ปัญหาในขบวนการป่วนใต้ กับทางสองสายเมื่อเกิดประชาคมอาเซียน | |
"อดีตบีอาร์เอ็น" เล่าปัญหาในขบวนการป่วนใต้ กับทางสองสายเมื่อเกิดประชาคมอาเซียน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลอดหลายปีของปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรามักมองปัญหาผ่านสายตาและข้อมูลของภาครัฐ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงเท่านั้น แต่แทบจะไม่เคยฟังข้อมูลจากฝ่ายผู้ก่อการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนโดยตรงเลย
ปัญหาในขบวนการป่วนใต้ กับทางสองสายเมื่อเกิดประชาคมอาเซียน
แม้ที่ผ่านมาจะมีการนำตัวผู้ก่อความไม่สงบที่ถูกจับกุมหรือกลับใจยอมเข้ามอบตัวมาบอกเล่าข้อมูลต่างๆ ผ่านสื่อมวลชนอยู่บ้าง แต่หลายๆ ครั้งก็เหมือนเป็นการ "จัดฉาก" ของฝ่ายรัฐ เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นมุมมองส่วนตัว เป็นเรื่องของความลำบากในการใช้ชีวิต และความรู้สึกของผู้ก่อความไม่สงบรายนั้นๆ ในแง่ของการ "หลงผิด" เท่านั้นเอง หาได้บอกเล่าถึงแนวคิด ยุทธศาสตร์ และทิศทางของกลุ่มก่อความไม่สงบแต่อย่างใดไม่ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากบุคคลดังกล่าวเป็นเพียงแนวร่วมระดับล่าง หรือกลุ่มติดอาวุธระดับปฏิบัติการ
แต่สำหรับอดีตคนในขบวนการ "บีอาร์เอ็น" ที่ยอมพูดคุยกับ "ทีมข่าวอิศรา" ในครั้งนี้ เป็นระดับแกนนำสายศาสนา ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลจากหลายๆ แหล่งแล้ว ยืนยันตรงกันว่าอดีตคนในขบวนการรายนี้เป็น "ตัวจริง" และเป็นแกนนำในระดับพื้นที่ แต่สาเหตุที่หันหลังให้ขบวนการก็เพราะความขัดแย้งในเรื่องแนวทางการก้าวเดินต่อไป ทว่าเขาก็ไม่ได้หันหน้าไปอยู่กับฝ่ายรัฐ
กรณีของแหล่งข่าวรายนี้ก็เช่นกัน เขาออกจากขบวนการและออกจากพื้นที่ไประยะหนึ่ง ก่อนจะกลับเข้ามาใช้ชีวิตตามเดิม เขาเล่าถึงปัญหาภายในขบวนการที่มีอยู่ไม่น้อย พร้อมแสดงทัศนะถึงการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่กำลังคืบคลานเข้ามาของ "ประชาคมอาเซียน" ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่แท้จริงของสถานการณ์ชายแดนใต้
รอยร้าวทางความคิด!
อดีตสมาชิกระดับนำของขบวนการบีอาร์เอ็นวัย 48 ปีที่ขอเรียกตัวเองด้วยนามสมมติว่า "ยูโซะ" บอกว่า สาเหตุสำคัญที่เขาหันหลังให้ขบวนการก็เนื่องมาจากความแตกต่างทางความคิด ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เขา แต่แกนนำในขบวนการมีความเห็นไปคนละทิศละทางอย่างหลากหลายจนกลายเป็นความแตกแยก
ทุนป่วนมาจากไหน?
การดำรงอยู่ของขบวนการบีอาร์เอ็นนั้น เริ่มจากการหารายได้ขั้นพื้นฐาน ซึ่ง ยูโซะ แจกแจงให้ฟังอย่างละเอียด
"ส่วนต่างที่เป็นกำไร เราก็ส่งเข้าขบวนการ ส่วนทุนก็นำไปซื้อของมาขายใหม่ เราทำอยู่อย่างนี้มาตั้งนานแล้วโดยที่เจ้าหน้าที่รัฐไม่รู้ หรือรู้แต่ก็ไม่ผิดกฎหมาย นอกจากนั้นเงินที่ได้ก็จะนำไปเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเด็กไปเรียนตามสถานที่ต่างๆ ที่อยู่ในเครือข่าย เพื่อกล่อมเกลาจิตใจและฝึกให้ออกมาเป็นนักรบ"
นี่แหละ...สงครามความคิด
ยูโซะ ชี้ว่า การจะทำให้แนวร่วมเปลี่ยนความคิด เงื่อนไขสำคัญที่สุดอยู่ที่ท่าทีของเจ้าหน้าที่รัฐ
"ทุกวันนี้ปัญหาอยู่ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมากกว่า ชาวบ้านหรือกลุ่มขบวนการเองก็นั่งดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ แม้แนวทางการแก้ปัญหาจะผิดบ้างถูกบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา สิ่งสำคัญที่สุดคือรัฐต้องรับฟังความคิดเห็นของคนทุกกลุ่ม แต่คำถามคือรัฐได้รับฟังจริงๆ แล้วหรือยัง ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งแต่ไม่รู้ว่าวันไหน แกนนำขบวนการจะยอมออกมาพูดคุยด้วยแน่ แต่สาเหตุที่ยังไม่ออก เพราะยังไม่มั่นใจหน่วยงานของรัฐ เพราะรัฐเองก็ไม่เป็นเอกภาพเพียงพอ"
ย้อนรอยอดีต "กรือเซะ"
ยูโซะ ยังชี้ด้วยว่า เหตุการณ์วันที่ 28 เม.ย.2547 มีความซับซ้อนจากการวางแผนมาเป็นอย่างดี
เมื่ออาร์เคเคสังกัด"มาเฟีย"
"ขณะนี้กลุ่มอิทธิพลในพื้นที่รู้ช่องทาง จึงสร้างฐานอำนาจโดยนำอาร์เคเคมาเลี้ยงไว้ แล้วต่างฝ่ายต่างก็พึ่งพากัน กลุ่มอิทธิพลได้ใช้อาร์เคเคเป็นกองกำลังส่วนตัว โจมตีเจ้าหน้าที่รัฐบ้าง โจมตีปรปักษ์ของตนเองบ้าง ขณะที่อาร์เคเคก็ได้เงิน ได้อาวุธ ได้กระสุน และมีคนคอยปกป้อง ที่แย่ก็คือเมื่อก่อนกลุ่มติดอาวุธมักอยู่ในป่า ปฏิบัติการในเขตป่า แต่วันนี้มาอยู่ในเมือง ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วง เพราะสามารถก่อเหตุก่อวินาศกรรมได้ทุกเวลา" แต่ถึงกระนั้น ปฏิบัติการเชิงรุกของรัฐก็ทำให้ "อาร์เคเค" ลดจำนวนลงมิใช่น้อย...
"ตอนนี้ผมคิดว่าขบวนการเริ่มมีปัญหา จากการสังเกตจะเห็นได้ว่าอาร์เคเคต้องออกไปปฏิบัติการต่างพื้นที่ เช่น เด็กจากปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา ไปตายที่ อ.กรงปีนัง จ.ยะลา เด็กจากบังนังสตา (จ.ยะลา) ไปตายที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส นี่คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนว่า อาร์เคเคมีน้อยลง ต้องไปปฏิบัติการนอกพื้นที่รับผิดชอบ แต่เมื่อไปปฏิบัติจริง กลับไม่ได้รับการสนับสนุนจากปีกแนวร่วมเพื่อรับประกันความปลอดภัย 100% เหมือนเมื่อก่อน ทำให้เริ่มมีความสูญเสีย และสะท้อนให้เห็นว่าขบวนการเองก็ไม่สามารถพูดคุยหรือขอความร่วมมือจากชาวบ้านได้มากเหมือนเดิม"
จุดเปลี่ยนที่ "ประชาคมอาเซียน"
ยูโซะ จึงเห็นว่า การก้าวสู่ "ประชาคมอาเซียน" ต่างหากที่น่าจะส่งผลสะเทือนต่อสถานการณ์ที่ชายแดนใต้ค่อนข้างรุนแรง
"ผมเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์เบาบางลง เนื่องจากเยาวชนจะเริ่มให้ความสนใจเรื่องการศึกษามากขึ้น การเกิดประชาคมอาเซียนจะเป็นเหมือนกับการแยกสายน้ำหรือเส้นทางออกเป็น 2 สาย จากเมื่อก่อนมีเพียงสายเดียว ทำอะไรก็ไปในแนวทางเดียวกัน แต่เมื่อแยกเป็นสองแล้วจะทำให้มีตัวเปรียบเทียบว่าฝ่ายไหนจะดำรงอยู่ได้ แม้ฝ่ายที่เลือกแนวทางก่อความไม่สงบจะยังก่อเหตุได้ แต่ก็เชื่อว่าจะค่อย ๆ ลดจำนวนลง"
"แต่ผมคิดว่าในอนาคต สังคมชายแดนใต้จะต้องหันมาพูดเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มขบวนการรู้ว่าสู้ไปอย่างไรก็ไม่มีทางชนะ ทางแกนนำก็คงจะหันมาเลือกแนวทางต่อรองให้ได้เขตปกครองพิเศษ แต่ขณะนี้ทางขบวนการยังถือว่าได้เปรียบรัฐไทยอยู่ จึงยังไม่มีการเปิดเจรจาต่อรอง"
ประโยคสุดท้ายของ ยูโซะ ดูจะอธิบายสถานการณ์ไฟใต้ ณ ปัจจุบันได้ดีที่สุด!
ที่มา: FB Risalah Qomi
"โครงสร้างใหญ่ของขบวนการปฏิวัติปัตตานี"
ขบวนการปฏิวัติมลายูปัตตานีมีโครงสร้างใหญ่ๆ ประกอบด้วย
ยุทธศาสตร์ของขบวนการมีอยู่ 5 ข้อ
ทุกฝ่ายที่ร่วมอยู่ในขบวนการต้องยึดหลักการนี้ กล่าวคือ
การปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว มีกลไกขับเคลื่อน 2 กลไกใหญ่ ได้แก่
องค์กรมวลชนแต่ละระดับจะปฏิบัติงานตามกรอบ 5 ยุทธศาสตร์ มีการส่งข้อมูลจากระดับล่างขึ้นไป และมีการสั่งการจากระดับบนลงมาตลอดเวลา เพื่อปรับแผนไปตามแนวโน้มของสถานการณ์ เช่น ในอดีตเลือกใช้กลุ่มเปอมูดอ (เยาวชน) และสตรี ในการปลุกม็อบต่อต้านทหาร แต่ภายหลังเมื่อเริ่มใช้ไม่ได้ผล ก็ปรับแผนใหม่ อย่างนี้เป็นต้น
ส่วนการสร้างฐานประชาชนซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานสำคัญใน "สงครามแย่งชิงมวลชน" ที่ชายแดนใต้ มีอยู่ 3 ข้อ คือ
พล.ท.สำเร็จ ชี้ว่า เงื่อนไขสำคัญที่สุด ณ วันนี้ คือ การตีความว่าสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นดินแดน "ดารุลฮารบี" คือดินแดนที่คนศาสนาอื่นปกครอง และกดขี่พี่น้องมุสลิม ซึ่งจริงๆ แล้ว ตามหลักคำสอนทางศาสนาได้กำหนดหลักเกณฑ์เอาไว้กว้างๆ เช่น มุสลิมไม่สามารถไปละหมาดได้ เป็นต้น แต่แม้ในพื้นที่จริงไม่ได้มีสภาพเช่นนั้น ทว่ามีการตีความโยงไปถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน อาทิเช่น กรณีกรือเซะ ตากใบ และประวัติศาสตร์บาดแผลในอดีต แล้วสรุปว่าดินแดนแห่งนี้เป็น "ดารุลฮารบี" มุสลิมสามารถทำสงครามและทำญิฮาดได้
"การจะทำให้สถานการณ์ที่ชายแดนใต้ยุติลงต้องปลดชนวนตรงจุดนี้ แต่ปัญหาคือไม่มีผู้นำศาสนาในพื้นที่กล้าชี้ขาด ส่วนผู้นำศาสนาจากนอกพื้นที่ก็ไม่ได้มีเชื้อชาติมลายู ทำให้คนในพื้นที่ไม่เชื่อถือศรัทธา อีกจุดหนึ่ง คือ การกวดขันตามโรงเรียนสอนศาสนาบางแห่งที่เป็นแหล่งบ่มเพาะความคิดอุดมการณ์ ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการยังทำงานน้อยเกินไป ทำให้ยังมีแนวร่วมรุ่นใหม่ๆ หลั่งไหลเข้าขบวนการไม่หยุด"
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 15 สิงหาคม 2555 คอลัมน์
"ผ่ายุทธศาสตร์'ปฏิวัติปัตตานี'อีกหนึ่งทฤษฎีสงครามชายแดนใต้"
อันที่จริงแล้วหากผู้รับผิดชอบทั้งนายกฯและรองนายกฯผู้รับผิดชอบจะทำ"การบ้าน" โดยศึกษาเรื่องราวต่างต่าง ปมความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ สังคมและการเมืองอย่างถ่องแท้จนเข้าใจอย่างถี่ถ้วนจนตกผลึก อย่างน้อยก็พอจะเข้าใจปัญหาในภาพรวมและค่อยค่อยปะติดปะต่อเรื่องราวและปัญหาต่างต่างและที่สุดก็สามารถกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างเข้าใจได้ หากคอยแต่รับฟังรายงานและข้อเสนอของฝ่ายปฏิบัติโดยไม่ศึกษาทำความเข้าใจของปัญหาอย่างจริงจัง จะไม่มีความคืบหน้าในการปฏิบัติเช่นทุกวันนี้
| |
http://narater2010.blogspot.com/
|
วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ปัญหาในขบวนการป่วนใต้ กับทางสองสายเมื่อเกิดประชาคมอาเซียน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น