วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

คืบหน้าคดี กับ ๑ ปี การจากไปอิหม่ามยะโก๊บ

แบมะ ฟาตอนี

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2556 ช่วงเวลาจะออกปอซอผู้คนพลุกพล่านต่างออกจากบ้านเรือนเพื่อไปจับจ่ายซื้อข้าวของเตรียมนำกลับมารับประทานอาหารร่วมกันภายในบ้านที่สมาชิกในครอบครัวต่างรออยู่ จากการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน เช่นเดียวกับ นายยะโก๊บ หร่ายมณี โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานี กำลังก้มหน้าก้มตาจับจ่ายซื้อหาอาหารบริเวณตลาดหน้าชุมชน วอกะห์เจะหะ ถนนยะรัง ซอย ๖ ต.จะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี โดยไม่รู้ตัวว่ามีกลุ่มคนร้ายตามประกบหมายเอาชีวิตอยู่



สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดและไม่อยากให้เกิด ทันใดนั้นเสียงปืนได้ดังลั่นกลางตลาดนัดจะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี พร้อมๆ กับเสียงหวีดร้องของผู้คน หลังสิ้นเสียงปืนร่างของนายยะโก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี นอนแน่นิ่งจมกองเลือดเสียชีวิตท่ามกลางฝูงชนที่กำลังมุงดู ผลจากการปฏิบัติการก่อเหตุอย่างเลือดเย็นของกลุ่มคนร้ายที่ตามประกบยิงอิหม่ามไม่เว้นแม้กระทั่งในเดือนรอมฏอน เดือนแห่งการทำความดี ความรู้สึกของผู้คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่เป็นชาวไทยพุทธและมุสลิมต่างรับรู้ถึงความสูญเสียบุคลากรที่ทรงคุณค่าทางศาสนาซึ่งเป็นที่เคารพรักใคร่ของประชาชนทั่วไป พร้อมด้วยคำถามที่ตามมามากมายในทำนอง ใครเป็นคนทำ ทำทำไม และหนทางแห่งสันติภาพที่ทุกคนโหยหาจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เมื่อแม้แต่อิหม่ามซึ่งเปรียบเสมือนผู้นำทางจิตวิญญาณของพี่น้องมุสลิมยังต้องมาถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงกระทำเช่นนี้



กระแสการสร้างข่าวของฝ่ายขบวนการ กรณีการเสียชีวิตของอิหม่ามยะโก๊บในครั้งนั้น แน่นอนว่าไม่พ้นการใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ไม่สามารถจุดชนวนและสร้างกระแสตามที่ฝ่ายขบวนการอยากให้เป็นได้ เนื่องจากโดนคัดค้านจากจากสังคมอย่างรุนแรง จากการกระทำที่อุกอาดต่อหน้าผู้คนและเย้ยกฎหมาย บวกกับการสร้างกระแสข่าวบิดเบือนความจริงไร้ซึ่งหลักฐาน ประกอบกับห้วงที่อิหม่ามยะโก๊บยังมีชีวิตอยู่ท่านได้อุทิศตนทำงานเพื่อสังคม ท่านเป็นคนดีเป็นที่รักใคร่ของผู้คน ให้ความช่วยเหลือทางราชการด้วยจิตอาสามีความมุ่งมั่นและคาดหวังที่จะให้เกิดสันติสุขในพื้นที่อย่างแท้จริง จนนำไปสู่การได้รับโล่ห์รางวัลประกาศเกียรติคุณความดีมากมาย ส่งผลให้ความพยายามของฝ่ายขบวนการไม่บังเกิดผล

การจากไปไม่มีวันกลับของอิหม่ามยะโก๊บ ไม่ได้สูญเปล่า เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบคดีได้สืบสวนจนทราบว่ามีคนร้ายร่วมทำการก่อเหตุด้วยกัน 4 คน ไม่ทราบชื่อ 1 คน และได้ออกหมายจับทันที จำนวน 3 คน คือ นายมาฮูเซ็น แมฮะ นายอาดือนัน สิเดะ และนายมูฮำหมัด กาซอ ถัดจากนั้นประมาณเดือนครึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 1 คน คือนายมาฮูเซ็น แมฮะ ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จึงได้ร้องขอฝากขังต่อศาลจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2556



ในเวลาต่อมาพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดี มีความเห็นว่า สั่งฟ้องนายมาฮูเซ็น แมฮะ กับพวก ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ โดยส่งฟ้องที่ ศาลจังหวัดปัตตานี คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ยังคงหลบหนี เจ้าหน้าที่ยังคงใช้ความพยายามติดตามนำตัวมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมจากการกระทำความผิดที่ได้ก่อขึ้น

กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง หรือกลุ่มผู้ที่คิดต่างกลุ่มไหนก็แล้วแต่ หากดูการกระทำที่ได้ลงมือก่อเหตุต่อเป้าหมาย ที่โหดร้าย ทารุณ ป่าเถื่อน และสุดโต่งเยี่ยงคนที่ไร้ศาสนา พวกเค้าเหล่านั้นไม่สมควรที่จะได้รับการอภัยกับการกระทำที่ได้ก่อขึ้น เช่นเดียวกันเมื่อเป็นผู้กระทำความผิด มีโทษอาญาทางบ้านเมือง กระบวนการของกฎหมายจะต้องดำเนินไปตามขั้นตอนเพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ ในขณะตกเป็นผู้ต้องหาและหนีการจับกุมต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไปจากครอบครัว บ้านเกิดเมืองนอน จากพ่อแม่ พี่น้อง แล้วกระทำไปเพื่ออะไรกัน เพื่ออุดมการณ์ที่ไร้ตัวตนโดนแกนนำกลุ่มขบวนการหลอกใช้ไปวันๆ ชีวิตต้องลำบาก เร่ร่อน แต่ตรงกันข้ามกับแกนนำอยู่สุขสบายเสวยสุขอยู่เมืองนอก

หลายชีวิตได้ก่อเกิด แต่อีกหลายชีวิตได้ดับไปก่อนวัยอันควรจากน้ำมือของผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ยังคงพยายามสร้างสถานการณ์ร้ายรายวัน วันแล้ววันเล่าถึงแม้กาลเวลาได้หมุนเวียนเปลี่ยนไป เจ้าหน้าที่รัฐที่ลงมาปฏิบัติหน้าที่ต่างสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันลงมาดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงก็ยังเป็นกลุ่มเดิมที่ได้ปฏิบัติการสร้างความเดือดร้อนอยู่ในพื้นที่ต่างกันตรงที่เวลา แต่รูปแบบและยุทธวิธีในการก่อเหตุยังคงหมุนเวียนเปลี่ยนไปโดยการเปลี่ยนเป้าหมายที่จะเล่นงาน หลังจากนั้นออกมาโฆษณาชวนเชื่อกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นสูตรสำเร็จของขบวนการโจรใต้ BRN

วันที่ 5 สิงหาคม 2557 จะครบรอบ 1 ปี กับการจากไปของอิหม่ามยะโก๊บ หากการเสียชีวิตของท่านอิหม่ามที่ได้เสียชีวิตจากน้ำมือคนชั่ว จะช่วยให้พี่น้องมุสลิมหลายๆคนหูตาสว่างขึ้น หรือช่วยให้พี่น้องในพื้นที่ได้ครุ่นคิดสักนิดว่าแนวทางสันติภาพที่จะก่อเกิดในอนาคตจะเป็นเช่นไร ท่านอิหม่ามยะโก๊บคงยินดีที่ความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานของท่าน ภายใต้การสละชีวิตตนเองจะช่วยให้ทุกฝ่ายเข้าใจและมั่นใจได้ว่ามีผู้สืบทอดเจตนารมณ์ที่ดีของท่านต่อไป แต่หากการเสียชีวิตของท่านมิได้ก่อเกิดหรือกระตุ้นปลุกเร้าให้พี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้สำนึกถึงการมีส่วนร่วม ธุระไม่ใช่ ปัญหาเป็นสิ่งไกลตัว ไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาแล้ว อีกทั้งยังคงสนับสนุนความรุนแรง ให้ความร่วมมือโจรใต้ BRN ในการสร้างความแตกแยกระหว่างคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธและมุสลิมแล้ว นี่จะเป็นการสูญเสียชีวิตของบุคลากรที่ทรงคุณค่าทางสังคม“อิหม่ามยะโก๊บ” คนดีของสังคมอย่างสูญเปล่า


***********************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม