แบมะ ฟาตอนี
คุณตาเกลื้อม ขวัญเพชร....เปิดฉากเล่าชีวิตว่า ตนเองมีลูก 5 คนด้วยกัน แต่ตอนนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว 2 คน โดยล่าสุดได้สูญเสีย นางกฤษณา ขวัญเพชรไปอีกคนซึ่งเป็นคนสุดท้อง ครอบครัวประกอบอาชีพรับจ้างกรีดยาง และขายผัก มีรายได้ประมาณเดือนละ 5,000 บาท พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง บ้านคุณตามีอยู่ 2 หลังคือบ้านปูน กับ ขนำ ที่ตนเองและยาย ชอบอยู่เป็นกิจวัตรเพราะลมโกรกดี ไม่อับ ไม่มืด ถ้าวันไหนฝนตกก็จะเข้าไปพักอาศัยที่บ้านปูน
อายุคุณตาเกลื้อม ขวัญเพชร ได้ล่วงเลยเข้าสู่วัยชรา นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี คือบ้านเกิดเมืองนอนที่ได้อาศัยมาชั่วชีวิต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคม การอาศัยอยู่ร่วมกันของผู้คนสองศาสนา มาระยะหลังได้เห็นความแปลกแยกเนื่องจากความหวาดระแวงด้วยการปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังระหว่างเชื้อชาติและศาสนาขึ้นของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น
ในส่วนตัวของคุณตาเกลื้อม ขวัญเพชร ไม่เคยคาดคิดว่าเหตุการณ์ร้ายเช่นนี้จะมาเกิดกับครอบครัวและบุตรหลานของตนเอง พื้นที่ อ.โคกโพธิ์ ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่มีการก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง ตนเองมีอาชีพถีบสามล้อรับจ้างข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมาจากการเล่าปากต่อปากของผู้คนที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาใช้บริการ เลยทำให้รู้ว่ามีหลายต่อหลายเหตุการณ์ด้วยกันที่มีการก่อเหตุเนื่องมาจากเรื่องของความขัดแย้งในเรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย การกระทำของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หรือในบางครั้งเป็นการแก้แค้นในเรื่องส่วนตัว เลยมีการก่อเหตุแล้วโยนให้เป็นปัญหาของความมั่นคง
ชีวิตคุณตาเกลื้อม ขวัญเพชร หลังเหตุคาร์บอมบ์บ่อนชนไก่นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานีเหมือนโดนกลั่นแกล้งให้คุณตาเกลื้อม ขวัญเพชร ในวัยชราที่ต้องมาสูญเสียลูกสาวซึ่งเป็นกำลังหลักของครอบครัวไป วินาทีหลังเกิดเหตุกับภาพคุณตานุ่งโสร่งผืนเก่าๆ ทันทีที่ได้ทราบข่าวไม่ทันได้สวมใส่เสื้อรีบมาที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นสภาพศพลูกสาวที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุแทบขาดใจ ภาพของผู้เป็นพ่อนั่งร่ำไห้ใกล้ศพสะท้อนถึงความรู้สึกของผู้ที่สูญเสียสมาชิกในครอบครัวอย่างไม่มีวันกลับ ผู้คนในพื้นที่ต่างรู้ดีว่าครอบครัวนี้เป็นครอบครัวยากจนหาเช้ากินค่ำ ทำมาหาเลี้ยงชีพอย่างสุจริต พอมีพอกินอยู่อย่างพอเพียงตามประสา สภาพบ้านของคุณตาเกลื้อม ขวัญเพชร เป็นบ้านแบบกระท่อมปลายนา เลขที่ 182/1 ม.1 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ปลูกผักในพื้นที่ข้างๆ กระท่อม เพื่อเอาไปขายจุนเจือครอบครัว คุณตาถีบสามล้อปั่นหาเลี้ยงครอบครัวพอประทั่งชีวิตได้บ้างไม่ได้บ้าง ภาระต่างๆ จึงตกอยู่กับ ลูกสาวผู้เป็นกำลังหลักของครอบครัว คือนางกฤษณา ขวัญเพชร ต้องทำมาค้าขายหาเลี้ยงสมาชิกในครอบครัว แต่ต้องมาจบชีวิตลงด้วยเหตุการณ์ความไม่สงบด้วยการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง นอกจากนี้คุณตายังมีเหลนคือ ด.ญ.เยาวดี ขวัญเพชร อายุ 12 ปี โดนสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะ ฝังเข้าไปทำให้บาดเจ็บสาหัส ตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลศูนย์ยะลา หลังจากพิธีงานบำเพ็ญกุศลศพนางกฤษณา ขวัญเพชร ชีวิตครอบครัวของคุณตาเกลื้อม และภรรยา รวมทั้งเหลน ที่ยังนอนพักรักษาตัวอยู่ จะดำเนินชีวิตต่อไปเช่นไรบนพื้นที่ความขัดแย้งเช่นนี้ กับการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรงเพียงมุ่งหวังสร้างสถานการณ์โดยไม่คำนึงถึงผู้บริสุทธิ์
นี่เป็นเพียงครอบครัวๆ หนึ่งที่ได้รับผลกระทบและต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป หลายชีวิตต้องสังเวยต่อการกระทำที่ขาดความยั้งคิดของคนบางกลุ่ม อีกหลายชีวิตต้องพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แล้วใครล่ะคือผู้เดือดร้อนตัวจริงถ้าไม่ใช่ประชาชนเยี่ยงเรา หยุดเถอะอย่าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์อีกเลย ทุกชีวิต ทุกครอบครัวต่างหวงแหนไม่อยากให้เกิดเหตุร้ายกับตนเองและคนรอบข้าง หากเกิดกับครอบครัวผู้ก่อเหตุบ้างล่ะจะคิดเช่นไร ถามไปคงจะไร้คำตอบ ความรู้สึกคงจะเหมือนๆ กัน...
ทุกชีวิตที่ยังคงดำเนินอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ยังคงอยู่กับความเสี่ยงไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตนเองวันไหนเพราะพวกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ไม่ได้เลือกสถานที่ กลุ่มเป้าหมายในการก่อเหตุ ความเดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุดเพราะการกระทำของกลุ่มมุสลิมสุดโต่ง ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้มีการก่อเหตุแต่กลุ่มโจรใต้พยายามหาช่องว่างในการก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนไม่เว้นแม้เดือนรอมฎอน เดือนแห่งบุญของการทำความดีของพี่น้องมุสลิมสุดท้ายชีวิตบนความเสี่ยงตกอยู่ที่ประชาชนชาวปาตานี ต้องประคองชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัยกว่าแสงสว่างแห่งสันติภาพจะกลับมาสู่กระบวนการพูดคุยบนเวทีระหว่างคู่ขัดแย้งรัฐไทยกับขบวนการ BRN มีแนวทางที่ชัดเจนต่อไป
คุณตาเกลื้อม ขวัญเพชร....เปิดฉากเล่าชีวิตว่า ตนเองมีลูก 5 คนด้วยกัน แต่ตอนนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว 2 คน โดยล่าสุดได้สูญเสีย นางกฤษณา ขวัญเพชรไปอีกคนซึ่งเป็นคนสุดท้อง ครอบครัวประกอบอาชีพรับจ้างกรีดยาง และขายผัก มีรายได้ประมาณเดือนละ 5,000 บาท พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง บ้านคุณตามีอยู่ 2 หลังคือบ้านปูน กับ ขนำ ที่ตนเองและยาย ชอบอยู่เป็นกิจวัตรเพราะลมโกรกดี ไม่อับ ไม่มืด ถ้าวันไหนฝนตกก็จะเข้าไปพักอาศัยที่บ้านปูน
อายุคุณตาเกลื้อม ขวัญเพชร ได้ล่วงเลยเข้าสู่วัยชรา นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี คือบ้านเกิดเมืองนอนที่ได้อาศัยมาชั่วชีวิต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคม การอาศัยอยู่ร่วมกันของผู้คนสองศาสนา มาระยะหลังได้เห็นความแปลกแยกเนื่องจากความหวาดระแวงด้วยการปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังระหว่างเชื้อชาติและศาสนาขึ้นของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น
ในส่วนตัวของคุณตาเกลื้อม ขวัญเพชร ไม่เคยคาดคิดว่าเหตุการณ์ร้ายเช่นนี้จะมาเกิดกับครอบครัวและบุตรหลานของตนเอง พื้นที่ อ.โคกโพธิ์ ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่มีการก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง ตนเองมีอาชีพถีบสามล้อรับจ้างข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมาจากการเล่าปากต่อปากของผู้คนที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาใช้บริการ เลยทำให้รู้ว่ามีหลายต่อหลายเหตุการณ์ด้วยกันที่มีการก่อเหตุเนื่องมาจากเรื่องของความขัดแย้งในเรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย การกระทำของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หรือในบางครั้งเป็นการแก้แค้นในเรื่องส่วนตัว เลยมีการก่อเหตุแล้วโยนให้เป็นปัญหาของความมั่นคง
ชีวิตคุณตาเกลื้อม ขวัญเพชร หลังเหตุคาร์บอมบ์บ่อนชนไก่นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานีเหมือนโดนกลั่นแกล้งให้คุณตาเกลื้อม ขวัญเพชร ในวัยชราที่ต้องมาสูญเสียลูกสาวซึ่งเป็นกำลังหลักของครอบครัวไป วินาทีหลังเกิดเหตุกับภาพคุณตานุ่งโสร่งผืนเก่าๆ ทันทีที่ได้ทราบข่าวไม่ทันได้สวมใส่เสื้อรีบมาที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นสภาพศพลูกสาวที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุแทบขาดใจ ภาพของผู้เป็นพ่อนั่งร่ำไห้ใกล้ศพสะท้อนถึงความรู้สึกของผู้ที่สูญเสียสมาชิกในครอบครัวอย่างไม่มีวันกลับ ผู้คนในพื้นที่ต่างรู้ดีว่าครอบครัวนี้เป็นครอบครัวยากจนหาเช้ากินค่ำ ทำมาหาเลี้ยงชีพอย่างสุจริต พอมีพอกินอยู่อย่างพอเพียงตามประสา สภาพบ้านของคุณตาเกลื้อม ขวัญเพชร เป็นบ้านแบบกระท่อมปลายนา เลขที่ 182/1 ม.1 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ปลูกผักในพื้นที่ข้างๆ กระท่อม เพื่อเอาไปขายจุนเจือครอบครัว คุณตาถีบสามล้อปั่นหาเลี้ยงครอบครัวพอประทั่งชีวิตได้บ้างไม่ได้บ้าง ภาระต่างๆ จึงตกอยู่กับ ลูกสาวผู้เป็นกำลังหลักของครอบครัว คือนางกฤษณา ขวัญเพชร ต้องทำมาค้าขายหาเลี้ยงสมาชิกในครอบครัว แต่ต้องมาจบชีวิตลงด้วยเหตุการณ์ความไม่สงบด้วยการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง นอกจากนี้คุณตายังมีเหลนคือ ด.ญ.เยาวดี ขวัญเพชร อายุ 12 ปี โดนสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะ ฝังเข้าไปทำให้บาดเจ็บสาหัส ตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลศูนย์ยะลา หลังจากพิธีงานบำเพ็ญกุศลศพนางกฤษณา ขวัญเพชร ชีวิตครอบครัวของคุณตาเกลื้อม และภรรยา รวมทั้งเหลน ที่ยังนอนพักรักษาตัวอยู่ จะดำเนินชีวิตต่อไปเช่นไรบนพื้นที่ความขัดแย้งเช่นนี้ กับการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรงเพียงมุ่งหวังสร้างสถานการณ์โดยไม่คำนึงถึงผู้บริสุทธิ์
นี่เป็นเพียงครอบครัวๆ หนึ่งที่ได้รับผลกระทบและต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป หลายชีวิตต้องสังเวยต่อการกระทำที่ขาดความยั้งคิดของคนบางกลุ่ม อีกหลายชีวิตต้องพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แล้วใครล่ะคือผู้เดือดร้อนตัวจริงถ้าไม่ใช่ประชาชนเยี่ยงเรา หยุดเถอะอย่าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์อีกเลย ทุกชีวิต ทุกครอบครัวต่างหวงแหนไม่อยากให้เกิดเหตุร้ายกับตนเองและคนรอบข้าง หากเกิดกับครอบครัวผู้ก่อเหตุบ้างล่ะจะคิดเช่นไร ถามไปคงจะไร้คำตอบ ความรู้สึกคงจะเหมือนๆ กัน...
ทุกชีวิตที่ยังคงดำเนินอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ยังคงอยู่กับความเสี่ยงไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตนเองวันไหนเพราะพวกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ไม่ได้เลือกสถานที่ กลุ่มเป้าหมายในการก่อเหตุ ความเดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุดเพราะการกระทำของกลุ่มมุสลิมสุดโต่ง ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้มีการก่อเหตุแต่กลุ่มโจรใต้พยายามหาช่องว่างในการก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนไม่เว้นแม้เดือนรอมฎอน เดือนแห่งบุญของการทำความดีของพี่น้องมุสลิมสุดท้ายชีวิตบนความเสี่ยงตกอยู่ที่ประชาชนชาวปาตานี ต้องประคองชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัยกว่าแสงสว่างแห่งสันติภาพจะกลับมาสู่กระบวนการพูดคุยบนเวทีระหว่างคู่ขัดแย้งรัฐไทยกับขบวนการ BRN มีแนวทางที่ชัดเจนต่อไป
***********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น