มมร. ข้องใจ ปปช. "เตะถ่วง" คดีหนังพระไตรปิฎก | ||||
มมร. ข้องใจ ปปช. "เตะถ่วง" คดีหนังพระไตรปิฎก อืม ! นักการเมืองในคราบผ้าเหลืองก็เป็นเช่นนี้แหละ สงสัยว่าพระเทพปริยัติวิมลคงอยากปลดพระเทพวิสุทธิกวีเต็มแก่ แบบว่าเหม็นขี้หน้าเต็มทนแล้ว จึงให้นายสงกรานต์ออกมาทวง ปปช. ทั้งเช้าทั้งเย็น ว่าเมื่อไหร่จะตัดสินเสียที จะได้ไล่พวกมารคอหอยพ้นจาก มมร. ของกรูไป แต่ก็ดีฮะ ฝนไม่ตกไม่รู้เรือนใครรั่ว สมัยก่อนนั้นเล่าลือกันนักว่า พระธรรมยุตเล่นการเมืองเก่ง ขนาดมีพลพรรคแค่ไม่กี่หมื่น ก็สามารถขี่คอมหานิกายซึ่งมีจำนวนตั้งหลายแสน กินตำแหน่งสังฆราชมานานร่วมร้อยปี แต่วันนี้ประชาธิปไตยเบ่งบาน ธรรมยุตเลยหันไปกัดกันเองเป็นการภายใน แต่ถึงยังไงก็ยัง "แซ่บอีหลี" เพราะว่านี่คือของจริง นิมนต์เดินหน้าเถิดท่าน เอากันให้ตายไปข้างหนึ่ง เรื่องศีลธรรม เมตตาการุณ ฯลฯ อย่าพูดให้เหม็นขี้ปากเลย อ้างเอาคดีอาญายอมความไม่ได้นั่นแหละมาเป็นใบเบิกทางสังหารกัน มันจะแปลกอะไร ในเมื่อยอมเอามหาวิทยาลัยไปอยู่ในกำกับของรัฐ แล้วก็นุ่งผ้าเหลืองกินเงินเดือนเหมือนข้าราชการ แค่ฟ้องร้องนั้นยังน้อยไป ต่อไปถ้าศาลอาญาตัดสินไม่ถูกใจ ก็อาจจะมีรายการส่งมือปืนไปตามเก็บคู่อริก็เป็นได้ เพราะอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นในโลกใบนี้ ข่าวเมื่อวานนี้ พระเทพปริยัติวิมล ประกาศทุ่ม 2 พันล้าน จะสร้าง มมร. ศาลายาให้ยิ่งใหญ่ งานนี้รับรองว่า "พระเทพวิสุทธิกวี" จองกฐินข้ามปีกัดไม่ปล่อยแน่ ตรวจสอบยิ่งกว่าส่องพระสมเด็จวัดระฆัง ระวัง อย่าพลาดก็แล้วกัน รับรองว่ากินข้าวแดงแน่ๆ รู้จักมหาเกษมน้อยไปซะแล้ว เอกายนมรรค - ทางเอก เดินได้คนเดียว ถ้ามีผม ต้องไม่มีคุณ ! เพราะเก้าอี้อธิการบดีมีเพียงหนึ่งเดียว แบ่งใครไม่ได้
เครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ข้องใจ ป.ป.ช. ดองคดี “หนังไตรปิฎก” นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กล่าวว่า ตามที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) ได้สรุปสำนวนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแอบอ้างชื่อ มมร.ไปใช้เรี่ยไรเงินเพื่อนำมาจัดสร้างพระไตรปิฎก ฉบับภาพยนตร์ โดยตั้งเป้าในการเรี่ยไรเงินให้ได้ถึง 1,200 ล้านบาท เพื่อนำไปจัดสร้างภาพยนตร์ดังกล่าว แต่ความจริงแล้วภาพยนตร์ดังกล่าวไม่มีการจัดสร้างขึ้นจริง มีเพียงภาพยนตร์ตัวอย่างยาว 30 นาที เท่านั้น ซึ่งทาง มมร.ได้มีการตรวจสอบและพบว่ามีบุคลากรระดับสูงใน มมร. มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จึงสรุปสำนวนยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปตั้งแต่ปี 2552 เพื่อขอให้ชี้มูลความผิด และทาง มมร.จะได้ดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ แต่จนถึงขณะนี้ ป.ป.ช.กลับยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว ตนได้ทำหนังสือสอบถามไปแล้ว 1 ครั้ง เรื่องก็ยังเงียบ ดังนั้น วันที่ 19 ส.ค. เวลา 13.00 น. ตนจะไปยื่นหนังสือสอบถามความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง นายสงกานต์ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 7 ก.ย. ทราบมาว่า ทาง ป.ป.ช. จะแถลงผลงานการดำเนินการปราบปรามการทุจริต ตนจึงขอให้ ป.ป.ช. นำเรื่องคดีพระไตรปิฎกฉบับภาพยนตร์มาแถลงความคืบหน้าด้วย เพราะขณะนี้เป็นเวลากว่า 2 ปี แล้ว ป.ป.ช. ยังไม่มีการรายงานความคืบหน้าไปยัง มมร. แต่อย่างใด และหาก ป.ป.ช.ไม่มีการดำเนินการดังกล่าว จะถูกพุทธศาสนิกชนตั้งข้อสงสัยว่าดองคดีดังกล่าวหรือไม่แน่นอน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานภาครัฐและประชาชนจำนวนมากที่หลงเชื่อแล้วบริจาคเงินเพื่อนำไปจัดสร้างภาพยนตร์ดังกล่าว “ความผิดของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องความจริงแล้ว มมร. มีอำนาจในการไล่ออกได้เลย แต่เข้าใจว่าทาง มมร. ต้องการให้มีข้อมูลความผิดที่ชัดเจน จึงต้องยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ชี้มูลความผิดก่อน” นายสงกรานต์ กล่าว.ข่าว : ไทยรัฐ 20 สิงหาคม 2554 | ||||
http://narater2010.blogspot.com/ |
วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น