วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

เผาโรงเรียนหนูทำไม


เผาโรงเรียนหนูทำไม

จากเด็กนักเรียนถึงผู้ก่อเหตุรุนแรง "เผาโรงเรียนหนูทำไม"
     ขณะที่โรงเรียนแทบทุกแห่ง ทั่วประเทศ  เปิดภาคเรียนใหม่กันไปแล้ว ซึ่งบรรยากาศอบอวลไปด้วย กลิ่นอายเสื้อผ้าใหม่ ... หนังสือใหม่... เพื่อนใหม่ .... เด็กหลายคนตื่นเต้นกับการได้ย้ายโรงเรียนพ่อแม่ ผู้ปกครอง ก็พลอยยินดี ไปกับลูกหลานที่ได้เลื่อนชั้นเรียนที่สูงขึ้น  แต่สำหรับเด็กๆ  ที่โรงเรียนบ้านต้นมะขาม   อ.ยะรัง จังหวัดปัตตานีในวันนี้กลับไม่มีอาคารเรียน  เนื่องจากถูกผู้ก่อการร้ายเผาจนวอดวายหมดสิ้นไปเมื่อคืนวันที่ 3 มิ.ย.55 ที่ผ่านมา   แม้ความรู้สึกของเด็กที่น่าสงสารที่นี่ในวันนี้ จะต่างกันยิ่งนักกับเด็กนักเรียนในภูมิภาคอื่นๆ แต่ก็คงไม่ต่างจากเด็กในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวนมากที่ต้องประสบเคราะห์กรรมที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ที่ไหนในโลกนี้   จึงมีคำถามจากเด็กๆว่า "เผาโรงเรียนหนูทำไม"  
            เผาโรงเรียน ฆ่าครู เพื่อให้เด็กไม่มีการศึกษา หรือย้ายไปเข้าโรงเรียนปอเนาะ  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าโจรเหล่านี้ใช้สมองส่วนไหนคิด
               ตั้งแต่ปี 2547  จนถึงปัจจุบัน โรงเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถูกเผาไปไม่ต่ำกว่า 100 แห่ง พอๆกับชีวิตครูที่ถูกปลิดชีวิตไปเป็นร้อย สำหรับคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติ  แต่สำหรับคนในพื้นที่อื่น รวมถึงในเวทีโลก  เรื่องนี้ได้ถูกนำมาประณามอย่างรุนแรงถึงการกระทำเยี่ยงสัตว์ป่าที่ไม่มีผู้ก่อการร้ายกลุ่มใดในโลกก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้
การกระทำดังกล่าวนอกจากต้องการท้าทายอำนาจรัฐและทำลาย    องคาพยศด้านการศึกษาของรัฐไทยแล้ว  อีกส่วนหนึ่งเกิดจากความมุ่งหวังที่จะปิดกั้นเยาวชนไม่ให้ได้รับการศึกษา  เพราะพวกเค้าเชื่อว่าระบบการศึกษาไทยมอมเมาประชาชนให้ศรัทธาในวัตถุนิยม จึงต้องเผาทำลายเพื่อจะให้เด็กเหล่านั้นหันมาเรียนใน  "โรงเรียนปอเนาะ"  หรือโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา   ซึ่งรัฐบาลต้องให้การสนับสนุน กับสถานศึกษารายละ 10,000 บาท  ซึ่งในปีหนึ่งๆ นั้นแต่ละแห่งได้รับจำนวนไม่น้อย  เป็นเหตุให้โรงเรียนปอเนาะลักษณะนี้ผุดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ราวดอกเห็ด  การช่วงชิงเด็กมาเรียนได้มากเท่าไหร่นั้นหมายถึงรายรับจะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว  ในขณะที่คุณภาพการศึกษา  อุปกรณ์การเรียนการสอนของสถานศึกษาเหล่านี้ส่วนใหญ่อาจกล่าวได้เลยว่าแย่มาก  และเป็นเหตุให้เด็กในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่สามารถสอบแข่งขันกับเด็กในภูมิภาคอื่นๆ ได้  หรือจบการศึกษามาแล้วไม่มีงานทำเนื่องจากคุณวุฒิไม่ตรงกับตลาดแรงงาน 
นี่จึงเป็นผลพ่วงจากการกระทำของคนกลุ่มหนึ่งที่แอบอ้างพระเจ้าทำเลวเพื่อศาสนาที่ส่งผลร้ายแรงไปสู่สังคมในหลายด้าน
ส่วนครูซึ่งเป็นบุคลากรทางการศึกษานั้นก็น่าสงสารอย่างที่สุด  จะไปโรงเรียนแต่ละวันต้องรอไปพร้อม ๆ กันหลังเลิกเรียนต้องรีบกลับบ้าน ทั้งที่ครูหลายคนยังอยากอุทิศตนสอนเสริมให้ลูกศิษย์ หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ แต่ไม่สามารถทำได้ดั่งใจคิด เพราะติดตรงที่โจรใจอำมหิตมันคอยจ้องฆ่า การศึกษาที่ปลายด้ามขวานจึงไปไม่ถึงไหน
น่าสงสารอนาคตของเด็กไทยที่ยืนมองซากโรงเรียนของเขาทั้งน้ำตา  อยากให้ชาวสามจังหวัดภาคใต้    ที่รักชาติรักลูกหลานลุกขึ้นมาสู้พร้อม ๆ กัน ฟาดฟันคนใจบาปให้มันพ้นจากแผ่นดินไทย อยากจะว่ารู้ชาติไหนจะกล้ารับคุ้มกะลาหัวคนทำลายแผ่นดินเกิด 
NGO ท่านอยู่ที่ไหน  เหตุใดจึงทำนิ่งเฉย  เชิญออกมาแสดงบทบาทเพื่อสร้างสรรค์สังคมตามอุดมการณ์ของท่านเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้ด้วย  อย่ามัวแต่หลงทางหวังเพียงทำเพื่อผลประโยชน์อยู่เลย
การกระทำที่ไม่มีจิตสำนึกของผู้ก่อเหตุรุนแรงแบบนี้ไม่มีใครสามารถรับได้  ทุกคนทั้งชาวบ้าน ครู นักเรียน และผู้คนในสังคมวิงวอนร้องขอ และตั้งคำถามกับผู้ก่อเหตุว่าทำไม   โรงเรียนนับเป็นสาธารณสมบัติที่มีคุณค่ายิ่งของชุมชนและสังคม เป็นแหล่งอบรมให้ความรู้แก่เยาวชน เพื่อสร้างอนาคตของชาติ การทำงานของครูที่เสียสละ ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ และความรู้ โดยไม่ย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อย จึงเป็นการยืนยันความจริงใจของภาครัฐที่มีต่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง และคำวิงวอนจากผู้สูญเสียเหล่านี้ จึงน่าจะเป็นเสียงสะท้อนไปถึงผู้ไม่หวังดีได้ว่า ประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่ต้องการเห็นภาพเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความสะเทือนใจ ต่อความสูญเสียที่เหลือให้เห็นเพียงเศษเถ้าถ่าน และคราบน้ำตาของเด็กๆเหล่านี้ที่ขอร้องว่าให้เป็นการกระทำครั้งสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นกับโรงเรียน หรือสถานที่อื่นๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซอเก๊าะ  นิรนาม
http://narater2010.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม