Narater2009

วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ยึดเพียบ!! อุปกรณ์ประกอบระเบิด หลังผู้ต้องสงสัยยอมรับสารภาพ



Posted on 05/10/2017 by admin


เมื่อวันที่ 03 ต.ค.60 เวลา 10.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ยะรังร่ วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ทพ.22 ฉก.ทพ.23 หน่วยซักถาม ขกท.สน.จชต ชปข.1หน่วยแยก ขทก.พล.ร 15 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จ.ปัตตานี ชุดสืบสวนคดีความมั่นคง ลงพื้นที่ตรวจสอบและคุมผู้ต้องสงสัยตรวจสอบวัตถุสงสัยที่อาจนำมาสู้การก่อเหตุในพื้นที่ ซึ่งได้ร่วมกันตรวจยึดอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดหลายรายการประกอบด้วย

  • 1.แกลลอนขนาด 5 ลิตร สีแดง ภายในบรรจุเหล็กเส้นตัดท่อนคละขนาด จำนวน 1 แกลลอน
  • 2.แกลลอนขนาด 6 ลิตร สีเหลือง ภายในบรรจุเหล็กเส้นตัดท่อนคละขนาด จำนวน 1 แกลลอน
  • 3.แกลลอนขนาด 6 ลิตร สีเหลือง ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
  • 4.แกลลอนขนาด 6 ลิตร สีเหลือง ฝาสีดำภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
  • 5.แกลลอนขนาด 5 ลิตร สีเทา ฝาสีเทา ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
  • 6.แกลลอนสีขาวขุ่น ฝาสีทอง ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
  • 7.แกลลอนขนาด 40 ลิตร ฝาสีดำ ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
  • 8.แกลลอนสีขาวขุ่น ภายในบรรจุของเหลวขุ่น ขนาด 10 ลิตร จำนวน 1 แกลลอน



           สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ต.ค 60 จนท .ได้ควบคุมตัวนายสุกรีมัน โต๊ะรายอ (1-9803-00101-71-3) ที่อยู่ 124 ม.1 ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จว.ปัตตานี ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยร่วมก่อเหตุในพื้นที่ยะรัง-แม่ลาน จ.ปัตตานี ผลการดำเนินกรรมวิธี ซักถาม ที่ฉก.ทพ.43 ให้การรับสารภาพว่าเป็นสมาชิกก่อเหตุรุนแรง ฝ่ายโรจิสติก ทำหน้าที่จัดเก็บ อุปกรณ์ในการก่อเหตุ และ ให้การยอมรับว่าได้จัดเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุในพื่นที่ ม.2 ต.คลองใหม่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี

           ล่าสุดวันที่ 3 ต.ค. 2560 นายสุกรีมัน โต๊ะรายอ ได้สมัครใจ นำเจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดตามบัญชีข้างต้น มาชี้สถานที่จัดเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ ผลการตรวจสอบปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ได้พบอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิด จำนวนหลายรายการ จึงทำการตรวจยึดส่ง พงส.สภ.ยะรัง เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป.


เขียนโดย Narater2001 ที่ 05:31 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

ตรวจยึดอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดหลายรายการ


           วันที่ 3 ต.ค.60 เวลา 10:40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรยะรัง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ทพ.22 ฉก.ทพ.23 หน่วยซักถาม ขกท.สน.จชต ชปข.1หน่วยแยก ขทก.พล.ร 15 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ปัตตานี ชุดสืบสวนคดีความมั่นคง ได้ร่วมกันตรวจยึดอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดหลายรายการ

  • 1.แกลลอนขนาด 5 ลิตร สีแดง ภายในบรรจุเหล็กเส้นตัดท่อนคละขนาด จำนวน 1 แกลลอน
  • 2.แกลลอนขนาด 6 ลิตร สีเหลือง ภายในบรรจุเหล็กเส้นตัดท่อนคละขนาด จำนวน 1 แกลลอน
  • 3.แกลลอนขนาด 6 ลิตร สีเหลือง ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
  • 4.แกลลอนขนาด 6 ลิตร สีเหลือง ฝาสีดำภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
  • 5.แกลลอนขนาด 5 ลิตร สีเทา ฝาสีเทา ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
  • 6.แกลลอนสีขาวขุ่น ฝาสีทอง ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
  • 7.แกลลอนขนาด 40 ลิตร ฝาสีดำ ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย จำนวน 1 แกลลอน
  • 8.แกลลอนสีขาวขุ่น ภายในบรรจุของเหลวขุ่น ขนาด 10 ลิตร จำนวน 1 แกลลอน


            พฤติการณ์ในการตรวจยึด สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2ต.ค 60 จนท .ได้ควบคุมตัวนายสุกรีมัน โต๊ะรายอ ที่อยู่ 124 ม.1 ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จว.ปัตตานี ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยร่วมก่อเหตุในพื้นที่ยะรัง-แม่ลาน จ.ปัตตานี ผลการดำเนินกรรมวิธี ซักถาม ที่ฉก.ทพ.43 ให้การรับสารภาพว่าเป็นสมาชิกก่อเหตุรุนแรง ฝ่ายโรจิสติก ทำหน้าที่จัดเก็บ อุปกรณ์ในการก่อเหตุ และ ให้การยอมรับว่าได้จัดเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุในพื่นที่ ม.2 ต.คลองใหม่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 


           วันนี้ 3 ต.ค. 2560 นายสุกรีมัน โต๊ะรายอ ได้สมัครใจ นำเจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดตามบัญชีข้างต้น มาชี้สถานที่จัดเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ ผลการตรวจสอบปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ได้พบอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิด จำนวนหลายรายการ จึงทำการตรวจยึดส่ง พงส.สภ.ยะรัง เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
เขียนโดย Narater2001 ที่ 04:58 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560

แค่คนดูต้นทาง ปล่อยมันเหอะครับ แด๋วผมพามันไปดูปลายทางเอง


แนวร่วมรับสารภาพ เป็นคนดูต้นทางเหตุระเบิดทหารพรานพลีชีพ 4 นายที่สายบุรี

โดย : "Ibrahim"

        กรณีเหตุการณ์ คนร้ายลอบวางระเบิด ชป.ร้อย.ทพ.4412 ฉก.ทพ.44 ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 4 นาย ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ที่บ้านตะบิ้ง หมู่ 1 ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา


         การก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายได้ลอบวางระเบิดไว้บริเวณข้างทาง ซึ่งเป็นถนนช่วงปรับปรุงก่อสร้างเส้นทางในห้วงกลางคืน เพื่อดักลอบสังหารเจ้าหน้าที่ที่ลาดตระเวนเส้นทางอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ทหารพราน ชป.ร้อย.ทพ.4412 ฉก.ทพ.44 ได้ลาดตระเวนปฏิบัติหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายซึ่งได้ซุ่มอยู่บริเวณดังกล่าวทำการจุดชนวนระเบิดซึ่งมีน้ำหนักบรรจุไม่ต่ำกว่า 50 กิโลกรัม แรงระเบิดได้ถูกรถกระบะของเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับความเสียหายขาดกลางช่วงกระบะ กระเด็นเสียหายอย่างหนักเจ้าหน้าที่กระเด็นตกไปคนละทิศทาง เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหลังกระบะ ถูกสะเก็ดระเบิด เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ




              ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายมะยูโซะ มะยะเด็ง ผู้ต้องสงสัยไปทำแผนจุดลอบวางระเบิด และได้ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนดูต้นทาง ในการลอบวางระเบิดจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 6 นาย กองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองกว่า 500 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์ อาวุธปืนครบมือ ยังคงกระจายกำลัง ปิดล้อมหมู่บ้าน ในหลายตำบล เป็นวันที่ 3 ตามที่แหล่งข่าวแจ้งว่ามีกลุ่มผู้ต้องสงสัยเคลื่อนไหวอยู่ทั้งก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ


         เป็นที่น่าสังเกตคนผู้ต้องสงสัยที่ทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หากหลักฐานไม่เพียงพอที่จะมัดตัวเอาผิด จะไม่มีการยอมรับสารภาพ ซึ่งในเรื่องของข้อกฎหมายจะมีองค์กรขาประจำของ ผกร. เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของกลุ่ม ผกร. ซึ่งจะคอยให้คำแนะนำในเรื่องของคำให้การกับเจ้าหน้าที่เพื่อเขียนสำนวนฟ้องร้องต่อศาล ให้การแบบไหนจะพ้นผิดหรือได้รับโทษทัณฑ์ที่ไม่หนักหนา และมีการบอกผ่านต่อๆ กันจนกลายเป็น “วาทกรรม” ที่คุ้นชินและคุ้นหูอยู่บ่อยๆ กับคำว่า “คนดูต้นทาง” “คนชี้เป้า”“คนให้ที่พักพิง”“คนส่งเสบียง”“คนเก็บอาวุธ” หรือแม้แต่เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์รับ-ส่ง คนร้ายทำการก่อเหตุ


          ไม่เคยมีสักครั้งที่คนร้ายปากแข็งเหล่านี้จะยืดอกรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุโดยตรง นอกจากว่าจนด้วยหลักฐานที่เจ้าหน้าที่นำมาชี้ชัดว่าเป็น“ผู้กระทำความผิด” นี่คืออีกสันดานหนึ่งของเหล่าโจรใต้ที่ทำการก่อเหตุฆ่าคนแล้วไม่บาปอีกทั้งยังได้บุญ


         ล่าสุดโฆษกโจรใต้ประกาศผ่านสื่อออนไลน์จะไม่หยุดเหตุความรุนแรง ขอให้ ปชช.เสียสละชีวิตและทรัพย์สินเพื่อให้กลุ่มผลประโยชน์ ผกร. ได้ใช้เป็นข้ออ้างในการเดินหน้าเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์รายวันต่อไปด้วยการลอบวางระเบิดลอบยิง พี่น้องประชาชนทั้งไทยพุทธมุสลิม ในพื้นที่ซึ่งคงต้องรับชะตากรรมต่อไป แล้วเวลานี้พี่น้องคนไทยยังสูญเสียไม่พออีกหรือ จะยอมก้มหน้ารับชะตากรรมโดยไม่สู้ใช่ไหม? เราจะปล่อยให้เหล่าอาชญากรนอกศาสนา คนเนรคุณแผ่นดินไทย มันลอยหน้าลอยตาประกาศจะฆ่าเราอยู่ต่อไปอีกหรือไร?...

--------------------------
เขียนโดย Narater2001 ที่ 03:54 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงความคืบหน้า กรณีคนร้ายลอบวางระเบิด ทหารพรานชุด รปภ.ครู เมื่อ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา




             วันนี้ 29 กันยายน 2560 เวลา 1000 ณ มณฑลทหารบกที่ 46 ค่ายอิงคยุธบริหาร พลตรี จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี, พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าจากกรณีเหตุการณ์ เมื่อ 22 กันยายน ที่ผ่านมา คนร้ายลอบวางระเบิด เจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4412 ชุดรักษาความปลอดภัยครู โรงเรียนตะบิ้ง ม.๑ ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จังหวัดปัตตานี บริเวณถนนสาย 42 (เก่า) ระหว่าง บ้านเจาะกือแย หมู่3 – บ้านตะบิ้ง หมู่ 1 ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างสะพานท่อระบายน้ำ เป็นเหตุให้ เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต รวม 4 นาย บาดเจ็บ 5 นาย และราษฎรได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย



            จากการปฏิบัติในช่วงที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามควบคุมตัวผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 1 รายพร้อมทั้งได้เชิญตัวไปดำเนินกรรมวิธีซักถาม ขยายผล ผู้ต้องหารายนี้ได้ให้การยอมรับสารภาพว่าตนเองอยู่ในกลุ่มขบวนการ เมื่อปี 2554 ผ่านการชักชวนจาก/สาบานตน(ซูมเปาะห์)จาก นายยารานิง แตมามุ สมาชิกกลุ่ม ผกร.คนสำคัญ ผ่านการฝึกทางยุทธวิธี (ขั้นปอเนาะ) และให้การยอมรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิด ในครั้งนี้จริง โดยมีนายยาการียา บาโง เป็นผู้สั่งการให้ตนและพวกเข้าร่วมประชุมก่อนเกิดเหตุการณ์ประมาณ 1 สัปดาห์ โดยมีการแบ่งหน้าที่ในการก่อเหตุ โดย นายยาการียา บาโง/โต๊ะนิ ทำหน้าที่ สั่งการนายสุไลมาน ดอเลาะ/เละ ทำหน้าที่ ดูต้นทาง/รับระเบิด นายอายมาน กูโน/มัง/กูโน ทำหน้าที่ กดระเบิด/รับระเบิด นายแพนดี หะยีวาเตะ/มัง ดูต้นทางและร่วมกดระเบิด และนายมารวาน มีทอ/มิง ทำหน้าที่ ต้นทางและร่วมกดระเบิด




          ต่อมาเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2560 พนักงานสอบสวน ภ.จว.ป.น. ได้เดินทางมาสอบสวนและบันทึกความยินยอมรับสารภาพ ณ หน่วยซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน 43 พร้อมนำตัวผู้ต้องหาได้นำไปชี้จุดประกอบการสารภาพ จำนวน 3 จุด ประกอบด้วย จุดที่มีการประชุมวางแผนในพื้นที่ ม.4 ตำบลกะดุนง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี จุดที่ตนเองดูต้นทางความเคลื่อนไหว เจ้าหน้าในวันเกิดเหตุ และ จุดที่ นายสุไลมาน ดอเลาะ/เละ ใช้เป็นจุดดูต้นทางความเคลื่อนไหว เจ้าหน้าที่ในวันเกิดเหตุ



          อย่างไรก็ตาม พลตรี จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ระบุว่า เหตุการณ์ลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน เมื่อ 22 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นการกระทำของ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่มีเป้าหมาย ในการข่มขู่สร้างอิทธิพล เพื่อเรียกรับผลประโยชน์เก็บค่าคุ้มครองจากประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำ ไปยังประชาชนและผู้ประกอบการ ที่ถูกเรียกค่าคุ้มครอง ขอให้แจ้งข้อมูลดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่ได้ตลอดเวลา เพื่อจะได้นำผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เขียนโดย Narater2001 ที่ 02:52 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2560

แผนชั่ว!!“ทำลายเสาหินในกุโบร์”ที่รูสะมิแล



"แบดิง โกตาบารู"


            จากกรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้นอีกทั้งยังเป็นการทำลายความรู้สึกของพี่น้องมุสลิม เมื่อชายคนหนึ่งได้เข้าไปทำลายเสาหินในกุโบร์ที่หมู่บ้านรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เหตุการณ์ครั้งนี้ได้มีการกล่าวอ้างชาวบ้านเห็นผู้ก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหารแล้วเข้าไปทำลายเสาหินในกุโบร์จนได้รับความเสียหายดังกล่าว


          ในเวลาต่อมาในสื่อสังคมออนไลน์ และแอพลิเคชั่น Line ได้มีกดแชร์ส่งต่อกันเป็นวงกว้าง เกิดกระแสวิพากวิจารณ์ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมุ่งเป้าโจมตีว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารเนื่องจากมีผู้เห็นเหตุการณ์ ชี้เป็นการดูหมิ่นศาสนาอิสลาม และไม่ให้เกียรติต่อดวงวิญญาณบรรพชน




         เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของความรู้สึก เป็นเส้นบางๆ ที่ส่งผลกระทบนำมาสู่ความบาดหมางและความขัดแย้งในเรื่องศาสนา หลายต่อหลายครั้งที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีพยายามสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ และเกิดการเข้าใจผิดด้วยการแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นพฤติกรรมเดิมๆ ที่พยายามทำมาโดยตลอด


         ข้อสังเกต
 
  • ทำไม? ชาวบ้านที่มีการกล่าวอ้างเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงไม่แจ้งตำรวจให้ดำเนินการจับกุม หรือแจ้งคนในชุมชนมาห้ามปรามให้หยุดการกระทำดังกล่าวเสีย หรือเป็นเพียงการจัดฉากอ้างตัวละครกับความพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นตามแผนชั่ว!!

         พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ให้ความสำคัญต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้กรุณาสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารทุกหน่วยเร่งสร้างความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชนผ่านผู้นำศาสนาและอิหม่ามในทุกมัสยิด และเร่งให้เจ้าหน้าที่ติดตามผู้ก่อเหตุมาลงโทษโดยเร็วที่สุด จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าไปหลงเชื่อแผนการชั่วร้ายดังกล่าว


         ทั้งนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาลไทยให้ความสำคัญ และส่งเสริมสนับสนุนทุกศาสนาอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ริดรอนสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา หรือกีดกันความคิดความเชื่อของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ที่มีความหลากหลายวัฒนธรรม รัฐบาลได้สนับสนุนการประกอบศาสนกิจของศาสนิกชนจนเป็นที่ประจักษ์


        สุดท้ายขอให้ประชาชนได้ช่วยกันสอดส่องดูแลชุมชนของตนเอง และรู้จักเสพข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน จะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีอีกต่อไป
เขียนโดย Narater2001 ที่ 09:10 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

กลยุทธ์!! ขบวนการยาเสพติด เกี่ยวโยงกับเยาวชน เหตุความรุนแรงอย่างไร?





        ยาเสพติด...นับว่าเป็นปัญหาหนึ่ง จากหลายๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ภาครัฐจะมีนโยบาย มาตรการ และการปฏิบัติในการตรวจจับอย่างเข้มงวด แต่ปัญหายาเสพติดก็ยังดำรงอยู่อย่างเหนียวแน่น ซึ่งในบางพื้นที่ยังคงปรากฏสถานการณ์รุนแรง แม้ข้อมูลความเกี่ยวพันโดยตรงอย่างเป็นรูปธรรมระหว่างกลุ่มผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติด กับกลุ่มขบวนการจะยังไม่ชัดเจน แต่ก็สามารถจะสรุปในขั้นต้นได้ว่า ปัญหายาเสพติดเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวพันกันกับสถานการณ์ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นทางตรงและทางอ้อม


         การค้าและการจับกุมยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่ามีการจับกุมทั้งในจังหวัดนราธิวาส ยะลา และปัตตานี ตามลำดับ โดยอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส มีการจับกุมคดีค้าและเป็นภูมิลำเนาของนักค้าที่ถูกจับกุมนอกพื้นที่สูงสุด การลำเลียงยาเสพติดทั้งกัญชา ยาบ้า ใบกระท่อม ส่วนใหญ่ จะมาจากทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และบางส่วนเล็ดลอดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยวิธีการนำรถยนต์ที่มีช่องลับซุกซ่อนยาเสพติดขับไปรับ หรือซุกซ่อนมากับสินค้าเกษตร หรือแลกเปลี่ยนรถยนต์โดยซื้อรถจากนราธิวาสหรือพื้นที่ใกล้เคียงไปแลกกับรถของนักค้าที่ซุกซ่อนยาเสพติดไว้ และทำโอนลอยกัน ทั้งยังเป็นพื้นที่พักและกระจายยาเสพติดไปยังจังหวัดอื่นในภาคใต้ 


            มีกลุ่มผู้ค้าทั้งใหม่และเก่า กลุ่มผู้ค้าสำคัญมักมีเจ้าหน้าที่รัฐและนักค้ายาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยจะเก็บซุกซ่อนยาเสพติดไว้ตามบ้านเช่า ป่าละเมาะแนวชายแดน และบ้านญาติในประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยเหตุสถานการณ์ความรุนแรงทำให้เจ้าหน้าที่รัฐ จำเป็นต้องลำดับความเร่งด่วนในการป้องกันเหตุความรุนแรง ส่งผลให้การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่เกิดช่องว่าง ในส่วนของจังหวัดยะลา มีกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ส่วนรายย่อยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และมีความเกี่ยวข้องกับนักค้ายาเสพติดในจังหวัดนราธิวาสและสงขลา และที่จังหวัดปัตตานี ส่วนใหญ่เป็นรายย่อยเกี่ยวข้องกับนักค้ายาเสพติดจากจังหวัดนราธิวาสและยะลา พบการแพร่ระบาดในพื้นที่ประกอบอาชีพประมงที่มีแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีพฤติการณ์ร่วมกับนักค้ายาเสพติดในพื้นที่


          การแพร่ระบาดของยาเสพติด จำนวนผู้เสพยาเสพติดให้โทษในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประมาณ 20,000 -30,000 คน ที่ผ่านมาพื้นที่ที่มีการจับกุมคดีเสพสูงสุด 3 อันดับแรก คือ อำเภอเมืองนราธิวาส สุไหงโก-ลก และเมืองปัตตานี กลุ่มผู้ใช้ยา ได้แก่ กลุ่มแรงงานทางการเกษตร รับจ้าง ประมง ว่างงาน นักเรียนนักศึกษา วัยรุ่น และที่สำคัญแนวโน้มผู้เข้ารับการบำบัดรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น มีอัตราส่วนมากกว่าร้อยละ 70 ในแต่ละปี และเกือบครึ่งเป็นผู้ติดยาบ้า กัญชา และเฮโรอีน กลุ่มอายุของผู้เข้ารับการบำบัดสูงสุด คือ 20-25 ปี 15-19 ปี และ 25-29 ปี กลุ่มผู้เข้ารับบำบัดสูงสุดคือ กรรมกร ว่างงาน และนักเรียน และที่น่าเป็นห่วงโดยผู้เสพที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น


         หากเราเฝ้าสังเกตและติดตามเรื่องราวของปัญหายาเสพติดในบ้านเราบรรดานักค้ายาเสพติดรายสำคัญๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลอื่นๆ ทั้งกลุ่มผู้ค้าของหนีภาษี การพนัน ค้ามนุษย์ ฯลฯ คนกลุ่มนี้บางส่วนคาดว่าเป็นแหล่งเงินทุนให้กับกลุ่มขบวนการผู้ก่อเหตุ สำหรับในด้านของกลุ่มผู้เสพ ซึ่งอายุอยู่ในช่วง 15-24 ปี เป็นเยาวชนว่างงาน ขาดการศึกษา ทางบ้านมีฐานะยากจน 

         ผู้หลงผิดบางส่วนถูกหลอกให้เชื่อในสิ่งที่ผิดตกเป็นเครื่องมือในการก่อเหตุ เยาวชนเหล่านี้จะ มีความเกลียดชังเจ้าหน้าที่และภาครัฐ พร้อมที่จะถูกชักจูงให้ก่อความปั่นป่วนในสังคมได้ตลอดเวลา เพื่อให้ภาครัฐเกิดความซับสนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 

         จากสถานการณ์และปัญหาที่เกิดจากยาเสพติดดังกล่าว ภาครัฐทั้งฝ่ายบ้านเมือง และฝ่ายความมั่นคง ได้ เฝ้าระวังทั้งในพื้นที่และตามแนวชายแดนระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางบกและทางน้ำเพื่อตัดวงจรของขบวนการขนส่งลำเลียงยาเสพติด การเฝ้าระวังป้องกันมิให้กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดเข้าไปสนับสนุน หรือเป็นน้ำเลี้ยงการก่อความไม่สงบทั้งทางตรงและทางอ้อม สร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้นกับประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยฝึกอบรมให้ความรู้ นำผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ทางศาลยุติธรรมตักสินแล้วโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนเข้ารับการอบรม สร้างการรับรู้ สู่การตัดสินใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่อต้านยาเสพติด และร่วมมือกับภาครัฐในการเฝ้าระวังให้ข่าวสาร เพื่อพัฒนาความร่วมมือไปสู่การแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป....
เขียนโดย Narater2001 ที่ 04:35 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560

เมาน้ำท่อม ตะโกนลั่น เอาล้ออั้วมา เอาล้ออั้วมา

             


         เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการสตูล กก.สส๓.บก.สส.ภ.๙ ได้รับแจ้งจากฝ่ายปกครอง เรื่อง รายงานข่าววัยรุ่นไลน์สดอ้างกลุ่ม สโตย ดารุสลามสตูล 


        โดยฝ่ายปกครองได้ติดตามสืบหากลุ่มชายจำนวน ๔ คนบันทึกภาพเคลื่อนไหวมีพฤติกรรมไปในทางยั่วยุปิดหน้าปิดตา มีอาวุธคล้ายปืน ขวานตามคลิปไลน์สดในเฟส ที่ใช้ชื่อ ซาน'น ลุ' ล๊ะ (ฮาซาน แอหลัง) ที่ได้แพร่ภาพสด เมื่อวันที่ ๑ก.ย.๒๕๖๐ เวลา ๑๖.๒๐น. 


         และเมื่อวันที่ ๓ ก.ย.๒๕๖๐ ได้สืบเสาะค้นหาเจ้าของชื่อเฟสดังกล่าวทราบว่าชื่ออาซาน บ้านอยู่บริเวณหลังมัสยิดบ้านเกาะยวน ม.๓ ต.ละงู จึงได้ไปบ้านดังกล่าว พบ นาย เจริญศักดิ์ แอหลัง หมายเลขบัตรปชช. ๓ ๙๑๐๕ ๐๐๓๒๒ ๙๖ ๘ เลขที่๔๔๑ หมู่ที่๓ ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล (บิดา ด.ช.อาซาน) ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการสอบถามข้อมูล ขณะนั่น ด.ช.อาซานไม่อยู่ที่บ้าน นายนายเจริญศักดิ์ฯ จึงได้โทรศัพท์ตามตัว ด.ช.อาซาน มาพบเจ้าหน้าืั้ จากการสอบถาม ด.ช. อาซาน แอหลัง หมายเลขบัตรปชช. ๑ ๙๑๙๙ ๐๐๓๒๙ ๗๘ ๓ เกิดวันที่ ๒ พ.ย.๒๕๔๕ บ้านเลขที่ ๔๔๑ หมู่ที่๓ ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล ต่อหน้าบิดา ยอมรับว่าเป็นชื่อเฟสของตนจริง และตนเป็นคนถ่ายภาพเคลื่อนไหวเอง บุคคลในภาพซึ่งมี ๔ คน ทราบชื่อเล่นชื่อ 
  • ๑. นาย ก๊อต 
  • ๒. นาย ซีกีร 
  • ๓. นาย ซัน 
  • ๔. นาย ซันวี 
            ภาพเคลื่อนไหวนี้ได้ถ่ายที่สวนปาล์มบ้านปลักมาลัย ม.๖ ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล ระหว่างสอบถาม ด.ช.อาซาน พ.ต.ท.เสกสิทธิ์  รอง ผกก.สส.ภ.จว.สตูล ด.ต.พรชัย พรหมสุวรรณผบ.หมู่ กก.๕ บก.ส.๑ เดินทางมาสอบถามข้อมูลเช่นกัน จึงให้นายเจริญศักดิ์ ฯพาด.ช.ไปชี้สถานที่ถ่ายทำวิดีโอตามที่ด.ช.อาซาน บอก 


            หลังจากดูสถานที่ถ่ายทำวิดีโอแล้ว จนท.ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดสตูล ติดตามสืบหาชื่อจริงของบุคคลทั้ง ๔ คน ตามที่ ด.ช.อาซาน กล่าวอ้าง คือ
  • ๑. นาย ก๊อต คือ นายสิทธิชัย โสลิกี  อายุ๒๐ ปี เลขที่ ๔๒/๔ ม.๒ ต.นาทอน อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล (ใส่โม่งสีดำปิดใบหน้า มือขวาถืออาวุธปีนปลอม ใส่เสื้อสีชมพู สพายกระเป๋าเฉียง) 
  • ๒.นาย ซีกีร คือนายฮารอ เกษม  อายุ ๒๓ ปี เลขที่๑๕๘ ม.๙ ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล (เสื้อสีเทา คลุมผ้าปิดใบหน้าสีครีม ยืนมุมหลังขวามือนายก๊อต)
  • ๓.นายซัน คือนายกิตติธัช หวันตาหลา ๒๓ปี เลขที่ ๒๐๖ ม.๓ ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล(ใส่เสื้อสีแดง มือขวาชูขวาน หมวกดำปิดใบหน้า)
  • ๔.นายซันวี ยังไม่พบชื่อจริง(ใส่เสื้อสีขาว ใส่หมวก ผ้าลายปิดใบหน้า)
            จากการปฏิบัติงานในการสืบหาสอบถามพฤติกรรมผู้เกี่ยวข้องแพร่ภาพสดในครั้งนี้พอสรุปได้ว่า มาจากสาเหตุมึนเมาน้ำพืชกระท่อม และไม่ได้เจตนาสร้างสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง หากมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลดังกล่าวหรือได้รับข้อมูลเพิ่มเติมและมีรายละเอียดมากกว่านี้ข้าพเจ้าจะรายงานมาให้ท่านทราบต่อไป
เขียนโดย Narater2001 ที่ 01:30 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ผู้ต้องหาปล้นรถทำคาร์บอมบ์ มอบตัวต่อแม่ทัพภาค 4




         วันที่ (25 ส.ค.) ที่วัดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ได้เดินทางมายังวัดนาทวี เพื่อรับมอบตัว นายอัตนันท์ สาอิ อายุ 36 ปี ที่อยู่หมู่ 6 ต.ปลักหนู อ.นาทวี จ.สงขลา หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร และตำรวจกดดันในการติดตามไล่ล่ามาหลายวัน จนกระทั่งต้องเข้าติดต่อกับ หลวงพ่อภัตร อริโย เจ้าอาวาสวัดนาทวี และเกจิดังภาคใต้ ฉายา “เทพสามตา”

        ซึ่งต่อมา หลวงพ่อภัตรฯ ได้นำตัว นายอัตนันท์ มามอบตัวต่อ พล.ท.ปิยวัฒน์ ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 4 จะได้รับตัวตามมาตรา 44 เพื่อส่งตัวไปยังศูนย์ซักถามของทหารพราน 41 ค่ายวังพญา อ.รามัน จ.ยะลา เพื่อดำเนินการต่อไป โดยในการรับมอบตัวครั้งนี้ มี พล.ท.ปิยวัฒน์ แม่ทัพภาคที่ 4 และนายสมศักดิ์ จันทรชู นายอำเภอนาทวี มาร่วมรับมอบตัวด้วย

ในเบื้องต้น นายอัตนันท์ ผู้ต้องหา ยังให้การปฏิเสธ แต่มีพยานชี้ตัวยืนยันชัดเจนว่าเป็นหนึ่งใน 7 คนร้ายที่ก่อเหตุปล้นเต็นท์รถยนต์ และเคยมีประวัติอยู่ในบัญชีกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่ในอดีตเป็นแกนนำรับผิดชอบเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ อ.นาทวี จ.สงขลา


ส่วนผู้ต้องอีก 5 คน คือ นายบูคอรี หลำโสะ อายุ 28 ปี และนายรอซารี หลำโสะ อายุ 26 ปี สองพี่น้องชาว อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา นายสุไลมาน สาเมาะ อายุ 35 ปี ชาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี นายซารีซานฮัมรี ดือราแม อายุ 35 ปี ชาว อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และนายอับดุลเลาะ มะแด อายุ 34 ปี ชาว อ.เมือง จ.ปัตตานี ยังคงหลบหนี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งใน จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี ได้ประสานข้อมูลทางการข่าวเพื่อหาเบาะแสติดตามจับกุม

http://www.southernreports.com/wp-content/uploads/2017/08/1260676.t.mp4
 
http://www.southernreports.com/wp-content/uploads/2017/08/1260678.t.mp4
http://www.southernreports.com/wp-content/uploads/2017/08/1260526.t.mp4
http://www.southernreports.com/wp-content/uploads/2017/08/1260622.t.mp4



http://www.southernreports.com/wp-content/uploads/2017/08/1260676.t.mp4  
http://www.southernreports.com/wp-content/uploads/2017/08/1260623.t.mp4


เขียนโดย Narater2001 ที่ 02:17 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

วันพุธที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2560

คลั่งไคล้อันกูละเบื่อกันนัก ดูตัวอย่าง ความอัปรีย์กันครับ

     


     ชาวอินโดนีเซีย 17 คนที่เข้าร่วมกับกลุ่มไอเอส ในเมืองรักกาทางภาคเหนือของซีเรีย ถูกส่งมอบตัวให้กับตัวแทนรัฐบาลอินโดนีเซีย และเดินทางออกจากซีเรียแล้ว


     สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ว่า กลุ่มชาวอินโดนีเซียทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ถูกส่งมอบตัวเมื่อวันอังคาร (8 ส.ค.) ที่ด่านข้ามเขตแดนซีเรีย-อิรัก โดยคนกลุ่มนี้ได้ร้องขอให้ส่งพวกเขากลับประเทศ นายลาลู มูฮัมหมัด อิกบัล ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองพลเมืองอินโดนีเซีย ในสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า มีการติดต่อประสานงานระหว่างทางการอินโดนีเซ๊ย กับหลายฝ่ายที่ควบคุมพื้นที่ต่างๆ ในซีเรีย รวมถึงกลุ่มชาวเคิร์ดซีเรียที่เกี่ยวพันกับการควบคุมตัวชาวอินโดนีเซียทั้ง 17 คน


    อิกบัลกล่าวอีกว่า เบื้องต้นทราบว่าชาวอินโดนีเซียกลุ่มนี้ ซึ่งรวมถึงเด็กวันยรุ่นหลายคน และเด็กเล็ก 3 คน ไม่ใช่นักรบ บางคนใช้เวลาส่วนใหญ่ในซีเรียอยุ่ในคุกของกลุ่มไอเอส หรือในสภาพโดดเดี่ยวอื่นๆ และหลบหนีออกจากเมืองรักกา ด้วยความช่วยเหลือของฝ่ายที่ 3 เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. แต่สถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่ซับซ้อนมาก ทำให้การส่งมอบตัวไม่สามารถทำได้ง่าย



    เมื่อเดือนที่แล้ว ทีมผู้สื่อข่าวของเอพีในเมืองรักกาได้พบปะกับชาวอินโดนีเซียทั้ง 17 คน และได้ทราบเรื่องราวการเดินทางของพวกเขา จากกรุงจาการ์ตาไปยังเมืองรักกาเมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยความปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอาศัยอยู่ในเมืองรักกา ที่กลุ่มไอเอสประกาศให้เป็นเมืองหลวงของรัฐทางศาสนาในอุดมคติ คนกลุ่มนี้กล่าวถึงความฝันของพวกเขาพังทลายลง จากการที่ได้เห็นความทารุณโหดร้ายของกลุ่มไอเอส และความแตกต่างระหว่างความเป็นจริงของชีวิตภายใต้การปกครองของไอเอส กับรัฐในฝันของชาวมุสลิมที่ไอเอสโฆษณาชวนเชื่อ.
   

เขียนโดย Narater2001 ที่ 05:17 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

‘ลุกมาน มะดิง’ หมดประโยชน์ถูกกำหนดให้ตาย...ใส่ร้ายเจ้าหน้าที่



โดย : "แบมะ ฟาตอนี"


           ความตาย “นายลุกมาน มะดิง” ผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับและเป็นที่ต้องการตัวอันดับต้นๆ ของเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ก่อเหตุรุนแรงคนนี้มีหมาย ป.วิอาญาติดตัวถึง 5 หมาย เคยก่อกรรมทำชั่วในพื้นที่มาแล้วอย่างโชกโชน.....


แต่กลับ “ถูกกำหนดให้ตาย” เมื่อไร้ประโยชน์ต่อขบวนการ


          นายลุกมาน มะดิง ได้ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตภายในบ้านญาติในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา หลังเกิดเหตุเมื่อกระแสข่าวการตายได้แพร่สะพัดออกไป กลับมีบุคคลบางกลุ่มพยายามปลุกกระแสใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ “กระทำเกินกว่าเหตุ” ตอกย้ำด้วยการเผยแพร่สภาพบ้านหลังเกิดเหตุได้รับความเสียหาย

         ผลจากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จนกระทั่งนำไปสู่ความสูญเสียเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่กระนั้นแล้วจากการฟังข่าวมาเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติการในครั้งนี้ มีการวางแผนอย่างรัดกุม เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เชิญผู้นำศาสนาในพื้นที่ทำการเกลี่ยกล่อมเพื่อให้นายลุกมานมอบตัวแต่ก็ไร้ผล..ย้อนกลับไปก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ให้โอกาส เดินทางไปพบกับครอบครัว นายลุกมาน ถึง 3 ครั้ง 3 ครา เพื่อให้คนใกล้ชิดช่วยพูดให้เข้ามอบตัวกับทางการแต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น


  • ความตาย นายลุกมาน มะดิง “ใคร? กำหนด” 
  • ใคร?.. คือผู้อยู่เบื้องหลังในการวางแผนทั้งหมด
  • ใคร? กำหนดพื้นที่สังหาร 
  • ใคร? ปล่อยกระแสข่าวใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ว่ากระทำการเกินควรหลังเกิดเหตุ

          ผู้เขียนได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากแหล่งข่าวในพื้นที่ให้ข้อมูลถึงที่มาของความตายนายลุกมาน มะดิง สาเหตุเกิดจากฝ่ายตรงข้ามได้ให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือกับเจ้าหน้าที่ต่อความเคลื่อนไหวของนายลุกมาน ที่มากบดานยังบ้านญาติ ซึ่งได้มีการกำหนดพื้นที่สังหารไว้แล้ว โดยยืมมือเจ้าหน้าที่กำจัด นายลุกมานฯ ต้องตาย “เนื่องจากหมดประโยชน์”


           น่าสงสัยกันมั๊ย!! อยู่ดีๆ มีการแจ้งความเคลื่อนไหว นายลุกมาน มะดิง มาหลบซ่อนพักพิงบ้านญาติในพื้นที่ ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ควานหาตัวแทบเป็นแทบตายแต่ไร้วี่แววความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด


           ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้นมานานนับสิบกว่าปี มีความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน และ มีความเชื่อมโยงกับปัญหาภัยแทรกซ้อนในพื้นที่ เป็นเรื่องของผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม และเป็นการยากที่จะปฏิเสธ ในการปฏิบัติของกลุ่มขบวนการ มีการตัดซอยแบ่งงานกันทำ หน้าที่ใครหน้าที่มัน เพื่อตัดตอนในการสืบสาวไปถึงตัวผู้บงการตัวจริง เช่นเดียวกับสมาชิกบางคนที่หมดประโยชน์จะมีการกำจัดทิ้งโดยยืมมือเจ้าหน้าที่รัฐ หลอกล่อให้เข้าทำการติดตามจับกุม ปล่อยข่าวมีอาวุธร้ายแรงอยู่ในมือ ผลลัพธ์อย่างที่เห็น 

“ความตายนายลุกมาน มะดิง”เป็นความตั้งใจของกลุ่มขบวนการ


          ขบวนการบีอาร์เอ็น กระทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างความชอบธรรมในการก่อเหตุ และรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตน “แสดงความมีตัวตน” ในการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ขณะเดียวกันทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐ กล่าวหามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน บิดเบือนประวัติศาสตร์ปัตตานี ความไม่ได้รับความเท่าเทียมในสังคม การบังคับใช้กฎหมายที่มีการเลือกปฏิบัติ เพื่อใส่ร้ายเจ้าหน้าที่สร้างความเกลียดชัง นำไปสู่ความแตกแยกในสังคม ทำลายการอยู่ร่วมพหุวัฒนธรรมของผู้คนในพื้นที่

          แท้จริงแล้วกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นเป็นกลุ่มที่ไร้อุดมการณ์ เป็นกลุ่มโจรที่มุ่งแสวงแต่เรื่องผลประโยชน์ เป็นนักรบหน้าตัวเมียมุดผ้าถุง หลบซ่อนตัวอยู่ในที่มืดไม่กล้าเปิดเผยตัว ที่สำคัญเป็นกลุ่มคนบาป “บิดเบือนได้แม้แต่ศาสนา” ฆ่าได้แม้ผู้นับถือศาสนาเดียวกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งเข่นฆ่ากันเองภายในองค์กร...

         ฝากไปยังผู้ที่หลงผิดทำงานรับใช้ให้กับกลุ่มขบวนการอยู่...ศพต่อไปอาจจะเป็นคุณ!! หากยังไม่หันหลังให้กับองค์กรชั่วองค์กรนี้..แล้วลูกเมียคุณจะอยู่กับใคร?
เขียนโดย Narater2001 ที่ 14:02 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

คนโง่อยู่ที่ปาก คนฉลาดอยู่ที่ใจ


คนโง่อยู่ที่ปาก คนฉลาดอยู่ที่ใจ “แม่ทัพภาค 4” เมินโจรใต้ขู่ตั้งค่าหัว 1 ล้าน



          คนโง่อยู่ที่ปาก คนฉลาดอยู่ที่ใจ “แม่ทัพภาค 4” เมินโจรใต้ขู่ตั้งค่าหัว 1 ล้าน ย้อนเอาเวลาไปขโมย “นกเขา-นกกรงหัวจุก” ได้มากกว่า


          เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Suding Su Patani ได้โพสต์ภาพของ พล.ท.ปิยวัฒน์ ลงบนเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา แล้วเขียนว่า “ประกาศตัดหัวให้ 1,000,000” ว่า ตนคิดว่าขบวนการพวกเขาน่าจะมีความระส่ำระส่าย ไม่สามารถควบคุมกันได้ ทั้งในแง่ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ด้านเศรษฐกิจ และมวลชน จึงหันมาโพสต์ข้อความแบบนี้ขึ้นมา ขณะเดียวกันเงิน 1 ล้านบาท ถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก สำหรับพวกขบวนการที่แอบอยู่ข้างบนภูเขา ตนจึงคิดว่าการที่โพสต์ประกาศค่าหัวตนนั้น เป็นเพียงการลดปมด้อยของพวกเขา ที่ไม่มีงาน ไม่มีอาชีพ อีกทั้งก็ไม่มีใครสนับสนุนเงินทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงภัยแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ก็ไม่ให้ความสนับสนุนเช่นกัน ดังนั้นเงิน 1 ล้านบาท จึงมีค่า และมีความหมายสำหรับพวกเขา


          พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าวต่อว่า ในความเป็นจริงประชาชนในพื้นที่ เขาปฏิเสธการใช้ความรุนแรง ซึ่งพวกเขามองว่าเงิน 1 ล้านบาท ไม่มีค่าสำหรับเขา เพราะว่าพี่น้องประชาชนมีอาชีพสุจริต มีรายได้ และมีงานทำกับโครงการของรัฐบาล จึงทำให้มีความมั่งคั่ง และยั่งยืน อาทิ มีโครงการเลี้ยงไก่เบตง เลี้ยงปลากือเลาะ และเลี้ยงกบภูเขา เป็นต้น ถือเป็นโครงการที่ดีในการสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ถ้าประชาชนตั้งใจประกอบอาชีพ ตนเชื่อว่า 1 ปีต้องมีรายได้มากกว่า 1 ล้านบาทแน่นอน


        “ผมคิดว่าคนโง่อยู่ที่ปาก คนฉลาดอยู่ที่ใจ ซึ่งคนที่เขียนเรื่องนี้มาบ่งบอกอยู่แล้วว่ามีความคิดอย่างไร เงิน 1 ล้านบาท ไม่ต้องมาทำอะไรผมหรอกครับ ไปขโมยนกเขา นกกรงหัวจุกเถอะ 2 ตัวก็ได้ 2 ล้านแล้ว ไม่ต้องเสี่ยงมาสังหารผม” พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าว

            เมื่อถามว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น จะเพิ่มมาตรรักษาความปลอดภัยให้ตนเองหรือไม่ แม่ทัพภาค 4 กล่าวว่า ทำงานตามปกติไม่มีอะไร ซึ่งเรื่องนี้ถ้ามองอีกมุมคิดว่าดีเสียอีกให้เขามาหาเรา เราจะได้ไม่ต้องไปหาเขา

         เมื่อถามต่อว่า แล้วเชื่อมโยงกับโครงการพาคนกลับบ้าน หรือไม่ พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับโครงการนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ เขาไม่ต้องการความรุนแรง แต่ต้องการความสงบ ซึ่งการนำโครงการต่างๆ ลงไปในพื้นที่ ทำให้เข้าถึงประชาชนในพื้นที่ได้ ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงการพัฒนา โดยใช้หลักมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

——————–
เขียนโดย Narater2001 ที่ 13:52 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

โจรใต้ฉวยโอกาส!! ดักซุ่มในป่ายิงจนท.บาดเจ็บสาหัส 1 นายที่นราธิวาส




             เมื่อช่วงเย็นวันที่ (5 ก.ค.) เจ้าหน้าที่รับแจ้งมีเหตุเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4213 ถูกคนร้ายดักซุ่มยิงที่บริเวณลำธาร หลังที่ตั้งฐานปฏิบัติการณ์ชั่วคราวของกองร้อยทหารพรานที่ 4213 ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านไอร์กรอส ม.6 ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 1 นาย จึงสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

             โดยพบที่โขดหินด้านล่างของลำธาร ซึ่งเป็นทางลาดอยู่ต่ำกว่าฐาน 10 เมตร มีกองเลือดจำนวนหนึ่งตกอยู่ ส่วนที่บริเวณป่ารกทึบด้านขวามือ ห่างจากกองเลือดประมาณ 70 เมตร เจ้าหน้าที่พบร่องรอยคล้ายทางเดิน มีกอไม้และกิ่งไม้หักอยู่ ซึ่งคาดว่าเป็นจุดที่คนร้ายใช้อาวุธปืนดักซุ่มยิง แต่ไม่พบปลอกกระสุนปืนของคนร้ายทำตกหล่นไว้แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นป่าที่ค่อนข้างรกทึบ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บคือ ส.ท.มินทร ทัศนัยนา อายุ 28 ปี ซึ่งถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณหน้าอกขวา 1 นัด เพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลสุคิริน ไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่เนื่องจากอาการสาหัส แพทย์จึงได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก

           จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ส.ท.มินทร ได้เดินลงจากฐานปฏิบัติการณ์ช่วยคราว เพื่อลัดเลาะไปอาบน้ำที่บริเวณลำธาร และขณะที่ ส.ท.มินทร กำลังเดินอยู่นั้น ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวดักซุ่มอยู่ในป่ารกทึบบริเวณลำธาร จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิงใส่ ส.ท.มินทร จำนวน 1 นัด เมื่อถูกกระสุนปืน ส.ท.มินทร จึงล้มลงทั้งยืน แล้วคนร้ายได้อาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไป

          ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี โดยอาศัยความชำนาญในพื้นที่ ดักซุ่มยิงเพื่อสังหารเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่กับชุดเฉพาะกิจนราธิวาส ในการตรวจค้นและกดดันกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่เคลื่อนไหวอยู่บนเทือกเขา

——————–
เขียนโดย Narater2001 ที่ 13:49 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

ผลพิสูจน์อาวุธปืน BERETTTA ขนาด 9 มม.ของ “ลุกมาน มะดิง” พบใช้ก่อเหตุรวม 6 คดี

Image result for ลุกมาน มะดิง



               
            เผยผลตรวจสอบอาวุธปืน 9 มม.ของ “ลุกมาน มะดิง” คนร้ายที่ถูก จนท.วิสามัญ ภายในบ้านเป้าหมายใน ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา พบใช้ก่อเหตุเพียบรวมแล้ว 6 คดี และผลปืนเชื่อมโยงเหตุการณ์มากถึง 59 เหตุการณ์
            จากกรณีเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร่วมติดตาม และจับกุมโดยการบังคับใช้กฎหมาย ในพื้นที่บ้านเป้าหมาย ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา หลังจากได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า มีผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคง ได้เข้ามาเคลื่อนไหว และหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านเลขที่ 163 ม.4 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา
          ซึ่งในระหว่างการเจรจาเพื่อให้บุคคลเป้าหมายออกมามอบตัวนั้น ได้เกิดการยิงปะทะกันขึ้น จนเป็นเหตุให้ นายลุกมาน มะดิง อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา คดีความมั่นคง จำนวน 5 หมาย ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯ เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอาวุธปืนขนาด 9 มม. ของคนร้ายได้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ถึง 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
              ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (4 ก.ค.) มีรายงานจากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา สรุปผลการตรวจสอบอาวุธปืน BERETTTA ขนาด 9 มม. ที่ยึดได้จาก นายลุกมาน มะดิง เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า อาวุธปืนกระบอกนี้ใช้ก่อเหตุ 6 คดี (รวมทั้งเหตุการณ์ล่าสุด) และผลปืนสามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์ทั้งหมด 59 เหตุการณ์ (ปืนเชื่อมเหตุ)
สำหรับผลปืนกระบอกดังกล่าว พบว่า ใช้ก่อเหตุ ดังนี้


เหตุการณ์ที่ 1
 เมื่อวันที่ 25 ก.ค.55 เหตุการณ์ระเบิดแล้วยิงตำรวจชุด รปภ.ครู สภ.ท่าธง เสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บ 1 นาย ที่ ม.7 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา


เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อวันที่ 15 ก.ย.55 เกิดเหตุยิงแล้วเผา อส.ทพ.เสียชีวิต 3 นาย และชาวบ้าน 1 ราย ที่ ม.13 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา


เหตุการณ์ที่ 3 เมื่อวันที่ 10 ก.พ.56 เกิดเหตุระเบิดแล้วยิงเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บ 1 นาย ที่ ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา



เหตุการณ์ที่ 4 เมื่อวันที่ 23 ม.ค.58 เกิดเหตุคนร้ายยิง อส.เสียชีวิต 2 นาย เอาปืนไป 3 กระบอก (ในจำนวนนั้นมีปืน 9 มม. ลูเกอร์) ที่ ม.2 ต.บาโงย อ.รามัน จ.ยะลา


เหตุการณ์ที่ 5 เมื่อวันที่ 21 มี.ค.59 ชุดปราบยาเสพติดยิงปะทะคนร้าย จับได้ 3 ราย หลบหนี 1 ราย ที่ ม.4 ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา



และเหตุการณ์ที่ 6 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.60 นายลุกมาน ยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ภายในบ้านเลขที่ 163 ม.4 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา พบปลอกกระสุน จำนวน 41 ปลอก
เขียนโดย Narater2001 ที่ 13:45 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ความโหดร้าย...ไร้ความเป็นมนุษย์ในเดือนอันศักดิ์สิทธิ์



โดย...มลายูบางกอก


          เราทุกคนทั่วโลกล้วนรู้ดีว่าเดือนรอมฎอน เป็นเดือนแห่งความเมตตาจากพระผู้อภิบาล แห่งสากลจักรวาล ที่พระองค์ทรงมีให้แก่ชั้นฟ้าและแผ่นดิน ดังนั้นในเดือนรอมฎอนของทุกๆ ปีบรรดาปวงบ่าวผู้ศรัทธาจะพยายามปฏิบัติอิบาดะฮฺ เพื่อสนองคำบัญชาของพระองค์ที่ได้สั่งใช้ และให้ละเว้นในสิ่งที่พระองค์ ทรงห้าม จุดประสงค์เดียวเท่านั้นที่บรรดาผู้ศรัทธาได้ตั้งใจทำอิบาดะฮฺ ก็เพื่อทำการภักดีที่มีต่อพระองค์อย่างแท้จริงและหวังความโปรดปรานความเมตตาแก่เพื่อนมนุษย์


          แต่ก็ยังมีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นมนุษย์ แต่จิตใจเป็นสัตว์เดรัจฉานขาดความยำเกรง ต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2560 การกระทำอันโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมของกลุ่มที่มีจิตใจเป็นสัตว์เดรัจฉานแต่มีร่างกายเป็นมนุษย์ ที่ได้สร้างความเสียใจสะเทือนใจ ต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต ต่อประชาชนทั่วประเทศที่ได้รับทราบข่าวสาร 

           ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการ กองร้อย 15324 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 จำนวน 10 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี เมื่อลาดตระเวนมาถึงจุดเกิดเหตุ อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ได้ซุกซ่อนฝังไว้ใต้ผิวถนน เป็นเหตุให้ทหารเสียชีวิต จำนวน 6 นาย เป็นนายทหารชั้นประทวน 1 นาย พลทหาร 5 นาย และได้รับบาดเจ็บ 4 นาย




            การกระทำอันโหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรมเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่ได้สร้างความเสียใจสะเทือนใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต ต่อประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ในห้วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ ที่มุสลิมทั่วโลกต่างมุ่งขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) แสวงหาสร้างความดี งดเว้นการกระทำชั่วร้ายทั้งปวงตามบัญญัติอิสลาม
         มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ รู้ดี รู้ชั่ว อะไรควรกระทำและอะไร ไม่ควรกระทำ ในห่วงเดือนอันศักดิ์สิธิ์นี้ ต่างจากสัตว์เดรัจฉานซึ่ง คิดดีไม่ได้ ทำดีไม่เป็น ไม่รู้ว่าอะไรควรกระทำ และอะไรไม่ควรกระทำ เปรียบเช่นเดียว กับ กลุ่มสัตว์เดรัจฉานกลุ่มนี้ที่ได้ตั้งกลุ่มเป็นภาคีต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) ไม่ให้ความยำเกรงเคารพภักดี ได้ฆ่าชีวิตผู้ปกป้องแผ่นดิน และดูแลสร้างความสงบสุขต่อประชาชนของอัลลอฮฺ(ซ.บ.) จนเกิดการนองเลือด บนแผ่นดินที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.)สร้าง กลุ่มสัตว์เดรัจฉานกลุ่มนี้แน่นอนอัลลอฮฺ (ซ.บ.)ได้ห้ามสวนสวรรค์แก่เขา และที่พำนักของเขาก็คือนรก..........


---------------
เขียนโดย Narater2001 ที่ 13:30 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

คนร้ายลอบบึ้มเสาไฟแขวนป้ายผ้า หวังสร้างสถานการณ์ ก่อนเดือนรอมฎอน



          วันนี้ (5 พ.ค.) พ.ต.ท.ศราวุธ เจี้ยงเต็ม รอง ผกก.สอบสวน สภ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ได้รับแจ้งมีเหตุลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า และแขวนป้ายบริเวณสะพานจึงรีบไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะบ้าย้อย และได้ประสานงานกับปลัดอำเภอสะบ้าย้อย เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดของ ฉก.ตชด.43(EOD) ไปตรวจสอบ





         ที่เกิดเหตุพบเสาไฟฟ้าจำนวน 1 เสา ถูกวางระเบิดตัดขาดที่โคนเสา แต่ยังไม่ล้ม เนื่องจากเสายึดติดกับเสาอีกต้นที่อยู่ติดกัน และไม่ถูกแรงระเบิด บริเวณบ้านดารู ต.ธารคีรี อ.สะบ้าย้อย ส่วนอีกพื้นที่มีการแขวนป้ายผ้าบริเวณสะพานคลองน้ำขุ่น รอยต่อ ม.5 ต.จะแหน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา




          จากการตรวจสอบพบเศษวัตถุระเบิดที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ พบว่าเป็นระเบิดแบบแสวงเครื่องที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้นำมาวางไว้ คาดว่าน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ ก่อนเดือนรอมฎอนที่จะมาถึงนี้







เขียนโดย Narater2001 ที่ 08:57 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ

วันอังคารที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ผกร.หมดมุก ทำกันเองโยนผิดให้เจ้าหน้าที่



         จากกรณี เพจ Suara Patani ได้โพสต์ภาพและข้อความเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 กล่าวหาเจ้าหน้าที่ความมั่นคงว่ามีใบสั่งให้ทีมสังหารคนในพื้นที่ มีใจความว่า

        "ทีมงูเต๊ะ" เป็นคำศัพท์ที่เกิดขึ้นทั่วทั้งปาตานี โดยความหมายของคำนี้คือ "ทีมเก็บเงียบ" หรือ "ทีมสังหาร" เป็นมือมืดที่ชาวปาตานีหวาดกลัว "ทีมงูเต๊ะ" เป็นอีกหนึ่งปริศนาในพื้นที่ปาตานีตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน

        *ช่วงนี้ (ตั้งแต่วันนี้จนถึงเดือนรอมฎอน) ขอเตือนให้ทุกคนระวังทีมงูเต๊ะ

       จากข้อความข้างต้น ขอบอกเลย ผกร. หมดมุกแล้วจริงๆ เพราะใครๆ ก็รู้ว่าแท้จริงแล้ว BRN และ เพจ Suara Patani สองหัวตัวเดียวกัน เพจ Suara Patani เป็นเพจเฟสบุ๊คของแนวร่วมสนับสนุนกลุ่มขบวนการ BRN มีการปลุกระดมก่อให้เกิดความเกลียดชังในเรื่องของเชื้อชาติและศาสนา สร้างความขัดแย้งในแนวความคิด ทำให้พี่น้องในพื้นที่ชายแดนใต้เกิดความแตกแยก เกิดความหวาดระแวงในการดำเนินชีวิตต่อกันอย่างร้ายแรง 

        โดยที่ผ่านมา เพจ Suara Patani จะมุ่งบิดเบือนข้อมูลความจริงกล่าวหาใส่ร้ายโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานมาโดยตลอดเวลา ซึ่งทำให้ผู้ที่ไม่รู้ความจริงหลงเชื่อ เกิดการเข้าใจผิด เกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐว่าสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านทำมาหากิน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วชาวบ้านในพื้นที่ต่างรู้กันดีว่า เจ้าหน้าที่ทำงานหลักคือปกป้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่



         เมื่อดูรูปที่ เพจ Suara Patani นำมาบิดเบือนมองแล้วเป็นการใช้มุกเก่าๆ เดิมๆ ได้มีการผลิตภาพพร้อมข้อความซึ่งไม่สามารถตรวจหาที่มาที่ไปได้ กล่าวหาใส่ร้ายโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่ว่าจัดชุดทีมงูเต๊ะ (ทีมเก็บเงียบ หรือ ทีมสังหาร) ล่าสังหารชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งความเป็นจริงแล้วเจ้าหน้าที่และชาวบ้านในพื้นที่ต่างรู้กันดีว่าเป็นการกระทำของกลุ่มขบวนการเอง โดยการหักหลังกันเองที่ทำงานพลาดรวมถึงการหักหลังผลประโยชน์จากการค้ายาเสพติดพร้อมกับ ผกร.หลายคนในพื้นที่มีความเบื่อหน่ายจากกลุ่มขบวนการต้องการออกจากกลุ่มแนวร่วมพร้อมกับการให้ข่าวกับเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเหตุนี้เองกลุ่มขบวนการจึงต้องล่าสังหารคนของตัวเอง เพื่อเป็นการปิดปากและโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อหวังว่าจะยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว ท่านลองคิดดูสมมุติเจ้าหน้าที่รัฐกระทำจริงป่านนี้คงไม่มานั่งแหกปากกันหรอก และจะมีโครงการพาโจรกลับบ้านไปทำไม เจ้าหน้าที่เก็บเองไม่ดีกว่าหรือ และสิ่งที่เลวร้ายที่สุด เพจ Suara Patani ได้กระทำการตัดต่อภาพโดยการโพสต์ภาพและข้อความในเชิงหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นการกระทำความผิดที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมถึงเว็บไซต์บางสำนักได้มีการเอาข้อมูลมาเผยแพร่โดยไร้การตรวจสอบข้อเท็จจริงอาจนำไปสู่ความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อีกด้วย


          เพจ Suara Patani เคยนำข้อมูลมาบิดเบือนหลายครั้ง เช่น กรณีการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โพสต์เมื่อ 27 เมษายน 2560 (เข้าไปดูเอง) , กรณีชาวบ้านทุ่งยางแดงโมเดลโวย!!!ทหารเต็มพรึ่บในสวนยาง!!! โพสต์เมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2560 โดยกล่าวหาเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปในสวนยาง สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวสวนยางที่จะทำการกรีดยาง ซึ่งจาการตรวจสอบความจริงแล้ว เป็นรูปของกองร้อยทหารพรานที่ 4713 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 ได้ทำการโพสต์ภาพนิ่ง และเป็นคลิปวีดีโอทำการเผยแพร่เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2554 เป็นรูปการฝึกของกองร้อยทหารพราน ไม่ได้เกี่ยวกับการประกอบอาชีพของประชาชน และไม่ได้เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ตามที่เพจ Suara Patani กล่าวอ้างแต่อย่างใด มาครั้งนี้ก็ยังคงใช้แนวทางเดิมๆ ในการบิดเบือนข้อมูลสร้างความเท็จใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ตามจิตสำนึกต่ำๆ ที่เคยทำตามเคย


         ความร่วมมือของ BRN ที่ฆ่าเพราะหักหลังกันเองภายในกลุ่มแล้วโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ โดยให้เพจ Suara Patani เป็นผู้ลงมือโจมตีนั้นเป็นการกระทำของพวกไร้ศาสนาทำเพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับกลุ่มของตนเท่านั้น ไม่มีผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ดีขอให้พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อการกระทำที่บิดเบือนความจริงเหล่านี้ และขอให้ร่วมมือกันเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสันติสุขในพื้นที่ชายแดนใต้


        ด้วยการช่วยกันรายงานเฟสบุ๊คที่มีชื่อผู้ใช่ว่า “Suara atani”https://www.facebook.com/Suara-Patani-234450210066094/…หรือ ส่งข้อมูลไปถึงกระทรวง ICT เพื่อปิดเฟสบุ๊คที่สร้างความแตกแยก บิดเบือนข้อมูล โฆษณาชวนเชื่อ ทำลายความสุขของพี่น้องประชาชน และป้องกันสถานการณ์รุนแรงความเข้าใจผิดที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อนำสันติสุขกลับคืนสู่ชายแดนใต้
เขียนโดย Narater2001 ที่ 09:07 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: อันกูละเบื่อ
บทความที่ใหม่กว่า บทความที่เก่ากว่า หน้าแรก
สมัครสมาชิก: บทความ (Atom)
Powered By Blogger

หน้าเว็บ

  • Nater200

ผู้ติดตาม

Hit Counter

Narater 2009

  • ►  2021 (2)
    • ►  ธันวาคม (1)
    • ►  กรกฎาคม (1)
  • ▼  2017 (40)
    • ▼  ตุลาคม (2)
      • ยึดเพียบ!! อุปกรณ์ประกอบระเบิด หลังผู้ต้องสงสัยยอม...
      • ตรวจยึดอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดหลายรายการ
    • ►  กันยายน (5)
      • แค่คนดูต้นทาง ปล่อยมันเหอะครับ แด๋วผมพามันไปดูปลาย...
      • กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงความคืบหน้า กรณีคนร้ายลอบวางร...
      • แผนชั่ว!!“ทำลายเสาหินในกุโบร์”ที่รูสะมิแล
      • กลยุทธ์!! ขบวนการยาเสพติด เกี่ยวโยงกับเยาวชน เหตุค...
      • เมาน้ำท่อม ตะโกนลั่น เอาล้ออั้วมา เอาล้ออั้วมา
    • ►  สิงหาคม (2)
      • ผู้ต้องหาปล้นรถทำคาร์บอมบ์ มอบตัวต่อแม่ทัพภาค 4
      • คลั่งไคล้อันกูละเบื่อกันนัก ดูตัวอย่าง ความอัปรีย์...
    • ►  กรกฎาคม (4)
      • ‘ลุกมาน มะดิง’ หมดประโยชน์ถูกกำหนดให้ตาย...ใส่ร้าย...
      • คนโง่อยู่ที่ปาก คนฉลาดอยู่ที่ใจ
      • โจรใต้ฉวยโอกาส!! ดักซุ่มในป่ายิงจนท.บาดเจ็บสาหัส 1...
      • ผลพิสูจน์อาวุธปืน BERETTTA ขนาด 9 มม.ของ “ลุกมาน ม...
    • ►  มิถุนายน (1)
      • ความโหดร้าย...ไร้ความเป็นมนุษย์ในเดือนอันศักดิ์สิทธิ์
    • ►  พฤษภาคม (7)
      • คนร้ายลอบบึ้มเสาไฟแขวนป้ายผ้า หวังสร้างสถานการณ์ ก...
      • ผกร.หมดมุก ทำกันเองโยนผิดให้เจ้าหน้าที่
    • ►  เมษายน (10)
    • ►  มีนาคม (3)
    • ►  กุมภาพันธ์ (6)
  • ►  2016 (134)
    • ►  พฤศจิกายน (11)
    • ►  ตุลาคม (4)
    • ►  สิงหาคม (4)
    • ►  กรกฎาคม (11)
    • ►  มิถุนายน (5)
    • ►  พฤษภาคม (17)
    • ►  เมษายน (10)
    • ►  มีนาคม (9)
    • ►  กุมภาพันธ์ (35)
    • ►  มกราคม (28)
  • ►  2015 (346)
    • ►  ธันวาคม (16)
    • ►  พฤศจิกายน (26)
    • ►  ตุลาคม (30)
    • ►  กันยายน (25)
    • ►  สิงหาคม (11)
    • ►  กรกฎาคม (23)
    • ►  มิถุนายน (15)
    • ►  พฤษภาคม (30)
    • ►  เมษายน (25)
    • ►  มีนาคม (23)
    • ►  กุมภาพันธ์ (47)
    • ►  มกราคม (75)
  • ►  2014 (592)
    • ►  ธันวาคม (67)
    • ►  พฤศจิกายน (198)
    • ►  ตุลาคม (210)
    • ►  กันยายน (17)
    • ►  สิงหาคม (20)
    • ►  กรกฎาคม (18)
    • ►  มิถุนายน (12)
    • ►  พฤษภาคม (12)
    • ►  เมษายน (15)
    • ►  มีนาคม (5)
    • ►  กุมภาพันธ์ (16)
    • ►  มกราคม (2)
  • ►  2013 (467)
    • ►  ธันวาคม (19)
    • ►  พฤศจิกายน (22)
    • ►  ตุลาคม (60)
    • ►  กันยายน (77)
    • ►  สิงหาคม (57)
    • ►  กรกฎาคม (42)
    • ►  มิถุนายน (30)
    • ►  พฤษภาคม (47)
    • ►  เมษายน (70)
    • ►  มีนาคม (13)
    • ►  กุมภาพันธ์ (23)
    • ►  มกราคม (7)
  • ►  2012 (235)
    • ►  ธันวาคม (13)
    • ►  พฤศจิกายน (38)
    • ►  ตุลาคม (62)
    • ►  กันยายน (59)
    • ►  สิงหาคม (45)
    • ►  กรกฎาคม (4)
    • ►  มิถุนายน (8)
    • ►  พฤษภาคม (6)
  • ►  2011 (561)
    • ►  ธันวาคม (2)
    • ►  ตุลาคม (1)
    • ►  กันยายน (3)
    • ►  สิงหาคม (25)
    • ►  กรกฎาคม (4)
    • ►  มิถุนายน (49)
    • ►  พฤษภาคม (14)
    • ►  เมษายน (53)
    • ►  มีนาคม (74)
    • ►  กุมภาพันธ์ (129)
    • ►  มกราคม (207)
  • ►  2010 (1)
    • ►  ธันวาคม (1)
ลายน้ำ ธีม. ขับเคลื่อนโดย Blogger.