วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

แถลงการณ์ศูนย์พิทักษ์


แถลงการณ์ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย


จากกรณีกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ ได้ยื่นหนังสือขอให้นักเรียนหญิง 17 คน ที่เรียนอยู่ที่ ร.ร.มัธยมวัดหนองจอก แต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามคลุมผ้าฮิญาบมาโรงเรียน โดยอ้างหลักศาสนาอิสลาม สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
เนื่องจากการอ้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญนั้น จะต้องยึดถือการปฏิบัติตามหน้าที่ของคนไทยตามรัฐธรรมนูญด้วย โดยการปฏิบัติตามหลักศาสนา ลัทธิทางศาสนา และความเชื่อของตน แต่จะต้องไม่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีงาม ตลอดถึงไม่กระทบสิทธิของผู้อื่นด้วย
ดังนั้นเมื่อวันที่ ๒๘ ก.พ. ๕๔ มหาเถรสมาคมได้พิจารณาแล้วมีมติที่ ๒/๒๕๕๔ รับทราบ ตามแนวทางที่อนุกรรมาธิการพระพุทธศาสนาฯ เสนอ คือ
1.โรงเรียนหรือหน่วยราชการใดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัดหรือที่ธรณีสงฆ์ การใช้พื้นที่ต้องปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี วิถีไทยและวิถีพุทธ และกฎระเบียบของวัด

2.ให้คณะสงฆ์มีส่วนร่วมในการพิจารณาการแต่งตั้งผู้บริหารของโรงเรียน หรือหน่วยราชการ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัดหรือที่ธรณีสงฆ์

3.ควรให้พระสงฆ์ เข้าไปมีบทบาทในการกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาพระพุทธศาสนา หลักคุณธรรม จริยธรรมทุกระดับชั้น

4.โรงเรียนหรือหน่วยราชการใดขอใช้พื้นที่ของวัดหรือที่ธรณีสงฆ์ ต้องหารือและได้รับความยินยอมจากเจ้าอาวาส และคณะสงฆ์ผู้ปกครองทุกระดับจนถึงเจ้าคณะจังหวัดก่อน
ทั้งนี้ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแจ้งมติดังกล่าวและให้มีผลตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป.
และเมื่อทราบถึงมติดังกล่าว ก็มีการเคลื่อนไหวจากนายปรีดา เชื้อผู้ดี อนุกรรมาธิการศาสนาอิสลามฯ และสมาชิกจำนวนหนึ่งพยายามคัดค้านมติดังกล่าว และเตรียมการเคลื่อนไหวเพื่อปลุกกระแสคัดค้านต่อไป
ในฐานะองค์การทางพระพุทธศาสนาที่ทำงานสนองงานมหาเถรสมาคม จึงขอออกแถลงการณ์ดังต่อไปนี้ศูนย์พิทักษ์ฯ แถลงการณ์สนับสนุน มส. กรณี การแต่งกายของ ครู-นักเรียน ภายในวัด
จากกรณีกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ ได้ยื่นหนังสือขอให้นักเรียนหญิง 17 คน ที่เรียนอยู่ที่ ร.ร.มัธยมวัดหนองจอก แต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามคลุมผ้าฮิญาบมาโรงเรียน โดยอ้างหลักศาสนาอิสลาม สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
เนื่องจากการอ้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญนั้น จะต้องยึดถือการปฏิบัติตามหน้าที่ของคนไทยตามรัฐธรรมนูญด้วย โดยการปฏิบัติตามหลักศาสนา ลัทธิทางศาสนา และความเชื่อของตน แต่จะต้องไม่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีงาม ตลอดถึงไม่กระทบสิทธิของผู้อื่นด้วย
ดังนั้นเมื่อวันที่ ๒๘ ก.พ. ๕๔ มหาเถรสมาคมได้พิจารณาแล้วมีมติที่ ๒/๒๕๕๔ รับทราบ ตามแนวทางที่อนุกรรมาธิการพระพุทธศาสนาฯ เสนอ คือ
1.โรงเรียนหรือหน่วยราชการใดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัดหรือที่ธรณีสงฆ์ การใช้พื้นที่ต้องปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี วิถีไทยและวิถีพุทธ และกฎระเบียบของวัด

2.ให้คณะสงฆ์มีส่วนร่วมในการพิจารณาการแต่งตั้งผู้บริหารของโรงเรียน หรือหน่วยราชการ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัดหรือที่ธรณีสงฆ์

3.ควรให้พระสงฆ์ เข้าไปมีบทบาทในการกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาพระพุทธศาสนา หลักคุณธรรม จริยธรรมทุกระดับชั้น

4.โรงเรียนหรือหน่วยราชการใดขอใช้พื้นที่ของวัดหรือที่ธรณีสงฆ์ ต้องหารือและได้รับความยินยอมจากเจ้าอาวาส และคณะสงฆ์ผู้ปกครองทุกระดับจนถึงเจ้าคณะจังหวัดก่อน
ทั้งนี้ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแจ้งมติดังกล่าวและให้มีผลตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป.
และเมื่อทราบถึงมติดังกล่าว ก็มีการเคลื่อนไหวจากนายปรีดา เชื้อผู้ดี อนุกรรมาธิการศาสนาอิสลามฯ และสมาชิกจำนวนหนึ่งพยายามคัดค้านมติดังกล่าว และเตรียมการเคลื่อนไหวเพื่อปลุกกระแสคัดค้านต่อไป
ในฐานะองค์การทางพระพุทธศาสนาที่ทำงานสนองงานมหาเถรสมาคม จึงขอออกแถลงการณ์ดังต่อไปนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม