วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เปิดแนวรบชิงเก้าอี้ประธานพูโล ศึกนี้เพื่อใคร


เปิดแนวรบชิงเก้าอี้ประธานพูโล ศึกนี้เพื่อใคร


          ภายหลัง ตนกูบีรอ กอตอนีลอ ประธานผู้ก่อตั้งขบวนการป่วนใต้พูโลคนแรกได้เสียชีวิตลงเมื่อ พ.ศ.2551
ตนกูบีรอ กอตอนีลอ 

           ขบวนการ Pulo หรือ Patani United Liberation Organisation แปลเป็นไทยว่าองค์การกู้เอกราชสหปาตานี ซึ่งในเบื้องต้นได้กำหนดวัตถุประสงค์การก่อตั้งไว้อย่างสวยหรูว่า เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อกู้เอกราชแผ่นดิน ปาตานีรายาอันเป็นสิทธิของชาวมลายูผู้นับถือศาสนาอิสลาม แต่กลับมีบทบาทโดดเด่นเข้าข่ายโจรคือ การเรียกค่าไถ่หรือค่าคุ้มครองกับผู้ประกอบการซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจในสมัยนั้น ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันดีแต่ถูกจับกุมและถูกตัดสินประหารชีวิตแต่ได้รับความปราณีลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิตคือ หะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ ซึ่งวันนี้ก็ยังชดใช้กรรมที่ก่อไว้อยู่ในเรือนจำ

         ใครจะรู้บ้างว่า วันนี้ Pulo ถึงคราวตกอับถึงขนาดบรรดาสมาชิกซึ่งมีทั้งเก่าและใหม่ต่างรุมแย่งชิงเก้าอี้ประธานพูโลและใช้การโฆษณาชวนเชื่อตามความถนัดดิสเครดิตกันไปมา ไม่เว้นแม้แต่ในเว็บไซต์ Puloinfo.net ซึ่งเป็นของกลุ่มที่ทำขึ้นเพื่อโจมตีรัฐบาลไทยแต่วันนี้กลับถูกสมาชิกระดับแกนนำทั้งเก่าและใหม่ในแต่ละกลุ่มซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่ม ใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อสร้างการยอมรับในฐานะประธานพูโลจนเป็นที่ตลกขบขัน ทั้งฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มก่อการร้ายอีกกลุ่มที่เดินเกมส์ได้เหนือกว่าคือ BRN

          นิยายศึกชิงเก้าอี้นี้แน่นอนว่าย่อมมีที่มาที่ไป มีผลได้ผลเสียและผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับตนเองและพวกพ้องของเหล่าสมาชิก แล้วมีใครบ้างล่ะ



           นูร อับดุรเราะห์มาน หรือ กาแม ยูโซ๊ะ ซึ่งอ้างว่าได้รับแต่งตั้งเป็นประธานองค์การแนวร่วมปลดปล่อย ปาตานี หลังจาก ตนกูบีรอ กอตอนีลอ ประธานคนแรกเสียชีวิต หลังจากนั้นไม่นานได้ออกแถลงการณ์โจมตี นายกัสตูรีฯ กรณีได้รับความไว้วางใจจากคะแนนเสียงข้างมากของคณะกรรมการกลางพูโลว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งหลังจากนั้นการออกมาแสดงบทบาทนำในลักษณะขัดแย้งของทั้งคู่ก็มีมาโดยต่อเนื่อง

ซัมซูดิง คาน

           นอกจากนี้ยังมีนายซัมซูดิง คาน ประธานกลุ่มพูโลเก่าซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่พยายามมีบทบาทนำด้วยจุดยืนแข็งกร้าวที่ไม่ต้องการเพียงเขตปกครองพิเศษหรือการปกครองตนเองนอกจากการได้รับเอกราชเท่านั้น ขณะที่กลุ่มของนายกาแม ยูโซ๊ะ ก็มีจุดมุ่งหมายแบบเดียวกัน
 นายกัสตูรี มะห์โกตา ซึ่งอ้างตัวเองว่าเป็นประธานขบวนการพูโล 

          ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ต.ค.๕๖ นายกัสตูรีฯ ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ของกลุ่มโดยอ้างตัวเองว่าเป็นประธานขบวนการพูโล พร้อมด้วยการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอาวุโสในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ขณะนี้ขบวนการพูโลที่แตกออกมาเป็น 3 กลุ่มได้รวมเป็นหนึ่งแล้ว เพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมพูดคุยสันติภาพกับตัวแทนรัฐบาลไทยที่ได้ดำเนินการพูดคุยกับตัวแทนขบวนการบีอาร์เอ็นไปก่อนหน้านี้แล้ว และยังเปิดเผยด้วยว่าได้เดินทางไปที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อพบกับผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยเพื่อสันติภาพระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยกับฝ่ายขบวนการต่อสู้ที่ปาตานี เพื่อหารือถึงเรื่องการเข้าร่วมวงการพูดคุยดังกล่าวแล้วด้วย โดยพูโลจะส่งตัวแทนเข้าร่วมวงพูดคุยเพื่อสันติภาพจำนวน 2 คน ซึ่ง ตนจะเป็นคนหนึ่งที่จะเข้าร่วมการพูดคุยครั้งต่อไปด้วย

            อย่างไรก็ดีทั้ง 3 กลุ่มนี้หากมองด้วยสายตาสร้างสรรค์แล้วจะเห็นว่ากลุ่มที่มีท่าทีใฝ่สันติภาพด้วยแนวทางการพูดคุยคงมีเพียงนายกัสตูรีฯ ซึ่งหากเป็นไปตามการกล่าวอ้างแล้ว น่าจะได้รับการยอมรับทั้งจากมาเลเซียในฐานะผู้อำนวยความสะดวกและ BRN ซึ่งยอมที่จะให้เข้าร่วมโต๊ะพูดคุยสันติภาพ

            แม้ว่านายกัสตูรีฯ จะอ้างว่าทั้ง 3 กลุ่มได้รวมกันเป็นหนึ่งแล้ว แต่การอ้างคำแถลงของสำนักเลขาธิการพูโลระบุว่า แกนนำ Pulo MKPและ Pulo MKP-PERPADUAN ซึ่งจัดการประชุมเมื่อวันที่ 8 ต.ค.56 ได้เห็นชอบให้นายมะมูด มะห์ยีดดีน เป็นประธานพูโล และ นายกาบีร อับดุลเราะห์มาน ซานี หรือนายกาแม ยูโซ๊ะ เป็นเลขาธิการพูโล ซึ่งมีน้ำเสียงชัดเจนว่าหากมีกลุ่มใดอ้างตัวเองเป็นประธานพูโลนั้นเป็นความเท็จ


           นี่จึงแสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งแย่งเก้าอี้ประธานของทั้ง 3 กลุ่มยังไม่จบลง ก็น่าอยู่หรอก เพราะใครก็ตามที่ได้เข้าร่วมโต๊ะพูดคุย ย่อมหมายถึงการได้รับการยอมรับ และหากมีการบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลไทยตามข้อเสนอเพ้อเจ้อทั้ง 5 ข้อของฝ่าย BRN แล้ว ย่อมส่งผลให้เส้นทางก้าวสู่การเป็นชนชั้นปกครองในอนาคตแจ่มใสขึ้นมาทันที


          สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องอยากเป็นใหญ่เป็นโต ตามมาด้วยเม็ดเงินจากการสนับสนุนที่ประเทศในกลุ่มมุสลิมหลับหูหลับตาบริจาคให้อีกปีละไม่น้อย การได้เป็นผู้นำจึงสร้างผลประโยชน์ให้ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ


           ยุทธศาสตร์การก่อการร้ายของกลุ่มที่ว่า “แยกกันเดิน ร่วมกันตี” ในมิติต่างๆ ทั้งกองกำลังติดอาวุธและการเมืองระหว่างประเทศ จึงมีทีท่าว่าจะไปไม่รอด เพราะเป้าหมายที่พวกเขาต้องการไม่ได้อยู่ที่ความสงบสุขของพื้นที่ ความอยู่ดีกินดีของพี่น้องประชาชนเหมือนอุดมการณ์สวยหรูตามที่กล่าวอ้าง


           สงครามกองโจรไม่อาจกำหนดการแพ้ชนะได้ เพราะชัยชนะที่แท้จริงอยู่ที่ประชาชน แต่ในวันนี้ วันที่พวกเขาเอาประชาชนมาอ้าง วันที่ประชาชนไม่ได้โง่อย่างที่พวกเขาคิดอีกต่อไป เดาได้เลยว่าคงไปไม่ถึงไหนหรอก เพราะธาตุแท้มันโผล่ออกมาให้เห็นแล้ว



ซอเก๊าะ นิรนาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม