เปิดบันทึก “คัมภีร์มรณะ” | |
เปิดบันทึก “คัมภีร์มรณะ”โต้เอกสาร “การต่อสู้ที่ปัตตานี” ที่บิดเบือนคำสอน ตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งผู้ที่ได้อ่านสามารถฆ่าพ่อ-แม่ได้ภายใน7วัน ซึ่งเป็นเครื่องมือของคนเพียงกลุ่มหนึ่งที่หวังผลประโยชน์เท่านั้น 1.เอกสารที่มีชื่อว่า “การต่อสู้ที่ปัตตานี” ที่เขียนโดยผู้ไม่ระบุนามในถ้ำแห่งหนึ่งที่ตำบลกลัวลาตีฆอ เมืองตาเนาะแมเราะ รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ซึ่งแปลและถอดความโดยนายแวหามะ ดีแม ล่ามประจำอำเภอเมือง จังหวัดยะลา เป็นเอกสารที่ถูกใช้ปลุกระดมเยาวชนและประชาชนชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เพื่อให้ทำการต่อสู้และแบ่งแยกดินแดน ต้นฉบับเขียนเป็นภาษายาวี และแปลเป็นภาษาไทยโดยล่ามประจำอำเภอเมือง จังหวัดยะลา ดังกล่าว ได้ถูกค้นพบและถูกยึดจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เป็นเอกสารที่ควรแก่การให้ความสนใจ และสร้างความเข้าใจอย่างผิดๆ ให้เกิดขึ้นกับพี่น้องชาวมุสลิมของเรา จากการตรวจสอบได้พบว่า ได้มีการอ้างอิงโองการในพระคัมภีร์อัลกุรอ่านหลายโองการมาเป็นที่ตั้งแห่งความศรัทธาของพี่น้องมุสลิม โองการทั้งมวลนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งสูงส่ง เป็นสิ่งที่อัลเลาะห์ประทานไว้ มนุษย์ไม่อาจแตะต้องได้ดังนั้นจะต้องไม่แตะต้องโองการทั้งปวง จะต้องแสดงความเคารพต่อโองการทั้งปวง แต่การให้ความหมายหรือการบิดเบือนความหมายของโองการอันสูงส่ง ศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นเรื่องที่จะต้องกล่าว เป็นเรื่องที่จะต้องประณาม เป็นเรื่องที่จะต้องทำความเข้าใจและเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยพี่น้องมุสลิมผู้ศรัทธาและภักดีต่อพระอัลเลาะห์ให้ปกป้องความสูงส่งบริสุทธิ์ของอิสลาม ปกป้องพระธรรมคำสอนในพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน และนี้ก็คือการทำจีฮัดหรือการต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า ตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในพระคัมภีร์อัลกุรอานนั้นจะต้องตระหนักให้มั่นคงว่า ประการแรกจะต้องเคารพความสูงส่ง ความศักดิ์สิทธิ์ ของบรรดาโองการทั้งหลายในพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน และไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์และมีอำนาจที่จะแตะต้องหรือชำระสะสาง ประการที่สอง จะต้องประณามการให้ความหมาย และการบิดเบือนพระคัมภีร์อย่างผิดๆ เพียงเพื่อหวังผลในการก่อความไม่สงบในบ้านเมืองอย่างถึงที่สุด ประการที่สาม บรรดามุสลิมที่ได้ปกป้องคำสอนในพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน นำความสว่างไปขับไล่ความมืด นำความจริงขับไล่ความเท็จ นำความถูกต้องไปขจัดความผิดพลาดบิดเบือน ย่อมเป็นการต่อสู้ในหนทางของพระเจ้าที่แท้จริงจะได้รับการโปรดปรานจากพระเจ้า 2. เอกสารต่อสู้ที่รัฐปัตตานีรับใช้ใคร 2.1 เอกสารมายาภาพว่าจัดทำขึ้นเพื่อรับใช้พระเจ้า แต่เนื้อแท้แล้วเป็นการขายพระเจ้า เป็นการแอบอ้างพระเจ้า เพื่อก่อกรรมทำเข็ญแก่มนุษยชาติ นี้คือเป้าหมายหลักของเอกสารนี้ ที่จำจะต้องนำไปสู่ความเข้าใจของพี่น้องมุสลิม 2.2 เอกสารนี้ได้กล่าวถึง “รัฐปัตตานี”ในอดีตว่ามีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้เพราะเชื้อสายเจ้าผู้ครองแห่งรัฐกลันตันเข้ามาเป็นเจ้าผู้ปกครองในตำแหน่งพระราชา แล้วได้นำเสนอไว้อย่างแยบยลว่า “ในวันข้างหน้าผู้ปกครองรัฐปัตตานีที่เราทั้งหลายจะเลือกและแต่งตั้งเพื่อเป็นผู้ปกครองสูงสุดของเรา ทางที่ดีที่สุดควรจะเป็นบุคคลที่มีเชื้อพระวงศ์ เพราะว่าการปกครองของบุคคลที่มีเชื้อสายพระวงศ์เพื่อความเป็นศักดิ์และศรีในการปกครองประชาชนทั่วไป สำหรับพระราชาหรือผู้ปกครองที่ยุติธรรมหรือเฉลียวฉลาด จะเป็นสัญลักษณ์ความภาคภูมิใจของประชาชนทั้งหมด ประชาชนทุกคนเคารพนับถือรักเชื่อฟังและถือปฏิบัติตามคำสั่งของพระราชาด้วยความล้นพ้น” แม้จะใช้ลีลาการเขียนที่แยบยลสักปานใด แต่ในที่สุดหางก็โพล่ออกมาจนได้ นั้นคือการนำเสนอให้ผู้มีเชื่อสายเจ้าผู้ปกครองรัฐกลันตันเป็นพระราชาของรัฐปัตตานี เอกสารดังกล่าวนี้จึงไม่ใช่เอกสารที่จะรับใช้พระเจ้าดังที่กล่าวอ้างสร้างมายาภาพไว้ แต่เป็นเอกสารที่ทำขึ้นเพื่อรับใช้เชื้อสายของอดีตจ้าแห่งรัฐกลันตัน ซึ่งหมดสิ้นสภาพไปไม่น้อยกว่า 200 ปีแล้ว ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ พี่น้องมุสลิมทั้งประเทศไม่เคยเป็นหนี้บุญคุณใดๆ และไม่ยอมรับอำนาจปกครองใดๆของอดีตเชื้อสายเจ้าแห่งรัฐกลันตัน จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะต้องต่อสู้ให้กับบุคคลดังกล่าว ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะยอมรับคำบิดเบือนศาสนาในศาสนาเพื่อรับใช้บุคคลเพียงบางคน ซึ่งผู้เขียนเอกสารนี้ยกย่องบูชา 3.ไม่มีใครมีสิทธิ์จำกัดอิสลามให้คับแคบเพื่อประโยชน์ตนหรือคณะตน เอกภาพแห่งอิสลามเป็นสากลเพื่อมวลชนหมู่มนุษยชาติ เพื่อสันติสุขและสันติภาพของมนุษยชาติเท่านั้น เอกสารนี้ได้เสนอตั้งสภารัฐธรรมนุญและประเพณีวัฒนธรรมแห่งรัฐปัตตานีขึ้นสภาหนึ่ง โดยระบุว่า “สภารัฐธรรมนูญและประเพณีวัฒนธรรมแห่งรัฐปัตตานีจะต้องประกอบไปด้วยสมาชิกผู้ทรงรอบรู้ในด้านศาสนาอิสลามจากนิกายซาฟีอี และห้ามเอาบุคคลนิกายอื่นมาร่วมปกครองด้วยเป็นอันเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นอีกถ้ามีหลายๆกลุ่มที่มีความเห็นไม่ตรงกัน ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะได้มาซึ่งการปกครองและทุกสิ่งเป็์น มติของสภานี้ จะเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศตลอดไป จะยกตัวอย่างให้ดูดังต่อไปนี้ บุคคลที่จะมาสืบทอดราชวงศ์การปกครองในตำแหน่งพระราชาหรือผู้นำของคนมุสลิมทั้งหลายจะต้องได้รับการคัดเลือกและแต่งตั้งจากตระกูลเจ้าที่ใกล้ที่สุด” นี่คือความคิดที่คับแคบที่สุดและตรงกันข้ามที่สุดกับอิสลาม พระคัมภีร์อัลกุรอานจำแนกคนตรงชั่วดี ไม่ได้จำแนกคนตรงที่มีว่ามีอดีตเชื้อสายเจ้าแห่งกลันตันหรือไม่ นี่คือการบิดเบือนคำสั่งสอนของพระเจ้า ยกย่องบุคคลในสายตระกูลเจ้าแห่งกลันตันว่าเป็นคนพวกเดียวเท่านั้นที่เป็นคนดี มีความสามารถ อัลเลาะห์ไม่เคยสั่งสอนว่าอดีตเชื้อสายเจ้าแห่งกลันตันเท่านั้นจึงจะเป็นคนดี หรือเป็นคนที่มุสลิมจะต้องยอมตายถวายชีวิตให้ มีแต่อัลเลาะห์เท่านั้นที่ทรงเกรียงไกร ทรงรอบรู้ ทรงเมตตาปรานีและทรงรู้สิ่งที่ผู้เขียนกำลังกระทำอยู่ เอกสารนี้ยังกีดกันและปฏิเสธการดำรงอยู่ของพี่น้องมุสลิมนิกายอื่นๆ สำนักคิดอื่นๆ หรือลัทธิอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นวาฮาบีหรือชีอะห์ แม้ในนิกายซุนหนี่ซึ่งมีอยู่ถึงสี่สำนักคิดคือ ฮานาฟี ซาฟีอี ฮัมบาลี และมาลิกี ก็ถูกกีดกันหรือรังเกียจเกือบทั้งหมด แม้พี่น้องในสำนักคิดซาฟีอีซึ่งเป็นพี่น้องมุสลิมส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้แม้ดูผิวเผินแล้วจะได้รับการยอมรับ แต่แท้จริงกลับตีวงกรอบให้จำยอม ให้ต้องยอมรับและยอมตายถวายชีวิตอยู่เฉพาะผู้ที่ยอมตายถวายชีวิตให้กับอดีตสายเจ้าแห่งรัฐกลันตันเท่านั้น นี่คือการละเมิดต่ออิสลาม ทรยศต่ออัลเลาะห์ และเหยียบย่ำพระคัมภีร์อัลกุรอาน อย่างร้ายแรงที่สุด 4.การบิดเบือนการต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า การกระทำจีฮัด หรือการกระทำการต่อสู้เพื่อพระเจ้าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็นความสูงส่งในอิสลามที่มุสลิมทั้งปวง ผู้มีความศรัทธาและภักดีต่ออัลเลาะห์จะต้องกระทำการต่อสู้เพื่อพระเจ้า และการตายของพวกเขาในการต่อสู้นั้นย่อมได้ชื่อว่าเป็นการตายเพื่อพระเจ้า หรือชาฮีด การตายเช่นนั้นเลือดของเขาจะบริสุทธิ์ยิ่งกว่าน้ำ มีกลิ่นหอมดุจชะเอม แต่ทว่าการกระทำการต่อสู้เพื่อพระเจ้าไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ จะกำหนดเอาเองได้ตามอำเภอใจ เพราะความสูงส่งและความศักดิ์สิทธิ์ ในเรื่องนี้ต้องเป็นไปตามหลักการที่บัญญัติไว้ในพระคัมภีร์อัลกุรอานเท่านั้น ผู้เขียนเอกสารนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะบัญญัติขึ้นเองนอกเหนือจากที่อัลเลาะห์ได้ทรงบัญญัติไว้แล้ว อัลเลาะห์ได้ทรงบัญญัติหลักเกณฑ์ของการต่อสู้ในหนทางของพระเจ้าไว้อย่างชัดเจนในพระคัมภีร์อัลกุรอาน คือต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งนี้เท่านั้น นั่นคือ 1.ต้องเป็นการกระทำเพื่อปกป้องดินแดนอิสลาม 2.ต้องเป็นการกระทำเพื่อปกป้องพระธรรมคำสอนในพระคัมภีร์อัลกุรอาน 3.ต้องเป็นการกระทำเพื่อปกป้องมุสลิมจากการข่มเหงเข่นฆ่าโดยไม่ชอบธรรม การที่ผู้เขียนคัมภีร์มรณะ บิดเบือนว่าการยอมตายถวายตัวให้กับอดีตเชื้อสายเจ้าแห่งกลันตันเป็นการต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า เป็นการบัญญัติหลักเกณฑ์นอกเหนือไปจากที่อัลเลาะห์ และทำให้คำสอนในพระคัมภีร์อัลกุรอานมัวหมอง เป็นหน้าที่ของมุสลิมทั้งปวงที่จะต้องกระทำการต่อสู้เพื่อปกป้องคำสอนให้มีความบริสุทธิ์ ไม่ให้ถูกบิดเบือนไปเป็นเครื่องมือรับใช้ผลประโยชน์ของอดีตเชื้อสายเจ้าแห่งกลันตัน 5.เอกสารคัมภีร์มรณะนี้ ได้บิดเบือนคำสอนในศาสนาอิสลามอย่างร้ายแรงอีกหลายประการคือ คำสอนที่ว่ามุสลิมเป็นพี่น้องกัน แต่คนต่างศาสนาเป็นศัตรูที่ต้องประหัตประหาร ต้องทำการต่อสู้กับคนนอกศาสนาเพื่อกอบกู้ความอลังการของศาสนาอิสลาม และอ้างว่าการต่อสู้ฆ่าฟันคนนอกศาสนาคือการต่อสู้ในหนทางของพระเจ้าคือเป็นการกระทำจีฮัด คำสอนที่ว่าการต่อสู้เพื่อการแบ่งแยกดินแดนของประเทศไทยจะได้รับสัญญาอันเป็นรางวัลจากอัลเลาะห์ในการไปสู่สวรรค์ คำสอนที่ว่าการเปิดเผยข้อมูลในการแบ่งแยกดินแดนเป็นการตีสองหน้า ให้ฆ่าคนที่เปิดเผยข้อมูลเหล่านั้น เพราะถือว่าเป็นศัตรูที่เป็นอันตรายที่สุด เขาไม่ใช่เพื่อนหรือพ่อแม่อีกต่อไปแล้ว นี่เพียงแค่เข้าใจว่ามิตรสหายเพื่อนฝูงหรือพ่อแม่ถ้าเปิดเผยความลับในการแบ่งแยกดินแดนก็ต้องถือว่าเป็นศัตรูและต้องประหัตประหาร คำสอนที่ว่าสั่งสอนให้ฆ่าศัตรูทันทีที่พบและยึดทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นของตน ถ้าไม่ออกรบ อัลเลาะห์จะทรมานอย่างเจ็บปวด และคำสอนที่ว่าถ้าเผชิญหน้ากับคนนอกศาสนาก็อย่าได้หนี ให้สู้ตายและคำสั่งสอนที่ว่าในบรรดาเพื่อน ๆ และพ่อแม่พี่น้องก็มีผู้ที่มีจิตใจเอนเอียงไปเข้ากับรัฐ อย่าได้นับถือคนเหล่านั้นอีกต่อไป เพราะเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ให้ฆ่าเขาเสีย คำสอนที่ผิด ๆเหล่านี้เป็นเรื่องร้ายแรงกล่าวคือ ประการแรก เป็นการทรยศต่ออัลเลาะห์และอิสลาม เพราะอัลเลาะห์ทรงสั่งสอนว่ามุสลิมทั้งหลายเป็นพี่น้องกัน คนนอกศาสนาทั้งปวงล้วนเป็นผู้ที่ถูกสร้างมาจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเมตตาอาทร และจะต้องได้รับสิทธิ์ทั้งปวงที่เขาจะพึงมี ประการที่สอง ศาสนาอิสลามไม่ได้สั่งสอนให้แบ่งแยกดินแดน อัลเลาะห์ทรงตรัสว่าอัลเลาะห์จะไม่เปลี่ยนแปลงประชาชาติใด จนกว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวของเขาเอง มนุษย์ทั้งหลายที่กระทำความดี จะได้รับการตอบแทนความดีนั้นจากอัลเลาะห์ และมนุษย์ทั้งหลายที่กระทำความชั่ว จะต้องได้รับโทษอย่างเจ็บแสบ นั่นคืออัลเลาะห์ทรงจำแนกคนที่การกระทำความชั่วและการกระทำความดี เพราะมนุษย์ทั้งปวงล้วนอัลเลาะห์สร้างมาทั้งสิ้น แต่มุสลิมเป็นมนุษย์ในศาสนาของพระองค์ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ ต้องมีหลักการปฏิบัติต่อกันโดยเฉพาะ แต่ไม่ใช่ว่าเป็นมุสลิมแล้วจะต้องตั้งความรังเกียจเดียดฉันท์คนนอกศาสนา เพราะเขาล้วนได้รับความเมตตาปรานีจากอัลเลาะห์เสมอหน้ากัน และนี่คือวาดะห์หรือเอกภาพการเป็นสากลของอิสลาม ผู้เขียนไม่มีสิทธิ์จำกัดอิสลามให้คับแคบ เพื่อรับใช้ประโยชน์ตนหรือคณะตน ประการที่สาม ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติ มุสลิมคือผู้แสวงหาสันติ ภายในมุสลิมด้วยกันจะต้องปฏิบัติตามหลักการที่อัลเลาะห์ทรงบัญญัติไว้เพื่อความเป็นเอกภาพและเพื่อถึงซึ่งสันติ และการกลับไปรับใช้อัลเลาะห์ต่อคนต่างศาสนาต้องเมตตาอาทร ต้องยอมรับสิทธิ์ที่พวกเขาพึงมี การที่ผู้เขียนเรียกร้องให้มุสลิมถือคนนอกศาสนาเป็นศัตรู และเรียกร้องให้ประหัตประหารคนนอกศาสนาคือการบิดเบือนอิสลามและพระธรรมคำสอนในอิสลาม ชักพามุสลิมต้องเป็นศัตรูกับมนุษยชาติทั่วโลกกว่า 4,000 ล้านคน เป็นการกระทำให้มุสลิมเป็นที่ชิงชังรังเกียจของประชาคมโลก ประการที่สี่ พ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิด เป็นผู้มีพระคุณ พี่น้องเป็นผู้มีอุปการะ ญาติมิตรเป็นผู้มีอุปการะ การที่ผู้เขียนเรียกร้องให้ถือพวกนี้เป็นศัตรูและให้ประหัตประหารเพียงเพื่อจะรับใช้ผลประโยชน์ของอดีตเจ้าแห่งกลันตัน เป็นการละเมิดคำสั่งสอนของอัลเลาะห์ ผู้เขียนไม่มีสิทธิ์ที่จะออกคำสั่งให้มุสลิมคนใดประหัตประหารเข่นฆ่าผู้ที่อัลเลาะห์ทรงสร้าง มีแต่อัลเลาะห์เท่านั้นที่ทรงไว้ซึ่งเอกสิทธิ์นี้ พระองค์ทรงรอบรู้อย่างยิ่ง คำสั่งสอนแบบนี้ทำให้พระคัมภีร์อัลกุรอานต้องมัวหมองอย่างยิ่ง เหล่านี้คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเพียงเพื่อรับใช้ผลประโยชน์ของอดีตเชื้อสายเจ้าแห่งกลันตัน ผู้เขียนได้บังอาจขายศาสนาอันสูงส่งอย่างไม่ละอายต่อบาปและไม่เกรงกลัวต่อการถูกลงโทษ เสียหายหนักที่ผู้เขียนเอกสารนี้ก็มีความรู้ในพระธรรมคำสอนอย่างกว้างขวาง สมควรที่จะได้ใช้ความรู้นั้นอบรมเผยแพร่พระธรรมคำสอนในพระคัมภัร์อัลกุรอานอย่างภักดีและศรัทธา สมควรที่จะได้อุทิศตนรับใช้อัลเลาะห์ด้วยความภักดีและศรัทธา แต่กลับเห็นผิดเป็นชอบ นำความรู้นั้นไปบิดเบือนหลอกลวงให้พี่น้องมุสลิมทรยศต่ออิสลามซึ่งเป็นบาปอันมหันต์ 6.พี่น้องมุสลิมทั้งปวงผู้มีความศรัทธาและภักดีย่อมมีหน้าที่สำคัญประการหนึ่งต่อศาสนาคือ การปกป้องคำสอนไม่ให้ถูกบิดเบือน นำไปเป็นเครื่องมือรับใช้ผลประโยชน์ของบุคคลใดหรือคณะใด ย่อมมีหน้าที่สำคัญในการปกป้องมุสลิมไม่ให้ตกลงไปในความหลงผิดในวันนี้เพื่อจะได้ไม่ตกนรกในวันหน้า พี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ ย่อมมีหน้าที่สำคัญในการกระทำความดีต่อชาติบ้านเมืองและต่อประชาชาติไทย มีหน้าที่ต้องทำการแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูก มีหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องร่วมชาติไม่ให้ตกเป็นทาสแห่งการมอมเมาของการบิดเบือน แสงสว่างแห่งพระธรรม ความถูกต้องแห่งพระธรรมคำสอนในพระคัมภีร์อัลกุรอานเท่านั้น ที่จะมีอานุภาพในการแก้ไขความผิดพลาดนี้ “ตื่นเถิดพี่น้อง เรามาตระหนักถึงเภทภัยอันใหญ่หลวง ที่ผู้ขายศาสนาผู้นี้กำลังหลอกลวงบิดเบือน พี่น้องร่วมชาติของเราให้หลงผิด เพื่อติดตามเขาไปทรยศต่อศาสนาและตกเป็นเครื่องมือรับใช้ผลประโยชน์ของอดีตเชื้อสายเจ้าแห่งกลันตัน ชนชาวไทยมุสลิมทั้งปวง จึงพึงร่วมแรงร่วมใจกันนำหลักคำสอนที่ถูกต้องในพระคัมภีร์อัลกุรอานไปแก้ไขสิ่งผิดพลาดทั้งมวลด้วยความศรัทธาและภักดีต่อพระเจ้า” | |
http://narater2010.blogspot.com/
|
วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
เปิดบันทึก “คัมภีร์มรณะ”
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น