วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทั้งสงสาร ทั้งอ่อนใจ


โจรใต้ดักซุ่มยิงรถบัสทหารที่บาเจาะเจ็บระนาว
http://www.pastnews.org/index.php?option=com_content&view=article&id=3570:2011-03-30-03-31-00&catid=1:2009-06-22-17-01-59

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 29 มี.ค. 54 พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน ผกก.สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีคนร้ายจำนวนกว่า 10 คน พร้อมอาวุธปืนสงครามครบมือ แยกย้ายกันนั่งรถยนต์กระบะจำนวน 2 คัน ไล่ตามประกบรถบัสของเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 และใช้อาวุธปืนสงครามยิงบนถนนเพชรเกษม สายปัตตานี-นราธิวาส ช่วงบริเวณบ้านจำปากอ ม.1 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ ทำให้รถยนต์บัสได้รับความเสียหาย และมีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายนาย จึงพร้อมด้วย น.ท.รัฐโรจน์ อภิรัชช์รัศมี ผบ.ฉก.นราธิวาส 32 และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร จำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

พบรถยนต์บัสที่ทหารนั่งโดยสารมาจำนวน 10 คัน จอดอยู่ริมถนน และมีเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนหนึ่งเดินมุงอยู่ที่รถบัสคันหนึ่ง ซึ่งอยู่ในสภาพกระจกด้านตัวถังด้านซ้ายของคนขับมีร่องรอยถูกกระสุนปืนเป็นรู พรุน เจ้าหน้าที่จึงได้ขึ้นไปตรวจสอบ พบคราบเลือดเป็นจำนวนมากตกกระจายอยู่บนเบาะนั่งและที่บริเวณพื้นทางเดิน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลบาเจาะไปก่อนหน้า แล้ว

ประกอบด้วย 1.ร.ท.ชำนาญ แสวงธรรม 2.พ.จ.อ.สิงหา แก้วคำชาติ 3.พ.จ.อ.เฉลิมพล ปันยารชุน 4.จ.อ.รุ่งนิรันดร์ มหาโภค 5.พลฯกิตติพงศ์ เข็มอุทา 6.พลฯมนตรี นามลีหาญ และ 7.พลฯอดิเรก หอมหวน ซึ่งทั้ง 7 นาย ถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณขาซ้ายและบั้นเอวอาการสาหัส แพทย์ต้องส่งตัวรักษาต่อยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์

จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่ทหารชุด ฉก.นราธิวาส 32 จำนวน 400 นาย นั่งรถยนต์บัสจำนวน 10 คัน กลับจากพัก เพื่อเดินทางกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามวาระที่ อ.บาเจาะ ในระหว่างที่รถบัสทหารกำลังวิ่งกันมาตามขบวน โดยมีรถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่ทหาร ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 วิ่งนำหน้าและปิดท้ายขบวน เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายจำนวนกว่า 10 คน แยกย้ายกันนั่งรถยนต์กระบะสีแดงและสีขาวได้พยายามวิ่งแซงขบวน

เมื่อสบโอกาสคนร้ายที่นั่งกระบะหลังทั้ง 2 คัน ได้ใช้อาวุธปืนสงครามอ็ม.16 และ อา.ก้า. ยิงใส่รถยนต์บัสทหารคันที่ 2 จำนวนหลายชุดใหญ่ กว่า 30 นัด แล้วรีบขับรถยนต์หลบหนีไป เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารที่นั่งอยู่บนรถบัสถูกกระสุนปืนของคนร้าย ต่างได้ตะโกนบอกให้คนขับรถรับทราบ และได้นำรถบัสจอดริมถนน เพื่อนทหารจึงได้ช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาล พร้อมทั้งแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ และเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อ ว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เนื่องจากจุดเกิดเหตุดังกล่าวในรอบทุกๆปีที่ผ่านมา กลุ่มคนร้ายมักลอบก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บไปจำนวนหลายนาย





โจรใต้ยิงรถบัสทหารสับเปลี่ยนกำลังพลเจ็บ 7 นาย ที่ อ.บาเจาะ
http://peace.chaotainews.com/index.php?option=com_content&view=article&id=2081:--7---&catid=10:2008-07-22-05-57-22&Itemid=10

เมื่อ เวลา 17.30 น. วันที่ 29 มี.ค. 54 พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน ผกก.สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีคนร้ายจำนวนกว่า 10 คน ใช้รถยนต์กระบะจำนวน 2 คันเป็นพาหนะ ก่อนใช้อาวุธปืนสงครามยิงรถบัสของเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 บนถนนเพชรเกษม สายปัตตานี-นราธิวาส บ้านจำปากอ หมู่ 1 ต. บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ ทำให้รถยนต์บัสได้รับความเสียหายและมีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บจำนวน หลายนาย จึงพร้อมด้วย น.ท.รัฐโรจน์ อภิรัชช์รัศมี ผบ.ฉก.นราธิวาส 32 และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์บัสจำนวน 10 คัน จอดอยู่ริมถนน และมีเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนหนึ่งยืนอยู่ที่รถบัสคันหนึ่งซึ่งอยู่ในสภาพกระจก ด้านตัวถังด้านซ้ายของคนขับ มีร่องรอยถูกกระสุนปืนเป็นรูพรุน เจ้าหน้าที่จึงได้ขึ้นไปตรวจสอบพบคราบเลือดเป็นจำนวนมากตกกระจายอยู่บนเบาะ นั่งและที่บริเวณพื้นทางเดิน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษา รพ.บาเจาะ ไปก่อนหน้าแล้ว

ประกอบด้วย 1.เรือโทชำนาญ แสวงธรรม 2.พ.จ.อ.สิงหา แก้วคำชาติ 3.พ.จ.อ.เฉลิมพล ปันยารชุน 4.จ.อ.รุ่งนิรันดร์ มหาโภค 5.พลฯกิตติพงศ์ เข็มอุทา 6.พลฯมนตรี นามลีหาญ และ 7.พลฯอดิเรก หอมหวน ซึ่งทั้ง 7 นายถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณขาซ้ายและบั่นเอวอาการสาหัส แพทย์ต้องนำส่งตัวรักษาต่อยัง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์

จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่ทหารชุด ฉก.นราธิวาส 32 จำนวน 400 นาย นั่งรถยนต์บัสจำนวน 10 คัน เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ตามวาระที่ อ.บาเจาะ และในระหว่างที่รถบัสทหารกำลังขับตามกันมาโดยมีรถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่ ทหาร ฉก.นราธิวาส 32 วิ่งนำหน้าขบวนและปิดท้ายขบวน เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายจำนวนกว่า 10 คน แยกย้ายกันนั่งรถยนต์กระบะสีแดงและสีขาวพยายามขับแซงขบวน เมื่อสบโอกาสคนร้ายที่นั่งกระบะหลังทั้ง 2 คัน ได้ใช้อาวุธปืนสงครามอ็ม.16 และ อา.ก้า. ใส่รถยนต์บัสทหารคันที่ 2 จำนวนกว่า 30 นัด แล้วรีบขับรถยนต์หลบหนี จนทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 7 นาย

ส่วน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่ หวังดี เนื่องจากจุดเกิดเหตุดังกล่าวกลุ่มคนร้ายมักลอบก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้ว หลายครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บไปจำนวนหลายนาย





 ยิงถล่มฐานทหารพราน ที่จังหวัดยะลา
http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=376&d=134664


อาสาสมัครทหารพรานสุรศักดิ์ แก้วเพ็ง และอาสาสมัครพรานปราโมทย์ ขุนล้ำ ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุคนร้ายใช้เครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 เข้าใส่ฐานทหารพราน 47 บ้านบ่อเจ็ดลูก ตำบลยุโป อำเภอเมืองยะลา โดยคนร้ายได้ลอบเข้าไปบริเวณด้านหลังของฐานทหารพรานดังกล่าว แล้วยิงเอ็ม 79 เข้าใส่ ประมาณ 5-6 ลูก และเกิดการปะทะกันประมาณ 10 นาที จากนั้นคนร้ายได้หลบหนีไป และในเวลาไล่เลี่ยกัน เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่ม ชุดชป.16 ของตำรวจ สภ.ธารโต จังหวัดยะลา ที่บ้านธารโต อำเภอธารโต แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่อำเภอยะหา คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงครามยิงถล่มฐานปฏิบัติการร้อย ร.1542 บ้านปะแต และเกิดการปะทะกันนานประมาณ 5 นาที ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ




หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 13 ระดมจนท.ปิดล้อม
ตรวจค้นพบสิ่งของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงซุกซ่อนเพียบ
http://www.siamrath.co.th/web/?q=node/45807

พันเอกบรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า เมื่อเช้ามืดของวันนี้ (31 มี.ค. 54)เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 13 ลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ ตามแผนยุทธการหลักชัย 06 ในพื้นที่อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา ตามที่ได้ปรากฏข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง บริเวณบ้านอุเป ตำบลกรงปินัง อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา หลังได้รับแจ้งเบาะแส จึงได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบโดยทันที ผลการตรวจค้นพบสิ่งของบรรจุอยู่ในถุงพลาสติก วางบนพื้นดินมีใบไม้ปกปิดไว้ จำนวน 4 รายการด้วยกัน ประกอบด้วย ซองกระสุนปืน ปลย.เอ็ม 16 ชนิด 20 นัด จำนวน 2 ซอง ซองปืนพก สีดำ จำนวน 1 ซอง สายสะพายปืน จำนวน 1 เส้น และ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์จำนวนหนึ่ง ต่อมาหน่วยเจ้าหน้าที่ทหารฉก.13 ได้ประสานชุดนิติวิทยาศาสตร์ มาดำเนินการเก็บหลักฐานเพื่อนำไปตรวจพิสูจน์และขยายผลต่อไป

     โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 สน. ยังได้กล่าวอีกว่า กอ.รมน.ภาค 4  ยังคงสั่งกำชับให้หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ ดำรงการปฏิบัติในการลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ เพื่อกดดันและจำกัดเสรีการปฏิบัติของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างยั่งยืนต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

หน้าเว็บ

ผู้ติดตาม