วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

คุณคงจำ 2 นาวิกโยธินที่ตันหยงลิมอได้นะครับ


คุณคงจำ 2 นาวิกโยธินที่ตันหยงลิมอได้นะครับ

คำสารภาพของมือสังหารที่ปลิดชีพ นาวิกโยธิน 2 คน ที่ ตันหยงลิมอ
บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด

"ผมแทงสองนาวิกโยธินเป็นคนแรก ก่อนที่คนอื่นจะใช้ไม้ทุบตีทหารทั้งสองจนเสียชีวิต"

 

นั่นคือคำสารภาพตอนหนึ่งของ นายหามะมาโซ มามะ อายุ 28 ปี ชาวบ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ครูฝึกหน่วยรบอาร์เคเค และผู้ต้องหาคดีสังหารโหด 2 นาวิกโยธินเมื่อปลายปี 2548 ที่ผ่านมา 

ซึ่งเป็น นายหามะมาโซ คนเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เคยเรียกมาสอบถามขณะลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2549 และผลจากการซัดทอดของเขาทำให้เจ้าหน้าที่สามารถขยายผลไปถึงกลุ่มคนร้ายกว่า 100 คน จนทำให้ทราบถึงยุทธวิธีหลากหลายรูปแบบของขบวนการก่อการร้าย และนำมาสู่ "ยุทธการศรีสุนทร 49" เพื่อไล่ล่ากลุ่มก่อการร้ายในปัจจุบัน นายหามะมาโซ สารภาพหลังถูกจับกุมว่า ได้เข้าร่วมขบวนการด้วยการทำ "ซุมเปาะ" (สาบานตน) กับ อุสตาสนุ แกะซิ ครูใหญ่โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา โดยการชักนำของ นายกอเซ็ง อาแว อายุ 40 ปี ครูสอนศาสนา และเข้าร่วม "ขบวนการกู้ชาติปัตตานี" กับเพื่อนอีกหลายคนเมื่อปี 2543 

หามะมาโซ ระบุว่า สาเหตุที่เข้าร่วมขบวนการกู้ชาติ เพราะอ่านประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี พบว่าในอดีตเคยเป็นเมืองขึ้นของประเทศสยาม และบรรพบุรุษชาวมลายูถูกจับไปเป็นทาส โดยมีการเจาะเอ็นร้อยหวายเพื่อให้ไปขุดคลองแสนแสบที่กรุงเทพฯ ทั้งยังมีความเชื่อตามหลักการทางศาสนาว่า ถ้ามุสลิมเจ็บคนเดียวก็เหมือนเจ็บทั้งหมด จึงคิดที่จะต่อสู้เพื่อพี่น้องมุสลิมซึ่งถูกรังแกจากชาวสยาม 

ระหว่างนั้นก็ได้รับการฝึก กระทั่งปี 2545 จึงได้รับความไว้วางใจจากขบวนการกู้ชาติให้เข้าฝึก "หลักสูตรชุดปฏิบัติการขนาดเล็ก" (คอมมานโด/อาร์เคเค) กับสหายร่วมแนวทาง 6 คน โดยเป็นการฝึกการรบพิเศษทุกระบบ ทั้งทางร่างกาย และอาวุธในการสงครามย่อยทุกรูปแบบ ทั้งนี้ จะเน้นคำปลุกใจว่า "เมอเดก้า" ซึ่งหมายถึง "เอกราช" ของขบวนการกู้ชาติปัตตานี 

เมื่อฝีมือแก่กล้าขึ้น จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นครูฝึกอาร์เคเค และฝึกหลักสูตรหน่วยรบขนาดเล็กให้ "เยาวชนแนวร่วม" มาแล้ว 4 รุ่น รวมแล้วประมาณ 30 คน ทุกรุ่นจะใช้สถานที่ฝึกใน "ปอเนาะร้าง" หลังสำนักงาน อบต.ตันหยงลิมอ โดยรุ่นแรกที่มีฝีมือและชื่อเสียงโด่งดังที่สุดขณะนี้คือ นายรอมือลี หะ (รอมือลี อาแว) ซึ่งปัจจุบันมีรางวัลนำจับสูงถึง 5 แสนบาท 

ส่วนผลงานที่ผ่านมาของ หามะมาโซ เริ่มจากงานเล็กๆ น้อยๆ คือ "ตัดสายโทรศัพท์" ตามคำสั่งของ นายอัลเอนสาน นิกาจิ อายุ 23 ปี หัวหน้าชุดอาร์เคเค ซึ่งเคยก่อเหตุปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายปิเหล็ง จ.นราธิวาส จากนั้นก็เป็นหนึ่งในทีมยิงสังหาร นายสมนึก วงศ์ธรรม นายสถานีรถไฟป่าไผ่ 

นับตั้งแต่เข้าร่วมขบวนการ เคยร่วมในเหตุการณ์ฆ่าทหาร และตำรวจ รวม 8 ครั้ง ส่วนตัวเขาลงมือฆ่าเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเองไปถึง 5 ศพ !!! 
หามะมาโซ เล่าถึงเหตุการณ์สังหารสองนาวิกโยธินด้วยว่า ขณะนั้นเขา และเพื่อนนั่งดื่มน้ำชาอยู่ในหมู่บ้าน ก่อนจะได้รับโทรศัพท์จาก นายอัลเอนสาน นิกาจิ หัวหน้าหน่วยอาร์เคเค 

นายอัลเอนสาน บอกว่า มีทหารกราดยิงชาวบ้านจนตาย และบาดเจ็บจำนวนมาก โดยชาวบ้านจับทหารที่ก่อเหตุไว้ได้ 2 คน จึงบอกให้นายอัลเอนสานประกาศเสียงตามสายในมัสยิดให้ชาวบ้านรวมตัวกัน และพยายามขัดขวางอย่าให้มีการชิงตัวประกัน 

หามะมาโซ เล่าว่า เมื่อไปถึงอาคารอเนกประสงค์ใกล้มัสยิด ก็เห็นนายอัลเอนสานจับตัวทหารมัดมือมัดเท้าและปิดตาขังไว้ในอาคาร จากนั้นจึงปรึกษากันว่าต้องการให้ "นักข่าวมาเลเซีย" มาทำข่าว เพื่อป่าวประกาศให้ชาวมุสลิมทั่วโลกรู้ว่า ทหารยิงเด็ก ผู้หญิง และชาวบ้านมุสลิมแต่เมื่อเวลาล่วงเลยมานานก็ยังไม่มีนักข่าวมาเลเซียมาทำข่าว ทุกคนเลยเกิดความลังเลว่าจะทำอะไรต่อไป 

กระทั่งมีบุคคลคนหนึ่งเข้ามาเจรจา พร้อมทั้งให้คำแนะนำว่า "ถ้าเป็นพวกนี้จริงจะทำยังไงก็ทำไปเถอะ" 
หามะมาโซและเพื่อนจึงคิดว่า แม้จะไม่ใช่คำสั่ง แต่ก็ถือว่าเป็นการ "เปิดไฟเขียว" ให้ จึงเสนอให้ฆ่าทหารเพื่อแก้แค้นให้ชาวบ้าน และชาวบ้านทุกคนก็ไม่มีใครโต้แย้ง จึงตัดสินใจฆ่าเพื่อไม่ให้เสียโอกาส 

นาทีสังหารเกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 21 กันยายน 2548 โดยหามะมาโซไปขอกุญแจที่ขังสองนาวิกโยธินจากนายนิอามราญ และให้แนวร่วมปิดล้อมมัสยิดไว้ เพื่อไม่ให้ใครเห็นเหตุการณ์ 




"ผมเป็นคนแรกที่แทงทหารทั้งสองคน ส่วนคนอื่นอีก 5 คนใช้ไม้ทุบตีจนทหารทั้งสองเสียชีวิต จากนั้นผมและนายอัลเอนสานจึงบอกให้ทุกคนรู้ว่าทหารตายแล้ว และให้รีบสลายตัว" 
แต่หลังจากนั้นพอถูกจับก็เริ่มสำนึกว่า สิ่งที่ทำลงไปผิดพลาดอย่างมหันต์ (ไม่โดนรวบก็ยังคิดไม่ใด้)

"หลังจากพบนายกฯ ผมก็บอกถึงยุทธวิธีของกลุ่มคนร้าย รวมทั้งรายชื่อระดับหัวหน้าและแนวร่วมนับร้อยคน เพราะรู้แล้วว่าผมถูกพวกเขาหลอกใช้มาตลอด ซึ่งหลังจากฆ่าสองนาวิกโยธินก็ต้องหลบหนีอย่างไร้ที่พึ่ง และแม้แต่แกนนำระดับสูงของกลุ่มขบวนการก็ไม่ยอมให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด" อดีตหัวหน้าหน่วยรบอาร์เคเค กล่าวด้วยความคับแค้น 




ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงด้านความมั่นคงในพื้นที่ เปิดเผยว่า ระหว่างการสอบสวนนายหามะมาโซ มามะ เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินกรรมวิธีหลายอย่างเพื่อให้ผู้ต้องหายอมรับสารภาพ เช่น ให้สาบานต่อคัมภีร์อัลกุรอาน เพื่อทำให้ความเข้มแข็งทางจิตใจลดลง จนทำให้ผู้ต้องหายอมรับสารภาพทุกอย่างว่ากลุ่มขบวนการก่อการร้ายมียุทธศาสตร์และยุทธวิธีการก่อการร้ายในรูปแบบใด และมีการประสานกับแนวร่วมอย่างไร 

แหล่งข่าวคนเดิม ระบุว่า ผลจากการรับสารภาพทำให้หน่วยงานความมั่นคงประเมินได้ว่า การฝึกหลักสูตรหน่วยรบขบวนเล็ก (อาร์เคเค.) ได้ขยายวงกว้างมากขึ้น และมีขีดความสามารถในการก่อเหตุสูง จึงต้องเปิดยุทธการศรีสุนทร 49 เพื่อขยายผลสกัดกั้น ป้องกัน และปราบปรามเครือข่ายของคนร้าย ส่วนนายหามะมาโซ มามะ กำลังรอขออภัยโทษอย่างสบายใจ
ขอบคุณ

http://www.komchadluek.net/column/scoop/2006/03/05.php

ดูมันพูด"แต่หลังจากนั้นพอถูกจับก็เริ่มสำนึกว่า สิ่งที่ทำลงไปผิดพลาดอย่างมหันต์ "

ไปคิดดูนะครับ
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม