วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

“รอมฎอนมืด” สังหารอีหม่ามยะโก๊บ หรือหลักศาสนาจะใช้ไม่ได้กับโจรใต้

“รอมฎอนมืด” สังหารอีหม่ามยะโก๊บ หรือหลักศาสนาจะใช้ไม่ได้กับโจรใต้


            พลันที่สิ้นเสียงปืนดังลั่นกลางตลาดนัดจะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี พร้อมๆ กับการเสียชีวิตของ นายยะโก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ความรู้สึกของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งที่เป็นไทยพุทธและมุสลิมต่างรับรู้ถึงความสูญเสียบุคลากรที่ทรงคุณค่าทางศาสนาซึ่งเป็นที่เคารพรักใคร่ของประชาชนทั่วไป พร้อมด้วยคำถามที่ตามมามากมายในทำนอง ใครเป็นคนทำ ทำทำไมและหนทางสันติภาพที่ทุกคนโหยหาจะมาถึงได้อย่างไรในเมื่อแม้แต่อิหม่ามซึ่งเปรียบเสมือนผู้นำทางจิตวิญญาณของพี่น้องมุสลิมต้องมาถูกกระทำเช่นนี้



          ย้อนหลังไปเมื่อเกือบ 3 ปีที่แล้ว ช่วงค่ำวันที่ 11 ต.ค.2553 อิหม่ามยะโก๊บเคยถูกคนร้ายลอบยิงที่หน้าบ้าน แต่รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด เพราะกระสุนโดนเพียงหมวกกะปิเยาะห์ แต่การถูกลอบยิงจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดในครั้งนั้น ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจปฏิบัติตนในฐานะผู้นำศาสนาที่ดีลดน้อยถอยลงไปแต่อย่างใด บทบาทในการเป็นอิหม่ามที่ต่อต้านการบิดเบือนคำสอนทางศาสนาและการใช้ความรุนแรง รวมทั้งการแสดงความเห็นผ่านสื่อในเรื่องดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาอย่างต่อเนื่อง จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตกเป็นเป้าหมาย


         อีกสาเหตุหนึ่งที่มีความเป็นได้มากที่สุดคือ หลังถูกลอบยิงครั้งก่อน ในชั้นสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอิหม่ามยะโก๊บได้เคยชี้รูปของนายอดินัน มะสาอิ (เสียชีวิต) และ นายนัชรุดดิน แวบือราเฮง ว่าเป็นคนร้ายที่ลอบยิงตนเอง แต่ขอร้องไม่ให้บันทึกคำให้การเพื่อออกหมายจับ เนื่องจากตนเป็นอิหม่ามเกรงจะเกิดข้อครหาว่าปลักปรำผู้อื่น จึงเป็นเสมือนการปล่อยเสือเข้าป่าด้วยเจตนาดีของท่าน


        อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 2 ส.ค.56 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายนัชรุดดิน แวบือราเฮง สมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ระดับหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ซึ่งมีหมายจับ ป.วิอาญา ถึง 8 หมาย หนึ่งในนั้นคือคดีสะเทือนขวัญ เหตุยิงชาวบ้านเสียชีวิต 6 ศพ ในพื้นที่ บ.ตะลุโบ๊ะ ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานีเมื่อ 1 พ.ค.56 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลการสอบสวนถึงคดีลอบยิงอิหม่ามยะโก๊บในครั้งนั้นด้วย แต่ยังไม่ทันได้ผลคืบหน้าอิหม่ามก็มาถูกลอบสังหารเสียก่อน


         จากกรณีข้างต้นประเด็นเดียวที่ฟันธงได้คือ “ฆ่าก่อนความจริงปรากฏ” เพราะนายนัชรุดดินนั้นได้รับความไว้วางใจจากขบวนการให้รับหน้าที่มือระเบิดต่อจาก นายมะซอเร ดือรามะ เนื่องจากนายมะซอเรฯ ได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ปลายปี 54 ที่ผ่านมา โดยนายนัซรุดดินฯ รับหน้าที่หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ซึ่งความเกี่ยวพันนี้ขบวนการไม่อาจปฏิเสธได้ แต่นายนัชรุดดินกลับเป็นผู้ต้องหาที่ลอบยิงอิหม่ามยะโก๊บ ซึ่งหากอิหม่ามยะโก๊บชี้ตัวยืนยันภายหลังจากจับกุมครั้งนี้ นอกจากนายนุชรุดดินจะต้องตกเป็นผู้ต้องหาอย่างแน่นอนโดยมีผู้เสียหายชี้ตัวอย่างชัดเจนแล้ว ขบวนการจะต้องเสียมวลชนครั้งยิ่งใหญ่ เพราะคงตอบคำถามพี่น้องมุสลิมไม่ได้ว่าทำไมถึงต้องการสังหารอิหม่ามยะโก๊บ นี่น่าจะเป็นขนวนเหตุหนึ่งของการถูกลอบสังหารครั้งนี้


          อีกสาเหตุหนึ่งมาจากการที่อิหม่ามเป็นผู้นำศาสนาที่ต่อต้านการบิดเบือนหลักศาสนาอันดีงาม ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับข้างฝ่ายขบวนการที่นำศาสนามาบิดเบือนเพื่อให้แนวร่วมหลงผิดเข้าร่วมขบวนการ การปล่อยไว้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการต่อสู้โดยใช้ศาสนาที่ถูกบิดเบือนมาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว



           และหากจะมีใครซักคนที่ต้องถูกสังหารเพื่อสร้างกระแสความหวาดกลัวและยอมเชื่อฟังในคราวเดียวกันให้เกิดขึ้นกับแนวร่วมที่ถูกข่มขู่ใช้งานแล้ว อิหม่ามยะโก๊บ หร่ายมณี คือเหยื่อที่คุ้มค่าและได้ผลมากที่สุด 

           เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ซึ่งจะสร้างความหวาดกลัวและให้ความร่วมมือของผู้นำศาสนาในพื้นที่ได้อีกนาน

          แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด “อิหม่ามยะโก๊บ” ผู้นำศาสนาที่ยึดมั่นในแนวทางตามหลักศาสนาอย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีทั้งในมุมของศาสนาและการแสดงจุดยืนในการสร้างสันติในเมฆหมอกแห่งความขัดแย้งได้กลับไปสู่ความเมตตาของอัลเลาะฮฺแล้ว ในฐานะที่ได้ติดตามสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้และเห็นถึงความตั้งใจจริงของอิหม่ามยะโก๊บมาโดยตลอดขอให้ความดีของท่านได้เกื้อหนุนให้ท่านไปสู่โลกอาคีเราะห์อย่างที่ท่านตั้งใจด้วยเถิด

..... ด้วยจิตคารวะ อามีน


ซอเก๊าะ นิรนาม

http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม