วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

แฉสันดานประเทศเพื่อนบ้านกับการช่วยเหลือโจรใต้...




โดย : ตอบโจทย์โจรใต้ BRN
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1647679035496254&id=100007625204452&from_close_friend=1&_rdr

        เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 58 เวลาประมาณ 22.30 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน หน่วยตำรวจตระเวนชายแดน กองพันที่ 7 (BN 7 PGA) ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้านเรือน เลขที่ PT1954 ชุมชน ฮากิมี กำปง กูวาล ตีงี และ กูวาล ซีตุ ต.รันเตาปันยัง อ.ปาเสมัส รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย
ซึ่งจากการตรวจค้น พบ นาย อัสรี บิน กามารูดดินกับเพื่อน และเจ้าหน้าที่ตรวจยังพบของกลาง จำนวนหลายรายการ คือ
  • 1. อาวุธปืนพกสั้น แบบออโตเมติก ยี่ห้อ เบแตต้า สีดำ หมายเลข PX 99206 จำนวน 1 กระบอก 
  • 2. อาวุธปืนพกสั้น รีวอลโว่ ขนาด .22 สี สแตนเลต จำนวน 1 กระบอก 
  • 3. เครื่องกระสุนปืน หลากหลายขนาด จำนวน 103 นัด 
  • 4. ปลอกกระสุนปืน จำนวน 13 ปลอก 
  • 5. เครื่องยิงธนู ( หน้าไม้ ) สีดำ จำนวน 1 อัน 
  • 6. ลูกธนู จำนวน 6 อัน 
  • 7. มีดพก จำนวน 1 เล่ม
        แต่ที่น่าสนใจสำหรับเราชาวไทย คือ ผู้ต้องหาคนหนึ่ง ที่ชื่อ นายอัสรี บิน กามารูดิน ตามบัตรประชาชนของมาเลเซียนั้น แท้จริง คือ นายมูฮำหมัด นาพี (หมายเลข ปชช. 3-9698-00203-09-1 ) อายุ 32 ปี ที่อยู่ 6 ซ.12 ถ.ทรายทอง 1 ต/อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่ม ผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการใน พื้นที่ อ.สุไหงโกลก ฯ ที่ได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย

        ถึงแม้จะเป็นที่น่ายินดีสำหรับเราชาวไทยที่ทางการมาเลเซียไม่ได้นิ่งดูดายปล่อยให้คนที่มีความคิดหัวรุนแรง นอกศาสนาได้ลอยนวลอยู่เฉยๆ แต่ก็เป็นที่น่ากังขาว่า คนเหล่านี้สามารถมีบัตรประชาชนสองสัญชาติได้อย่างไร

       และทางการมาเลเซียจะดำเนินการเฉพาะพวกที่มีพิษมีภัยต่อประเทศตัวเองเท่านั้นหรือ ในขณะที่มีคนประเภทนี้อีกหลายคนที่มีพฤติกรรมอันโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ ที่ยังพักพิงอยู่ในฝังมาเลเซียรอฉวยโอกาส ข้ามแดนมาก่อเหตุอย่างทารุณโหดเหี้ยมไร้มนุษย์ธรรม แล้วก็ข้ามแดนกลับไปใช้ชีวิตปกติเป็นพลเมืองธรรมดาของมาเลเซีย? 

        หรือนี่จะเป็นแค่เรื่องผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวกันระหว่างกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ฝั่งมาเลเซีย กับ นาย อัสรี บิน กามารูดดิน หรือ นายมูฮำหมัด นาพี กันแน่ จนเป็นเหตุให้เขาถูกจับในครั้งนี้ ทั้ง ๆ ที่คนที่รู้จักนายมูฮำหมัด นาพีต่างทราบดีว่า นายมูฮำหมัด นาพี นั้นได้เปิดร้านอาหารตั้งอยู่ที่ตลาดรันเตาปันยัง อ.ปาเสมัส รัฐกลันตัน มาเลเซีย ชื่อร้านสือรี เบนยิ่ง อยู่ใกล้กับมัสยิดทรงจีน มาเป็นระยะเวลานานแล้ว โดยทางการมาเลเซียไม่เคยใส่ใจเลย แต่มาวันนี้กลับถูกจับกุม

         สิ่งน่าสนใจในเหตุการณ์ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ การที่คนไทยคนนึงสามารถข้ามไปจดทะเบียนเป็นประชาชนมาเลเซียได้นั้น ต้องมีคนอื่นช่วยเหลือหรือไม่? ดูชื่อมาเลเซียของนายมูฮาหมัด นาพี คือ นาย อัสรี บิน กามารูดดิน หากใครรู้วิธีการตั้งชื่อของชาวมาเลเซียก็จะทราบดีว่า ชื่อของชาวมาเลเซีย จะเป็นชื่อตัว ตามด้วยคำว่า "บิน" และตามด้วยชื่อพ่อของตน ดังนั้นหากดูตามชื่อนี้แล้ว ชื่อมาเลเซียของนายมูฮัมหมัด นาพี มีชื่อพ่อก็คือ นาย กามารุดดิน นั้นเอง

          หากติดตามข่าวสารของ สาม จชต.อย่างต่อเนื่องก็จะทราบว่า ชื่อ กามารุดดิน นั้นสำคัญอย่างไร ล่าสุดมีองค์กร นอกกฏหมาย ที่เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มหัวรุนแรง ได้ออกมาต่อรองกับรัฐบาลไทย นั้นก็คือ กลุ่ม MARA PATANI ซึ่งหนึ่งในผู้นำของกลุ่มนี้ก็คือ ดร.กามารุดดิน บิน ฮานาฟี แกนนำ BIPP 

        ดังนั้นคนที่ถูกจับในคดีข้างต้นย่อมเกี่ยวข้องกับ ดร.กามารุดดิน อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะด้วยเป็นญาติกันจริงๆหรือด้วยการช่วยเหลือเพื่อให้ได้สิทธิเป็นชาวมาเลเซียนั้นเอง และคิดหรือว่าเพียง ดร.กามารุดดิน คนเดียวจะให้สิทธินี้ต่อ นายมูฮำหมัด นาพีได้ หากไม่มี จนท. มาเลเซียให้การสนับสนุนอยู่ในมุมมืด?

      ส่วนความเป็นหัวรุนแรงของมาราปาตานีนั้นคงไม่ต้องสงสัย ดูได้จากแถลงการณ์ล่าสุดของนายอับดุลการิม คาลิด ในนามของ BRN ใจความสำคัญก็คือ "จะก่อเหตุรุนแรงต่อไปจนกว่าจะได้รับเอกราชนั้นเอง" และอย่างไม่ต้องสงสัยว่าคลิบนี้จะบันทึกจากที่ไหนถ้าไม่ใช่ประเทศมาเลเซียเพื่อนบ้านของเรา 

       จริง ๆ แล้วประชาคมอาเซียนหรือแม้แต่ประชาคมโลกควรจะตั้งคำถามกับมาเลเซ๊ยได้แล้วว่า เหตุใดจึงอนุญาตให้คนร้ายที่ประกาศข่มขู่ความมั่นคงของประเทศอื่นมาอยู่อาศัยในประเทศของตนได้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว หรือนี้คือ "ยุทธศาสตร์" ในการได้มาซึ่งความได้เปรียบในภูมิภาคของประเทศมาเลเซีย ซึ่งคาดว่าทางหน่วยงานความมั่นคงของไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างรู้สันดานนี้ของมาเลเซียมานานแล้ว เพราะต่างก็ได้รับผลกระทบจากยุทธศาสตร์นี้ของมาเลเซียกันมาแล้วทั้งสิ้น

          ขอให้เราช่วยกันจับตาดูคดีนี้กันให้ดีดี ว่ามันจะเงียบไปเฉยๆเหมือนคดีอื่นๆ ที่เกิดกับกลุ่มหัวรุนแรงในไทยที่ไปอาศัยอยู่ในมาเลเซียหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา เมื่อคนพวกนี้ถูกจับก็จะมี จนท.ของมาเลเซียที่ดูแลคนเหล่านี้ เข้าไปเคลียร์กับกลุ่มอิทธิพลให้ทุกครั้ง จนคดีเงียบหายไป และนี้ก็คงเป็นอีกหนึ่งคดีที่จะเงียบหายไปในสายลม และนายมูฮำหมัด นาพี ก็คงจะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติในอีกไม่นาน ถึงแม้ว่าเขาจะเคยทำร้ายหรือฆ่าคนไทยมากี่แล้วก็ตาม นี่หรือสันดานของประเทศที่เรียกตัวเองว่า "ประธานอาเซียน"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม