เว็บไซต์หนังสือพิมพ์อินเตอร์เนชั่นแนล บิซิเนส ไทมส์ ของอินเดีย รายงานอ้างผลการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญด้านการระหว่างประเทศศึกษาของสถาบันเอส. ราชารัตนาม แห่งสิงคโปร์ ซึ่งระบุว่า กองกำลังกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้กำหนดให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เป็นเป้าโจมตีของกลุ่มไอเอส เห็นได้จากกรณีที่ทางการสิงคโปร์เพิ่งจะจับกุม 2 วัยรุ่นในข้อหาที่เชื่อมโยงกับการก่อการร้าย
จัสมินเดอร์ ซิงห์ นักวิเคราะห์ผู้เขียนรายงานฉบับดังกล่าว ระบุว่า ขณะที่เครือข่ายกลุ่มนักรบไอเอสในอาเซียนที่เรียกว่ากลุ่มคาติบาห์ นูซันตารา ซึ่งเป็นเครือข่ายก่อการร้าย ไอเอสบนคาบสมุทรมลายู เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทว่ากลยุทธ์หลักของ ไอเอสที่มุ่งดึงให้ประชากรโลกเข้าร่วมเป็นนักรบ หรือจีฮัด กับไอเอสมากขึ้นกลับไม่เป็นที่สังเกตเห็นมากนัก
ทั้งนี้ ซิงห์ อธิบายเพิ่มเติมว่า แต่เดิมนั้นหลายฝ่ายเชื่อว่า กลุ่มคาติบาห์ นูซันตารา มีเป้าหมายเพื่อจัดส่งกำลังคนและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ต้องการร่วมรบกับไอซิสในอิรักและซีเรีย แต่ปัจจุบันจากข้อมูลล่าสุดกลับพบว่า กลุ่มดังกล่าวได้ทำหน้าที่เผยแพร่หลักการความเชื่อเพื่อดึงคนให้เข้าร่วมเป็นนักรบจีฮัดมากขึ้น
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจึงกลายเป็นภัยคุกคามความมั่นคงภายในอาเซียน โดยเฉพาะประเทศหมู่เกาะมาเลย์ อย่าง มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ เพราะนักรบเหล่านี้จะทำทุกทางเพื่อปกป้องหลักการปกครองแบบคอลีฟะห์ ที่หมายรวมถึงการวางแผนก่อการร้ายภายในประเทศของตนเอง
"คาติบาห์ นูซันตารา มีแนวโน้มจะได้รับความสำคัญจากกลุ่มไอเอสมากขึ้น ในฐานะส่วนหนึ่งที่จะทำให้เป้าหมายการสถาปนาโลกภายใต้การปกครองแบบคอลีฟะห์ประสบผลสำเร็จ และผู้ที่กลับจากการร่วมรบกับไอเอสยังจะกลายเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักในการโจมตีในอาเซียน" ซิงห์ กล่าว
ทั้งนี้ การดำเนินการจับกุมผู้ที่มีความเชื่อมโยงกับไอเอส และมีแผนก่อการร้ายทั้งในมาเลเซียและอินโดนีเซียในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาถือเป็นหลักฐานยืนยันที่ดีที่สุด ที่ซิงห์สรุปว่าภูมิภาคแห่งนี้กำลังตกเป็นเป้าโจมตี ที่รัฐบาลและสังคมอาเซียนควรร่วมมือหาทางจัดการอย่างจริงจัง ภายใต้การสนับสนุนจากประชาคมโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น