วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เปิดร่าง 'โรดแมปสันติภาพ' ฉบับประชาสังคมชายแดนใต้

เปิดร่าง 'โรดแมปสันติภาพ' ฉบับประชาสังคมชายแดนใต้



โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในห้วงเวลาของการริเริ่มพูดคุยสันติภาพที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าไร้ทิศ ทางและความพร้อม การมีทิศทางซึ่งเห็นชอบร่วมกันของคู่สนทนาหรือมีการผลักดันจากฝ่ายต่างๆ จึงเป็นเครื่องมือที่จะรั้งให้กระบวนการสันติภาพเดินหน้าต่อไปได้ ที่ผ่านมามีความพยายามจะเสนอแผนที่เดินทางอยู่บ้าง แต่การแสดงบทบาทของเครือข่ายประชาสังคมในพื้นที่เมื่อเร็วๆ นี้ก็ชี้ให้เห็นความพยายามผลักดันให้การพูดคุยที่กำลังดำเนินอยู่นั้นยึดโยง กับความกังวลและความคาดหวังของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญด้วย สิ่งนี้จะสร้างความชอบธรรมให้กับกระบวนการและเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างหลัก ประกันว่าสันติภาพที่ (อาจ) จะก่อเกิดขึ้นในอนาคตนั้นมีฐานรองรับจากประชาชนมากพอ


ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สภาประชาสังคมชายแดนใต้และเครือข่ายองค์กรในภาคสังคมจำนวนหนึ่งได้ร่วมกัน จัดกระบวนการยกร่างแผนที่เดินทางสันติภาพ หรือ “โรดแมปสันติภาพ” ขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการเชิญนักวิชาการด้านสันติภาพคนสำคัญมาให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยว กับความจำเป็นของการมี “โรดแมปสันติภาพ” ในกระบวนการพูดคุยและเจรจาสันติภาพ (คลิกอ่าน “ทำความเข้าใจ ‘แผนที่เดินทางสู่สันติภาพ’และบทบาทของฝ่ายที่สาม”) และจัดให้มีการระดมความคิดเห็นอย่างต่อเนื่องหลายครั้งเมื่อตอนต้นเดือน มิถุนายนที่ผ่านมา กระทั่งได้มาซึ่งร่างแผนที่เดินทางที่พร้อมจะเสนอต่อคู่สนทนา ทั้งฝ่ายทางการไทยและฝ่ายขบวนการบีอาร์เอ็น

แม้ว่าใจกลางของการจัดทำโรดแมปสันติภาพจะเน้นหนักไปที่ “กระบวนการ” ที่มีประชาชนหลายกลุ่มองค์กรและหลากหลายชาติพันธุ์ศาสนาเข้าร่วม แต่ “เนื้อหา” ของร่างโรดแมปดังกล่าวก็มีความหมายสำคัญที่คู่สนทนาและผู้คนในสังคมควรร่วม พิจารณาอย่างถี่ถ้วน


ดังที่นำมาแสดงให้เห็นในที่นี้


(ร่าง)


แผนที่เดินทางสันติภาพโดยภาคประชาสังคมชายแดนใต้/ปาตานี


ผลจากการระดมความเห็นเครือข่ายภาคประชาสังคมชายแดนใต้

ในวันที่ 4 , 8 และ 10 มิถุนายน 2556



              1. ภาค ประชาสังคมมีการระดมความคิดเห็นจากบุคคลที่หลากหลายกลุ่มและอาชีพ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ มุ่งมั่นที่จะเห็นการแก้ปัญหาความขัดแย้งรุนแรงที่ยืดเยื้อเรื้อรังใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสันติวิธี ภาคประชาสังคมและประชาชนในและนอกพื้นที่ตื่นตัว ตระหนัก และสร้างความหวัง รวมทั้งปรารถนาให้รัฐไทยกับขบวนการBRN รวมทั้งกลุ่มอุดมการณ์ ผู้เห็นต่างจากรัฐกลุ่มอื่นๆ มีการพูดคุย/เจรจาสันติภาพเพื่อหาทางออกที่ดีงาม ถูกต้อง และบังเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในและนอกพื้นที่ชายแดนใต้ และประเทศชาติ

            2. ภาคประชาสังคมเห็นว่า กระบวนการสันติภาพนี้ควรวางอยู่บนหลักการการแก้ปัญหาในแนวทางสันติวิธี 5 ข้อ:


  • (1) ทุกกระบวนการของการสร้างสันติภาพ ต้องเชื่อมโยงและให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ และสังคมสาธารณะ
  • (2) ทุกฝ่ายควรยอมรับสถานะของคู่เจรจาอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค
  • (3) เปิดพื้นที่ปลอดภัยที่ทุกคนสามารถเสนอความคิดเห็นโดยไม่ต้องกังวลต่อความปลอดภัยและการดำเนินทางกฎหมายจากทั้งรัฐและ BRNในการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมในกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพ
  • (4) ภาคประชาสังคมจะเป็นฝ่ายประสานเชื่อมทุกฝ่าย ร่วมกันกำหนดพื้นที่/สร้างตัวชี้วัดในการ “ลดความรุนแรง” และสนับสนุนการสร้างความเป็นธรรมแก่ประชาชน เพื่อให้บรรลุข้อตกลงที่ทุกฝ่ายยอมรับและชอบธรรม
  • (5) สังคมต้องเรียนรู้ เข้าใจ อดทน อดกลั้น และยอมรับความจริงเพื่อหนุนเสริมให้กระบวนการพูดคุยและเจรจาบรรลุข้อตกลงของทุกฝ่าย


          3. พันธะ สัญญา เพื่อให้การพูดคุยเดินหน้าจนบรรลุข้อตกลงร่วมกันโดยนำความสันติสุขแก่ ประชาชน ภาคประชาสังคมจะผนึกกำลังร่วมกันกับทุกฝ่าย แม้ว่าเวทีการพูดคุยจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

ข้อเสนอต่อขบวนการ BRN:


  • (1) ต้องสื่อสารและเปิดพื้นที่ทำความเข้าใจให้รัฐและประชาชนในเรื่องความไม่เป็นธรรมที่กลุ่มเสนอให้เป็นรูปธรรม
  • (2) ร่วมกันเสนอแนวคิดการจัดให้มีช่องทางสื่อสารของบีอาร์เอ็นในการติดต่อประสานงานเพื่อการพูดคุยสันติภาพอย่างเป็นทางการ
  • (3) ให้แสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์รุนแรงทั้งที่ตัวเองได้กระทำและปฏิเสธสิ่งที่ไม่ได้กระทำ
  • (4) ควรมีแผนที่สันติภาพ (โรดแมป) เพื่อแสดงเจตจำนงทางการเมืองร่วมกันหาทางออกจากความขัดแย้ง
  • (5) ละเว้นการทำร้ายผู้บริสุทธิ์


ข้อเสนอต่อรัฐไทย:


  • (1) ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาวิเคราะห์ข้อเสนอของ BRN อย่างรอบคอบและสรุปผลเสนอต่อคณะพูดคุย
  • (2) สร้างบรรยากาศสันติภาพให้เป็นรูปธรรมทุกระดับในพื้นที่
  • (3) ให้แสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์รุนแรงทั้งที่ตัวเองได้กระทำและปฏิเสธสิ่งที่ไม่ได้กระทำ
  • (4) กำหนดองค์กรให้ชัดในการทำหน้าที่รับฟังความเห็นจากภาคประชาชน และภาคประชาสังคม
  • (5) หากระบวนการที่ชอบธรรมเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการเจรจาสันติภาพให้ทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของสภาความมั่นคงแห่งชาติ
  • (6) รัฐต้องมีหน่วยที่สามารถสื่อสารความก้าวหน้าการพูดคุย/เจรจาสันติภาพ
  • (7) ทบทวนกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ


ข้อเสนอต่อประชาชน


  • (1) ควรเรียนรู้ ติดตาม และตรวจสอบกระบวนการสันติภาพให้เท่าทัน ครอบคลุมทุกด้าน
  • (2) ต้องกระตือรือร้นในการเข้ามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของการสร้างสันติภาพด้วยตัวของประชาชนเอง
  • (3) สร้างและเปิดพื้นที่การพูดคุยและเชื่อมโยงกับภาคประชาสังคมด้วยเครื่องมือที่สร้างสรรค์ (ทีม/กระบวนการ) เพื่อสันติภาพให้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น
  • (4) ควรเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร


ข้อเสนอต่อสื่อ


  • (1) สื่อ ต้องเรียนรู้ และมีองค์ความรู้ในกระบวนการสันติภาพ โดยเฉพาะเรื่องประวัติศาสตร์ และสังคมวัฒนธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อพัฒนาทักษะการรายงานข่าวสาร ให้ความรู้แก่สาธารณะในการหนุนเสริมกระบวนการพูดคุย/เจรจาให้บรรลุเป้าหมาย
  • (2) สื่อควรมีแนวปฏิบัติของการรายงานข่าวสารที่สอดรับกับบรรยากาศกระบวนการสันติภาพที่กำลังดำเนินการอยู่
  • (3) สื่อควรสร้างพื้นที่ของเครือข่ายการพูดคุย โดยใช้แหล่งข่าวหลากหลายกลุ่มได้สนทนาสันติภาพในพื้นที่สื่อด้วยเช่นกัน


ข้อเสนอต่อรัฐบาลมาเลเซีย


  • (1) ต้องเป็นกลาง ไม่มีผลประโยชน์ใดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสันติภาพ
  • (2) ยกระดับจาก "ผู้อำนวยการพูดคุย" เป็น “คนกลางในการไกล่เกลี่ย” ร่วมกับประเทศอื่นๆ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองฝ่าย
  • 4. บทบาทของภาคประชาสังคมกับการสนับสนุน/หนุนเสริมกระบวนการสันติภาพ มีดังนี้
  • (1) เสริมสร้างและพัฒนาวัฒนธรรมสันติภาพและการเรียนรู้ให้กับองค์กรภาคประชาสังคมทุกเครือข่ายเป็นวัตถุประสงค์สำคัญขององค์กร
  • (2) เสริมสร้างและพัฒนาทักษะกับการทำงานหลักของแต่ละองค์กรให้เชื่อมโยงกับกระบวนการสันติภาพ
  • (3) สร้างกระบวนการทำงาน การติดตามประเมินผล 'โครงการสันติภาพ' ให้เข้มแข็งเป็นเครือข่ายให้ชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น
  • (4) องค์กร/ภาคประชาสังคม ต้องกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด ในการทำงานแต่ละประเด็นให้เป็นกระบวนการเพื่อสร้างโครงข่ายอย่างเป็นระบบ
  • (5) องค์กร/ภาคประชาสังคม ต้องสร้างความเชื่อมั่นแก่เครือข่าย ประชาชนในการสร้าง สภาวะผู้นำ" ในกิจกรรมสร้างสันติภาพ
  • (6) องค์กร/ภาคประชาสังคม ต้องเชื่อมโยงกับองค์กรเครือข่ายเพื่อสื่อสารภายในและสังคมสาธารณะในผลของการขับเคลื่อนเรื่องสันติภาพอย่างเป็นระบบ สม่ำเสมอ และต่อเนื่อง
  • (7) ให้องค์กร/ภาคประชาสังคมปฏิบัติการ แถลงการณ์ รณรงค์ที่เป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้น
  • (8) ให้องค์กรภาคประชาสังคมผลักดันข้อเสนอเป็นนโยบายสาธารณะและวาระแห่งชาติ
  • (9) ภาคประชาสังคมจะต้องผนึกกำลังและสร้างเครือข่ายในพื้นที่เพื่อขยายกระบวนการสันติภาพ
  • (10) องค์กร/ภาคประชาสังคม รวมทั้งสถาบันการศึกษา ควรสร้างกระบวนการทบทวนและปรับปรุงการทำงานให้หนุนเสริมกระบวนการสันติภาพ




           5. องค์กร/ภาคประชาสังคมเสนอกรอบเวลา 3 ปี (นับจากกรกฎาคม 2556/2013 – พฤษภาคม 2559/2016)เพื่อให้การพูดคุย/เจรจา สันติภาพเป็นไปทั้งในทางลึกและกว้าง ด้วยการมีโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง โดยแบ่งระยะเวลาเป็นช่วงต่างๆ โดยมีการสร้างกระบวนการสื่อสารธารณะตลอดกระบวนการ ดังนี้ ระยะของกระบวนการพูดคุย ใช้ระยะเวลา 6 เดือน – 1 ปี

(กรกฎาคม 2556/2013 – มิถุนายน 2557/2014)

  • ทั้งสองฝ่ายคู่เจรจาตกลงขั้นตอน / กระบวนการ / ประเด็นการเจรจาภายในสิ้นปี 2556
  • สร้างความเข้าใจ รณรงค์สาธารณะ/อธิบายการยอมรับการเจรจา
  • รัฐไทยตอบข้อคำถาม 5 ข้อของขบวนการ BRN
  • ขบวนการ BRNสร้างความมั่นใจกับรัฐไทย
  • ใช้การพูดคุยที่ไม่เป็นทางการเสริมการพูดคุยที่เป็นทางการ
  • ลดความกังวลแก่มวลชนทั้งสองฝ่าย
  • ขบวนการ BRN ต้องขยายความ "ความไม่เป็นธรรม" ให้ทั้งรัฐและประชาชนเข้าใจ
  • รัฐไทยและบีอาร์เอ็นต้องเปิดพื้นที่และสร้างบรรยากาศกระบวนสันติภาพให้เป็นรูปธรรม ทุกระดับในพื้นที่
  • ขยายพื้นที่พูดคุยกระบวนการสันติภาพ โดยสร้างเวทีพูดคุยสันติภาพให้ครอบคลุมทุกฝ่าย
  • เปิดเวทีให้ประชาชนนำเสนอความคิดเห็นและประเด็นต่อรัฐ


ระยะยกระดับสู่ "การเจรจา"


  • ๐ กำหนดกลไกคณะทำงานในกระบวนการเจรจา อาทิ ใช้การพูดคุยที่ไม่เป็นทางการเสริมการพูดคุยที่เป็นทางการ
  • ๐ มีกลไกที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการกับ Track 1
  • ๐ ตั้งคณะที่ปรึกษาร่วมที่มาจากทั้งสองฝ่าย
  • ๐ หารือกรอบข้อตกลงการเจรจา / ประเด็น
  • ๐ ฝ่ายคู่ขัดแย้ง แต่งตั้งตัวแทนการเจรจา

ขั้นเจรจา ใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี


(มิถุนายน 2557/2014 – พฤษภาคม 2559/2016)

  • ๐ มีคณะทำงานย่อยแต่ละประเด็นที่มีการเจรจา เพื่อนำไปสู่ข้อตกลงที่บรรลุได้ ได้แก่



  • - การลดความรุนแรง
  • - ข้อตกลงการหยุดยิง การสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัย
  • - การสร้างความเป็นธรรม
  • - การปฏิรูปฝ่ายความมั่นคง
  • - การปฏิรูปการเมือง และสิทธิทางการเมือง
  • - แก้ไขรัฐธรรมนูญ
  • - การศึกษา ภาษา อัตลักษณ์ ฯลฯ



  • ๐ ได้กรอบข้อตกลงสันติภาพที่ครอบคลุมทุกประเด็นสำคัญ



หลังมีกรอบข้อตกลงการเจรจา 1 ปี


  • ๐ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการละเมิดกฎการเจรจา โดยมีตัวแทนของภาคประชาชนทุกภาคส่วน
  • ๐ การปฏิบัติ / ติดตามให้ข้อตกลงสันติภาพเป็นรูปธรรม
  • ๐ เกิดพื้นที่ปลอดภัยจากฝ่ายคู่ขัดแย้งทุกพื้นที่
  • ๐ ขยายความเข้าใจแก่สังคมสาธารณะ


บันทึกข้อถกเถียง

อนึ่ง มีการถกเถียงที่ยังไม่ลงตัวหลายประการ เช่น คำว่า "ประเทศชาติ" ในที่นี้หมายถึงประเทศใด สันติภาพ ก็ต้องมีนิยาม เพราะแต่ละฝ่ายนิยาม "สันติภาพ" ไม่เหมือนกัน เป็นต้น
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม