่ค่อยจะสู้ดีนักโดยเฉพาะพื้นฐานของครอบครัวที่เกี่ยวพันกับยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จชต. ทำให้ครอบครัวส่วนหนึ่งติดคุกยาว (ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ออก) จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ PNYS ต้องฟอกตัวกลายมาเป็น PerMAS ในปัจจุบัน

          แม้จะเปลี่ยนชื่อยังไงก็แล้วแต่โครงสร้างหลัก และแผนการของกลุ่มขบวนการที่แสวงประโยชน์จากชุดนักศึกษาก็ไม่เปลี่ยนแปลงมากนักโดยกลุ่ม PerMAS เน้นเคลื่อนไหวในพื้นที่ จชต. มากขึ้น ต่างจาก PNYS ที่ก่อตัวอยู่ในเฉพาะพื้นที่ กทม. และลงพื้นที่บ้างเป็นบางครั้ง ส่วนเรื่องผลประโยชน์ภายในก็ยังมีกระแสขัดแย้งกันออกมาเป็นระลอก

       ข้อเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษาดังกล่าวก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากข้อเรียกร้องที่ผ่านมาคือ เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ออกนอกพื้นที่ ปล่อยตัวผู้ต้องหาคดีความมั่นคง (อย่างไม่มีเงื่อนไข) ยกเลิก พ.ร.ก. และกฎอัยการศึก เป็นต้น




        แน่นอนข้อเรียกร้องหลักของนักศึกษากลุ่มดังกล่าวย่อมมีที่มาที่ไป แต่ที่มาที่ไปนั้นมันสอดคล้องกับข้อเรียกร้องของกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนเช่น BRN ยังกับคู่แฝด  และประเด็นหลักๆ คงหนีไม่พ้น การเรียกร้อง: ให้ทหารออกนอกพื้นที่ และยกเลิก พรก.

        ท่านรู้หรือไม่ว่าทหารปัจจุบันในพื้นที่ จชต. หลักๆ นั้นประจำกันอยู่ที่ใดบ้าง? 

       หากคุณเป็นคนในพื้นที่คุณจะเห็นว่าแทบจะทุกวัดมีฐานทหารประจำอยู่ และแทบจะทุกหมู่บ้านไทยพุทธจะมีฐานทหารอยู่

       หากทหาร-ตำรวจ ออกนอกพื้นที่แล้วท่านว่าจะเกิดอะไรขึ้น..?? 

       วัดคงไม่ได้เป็นวัด หมู่บ้านไทยพุทธ (ที่เหลือน้อยเต็มทีอาจจะไม่มีหลงเหลือ) 10 ปีที่แล้วไทยพุทธที่อยู่ จชต. มีอประมาณ 400,000 (สี่แสนคน) ปัจจุบันเหลือไทยพุทธไม่เกิน 70,000 คน (เจ็ดหมื่นคน) หมายความว่าหายไปกว่า 3 ใน 4 ของไทยพุทธ จชต.

       ผมได้มีโอกาสไปนั่งคุยกับเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่พื้นที่ห่างไกลจากตัวเมืองมาก ได้ใช้เวลานั่งคุยกันท่าน ท่านบอกเรื่องที่น่าเศร้ากับผมว่า...."หากไม่มีทหารประจำอยู่ ป่านนี้วัดคงกลายเป็นมัสยิดไปแล้ว"....(ท่านเคยเห็นฐานทหารในมัสยิด หรือปอเนาะไหม?)



แน่นอนการเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ ออกนอกพื้นที่ย่อมส่งผล ผลแรกเริ่มเลยคือ
  • ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ (โดยเฉพาะพื้นที่ไทยพุทธ) จะอยู่กันลำบากขึ้น
  • จะเกิดการจัดตั้งกลุ่มกองกำลังติดอาวุธขึ้นอย่างเปิดเผยในพื้นที่ จชต. โดยที่ชาวบ้านไม่สามารถปริปากพูดอะไรได้
  • สถานศึกษาจะกลายเป็นพื้นที่บ่มเพาะหลักในการปลูกฝังแนวคิดการแบ่งแยกดินแดน เพราะปราศจากการควบคุมดูแลอย่างทั่วถึง

         สิ่งที่ผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่กลุ่มขบวนการที่หากินในคราบชุดนักศึกษานี้คือ หนึ่งในขั้นตอนของขบวนการ "สงครามอสมมาตรแบบใหม่" หรือ New Asymmetric Warfare

  • สงครามอสมมาตร เป็นสงครามไม่ตามแบบในยุคแรก หรืออาจกล่าวได้อีกนัยคือสงครามกองโจร โดยมุ่งเป้าไปที่เป้าหมายที่อ่อนแอ (Soft Targets) เช่น ชาวบ้าน เด็ก ผู้หญิง ครู เป็นต้น และเมื่อสามารถทำลายได้แล้ว จะมีค่าสูง (High Value Targets) เพราะเมื่อใดที่ทำสำเร็จ จะส่งผลทางจิตวิทยาทางทหารและทางสังคมอย่างมาก เพื่อก่อให้เกิดความตื่นตระหนก หวาดกลัวในสังคมของฝ่ายตรงข้าม อันจะเป็นการค่อยๆ บั่นทอนความเข้มแข็ง ชอบธรรมของฝ่ายตรงข้ามทีละน้อย จนต้องยอมจำนนต่อฝ่ายกระทำในที่สุด
  • สงครามอสมมาตรแบบใหม่นี้กลุ่มขบวนการนักศึกษาได้แทรกซึมเข้าไปในสถานศึกษาต่างๆ ในพื้นที่ยึดโยงกันด้วยประวัติศาสตร์ สังคมวัฒนธรรม ชาติพันธุ์นิยมที่ร้อยรักถักทอคนกลุ่มนี้ไว้อย่างเหนียวแน่นอย่างยากที่คนนอกจะทำความเข้าใจได้ โดยมีความเชื่อ ความศรัทธาทางศาสนา เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในการขับเคลื่อน ด้วยเกียรติยศของนักรบอันศักดิ์สิทธิ์ และชีวิตหลังความตายอันงดงามที่คนกลุ่มนี้เชื่ออย่างสนิทใจ
          ดังนั้น สิ่งท้าทายของนักการทหารในอนาคต คือ การต่อสู้เพื่อเอาชนะทางความคิด ความเชื่อ ประวิติศาสตร์ และชาติพันธุ์นิยม ที่แสนจะยากยิ่ง เพราะการเปลี่ยนความคิดความเชื่อ ที่ฝังรากลึกในเซลล์สมองของบุคคลนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย การปรับความเข้าใจในสิ่งที่ผ่านมาแล้วทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะสิ่งที่ผิดพลาดมาแล้ว ก็ย้อนเวลาไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ความผิดพลาดครั้งอดีตของฝ่ายศัตรู จึงเป็นเงื่อนไขให้ผู้ร่วมขบวนการใช้ทิ่มแทงหัวใจผู้คนเป้าหมายให้เกลียดชังเคียดแค้นฝ่ายตรงข้ามได้ตลอดไป และยิ่งชาติพันธุ์นิยมก็เป็นอัตลักษณ์เฉพาะกลุ่มซึ่งไม่สามารถยักย้ายถ่ายเทให้ปรับเปลี่ยนได้ง่ายๆ ในชั่วอายุคน ผนวกกับความเชื่อทางศาสนาที่คนนอกกลุ่มไม่มีสิทธิ์ในการตีความหรือแม้กระทั่งให้ความเห็นเป็นอย่างอื่น ในขณะที่การเปลี่ยนความเชื่อในเรื่องชีวิตหลังความตาย ก็เป็นเรื่องที่พิสูจน์ให้เห็นเชิงประจักษ์ไม่ได้โดยเฉพาะคนนอกศาสนา

         การเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักศึกษาที่ถูกจับกุมและมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ระเบิดเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงสงครามอสมมาตรแบบใหม่ ใช้จุดที่บอบบางที่สุด (ชุดนักศึกษา) โจมตีฝ่ายตรงข้าม โดยใช้คำว่า "เพื่อน" ที่ส่อไปถึงความเป็นนักศึกษา รวมถึงการใช้ ศาสนา อัตลักษณ์ ความเชื่อ เป็นเครื่องมือในการหาพรรคพวก...

        อีกประเด็นที่เห็นจะข้ามไปไม่ได้ คือ กลุ่มขบวนการในชุดนักศึกษายกมาเป็นประเด็นคือ สิทธิมนุษยชน และลิดรอนสิทธิ์ ข้อเรียกร้องนี้ กลุ่มนักศึกษากลับตาบอด สิทธิ์ของชาวบ้าน ด้านชีวิต และทรัพย์สินถูกฝ่ายใช้ความรุนแรงพรากไปไม่รู้กี่ร้อยพัน ทรัพย์สินเสียหายไปไม่รู้กี่ร้อยล้านพันล้าน กลับมองข้ามสิทธิ์ความเป็นมนุษย์ของพวกเขา...

.....ที่กล่าวมาทั้งหมดคือ "สงครามอสมมาตร" ของ "ขบวนการนักศึกษา".....ที่เห็นได้อย่างชัดเจน.....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม