สำนักข่าว IMM :กลุ่มหัวรุนแรงจีฮัด "ไอเอสไอเอส" ที่ควบคุมเมืองโมสุลของอิรักตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ได้ทำลายสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา รวมทั้งมัสยิด และสุเหร่าของชาวมุสลิม และโบสถ์ของชาวคริสต์เตียนรอบเมืองโมสุลซึ่งถือเป็นเมืองประวัติศาสตร์ของอิรักแล้ว มีสุเหร่าของชาวสุหนี่ 4 แห่งถูกทำลาย และ 6 แห่งของชาวชีอะห์ถูกทำลาย
สำนักข่าวมติชนออนไลน์ รายงานว่า กลุ่มหัวรุนแรงจีฮัด "ไอเอสไอเอส" ที่ควบคุมเมืองโมสุลของอิรักตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ได้ทำลายสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา รวมทั้งมัสยิด และสุเหร่าของชาวมุสลิม และโบสถ์ของชาวคริสต์เตียนรอบเมืองโมสุลซึ่งถือเป็นเมืองประวัติศาสตร์ของอิรักแล้ว โดยมีรายงานว่า มีสุเหร่าของชาวสุหนี่ 4 แห่งถูกทำลาย และ 6 แห่งของชาวชีอะห์ถูกทำลาย ในหลายส่วนของจังหวัดไนน์เวห์ ซึ่งมีเมืองโมสุลเป็นเมืองเอก โดยสถานที่สักการะทางศาสนาเหล่านี้ต่างถูกทำลายด้วยรถตักดิน รวมทั้งถูกถล่มด้วยระเบิด
นอกจากนี้ โบสถ์บางแห่งในเมืองนี้ยังถูกยึด มีการนำไม้กางเขนออกไป และนำธงของกลุ่มไอเอสไอเอสมาติดแทน ขณะที่ชาวบ้านเมืองโมสุลต่างบอกว่ารู้สึกเศร้าใจกับการทำลายล้างสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาเหล่านี้ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ชนรุ่นปู่รุ่นพ่อ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นจุดเด่นและเป็นสัญลักษณ์ของเมือง
ขณะที่หน่วยงานความมั่นคงอิรักพยายามตรวจสอบว่า นายอัล แบกดาดี ผู้นำของกลุ่มไอเอสไอเอส ได้เดินทางไปเทศนายังมัสยิดใหญ่ในเมืองโมสุลหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็จะนับเป็นการปรากฎตัวครั้งแรกของนายแบกดาดี ที่ถือเป็นบุคคลสำคัญของวงการจีฮัดนานาชาติ และเป็นบุคคลที่ถูกรัฐบาลสหรัฐตั้งรางวัลค่าหัวเป็นมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์
โดยนายอัล แบกดาลี ได้ก่อตั้งกลุ่มไอเอสไอเอสที่แยกตัวมาจากกลุ่มอัล กออิดะห์ ที่มุ่งเน้นให้อิรักเป็นกองกำลังผสมอิสระ และกลุ่มได้ครอบครองพื้นที่ยาวตลอดแถบพรมแดนซีเรียและอิรักอยู่ในขณะนี้ โดยกลุ่มสามารถเข้าควบคุมเมืองโมสุลได้เมือเดือนที่แล้ว และสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ที่เหลือของเมืองไนน์เวห์ รวมทั้งบางส่วนของ 4 จังหวัดทางตอนเหนือและตะวันตกของกรุงแบกแดด ในปฏิบัติการเข้ายึดครองพื้นที่ที่ทำให้ชาวอิรักหลายแสนคนต้องพลัดถิ่นฐาน และสร้างความวิตกให้แก่ประชาคมโลกถึงความอันตรายของกลุ่ม
- See more at: http://www.immjournal.com/news-world/841-isis040.html#sthash.AfAOZWSD.dpuf
อัลเลาะห์ ทรงตรัสว่า
แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นพี่น้องกัน (ซูเราะห์ อัลหุญุร๊อต : 10)
รายงานจาก อบีมูซา กล่าวว่า ท่านรอซูล กล่าวว่า : ผู้ศรัทธาต่อผู้ศรัทธานั้น (ต้องช่วยเหลือกัน) เหมือนกับอาคาร ซึ่งบางส่วนของมันยึดเหนี่ยวกับอีกบางส่วน แล้วท่านรอซูลประสานมือเข้าด้วยกัน
บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม
(ดูในบุคอรีย์ เล่ม 5 หน้า 72 และดูในมุสลิม หะดีษเลขที่ 2585)
แล้วตกลงว่างัยแน่ ตกลงมันจะเป็นพี่น้องกัน หรือมัน คราวนี้จะมาแถอีกว่า ไอ้นี้มันไม่ใช่อิสลาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น