จากคดีเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้ามากกว่า 52 ต้น ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อคืนวันที่ 6 เมษายน 2560 และต่อเนื่องในค่ำคืนวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บชิ้นส่วนระเบิดในที่เกิดเหตุส่งตรวจยังศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 (ศพฐ.10)
และคดีที่ 2 จากกรณีเจ้าหน้าที่ทำการปิดล้อมตรวจค้น บริเวณภูเขา บ้านจือกอ ม.3 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 20 พ.ย.57 ซึ่งในครั้งนั้นตรวจพบ DNA จากก้นกรองบุหรี่ เสื้อ และกางเกงของผู้ก่อเหตุ และคดีที่ 3 จากกรณีเจ้าหน้าที่ทำการปิดล้อมตรวจค้น และเกิดการปะทะกับผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ บ้านตันหยง ม.5 ต.บาตง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.57ตรวจพบDNA จากก้านสำลี สายไนล่อน และกระเป๋า
ผลพิสูจน์ DNA จากการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูง บริเวณถนนสายนราธิวาส-ปัตตานี บ้านเปาะชี ม.7 ต.ลางา อ.มายอ จ.ปัตตานี พบว่ามีความเชื่อมโยงกับ DNA จากเยื่อบุกระพุ้งแก้มของ นายมัฮหมูด หาแว ภูมิลำเนาเลขที่ 279 บ.จำปากอ ม.1 ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดย สภ.ท่าธง เก็บเยื่อบุกระพุ้งแก้มผู้ต้องสงสัยตรวจสอบกับสารบบ เมื่อวันที่ 30 ก.ค.57 อีกทั้ง DNA ยังตรงกับการเก็บเยื่อบุกระพุ้งแก้มของ นายมัฮหมูด หาแว จากการก่อเหตุลักลอบเข้าบ้านผู้เสียหาย ลัวใช้อาวุธมีดจี้ น.ส.นาสรีย๊ะ สะนา กระทำอนาจารจนสำเร็จความใคร่แล้วหลบหนีไป เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.58
เจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบวัตถุพยานจากแผ่นปรินท์วงจรที่ใช้ในการประกอบระเบิด พบว่าถูกส่งจากประเทศมาเลเซียทางเรือ โดยนำเข้าในพื้นที่เขตประเทศทางด้าน อ.ตากใบ และ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นอกจากนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจในสังกัด ศชต. ดำเนินการตรวจสอบร้านค้าจำหน่ายท่อเหล็กทุกร้าน เพื่อหาเบาะแสของคนร้าย เพราะเชื่อว่าท่อเหล็กที่ใช้ในการประกอบระเบิดมีการจัดหาจัดซื้อในฝั่งไทย ก่อนนำมาประกอบแล้วนำไปก่อเหตุเสาไฟฟ้าสร้างมากกว่า 52 ต้น ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมในพื้นที่ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของการค้าการลงทุนนักธุรกิจ ตลอดจนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในห้วงเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ของไทยอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น